เย่เชียนฟังซ่งหลันพูดจบก็ถึงกับต้องผงะไปชั่วครู่ ปีศาจสาวในคราบของนางฟ้าคนนี้มักจะทำให้เขาเสียอาการอย่างนี้ได้ทุกครั้งไปสิหน่า
“โธ่! พี่หลันหลัน พี่แค่แกล้งผมเล่นอีกแล้วใช่มั้ย ? ความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคนตอนนี้มันก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ? สำหรับผมน่ะมันดีมาก ต่อให้เอาอะไรมาแลกผมก็ไม่ยอมหรอก!” เย่เชียนพูดขึ้นในที่สุด
“ที่นายพูดมาทั้งหมดนี่เพราะนายไม่อยากจะเป็นคนแรกของฉันอย่างงั้นใช่มั้ยล่ะ ? แต่ฉันรู้น้า… ว่านายรู้สึกยังไงกับฉัน” ซ่งหลันพูดต่อ
“ผมรู้… ว่าพี่รู้ แต่ถึงอย่างงั้นก็เถอะ ผมว่ามันก็เร็วไปอยู่ดีนั่นแหละ! คือ… ผม…” เย่เชียนพูดพลางทำหน้ามุ่ย
“เชื่อฉันเถอะหน่า… เดี๋ยวพอถึงเวลานายก็จะเคลิบเคลิ้มไปกับมันเองนั่นแหละ พี่สาวคนนี้จะทำให้นายทุกอย่างเลยดีมั้ย ?” ซ่งหลันพูดจาเย้ายวน
เป็นอีกครั้งที่เย่เชียนต้องทึ่งไปกับคำพูดคำจาที่แสนจะตรงไปตรงมาของซ่งหลันแบบนี้ เขาไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าตัวเองนั้นจะรับมือกับพี่สาวคนนี้ได้อย่างไร ตอนนี้เขาจึงเพียงแค่ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้เท่านั้น จริงอยู่ที่ทั้งสองคนอาจจะเคยนอนเตียงเดียวกัน หรือแม้กระทั่งแก้ผ้าอาบน้ำอยู่ในอ่างเดียวกันมาก่อน แต่ทั้งคู่ก็ยังไม่เคยเกินเลยถึงขั้นมีอะไรกันเลยสักครั้ง มันไม่ใช่ว่าเย่เชียนจะเป็นสุภาพบุรุษหรือมีความยึดมั่นในศีลธรรมอันดีงามอะไรหรอก แต่มันเป็นเพราะความรู้สึกของเย่เชียนเองที่มีต่องซ่งหลัน เขารู้ว่าความรักที่เขามีต่อซ่งหลันนั้น มันมีความพิเศษที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งมันยากมากที่จะสามารถอธิบายมันให้ออกมาเป็นคำพูดได้ และตัวเขาก็อยากจะรักษาความสัมพันธ์แบบนี้เอาไว้จนไม่กล้าที่จะทำอะไรที่มันอาจจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
ทางด้านของซ่งหลันนั้น เธอไม่เคยขอให้เย่เชียนให้คำมั่นสัญญาใด ๆ กับตัวเธอเลย เพราะในความคิดของเธอ คำสัญญาจากปากของพวกผู้ชายมันก็เป็นเพียงลมปาก สิ่งที่พวกเขาพูดมาทั้งหมดก็เพียงแค่หวังในเรือนร่างของผู้หญิงก็เท่านั้น โดยปกติแล้วซ่งหลันจะไม่ค่อยให้ความไว้วางใจกับผู้ชายคนไหนเลยสักคนเดียว แต่ทว่าสำหรับเย่เชียนนั้นแตกต่างออกไป เธอไม่ได้รู้สึกต่อต้านเย่เชียนอย่างที่ควรจะเป็น แต่เธอกลับรู้สึกหลงใหลในตัวเขา หัวใจของเธอนั้นมันไม่สามารถรักใครได้มากเท่าเขาอีกแล้ว หรืออาจจะพูดได้เลยว่าเธอนั้นไม่อาจที่จะไปรักใครได้อีกนอกจากเย่เชียน
ทว่าตอนนี้ซ่งหลันเองก็รู้ตัวว่าเธอควรจะเลิกพูดถึงเรื่องส่วนตัวเสียที เธอไม่อยากทำให้เย่เชียนต้องอึดอัดต่อไปอีก เธอจึงเริ่มถามเพื่อเข้าเรื่อง “เอาล่ะ ๆ ฉันจะเลิกแกล้งนายแล้วก็ได้! มา… มีอะไรก็ว่ามา”
