“เฮ้ยยยยยยยยยยย!!!”
เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องแล้วเย่เชียนก็ร้องออกมาด้วยความตกใจเช่นกัน เมื่อหันหน้าไปเขาก็เห็นว่าหูวเค่อกำลังเดินลงมาข้างล่าง เธอกรีดร้องเสียงดังเมื่อเห็นว่าเย่เชียนนั้นสวมแค่ผ้าขนหนูอาบน้ำเดินออกมาจากห้องน้ำ ใบหน้าของหูวเค่อแดงก่ำอย่างกับผลมะเขือเทศสุก
“คนโรคจิต!” หูวเค่อจ้องมองไปที่เย่เชียน
เย่เชียนรู้สึกผิดและเขินอายเล็กน้อย แต่ก็คิดในใจว่าฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้เธอเดินลงมาเห็นฉันในสภาพแบบนี้สักหน่อย
เย่เชียนยืนอยู่ที่นั่นอย่างหมดหนทางและพูดอย่างเสียใจว่า “ผมขอโทษ… ผมคิดว่าคุณจะตื่นเช้าขนาดนี้”
หัวใจของหูวเค่อนั้นกำลังสั่นหวั่นไหวอย่างมาก เพราะตั้งแต่เกิดมาเธอยังไม่เคยเห็นชายใดโป๊เปลือยต่อหน้าต่อตาเธอมาก่อน ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้เห็นของลับของเขาก็ตาม แต่เขาก็ทำให้เธอต้องเกิดความคิดที่ปั่นป่วนในจิตใจอย่างไม่รู้จบ
“คนโรคจิต… ฉันไม่อยากคุยกับคุณแล้ว!” หูวเค่อพูดอย่างโกรธเคืองและรีบเข้าไปในครัว
เย่เชียนมีสีหน้าขมขื่นและเดินกลับไปที่ห้องของเขาอย่างหมดหนทาง
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว เย่เชียนก็เดินออกมาจากห้องนอนและเห็นว่าหูวเค่อนั้นกำลังซักผ้าอยู่ในครัว เย่เชียนจึงเดินไปหาเธอและยิ้มอย่างขมขื่น จากนั้นก็พูดว่า “ทำไมคุณตื่นเช้าจังล่ะ ! ทำไมไม่นอนเยอะ ๆ ”
หูวเค่อเหลือบมองเขาเล็กน้อยและทำเป็นไม่สนใจเขา
หลังจากยืนกินอาหารเช้าอยู่ที่ข้างประตูแล้ว เย่เชียนก็ไม่รู้จะพูดอะไรกับเธอดี เขาจึงเพียงแค่ยักไหล่อย่างหมดหนทางและเดินไปล้างหน้าแปรงฟัน
“พวกทหารรับจ้างเหยี่ยวดำทมิฬมาถึงที่เมืองเซี่ยงไฮ้แล้วนะคะ… คุณต้องระวังด้วย” อยู่ ๆ หูวเค่อที่เพิ่งจะซักผ้าเสร็จก็พูดขึ้นมาลอย ๆ
เย่เชียนชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ยิ้มและพูดว่า “คุณเป็นห่วงผมเหรอ ?”
หูวเค่อชำเลืองมองเย่เชียนและพูดอย่างฉุนเฉียวว่า “ใครจะไปเป็นห่วงคนโรคจิตอย่างคุณกันล่ะ ?!”
เย่เชียนยิ้มน้อย ๆ และพูดว่า “แล้วใครกันน้าที่พูดว่ารักผมน่ะ”
หูวเค่อเหลือบมองเขาและพูดว่า “คุณยังไม่ได้ทำตามความปรารถนาของฉันเลย… เพราะงั้นอย่ามายุ่งกับฉัน!”
