ไป๋ฮวยคนนี้เคยเป็นทั้งเพื่อนและพี่ชายที่แสนดีของเย่เชียน ทว่าตอนนี้เขากลับกลายเป็นแค่คนแปลกหน้า หรืออาจเรียกได้ว่าทั้งสองคนนั้นเป็นศัตรูซึ่งกันและกันไปแล้วก็คงไม่ผิด เพราะไป๋ฮวยเคยเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มเขี้ยวหมาป่า หรือที่รู้จักกันในนามว่า หมาป่าผี
ฝีมือของไป๋ฮวยนั้นร้ายกาจกว่าเย่เชียนมาก ทั้งในด้านของทักษะการต่อสู้รวมไปถึงทักษะในการใช้ปืน เขาและเย่เชียนเป็นลูกศิษย์ของปรมาจารย์คนเดียวกัน ซึ่งปรมาจารย์คนนี้เป็นครูสอนศิลปะการต่อสู้โบราณจากประเทศจีนแต่ดั้งเดิมและฝึกฝนพวกเขาให้ควบคุมพละกำลัง
ไป๋ฮวยเข้าร่วมกับกลุ่มเขี้ยวหมาป่าก่อนเย่เชียนหนึ่งปี ทว่าอายุของเขานั้นไล่เลี่ยกันกับเย่เชียน ไป๋ฮวยมีพี่ชายอยู่คนหนึ่งชื่อว่า ไป๋ยู่ ผู้ซึ่งเป็นสมาชิกของกลุ่มเขี้ยวหมาป่าด้วยเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่ไป๋ยู่นั้นทรยศต่อกลุ่มเขี้ยวหมาป่า! ไม่มีใครรู้เหตุผลที่แท้จริงของเรื่องทั้งหมดนี้ว่ามันเป็นยังไงมายังไงกันแน่ ยิ่งไปกว่านั้นสามปีต่อมาหลังจากที่ไป๋ยู่ก่อกบฏต่อกลุ่มเขี้ยวหมาป่า อยู่ ๆไป๋ฮวยก็ก่อกบฏและหักหลังต่อพี่น้องเขี้ยวหมาป่าตามพี่ชายไปอีก สิ่งที่ทำให้เย่เชียนและเหล่าพี่น้องเขี้ยวหมาป่าไม่สามารถเข้าใจอะไรได้เลยก็คือ หลังจากที่ไป๋ฮวยหักหลังพวกเขาไปแล้ว ไป๋ฮวยก็ได้ตั้งกลุ่มเขี้ยวหมาป่าเป็นศัตรูตัวฉกาจของเขาและคิดที่จะกวาดล้างกลุ่มเขี้ยวหมาป่าให้สูญสิ้น
เย่เชียนนั้นอยากรู้เหตุผลของเขามาเสมอแต่ตั้งแต่ที่ไป๋ฮวยออกจากกลุ่มเขี้ยวหมาป่าไป ทว่าหลังจากที่เขาออกไปแล้วเย่เชียนก็ไม่เคยได้มีโอกาสเห็นหน้าเขาอีกเลย มีเพียงข่าวเกี่ยวกับเขาเป็นครั้งเป็นคราวเพียงเท่านั้น ซึ่งข่าวแต่ละอย่าง ล้วนแล้วแต่เป็นการกระทำที่มีผลต่อการทำลายล้างเขี้ยวหมาป่าทั้งสิ้น
วันนี้เป็นครั้งแรกที่เย่เชียนได้กลับมาพบกับไป๋ฮวย หลังจากที่ไป๋ฮวยออกจากเขี้ยวหมาป่าไป
หลังจากที่ไป๋ฮวยทรยศกลุ่มเขี้ยวหมาป่าแล้ว เขาก็ต้องอยู่ตัวคนเดียวมาตลอด ไม่มีเพื่อนแท้หรือเหล่าพี่น้องเลยสักคน เพราะเหล่าพี่น้องทั้งหมดของกลุ่มเขี้ยวหมาป่านั้นต่างก็ปฏิบัติกับเขาราวกับว่าเขาเป็นตัวประหลาด สำหรับการทรยศต่อพี่น้องนั้นมันเป็นสิ่งที่เหล่าพี่น้องเขี้ยวหมาป่าไม่สามารถให้อภัยหรือทำใจยอมรับได้เลย มีก็แต่เย่เชียนเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังมองว่าไป๋ฮวยยังคงเป็นเพื่อนของเขามาเสมอ ซึ่งสมัยก่อนเขากับไป๋ฮวยเป็นพี่น้องที่สนิทสนมกันที่สุดในบรรดาพี่น้องเขี้ยวหมาป่า ถึงแม้ว่าไป๋ฮวยจะทำสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่าปีศาจลงไป แต่เย่เชียนก็ยังเห็นเขาเป็นเพื่อนที่ดีของเขาเสมอ
