ทหารรับจ้างจากเหยี่ยวดำทมิฬคนแรกล้มลงกับพื้นด้วยลูกเตะมุมเสยของเย่เชียน มันทำให้เขาสูญเสียเรี่ยวแรงและความสามารถในการต่อสู้ไปโดยปริยาย ตอนทหารรับจ้างสามคนที่เหลือต่างก็พากันตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า พวกเขาทั้งสามคนรู้แล้วว่าทำไมเย่เชียนถึงได้มั่นอกมั่นใจนักที่บอกให้ทั้งสี่คนเข้าไปพร้อม ๆกันเลยทีเดียว
ในความเป็นจริงแล้วสมาชิกทหารรับจ้างกลุ่มเหยี่ยวดำทมิฬนั้นก็ไม่ได้ด้อยความสามารถไปกว่าใครที่ไหนเลย แต่เหตุผลที่เย่เชียนสามารถสยบเขาได้ในพริบตานั้นเป็นเพราะอีกฝ่ายหนึ่งดูถูกพลังความสามารถของเย่เชียนมากเกินไป และนี่คือเหตุผลว่าทำใมทหารรับจ้างคนนั้นจึงพ่ายแพ้ต่อเย่เชียนไปอย่างง่ายดาย
เย่เชียนนั้นไม่เคยดูถูกคู่ต่อสู้เลยแม้แต่น้อยไม่ว่าคู่ต่อสู้คนนั้นจะแข็งแกร่งหรือไม่ เขามักจะให้เกียรติคู่ต่อสู้ของเขาอยู่เสมอ เพราะเย่เชียนรู้ดีว่าการประเมินตัวเองสูงจนเกินไป อาจนำมาซึ่งความผิดพลาดร้ายแรงก็ได้ นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ปรมาจารย์หรือผู้เชี่ยวชาญหลายคนต่างพ่ายแพ้ให้กับบุคคลนิรนาม
เมื่อเย่เชียนเห็นสายตาของทหารรับจ้างอีกสามคนที่เหลือแล้ว เขาก็รู้ได้ทันทีว่าพวกเขาเหล่านั้นได้ละทิ้งความคิดที่เคยดูถูกเขาไปแล้วจนหมดสิ้น ทว่าเย่เชียนนั้นแอบรู้สึกเสียดายอยู่ภายในใจ เพราะถึงแม้ว่าการดูถูกคู่ต่อสู้ของคนพวกนั้นจะทำให้เค้าเป็นต่อในสังเวียน แต่เขาก็ต้องสูญเสียรสชาติแห่งความท้าทายไป ซึ่งเย่เชียนนั้นให้ความสำคัญกับความรู้สึกของการต่อสู้ที่แท้จริง ทุกครั้งที่เขามีโอกาสได้สู้กับใครสักคน เขาจะรู้สึกท้าทายและสนุกสนานไปกับการเผชิญหน้ากับผู้มากฝีมือ
ทหารรับจ้างเหยี่ยวดำทมิฬทั้งสามคนต่างก็ลืมสิ่งที่พวกเขาเพิ่งพูดไปเมื่อสักครู่ไปจนหมด พอกันทีกับการต่อสู้ตัวต่อตัว! ตอนนี้ในหัวของพวกเขามีแต่ความอยากเอาชนะเย่เชียนให้ได้ พวกเขาทั้งหมดจึงพุ่งตัวเข้าไปหาเย่เชียนพร้อม ๆ กันเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าการเคลื่อนไหวของหมัดนั้นจะดูน่าเบื่อและมาตรง ๆ แบบไม่ต้องเดา แต่ทว่าความรุนแรงของหมัดนั้นก็เต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง เย่เชียนยังไม่คิดที่จะโต้กลับ ตอนนี้เขาเพียงแค่หลบไปมาเท่านั้น ทว่าดวงตาของเขานั้นกลับไม่เคยละสายตาจากทั้งสามคนเลยแม้แต่น้อย
ถึงจะมีคำพูดที่ว่า ‘การป้องกันตัวที่ดีที่สุดคือการโจมตีที่เฉียบคม’ แต่เย่เชียนยังคงต้องการเห็นทักษะและความแข็งแกร่งของทหารรับจ้างเหยี่ยวดำทมิฬให้มากกว่านี้เสียก่อน ขณะเดียวกันนั้นเขาก็คอยสังเกตจุดอ่อนของพวกเขาด้วยเช่นกัน
