เย่เชียนหัวเราะแล้วสูบบุหรี่อีกรอบ เขาไม่ปฏิเสธคำพูดทั้งหมดของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนี้เลย เพราะมันก็มีอยู่ตั้งหลายครั้งที่สังคมในความเป็นจริงมักจะเป็นแบบที่เขาว่า
เย่เชียนไม่ได้คาดว่าผู้หญิงวัยกลางคนคนนั้นจะเป็นน้องสาวของเหว่ยตงเซียน ถึงว่าเมื่อตอนที่เขาเห็นเธอแวบแรก เขาจึงรู้สึกว่าเธอหน้าคุ้น ๆ ไม่แปลกใจเลยที่เธอจะกล้าหยิ่งผยองและฉุนเฉียวขนาดนี้ เพราะเธอไม่ได้พึ่งพารูปลักษณ์ของเธอ แต่เธออาศัยอำนาจและอิทธิพล จะมีสักกี่คนกันในเซี่ยงไฮ้ที่สามารถเปรียบเทียบและเผชิญหน้ากับเหว่ยตงเซียนได้กันล่ะ ด้วยสถานะของเธอที่เป็นถึงน้องสาวของเหว่ยตงเซียนมันจึงทำให้คุณค่าในตัวเธอเพิ่มขึ้นโดยธรรมชาติ
“คุณยังอยู่ในชั่วโมงการทำงานสินะ งั้นผมจะเข้าไปข้างในก่อน มันอาจจะมีอะไรสนุก ๆ ให้ดูก็ได้” เย่เชียนฉีกยิ้มและพูด
“ผมจำคุณได้แล้ว! คุณเป็นแฟนของพยาบาลหลินใช่มั้ย ? ไม่น่าล่ะผมถึงรู้สึกคุ้นหน้าคุณมากเลย” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนั้นพูด
เย่เชียนยิ้มแล้วพูดว่า “สายตาคุณเฉียบคมมาก”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเองก็ยิ้มด้วยความยินดีเป็นการตอบแทน “ช่วยไม่ได้นี่… ในเมื่อผมทำงานแบบนี้ ผมก็ต้องคอยสอดส่องดูแลเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่ ใช่แล้ว! ผมอยากบอกคุณว่าคุณน่ะต้องระวังเซินหยวนคนนั้นเป็นพิเศษนะ เพราะผมเคยได้ยินมาว่าเขาคอยตามตอแยพยาบาลหลินอยู่”
เย่เชียนพยักหน้าและพูดว่า “ขอบคุณสำหรับคำเตือนของคุณนะครับ ผมจะคอยระวังก็แล้วกัน เอาล่ะ! คุณไปทำงานของคุณต่อเถอะ เดี๋ยวผมคงต้องขอตัวก่อน ไว้ว่าง ๆ เราค่อยมาคุยกันใหม่คราวหน้า” หลังจากพูดจบเขาก็โบกมือให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนั้นแล้วเดินเข้าไปข้างในโรงพยาบาล
เมื่อเย่เชียนเข้าไปข้างใน เขาก็เห็นหญิงวัยกลางคนยืนอยู่ตรงทางเดินของโรงพยาบาล มือข้างหนึ่งของเธอจับเอวของตัวเองเอาไว้ในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งกำลังชี้ไปที่เซินหยวน
“คุณนี่มันไร้ยางอายจริง ๆ เซินหยวน! คุณอธิบายกับภรรยาของคุณมาซิว่าคุณมีความสัมพันธ์อะไรกับยัยจิ้งจอกตัวนี้ ? บอกฉันมา! อธิบายทุกอย่างให้ฉันฟังเดี๋ยวนี้ เอาให้ละเอียดด้วย ถ้าไม่อย่างงั้นฉันจะจัดการกับคุณให้รู้สำนึกมันซะตรงนี้แหละ!”เธอสบถเสียงดังท่ามกลางสายตาหลายคู้ที่กำลังจ้องมองไปที่พวกเขา