“นั่นสิ!” ไป๋ฮวยพูดอย่างไม่แยแสด้วยน้ำเสียงที่เฉยเมยและเย็นชาเหมือนอย่างเคย
ทว่าเย่เชียนรู้ดีว่าหลายปีที่ผ่านมานี้ไป๋ฮวยคงจะเหงาและโดดเดี่ยวมาก จนมันอาจทำให้หัวใจของไป๋ฮวยไม่โหยหาคำว่าเพื่อนหรือพี่น้องอีกต่อไป สิ่งที่เย่เชียนกลัวคือ การที่เขายังคงยอมรับในตัวเพื่อนคนนี้และยังเห็นเขาเป็นดั่งพี่ชายอยู่ มันเป็นคือความขัดแย้งในจิตใต้สำนึกของเย่เชียนเอง และทำให้เย่เชียนรู้สึกสับสนมาโดยตลอด
“พี่บอกผมหน่อยได้มั้ยว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ พี่หายไปไหนมา ?” เย่เชียนพูดอย่างคาดหวัง
“ฉันก็ไปมาทุกที่นั่นแหละ เพราะโลกทั้งใบ มันคือบ้านของฉัน!” ไป๋ฮวยพูดราวกับว่าเขาไม่ได้อยากที่จะตอบคำถามของเย่เชียนเลย ดูเหมือนว่าเขาต้องการที่จะเพิกเฉยและหลีกเลี่ยงบางอย่างในใจของตัวเอง
เย่เชียนสูดหายใจเข้าจนเต็มปอด จากนั้นก็พูดว่า “กลับมาเถอะพี่… พี่รู้มั้ยว่าพวกเราพี่น้องเขี้ยวหมาป่าคิดถึงพี่มาก ถ้าพวกเราเหล่าพี่น้องได้มีโอกาสกลับมาอยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาอีกสักครั้ง แล้วมาร่วมต่อสู้ด้วยกันอีก มันคงจะดีไม่น้อยเลย พี่ว่าไหม ?”
“มันเป็นไปไม่ได้หรอก!” ไป๋ฮวยพูดต่อ “เย่เชียน! ฉันจะบอกอะไรนายให้นะ นายอย่ามาปฏิบัติตัวกับฉันในฐานะพี่ชายเหมือนแต่ก่อนเลย ตอนนี้นายกับฉันต่างก็มีจุดยืนที่แตกต่างกัน และเป้าหมายของเราก็แตกต่างกันด้วย! ไม่ช้าก็เร็วนายกับฉันก็จะต้องต่อสู้กันในที่สุด แล้วถ้านายยังมัวแต่คิดถึงเรื่องในอดีตอยู่ล่ะก็ นายก็สมควรตายไปซะตั้งแต่ตอนนี้ อีกอย่างถึงเราจะเคยสนิทกันแต่ฉันจะไม่ปรานีนายหรอกนะ!”
“พี่บอกเหตุผลหน่อยได้มั้ยว่าทำไมพี่ถึงทรยศเขี้ยวหมาป่า แล้วทำไมพี่ถึงต้องจ้องที่จะทำลายเขี้ยวหมาป่าด้วย ?” เย่เชียนถาม
“ฉันก็ทำเพื่อพี่ชายของฉันยังไงล่ะ!” ไป๋ฮวยพูด
เย่เชียนรู้สึกสับสนและงุนงงเล็กน้อย เพราะตอนที่ไป๋ยู่ พี่ชายของไป๋ฮวยทรยศได้ตัดสินใจหักหลังเขี้ยวหมาป่าแล้วไปเข้าร่วมกับกลุ่มทหารรับจ้างเสือดาวหิมะแทนในคราวนั้น กลุ่มเขี้ยวหมาป่าก็ได้ออกไล่ล่าตัวเขา ซึ่งนั่นมันก็ไม่ใช่ความผิดของกลุ่มเขี้ยวหมาป่าเลย ยิ่งไปกว่านั้นไป๋ยู่ก็ได้ตายลงด้วยน้ำมือของไป๋ฮวยเองอีกด้วย เย่เชียนและเหล่าพี่น้องทุกคนจำได้ไม่เคยลืมว่า ตอนที่ไป๋ยู่เริ่มทรยศและหักหลังเขี้ยวหมาป่าในครั้งนั้น ก็มีไป๋ฮวยนี่แหละที่โกรธแค้นพี่ชายของตนยิ่งกว่าใคร แล้วทำไมเขาถึงตอบเย่เชียนเช่นนี้เล่า หรือว่า… มันจะมีอะไรซ่อนอยู่ในความจริงที่ทุกคนไม่รู้กันแน่ ?