ในฐานะทหารรับจ้างแล้วทักษะการต่อสู้ไม่ได้เป็นเพียงมาตรฐานเดียวในการใช้ตัดสินว่าใครเก่งกว่าใคร เพราะใคร ๆ ก็สามารถเป็นทหารรับจ้างได้โดยไม่ต้องมีทักษะการต่อสู้ระยะประชิดหรือการต่อสู้แบบมือเปล่า ทหารรับจ้างบางคนอาจจะถนัดในการใช้อาวุธมากกว่า เช่น พวกนักแม่นปืนทั้งหลาย หรือแม้กระทั่งทักษะอื่น ๆ ที่สามารถทำให้คนคนนั้นเป็นต่อในสังเวียนได้ ดังนั้นการคอยสังเกตและเรียนรู้จากการต่อสู้ในแต่ละครั้ง อาจไม่ได้หมายความว่าคนคนนั้นจะสามารถมองเห็นความแข็งแกร่งทั้งหมดของคู่ต่อสู้ได้ เพราะนอกจากความสามารถเฉพาะตัวทั้งหลายแล้ว อีกหนึ่งอย่างที่มีความสำคัญไม่แพ้กันเลยก็คือ การทำงานเป็นทีม ดังนั้นระหว่างการต่อสู้ หากเราตั้งใจสังเกตจนรู้ถึงรายละเอียดบางอย่างของฝ่ายตรงข้ามได้มันจะเป็นประโยชน์อย่างมากในการเผชิญหน้ากับทหารรับจ้างจากทุกองค์กร
เมื่อเห็นว่าได้เวลาที่เหมาะสมแล้วเย่เชียนก็เปลี่ยนจากการป้องกันมาเป็นการโจมตี เขาเริ่มทำการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วโดยไม่มีใครคาดคิด ทันใดนั้นทหารรับจ้างคนหนึ่งก็เอามือไปกุมที่เป้ากางเกงของตัวเองพร้อมกับกระโดดไปมาอย่างทุรนทุราย ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดอย่างสุดแสนทรมาน โชคดีที่เย่เชียนยังคงมีความเมตตาอยู่บ้าง ไม่เช่นนั้นอวัยวะเพศของเขาอาจจะไม่สามารถใช้การได้อีกต่อไป ผู้คนโดยรอบต่างส่งสายตาตำหนิไปที่เย่เชียน เพราะพวกเขาคิดว่าการเล็งเป้าไปที่ส่วนล่างของผู้ชายนั้นมันช่างเป็นการต่อสู้ที่ไม่สมชายชาตรีเอาเสียเลย
ใบหน้าของเย่เชียนยังคงเฉยเมยและไม่แยแสไปกับสายตาทำกำลังมองมาอย่างตำหนิพวกนั้น เพราะเขาไม่เคยมองว่าตัวเองนั้นเป็นสุภาพบุรุษที่ทรงเกียรติอะไรในการต่อสู้อยู่แล้ว ไม่มีกฎข้อห้ามไหนในการต่อสู้ที่ห้ามโจมตีจุดอ่อนใด ๆ แม้แต่ตรงเป้ากางเกง ยิ่งไปกว่านั้นมันก็เห็นได้ชัดเลยว่าวิธีนี้ใช้ได้ผลดีเยี่ยม
ทหารรับจ้างสองคนที่เหลือต่างก็รู้สึกระแวงที่เป้ากางเกงของพวกเขา ไม่ว่าจะตั้งใจหรือบังเอิญก็ตาม แต่พวกเขาก็กลัวว่าเย่เชียนจะทำเช่นนั้นอีกครั้ง ทว่าเย่เชียนนั้นไม่ได้คิดที่จะใช้กลยุทธ์เดิมซ้ำกันถึงสองครั้งอยู่แล้ว เพราะเมื่อครู่นี้มันเป็นเพียงกลยุทธ์พิเศษที่เขาจะใช้เพียงครั้งเดียวต่อการต่อสู้ครั้งหนึ่ง มันเป็นกลยุทธ์ที่ฉลาดหลักแหลม แต่การใช้มันถึงสองครั้งในคราวเดียวมันก็คงจะดูงี่เง่าไปหน่อย จากนั้นเย่เชียนก็ปล่อยหมัดของเขาออกไปกระแทกที่หน้าอกของทหารรับจ้างอีกคนหนึ่งอย่างจัง คลื่นพลังแห่งความมืดจากกำปั้นนั้นเปรียบเสมือนแรงดันที่มองไม่เห็นพุ่งเข้าใส่หัวใจของอีกฝ่าย วินาทีนั้นเองทีทหารรับจ้างผู้โชคร้ายคนนั้นรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดอย่างหาที่เปรียบมิได้จากหัวใจของเขาก่อนที่เขาจะทรุดตัวลงไปกับพื้น