เย่เชียนที่กำลังยืนดูอยู่ไกล ๆ นั้นสังเกตเห็นว่าหลินโรโร่วกำลังถูกหญิงวัยกลางคนขวางเธออยู่ที่ทางเดิน เย่เชียนเดาว่าเซินหยวนคงจะพยายามหาข้ออ้างบางอย่างเพื่อใช้ตามรังควานหลินโรโร่วอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าหญิงวัยกลางคนจะไม่รู้อะไรเลย ทว่าหากดูจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ มันกลับดูไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะดูเหมือนว่าหญิงวัยกลางคนคนนี้ได้เตรียมตัวเพื่อมาที่นี่โดยเฉพาะ
เย่เชียนมั่นใจว่าหลินโรโร่วนั้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเซินหยวนเลย แต่มันอาจมีบางอย่างเกิดขึ้นโดยที่เขาไม่รู้ก็ได้ ซึ่งในตอนนี้เย่เชียนก็ไม่ได้คิดมากกับเรื่องนี้จนเกินไป เขารีบวิ่งไปที่หลินโรโร่วเพราะท้ายที่สุดแล้วเธอก็เป็นแฟนของเขาและเขาก็ไม่สามารถปล่อยให้เธอถูกกลั่นแกล้งแบบนี้ได้
เมื่อเซินหยวนต้องเผชิญหน้ากับคนเป็นภรรยาผู้ที่มีทั้งอำนาจและอิทธิพลสูงกว่าเขาอย่างมากนั้น เซินหยวนก็ไม่กล้าที่จะต่อต้านใด ๆ เลย เขาเพียงตอบอย่างอ่อนโยนว่า “โธ่! ทูนหัวจ๋า… ฉันถูกใส่ร้าย”
“ถูกใส่ร้ายงั้นเหรอ ? คุณว่าฉันพูดใส่ร้ายคุณอย่างงั้นเหรอ ? แล้วทำไมในโทรศัพท์มือถือของคุณถึงมีรูปถ่ายของยัยจิ้งจอกตัวนี้ล่ะ! ถ้าคุณไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับยัยนั่น แล้วคุณจะมีรูปของเธอได้ยังไง” หญิงวัยกลางคนพูดขณะเขวี้ยงโทรศัพท์มือถือในมือลงบนพื้นอย่างรุนแรงจนมันแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในทันที จากนั้นเธอก็พูดต่อ “เซินหยวน! คุณรู้ใช่มั้ยว่าถ้าฉันสามารถทำให้คุณไต่เต้าตำแหน่งขึ้นไปสูงขนาดนี้ได้แล้ว ฉันก็สามารถทำให้คุณตกลงมาได้เช่นกัน!”
หลินโรโร่วมองไปที่เซินหยวนด้วยความตกใจ เห็นได้ชัดว่าเธอไม่เข้าใจว่าในโทรศัพท์มือถือของเขามีรูปของเธอได้อย่างไร บางทีเขาอาจจะแอบถ่ายตอนที่เธอเผลอก็ได้ แต่เมื่อเธอเห็นเย่เชียนเดินเข้ามา ใบหน้าของเธอที่กำลังสงสัยอยู่นั้นก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มทันที
“แม่ทูนหัว… ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่ามันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้ยังไง บางทีเพื่อนร่วมงานบางคนอาจจะเอามือถือของฉันไปถ่ายก็ได้” เซินหยวนพยายามอธิบาย “คุณรู้มั้ยว่าความรู้สึกที่ผมมีต่อคุณนั้นจะให้ฟ้าดินมาเป็นพยานพิสูจน์มันถึงความจริงใจของผมยังได้”
“คุณจะให้ฉันไปถามเทวดาฟ้าดินที่ไหนกันล่ะ อย่ามาไร้สาระหน่า ฮึ่ม! คุณบอกความจริงฉันมาดีกว่าว่ามันนานแค่ไหนแล้วที่คุณต้องทนอยู่กับภรรยาแก่ ๆ คนนี้น่ะ ? ในเมื่อคุณแอบมียัยจิ้งจอกซุกอยู่ข้างนอกนี่… ได้! จากนี้ไปคุณจะไม่ได้อะไรดี ๆจากฉันอีกต่อไปแล้ว” หญิงวัยกลางคนพูดโดยไม่ยับยั้งชั่งใจและฉุนเฉียวอย่างมาก