“พี่รู้มั้ยว่าตอนที่ผมเข้ามาในกลุ่มเขี้ยวหมาป่าเป็นครั้งแรก ผมน่ะยังเด็กมากเลย ผมแทบไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับวงการทหารรับจ้าง แต่พอผมมองไปผมก็เห็นพี่กับคนอื่น ๆ ที่เข้ามาก่อนผม พวกพี่น่ะดูเท่มาก พอผมเห็นผมก็อดชื่นชมไม่ได้เลย ตั้งแต่นั้นมาผมก็ยกให้พี่เป็นหนึ่งในไอดอลของผม ผมถึงขั้นสาบานกับตัวเองเอาไว้เลยนะว่า ผมจะต้องเก่งเหมือนพวกพี่ให้ได้! ผมรู้ว่าพวกพี่คอยช่วยเหลือผมให้ผมเอาชนะอุปสรรคในทุกรูปแบบ พี่ยังจำครั้งที่เราไปปฏิบัติภารกิจในแถบทะเลทรายของแอฟริกาได้มั้ย ? นั่นล่ะ ถ้าครั้งนั้นมันไม่ใช่เพราะพี่แล้ว ผมเกรงว่าผมอาจจะต้องตายไปบนทะเลทรายแห่งนั้นไปแล้ว เพราะงั้นสำหรับพี่แล้วพี่ไม่ได้เป็นแค่เพื่อนหรือพี่ชายเท่านั้น แต่พี่ยังเป็นครูบาอาจารย์ของผมอีกด้วย พี่คือผู้มีพระคุณของผม!” เย่เชียนพูดด้วยความจริงใจและหวังอย่างยิ่งว่าเขาจะยังจำความทรงจำดี ๆ ในอดีตเหล่านี้ได้
“ฉันไม่เคยมองว่านายเป็นเพื่อนหรือพี่น้อง! และที่ฉันทนอยู่กับนายนั่นก็เพราะว่านายมันโง่ มันเลยทำให้ฉันใช้ความฉลาดของฉันหลอกใช้นายได้ยังไงล่ะ นายคิดไม่ออกหรือไงว่าถ้าฉันปล่อยให้นายตาย ฉันก็จะไม่สามารถทำภารกิจให้สำเร็จได้อย่างลุล่วงน่ะสิ ถ้าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนั้น มันไม่เกี่ยวภารกิจล่ะก็ ฉันคงปล่อยให้นายตายไปตั้งนานแล้ว” ไป๋ฮวยพูดอย่างเยือกเย็น
เย่เชียนฝืนยิ้มอย่างขมขื่นเมื่อรู้ว่าไป๋ฮวยนั้นกำลังพูดเรื่องไร้สาระอยู่ เพราะในทะเลทรายอันแห้งแล้งและร้อนระอุในวันนั้น เย่เชียนได้ทรุดลงไปกับพื้นเนื่องจากสภาวะขาดน้ำ ทำให้ไป๋ฮวยตัดสินใจใช้มีดกรีดแขนของตัวเองและหยดเลือดของเขาใส่ในปากของเย่เชียนที่กำลังจะตาย เย่เชียนจำมันได้ไม่เคยลืมเลือน แววตาของไป๋ฮวยในตอนนั้นมันบ่งบอกได้ว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เขาจะทำไปโดยหวังสิ่งอื่นใด นอกจากช่วยชีวิตน้องชายอย่างเขาเท่านั้น
บางทีที่ไป๋ฮวยไม่อยากให้เย่เชียนปฏิบัติต่อเขาในฐานะพี่น้อง นั่นอาจเป็นเพราะเขาไม่ต้องการที่จะมีความลังเลใด ๆ หากทั้งสองจะต้องเผชิญหน้ากันอีกในอนาคต เพราะสำหรับทหารแล้วถ้าไม่มีความมุ่งมั่นที่จะฆ่าคู่ต่อสู้ล่ะก็ คนที่จะตายในที่สุดแล้วก็อาจจะเป็นตัวเอง
เย่เชียนหายใจเข้าลึก ๆ และพูดว่า “งั้นพี่มาที่นี่ก็เพื่อมาพาเฝิงซื่อเหลียงกลับงั้นเหรอ ?”