ถึงแม้ว่าชายคนนั้นจะได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างแสนสาหัสก็ตาม แต่เขาก็ยังคงมีชีวิตอยู่ หลังจากที่นอนดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้นอยู่สักพัก เขาก็แน่นิ่งไปจากอาการช็อคจากการที่หัวใจถูกกระแทกอย่างรุนแรง ซึ่งถ้าเขาไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง เขาอาจจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน
ในตอนนี้คนที่เหลืออยู่สูญเสียจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเขาไปเรียบร้อยแล้ว เขาจึงเปลี่ยนจากการโจมตีไปเป็นการป้องกันแทน
หนึ่ง…คิ้วและดวงตา
สอง…จมูกและการหายใจ
สาม…ใบหู
สี่…ปอดและทรวงอก
ห้า…กระดูกซี่โครงและกระดูกสันหลัง
หก…ข้อต่อกระดูกแขนและขา
เจ็ด…จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้!
เย่เชียนต่อสู้อย่างรวดเร็วและด้วยกลยุทธ์ทั้งเจ็ดนั้น มันก็ทำให้ทหารรับจ้างคนนั้นกระเด็นออกไปราวกับว่าวบินถลาลมและตกลงสู่พื้นอย่างแรง จากนั้นเย่เชียนก็กระโดดทะยานขึ้นไปในอากาศและแสดงให้เห็นว่าหมัดของเขานั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าชาวตะวันตกที่แข็งแกร่งและกำยำเหล่านั้นเลย
ในตอนนี้เย่เชียนค่อย ๆ ง้างหมัดของเขาขึ้นพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เขาควบคุมลมหายใจที่พลุ่งพล่านอยู่ในร่างกายของเขาได้เป็นอย่างดี เย่เชียนนั้นได้ฝึกฝนความแข็งแกร่งอย่างลับ ๆ และเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มาจากผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้ในประเทศจีนให้ฝึกกังฟูชี่กงมาเป็นเวลาหลายปี ถึงแม้ว่ากังฟูชี่กงนี้จะไม่ใช่กังฟูชี่กงที่แท้จริงเหมือนกับในนวนิยายกำลังภายใน แต่มันก็สามารถควบคุมและดึงขีดจำกัดของร่างกายออกมาใช้ในการต่อสู้ได้และทำให้พลังการทำลายล้างของหมัดนั้นรุนแรงอย่างยิ่ง
ทว่าท้ายที่สุดแล้วสังเวียนแห่งนี้ก็ยังคงเป็นโรงพยาบาล ซึ่งมันเป็นที่สาธารณะ และเย่เชียนเองก็ไม่อยากที่จะฆ่าคนต่อหน้าฝูงชนมากมาย ดังนั้นเขาจึงยังคงมีความเมตตาอยู่บ้าง มิเช่นนั้นกลยุทธ์ทั้งเจ็ดของเขาคงจะปลิดชีวิตของคู่ต่อสู้ไปแล้ว
เมื่อเหว่ยเฉินหลงเห็นว่าทหารรับจ้างเหยี่ยวทมิฬทั้งสี่คนที่เขาพามาด้วยนั้นถูกสยบภายใต้หมัดของเย่เชียนไปเรียบร้อยแล้ว เขาก็รู้สึกหวาดกลัวจับใจ เหว่ยเฉินหลงนั้นไม่ได้คาดคิดเลยว่าทหารรับจ้างที่พ่อของเขาว่าจ้างมาในราคาแพงมหาศาลจะอ่อนแอได้ขนาดนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าเย่เชียน ทั้งที่เขานั้นเคยได้เห็นถึงความแข็งแกร่งของทหารรับจ้างเหล่านี้มาก่อนเป็นการส่วนตัวบ้างแล้ว แต่จากเหตุการณ์ในครั้งนี้มันทำให้เหว่ยเฉินหลงคิดได้เพียงอย่างเดียวเลยก็คือ เย่เชียนนั้นเป็นเพียงตัวตนและการมีอยู่ของความหวาดกลัว เหว่ยเฉินหลงยังสงสัยเลยว่าเขานั้นคิดถูกหรือผิดกันแน่ที่มาคุกคามเย่เชียน