มีผู้คนมุงดูเหตุการณ์นี้ในโรงพยาบาลมากขึ้นเรื่อย ๆ และเมื่อได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายของหญิงวัยกลางคน พวกเขาต่างก็อดไม่ได้ที่จะพากันหัวเราะออกมา แม้แต่บอดี้การ์ดที่มาพร้อมกันกับเธอก็ยังอดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้างและไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือจะร้องไห้ดี
เซินหยวนรู้สึกอับอายขายหน้าเป็นอย่างมาก เขาเป็นถึงผู้อำนวยการของโรงพยาบาลแห่งนี้ แต่ภรรยาของเขากลับไม่ได้แสดงคุณสมบัติของผู้ดีออกมาเลยแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นเธอกลับพูดจาฉุนเฉียวและสบถคำเหล่านี้ออกมาอีก มันทำให้เขาละอายใจอย่างที่สุด แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก ในเมื่อภรรยาของเขามีพี่ชายที่ทรงอำนาจและทรงอิทธิพลมาก ฉะนั้นเขาก็ยังคงต้องพึ่งพาเธอต่อไป
“เมียจ๋า… เดี๋ยวเราค่อยไปคุยเรื่องนี้กันที่บ้านนะ ตกลงมั้ย ?” เซินหยวนสวมกอดหญิงวัยกลางคนและกระซิบที่ข้าง ๆ หูของเธอ
“คุณจะแอบกระซิบมากระซิบใส่หูฉันทำไม ? คุณมีความผิดหรือยังไงห๊ะ ?” หญิงวัยกลางคนพูดอย่างเดือดดาลโดยไม่ฟังคำแก้ตัวใด ๆ
“นังบ้านี่! ฉันชักจะทนไม่ไหวแล้วนะโว้ย ทำตัวเป็นยัยแก่ขี้บ่นอยู่ได้!” ในที่สุดเซินหยวนก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เขาตะโกนอย่างเดือดดาล ในตอนนี้เขาได้เปลี่ยนสถานะของตัวเองจากทาสมาเป็นเจ้านายแทนแล้ว และเขาก็รู้สึกกลับมาโอ่อ่าและหยิ่งผยองได้อีกครั้ง
เพื่อนร่วมงานของเขาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ต่างก็ยกนิ้วให้เขา เพราะพวกเขาเคยเหตุการณ์ที่เซินหยวนถูกดุด่ามาหลายต่อหลายครั้งแล้ว และในทุก ๆ ครั้งเซินหยวนก็จะทำได้เพียงแค่ยิ้มและยืนนิ่ง ๆ อย่างโง่เขลา ทว่าวันนี้นั้นเป็นครั้งแรกเลยที่พวกเขาเห็นเซินหยวนระเบิดโทสะออกมา
ขณะเดียวกันนี้เองที่เย่เชียนเดินเข้าไปยืนข้าง ๆ หลินโรโร่ว เขาดึงเธอเข้ามาโอบอยู่ในอ้อมแขนอย่างเป็นธรรมชาติพร้อมกับยิ้มจาง ๆ ส่วนหลินโรโร่วก็ยิ้มกลับอย่างอ่อนโยน
ตั้งแต่เซินหยวนแต่งงานอยู่กินกับภรรยาของเขามา เขานั้นไม่เคยขึ้นเสียงกับภรรยาของเขาเช่นนี้เลยสักครั้ง เมื่อเป็นเช่นนี้หญิงวัยกลางคนก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองเขาด้วยความตกตะลึง แต่จากนั้นเธอก็ยิ่งรู้สึกโกรธมากขึ้นไปอีก