“ใช่!” ไป๋ฮวยตอบ
“นี่พี่กำลังทำตามคำบัญชาของเฝิงเฝิงอยู่เหรอ ? มันไม่ใช่ตัวตนของพี่เลยนะ” เย่เชียนพูด
“แล้วมันยังไง ?” ไป๋ฮวยพูดห้วน ๆ
เย่เชียนนั้นรู้นิสัยของไป๋ฮวยดีว่าเขาจะไม่มีวันสยบให้กับคนอย่างเฝิงเฝิงอย่างแน่นอน เขาจะต้องมีเหตุผลบางอย่าง เขาอาจจะแค่กำลังหลอกใช้เฝิงเฝิงเหมือนกับที่เคยหลอกใช้พี่น้องเขี้ยวหมาป่านั่นเอง
“ในเมื่อคนที่มาคือพี่ งั้นผมก็จะไว้หน้าพี่แล้วปล่อยให้พี่พาคนเหล่านั้นออกไปก็แล้วกัน” เย่เชียนพูด
ไป๋ฮวยหยิบเช็คเงินสดออกมาจากกระเป๋าเสื้อและวางมันเอาไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็พูดว่า “นี่สองล้านหยวน… สำหรับการแลกเปลี่ยน อ่อ… อีกอย่างนายก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไว้หน้าอะไรฉัน”
“ลูกชายของเฝิงเฝิงมีค่าแค่สองล้านหยวนงั้นเหรอ ?” เย่เชียนยิ้มอย่างขมขื่นและพูดต่อ “พี่ไป๋! ถ้าวันนี้ไม่ใช่พี่ที่มา แต่เป็นเฝิงเฝิงที่มาด้วยตัวเองล่ะก็ เขาคงจะไม่ได้ตัวลูกชายออกไปง่าย ๆ แบบนี้หรอกนะ พี่รีบพาพวกเขาออกไปเถอะ”
“ฉันไม่สนหรอกนะว่านายจะคิดอะไรยังไง ถ้านายอยากได้เงินก็เก็บมันเอาไว้ แต่ถ้าไม่ก็โยนมันทิ้งไปซะ” ไป๋ฮวยพูดอย่างไม่แยแส
เย่เชียนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เมื่อรู้ว่าต่อให้เขาจะทำอะไรก็ตาม ไป๋ฮวยก็คงจะไม่สามารถย้อนกลับไปเป็นเหมือนตัวเขาคนเดิมที่เคยเป็นในอดีตได้แล้ว จากนี้ไปทั้งสองคนคงจะต้องเป็นคู่ปรับกันไปตลอดกาล
หลังจากนั้นเย่เชียนก็กดโทรศัพท์ไปหาหยูซิงให้เขาเข้ามา แล้วพูดกับเขาว่า “ปล่อยพวกเฝิงซื่อเหลียงไป”
หยูซิงตกตะลึงไปชั่วขณะ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเย่เชียนถึงได้ตัดสินใจปล่อยพวกเด็ก ๆ ไปง่าย ๆ เช่นนี้ แต่เขาก็ยังคงทำตามคำสั่งอย่างนอบน้อม ส่วนไป๋ฮวยเองก็เดินออกไป แต่เมื่อเขาไปถึงที่ประตู เขาก็หยุดเดินและพูดว่า “สักวันหนึ่งเราคงจะได้เจอกันในสนามรบ… ฉันหวังว่านายจะไม่ทำให้ฉันผิดหวัง!”
หลังจากพูดจบแล้ว ไป๋ฮวยก็เดินออกไปอย่างไม่แยแส