ทางด้านเหว่ยตงฉิงนั้นเธอก็อดไม่ได้ที่จะยกมืออ้วน ๆ ทั้งสองข้างขึ้นมาปิดปากของตัวเองอย่างหมดหนทาง เพราะเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเธอจะกล้าเกรี้ยวกราดและโอหังต่อไปได้อย่างไร เธอไม่อาจรู้ได้ว่าเธอจะต้องตายลงไปแบบไหน ตอนนี้เธอไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว ร่างอ้วน ๆ ของเธอสั่นกระเพื่อมอยู่ตลอดเวลาเหมือนกับหมูสามชั้นที่แขวนอยู่บนแผงขายหมู
เมื่อเหว่ยเฉินหลงมองดูเย่เชียนที่กำลังเดินเข้ามาหาเขาทีละก้าว ๆ ความหวาดกลัวในใจของเหว่ยเฉินหลงก็คืบคลานเข้ามากัดกินหัวใจของเขามากขึ้นเรื่อย ๆ เขารู้ดีว่าเย่เชียนคงจะยังไม่ฆ่าเขาในตอนนี้ จะว่าไปแล้วเย่เชียนนั้นไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องฆ่าเขาเสียหน่อยนี่นา เมื่อคิดได้เช่นนี้แล้วความหวาดกลัวของเหว่ยเฉินหลงก็ค่อย ๆ ลดน้อยลงทีละนิด ๆ
“เย่เชียน! นาย… นายคิดจะทำอะไรน่ะ ?” เหว่ยเฉินหลงถามด้วยความหวาดกลัว
มุมปากของเย่เชียนโค้งเป็นรอยยิ้มเล็กน้อยและพูดเบา ๆ ว่า “คุณถามว่าผมต้องการทำอะไรน่ะเหรอ ?”
“อย่านะ! ยังไงที่นี่มันก็ยังเป็นโรงพยาบาลอยู่นะเว้ย” เหว่ยเฉินหลงพูดด้วยความกระวนกระวาย ขณะเดียวกันนั้นเขาก็สาปแช่งเหว่ยตงฉิงอยู่ในใจไปด้วยนับครั้งไม่ถ้วน เพราะถ้าไม่ใช่เพราะเธอแล้ว เขาคงไม่ต้องมาหวาดกลัวจนอับอายขายขี้หน้าเช่นนี้ ในตอนนี้เจ้าชายผู้สง่างามแห่งตงเซียนกรุ๊ปกำลังเสียหน้าและเสียเกียรติที่ยิ่งใหญ่ต่อหน้าสามัญชนและผู้คนจำนวนมาก เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเขาจะสามารถไปมีหน้ามีตาในสังคมในอนาคตได้อย่างไรกัน ?
บรรดาผู้คนที่มายืนมุงดูกันอยู่นั้นต่างก็ตกตะลึงเช่นกัน พวกเขาไม่ใด้แค่ทึ่งในทักษะและความเก่งกาจของเย่เชียนเพียงเท่านั้น แต่ยังทึ่งที่คนอย่างเย่เชียนนั้นกล้าที่จะท้าทายและเผชิญหน้ากับเหว่ยเฉินหลงอีกด้วย คนพวกนั้นรู้ดีว่าเหว่ยเฉินหลงคือเจ้าชายแห่งตงเซียนกรุ๊ป พวกเขาคุ้นเคยกับความหยิ่งผยองและโอหังของเหว่ยเฉินหลงเป็นอย่างดี อีกทั้งชื่อเสียงของเขาและตระกูลของเขาอีก แต่พวกเขาเหล่านั้นจะทำอะไรได้ล่ะ ? ใครจะกล้าไปท้าทายคนที่ทรงอิทธิพลและร่ำรวยมหาศาลขนาดนี้กัน ? ทว่าตอนนี้มันแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง ตอนนี้ทุกคนที่คอยเฝ้าดูเหตุการณ์นี้ต่างรู้สึกมีความสุขอย่างมากที่ได้เห็นเหว่ยเฉินหลงถูกสยบต่อหน้าเย่เชียนคนนี้ พวกเขาหวังว่าเหว่ยเฉิงหลงจะไม่กล้าหยิ่งผยองเช่นนี้อีกในอนาคต