“ไม่ช้าก็เร็วผมจะทำ!” เย่เชียนโน้มตัวไปข้างหน้าพร้อมกับรอยยิ้มที่เย้ายวนบนใบหน้า “หูวเค่อที่รัก… ดูเหมือนว่าคุณจะรู้เรื่องของผมดีเลยสินะ”
“ไม่ค่ะ!” หูวเค่อทนต่อพฤติกรรมที่ใกล้ชิดของเย่เชียนแบบนี้ไม่ได้ เมื่อเห็นว่าใบหน้าของเขาเข้ามาใกล้เสียจนเกือบจะสัมผัสกับใบหน้าของเธออยู่แล้ว หูวเค่อก็รีบเอนหลังหนีด้วยความว้าวุ่นเล็กน้อยและตื่นเต้นพร้อมกับตาโต ๆ ของเธอที่หยุดกะพริบไม่ได้
“ดูเหมือนคุณจะกลัวผมมากเลยนะ… คุณกำลังคิดอะไรอยู่งั้นเหรอ ?” เย่เชียนยิ้ม
“เอาล่ะเย่เชียน! พอได้แล้ว ออกไป!” หูวเค่อดูบึ้งตึง เธอมองค้อนเย่เชียนขณะพูด
เย่เชียนแลบลิ้นและถอนหายใจเล็กน้อยจากนั้นก็พูดว่า “เฮ้อ! คุณนี่น่าเบื่อจริง ๆ เป็นแบบนี้แล้วคุณจะแต่งงานกับใครสักคนในอนาคตได้ยังไงเนี่ย”
หูวเค่อไม่ได้โต้เถียงอะไรกับเขา เธอเพียงแค่เหลือบมองเขาและพูดว่า “ไม่ว่าจะเป็นชิงกรุ๊ป หงเหมินกรุ๊ปหรือตงเซียนกรุ๊ปก็เถอะ สุดท้ายแล้วพวกเขาก็เป็นเพียงแค่กลุ่มธุรกิจเท่านั้น ถ้าหากคุณยังไม่สามารถจัดการกับพวกนั้นได้ คุณก็อย่ามาคุยกับฉันอีกเลย”
หลังจากพูดจบหูวเค่อก็ดันเย่เชียนออกและเดินจากไป เย่เชียนได้แต่ยืนมองตามหลังเธอพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อยและคิดว่าผู้หญิงคนนี้หมายถึงอะไรกันแน่ ? เป็นความจริงหรือไม่ที่ชิงกรุ๊ป หงเหมินกรุ๊ปและตงเซียนกรุ๊ปจะไม่มีอะไรมากไปกว่าหุ่นเชิดเบื้องหน้า ?
อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็เริ่มสงสัยเกี่ยวกับตัวตนของหูวเค่อมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะดูเหมือนว่าเธอจะรู้เรื่องต่าง ๆ มากมายและยังรู้ชัดเจนมากเกี่ยวกับอิทธิพลของเมืองเซี่ยงไฮ้แห่งนี้ เป็นไปได้ไหมว่าเธอจะมาจากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ ? แต่เมื่อลองคิดไปคิดมาดูแล้วมันดูไม่น่าจะเป็นไปได้
หลังจากเปลี่ยนเป็นชุดวอร์มกีฬาแล้ว เย่เชียนก็ออกไปวิ่งตามปกติ และเมื่อเขากลับมา เขาก็พบว่าฉินหยูและจ้าวหยานั้นได้ออกไปจากบ้านแล้ว แต่ที่น่าแปลกคือตอนนี้มันอยู่ในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน แล้วทำไมฉินหยูและจ้าวหยาถึงต้องออกไปมหาวิทยาลัยตลอดทั้งวันด้วยล่ะ ? มหาวิทยาลัยมีคลาสสอนพิเศษหรือยังไง ? เย่เชียนคิดไม่ออกเลย
เย่เชียนรู้สึกตงิดใจอยู่นิดหน่อย เขาคิดว่าฉินหยูและจ้าวหยาดูเหมือนจะกำลังพยายามซ่อนอะไรบางอย่างจากเขา ซึ่งแน่นอนว่าฉินหยูนั้นเธอสามารถปกปิดสิ่งที่เธอคิดได้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว แต่สำหรับจ้าวหยานั้น เย่เชียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่ผู้หญิงที่แสนก้าวร้าวคนนี้สามารถซ่อนบางอย่างได้ดีขนาดนี้
ด้วยความสงสัยเย่เชียนจึงขับรถไปที่สถาบันนานาชาติ แต่เมื่อไปถึงก็พบว่ามหาลัยนั้นปิดทำการอยู่ เขาจึงเดินไปที่ออฟฟิศของฉินหยู แต่ก็ไม่มีใครอยู่ข้างใน เขาเดาไม่ถูกเลยว่าพวกเธอไปไหนกัน เย่เชียนขมวดคิ้วเล็กน้อยและคิดว่าผู้หญิงสองคนนี้ไม่สามารถโกหกได้ เพราะทั่วประเทศนั้นสถาบันการศึกษาต่าง ๆ กำลังอยู่ในช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อน แต่พวกเธอกลับยังคงคุยเรื่องการเรียนการสอนตลอดทั้งวัน พวกเธอคิดว่าเขาเป็นคนโง่งี่เง่ามากพอที่จะเชื่อได้ขนาดนั้นจริง ๆ เหรอ ?