“ได้! ในเมื่อคุณยังดื้อด้านไม่ยอมรับว่ายัยจิ้งจอกตัวนี้มีความสัมพันธ์อะไรกับคุณอีก แถมคุณยังกล้ามาขึ้นเสียงกับฉันแบบนั้น เซินหยวน! ถ้าคุณไม่รีบแก้ปัญหามันซะตั้งแต่ตอนนี้ ผู้หญิงแก่ ๆ คนนี้จะไม่มีวันยอมปล่อยคุณไปง่าย ๆ แน่”
เย่เชียนขมวดคิ้วแน่นจนดูราวกับว่ามันจะไม่มีวันคลายปมออกมาได้อีกแล้ว ถ้าผู้หญิงคนนี้ต้องการที่จะดุด่าผู้ชายของเธอ มันก็เป็นสิทธิของเธอ แต่การที่เธอนั้นมาลากเอาหลินโรโร่วเข้าไปสู่ความยุ่งเหยิงนี้ด้วยนั้น มันทำให้เย่เชียนทนไม่ได้อีกต่อไป เมื่อหลินโรโร่วเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของเย่เชียน เธอก็รีบดึงเย่เชียนเอาไว้และส่ายหัวเบา ๆ เย่เชียนเหลือบมองไปที่เธอและถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ สุดท้ายเขาก็ยอมจำใจอดกลั้นมันเอาไว้ก่อน
“จะให้ฉันจะอธิบายยังไงล่ะในเมื่อฉันไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ ?” เซินหยวนลดเสียงลงและแสร้งทำเป็นไร้เดียงสา ทั้งที่ที่จริงแล้วเขานั้นต้องการจะมีอะไรกับหลินโรโร่วและพยายามตามตื๊อตามตอแยเธอมานาน แต่หลินโรโร่วกลับไม่เคยแยแสเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่เมื่อเขาตระหนักถึงพี่เขยของเขาแล้วนั้น เขาก็ทำได้แค่อดทนอดกลั้นอย่างหมดหนทาง มิฉะนั้นเขาจะไม่เพียงแค่เสียตำแหน่งในโรงพยาบาลนี้ไป แต่มันอาจจะถึงชีวิตของเขาเลยด้วยซ้ำ
“ไหนคุณบอกฉันมาซิว่าทำไมคุณถึงฝืนทนอยู่กับฉันอยู่ได้ตั้งนาน ?” หญิงวัยกลางคนถามตรง ๆ อย่างฉุนเฉียว
ผู้คนที่คอยเฝ้าดูเหตุการณ์นี้อยู่ต่างก็พยายามกลั้นเสียงหัวเราะอย่างยากลำบาก เมื่อต้องเผชิญกับความกล้าบ้าบิ่นและความไร้ยางอายของหญิงวัยกลางคนคนนี้ แต่ด้วยอำนาจและบารมีของเธอแล้ว มันก็ทำให้พวกเขาไม่กล้าที่จะหัวเราะออกมาดัง ๆ บางคนถึงกับนั่งยอง ๆ ลงกับพื้นและกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้อย่างทรมาน
แม้แต่เย่เชียนเองก็ยังอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบา ๆ ผู้หญิงวัยกลางคนคนนี้ถามได้ตรงประเด็นจริง ๆ เธอถึงกับกล้าถามเรื่องแบบนี้ในที่สาธารณะขนาดนี้เลยทีเดียวสิหน่า มันไม่ใช่ความกล้าหน้าด้านหรือความไร้ยางอายของมนุษย์ธรรมดา ๆ ที่จะมีได้เลย
“หมายความว่าไง ? คุณกำลังพูดถึงอะไรอยู่น่ะ ?” เซินหยวนถามด้วยความประหลาดใจ
มันไม่ชัดเจนเลยว่าในตอนนี้เซินหยวนนั้นไม่รู้จริง ๆ หรือเขาแค่แกล้งโง่กันแน่ แต่ถ้าดูจากรูปลักษณ์ภายนอกและการแสดงออกของเขา มันดูเหมือนว่าเขาจะแค่แกล้งทำเป็นโง่และสับสนเพียงเท่านั้น…