อันที่จริงแล้วฉินหยูและจ้าวหยานั้นไม่ได้คิดหรือกำลังวางแผนการใหญ่อะไรหรอก พวกเธอเพียงแค่รู้สึกว่าเย่เชียนนั้นไม่เคยสนใจเรื่องของพวกเธอ พวกเธอจึงไม่ได้บอกอะไรกับเขา หารู้ไม่ว่าตอนนี้เย่เชียนนั้นกำลังว้าวุ่นใจเพราะพวกเธออยู่
จริง ๆ แล้วตอนนี้ผู้หญิงทั้งสองคนกำลังนอนสบาย ๆ อยู่ในสปาคลับอย่างเพลิดเพลิน
จ้าวหยาพูดด้วยความโกรธเคืองเล็กน้อยว่า “เจ๊หยู! คนงี่เง่านั่นมันไม่เคยสนใจพวกเราเลยสักนิด ขนาดพวกกเราแกล้งพูดเรื่องที่มหาวิทยาลัยกันทั้งวัน แถมยังออกมาจากบ้านกันตั้งแต่เช้าตรู่ขนาดนี้ เขายังไม่รู้เรื่องอะไรเลย”
ทันใดนั้นหัวใจของฉินหยูก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาเล็กน้อย เพราะเธอเองก็พยายามอย่างหนักเพื่อเย่เชียนอย่างลับ ๆ แต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่เคยสนใจเธอเลย เมื่อจ้าวหยาขอให้เธอแกล้งโกหกเขาในวันนี้ ทั้งที่ในตอนแรกเธอเองก็ไม่ได้เห็นด้วยหรืออยากจะแกล้งหลอกอะไรเขา แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ตอบตกลง เพราะเธอก็อยากรู้เช่นกันว่าเธอนั้นมีค่ามากแค่ไหนในหัวใจของเย่เชียน และเย่เชียนจะสนใจและใส่ใจกับเธอบ้างไหม
หัวใจของสตรีนั้นยากแท้ที่จะหยั่งถึงดั่งงมเข็มในมหาสมุทร แม้แต่ผู้หญิงที่ฉลาดและมีความสามารถมากล้นอย่างฉินหยู บางครั้งเธอก็มีความคิดเหมือนเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่น่ารักและอ่อนโยน
ในตอนนี้หัวใจของฉินหยูนั้นเต็มไปด้วยความคิดต่าง ๆ นานา ทั้งกังวลและว้าวุ่น เธอเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเริ่มหวั่นไหวและใจอ่อนลงแล้วอย่างนั้นเหรอ ? เมื่อเธอคิดว่าเธอนั้นไม่ได้อยู่ในใจของเขาจริง ๆ เธอก็แอบรู้สึกผิดหวังและเสียใจอยู่เล็กน้อย
ทางด้านของเย่เชียนนั้น ผู้ชายอย่างเขาจะไปรู้ถึงความคิดของพวกเธอได้อย่างไรกัน บางครั้งจิตใต้สำนึก สถานการณ์ต่าง ๆ รวมไปถึงโชคชะตาของเขามันดูเหมือนว่ากำลังเล่นตลกกับเขาอยู่ ซึ่งมันทำให้พวกเธอคิดว่าเขานั้นกำลังต่อต้านหรือไม่สนใจฉินหยูและจ้าวหยา ซึ่งความจริงแล้วมันไม่ใช่อย่างนั้นเลย
เย่เชียนเพิ่งจะขับรถออกมาจากมหาวิทยาลัยได้ไม่นาน อยู่ ๆ โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น เมื่อเขาหยิบมันออกมาดูก็พบว่ามันเป็นเบอร์แปลก เย่เชียนขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนที่จะกดปุ่มรับสาย
เสียงแปลก ๆ ดังมาจากสายโทรศัพท์ว่า “สวัสดี… ราชาหมาป่าเย่เชียน!” เสียงนั้นค่อนข้างมืดมนและลึกลับ มันเต็มไปด้วยความโกรธแค้นอยู่ลึก ๆ
เย่เชียนขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดว่า “คุณเป็นใคร ?”
“แกคิดว่าฉันเป็นใครกันล่ะ ?” คนที่อยู่อีกด้านของสายโทรศัพท์ยิ้มอย่างเยือกเย็นและพูด
“มีอะไรก็รีบพูดมา… อย่าอ้อมค้อมให้มันมากเรื่อง ไม่งั้นฉันจะวางสายซะ” เย่เชียนตะคอกอย่างเกรี้ยวกราด เขาหงุดหงิดมากในตอนนี้ และเย่เชียนก็จะไม่ไว้หน้าคนที่ไม่มีเหตุผลกับเขาเช่นนี้
“อารมณ์ฉุนเฉียวดีนี่… ฉันไม่รู้ว่าแกจะมีสีหน้าแบบไหน ถ้าแกได้เห็นผู้หญิงของแกตายไปต่อหน้าต่อตา มันต้องสนุกแน่ ๆ เลยว่าไหม ?” คนที่อยู่อีกด้านของสายโทรศัพท์พูดอย่างเย็นชาและอำมหิต