“คืออย่างงี้พี่หลันหลัน ตอนนี้น่ะมีใครบางคนกำลังโจมตีราคาหุ้นอสังหาริมทรัพย์ของผมอยู่ วันนี้ผมก็เลยวุ่นทั้งวันเลยตั้งแต่เช้า ราคาหุ้นมันเริ่มร่วงตั้งแต่ตลาดหุ้นเปิดยันตลาดหุ้นปิดเลยพี่ ขนาดคนให้คนเก่ง ๆ ในบริษัทช่วยจัดการแล้ว แต่ราคาหุ้นมันก็ยังลดลงอยู่อีกหลายเปอร์เซ็นต์แน่ะ” เย่เชียนพูด
ซ่งหลันไม่เข้าใจว่าเย่เชียนหมายถึงอะไรกันแน่ ในเมื่อหุ้นทุกตัวของน่านฟ้ากรุ๊ปมันก็ยังอยู่ดีนี่นา เธอจึงถามเขาไปว่า “ไม่นี่… ราคาหุ้นของบริษัทเรายังเสถียรอยู่ ถึงมันจะมีบางช่วงที่ผันผวนไปบ้างก็เถอะ แต่โดยรวมแล้วมันยังอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมดีนี่นา”
“แต่ไอ้หุ้นที่ผมกำลังพูดถึงอยู่นี่ มันไม่ใช่หุ้นของน่านฟ้ากรุ๊ปน่ะสิพี่ มันเป็นหุ้นของธุรกิจใหม่ของผมในเมืองหนานจิงต่างหาก” เย่เชียนพูด
“นี่นายไปหนานจิงแค่สองสามวัน แต่นายดันไปมีธุรกิจใหม่อยู่ที่นั่นแล้วเนี่ยนะ ? ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย ?” ซ่งหลันถามด้วยความแปลกใจและประชดประชัน
“โธ่พี่หลันหลัน… พี่อย่าเพิ่งโกรธผมเลยหน่า เรื่องมันยาวน่ะ ไว้เดี๋ยวผมมีเวลาจะเล่าให้ฟังทีหลังนะ แต่ตอนนี้พี่ช่วยผมก่อนไม่ได้เหรอ ?” เย่เชียนถาม
“โอเค ๆ ก็ได้! เดี๋ยวฉันจะรีบบินไปหานายพรุ่งนี้เลยละกัน” ซ่งหลันตอบพร้อมรอยยิ้ม
“ขะ… ขอบคุณครับพี่หลันหลัน เดินทางดี ๆ นะ” เย่เชียนตอบซ่งหลันด้วยความประหม่านิดหน่อย เป็นเพราะเขานั้นยังคงรู้สึกแปลก ๆ กับบทสนทนาอันน่าอึดอัดเมื่อก่อนหน้านี้นั่นเอง
หลังจากที่เย่เชียนวางสายจากซ่งหลันเรียบร้อยแล้ว เขาก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก เขาเชื่อมั่นว่าด้วยฝีมือของซ่งหลัน เขาจะสามารถผ่านวิกฤตในครั้งนี้ไปได้เร็ว ๆ นี้อย่างแน่นอน เพราะในโลกแห่งธุรกิจนั้นซ่งหลันคนนี้ถือได้ว่าเป็นสตรีที่แข็งแกร่งคนหนึ่งเลยทีเดียว ทั้งในแง่ของวิสัยทัศน์หรือหลักการทำงานต่าง ๆ ซึ่งนักธุรกิจชั้นแนวหน้าบางคนยังเทียบกับเธอไม่ติด
เย่เชียนกดเบอร์โทรศัพท์ของเฉิงเหวินและหลังจากที่เขารับสายแล้ว เย่เชียนก็บอกให้เขาจัดการเรียกผู้บริหารจัดการทั้งหมดมาที่สโมสรเพื่อประชุมในเช้าวันพรุ่งนี้ แต่เย่เชียนไม่ได้ลงรายละเอียดอะไรมากนักว่าจะเป็นการประชุมเกี่ยวกับเรื่องอะไร ซึ่งทางด้านของเฉิงเหวินเองก็ไม่กล้าที่จะถามเขาเช่นกัน
หลังจากนั้นเย่เชียนก็เอนหลังนอนสบาย ๆ อยู่บนเก้าอี้ เพราะเขารู้ว่าชัยชนะนั้นอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว เหลือแค่เพียงรอเวลาที่จะเอื้อมมือในคว้ามันก็เท่านั้น ตอนนี้เขาเพียงแค่ต้องรอให้อู๋หวนเฟิงกลับมารายงานตัวและเข้าร่วมประชุมกับผู้บริหารจัดการอีกครั้งในวันพรุ่งนี้
ก๊อก ๆ ๆ
จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นและเย่เชียนก็พูดเบา ๆ ว่า “เข้ามา!” ประตูถูกเปิดออกและหยูซิงก็เดินเข้ามา เขากวาดสายตามองไปที่ออฟฟิศที่มืดมิดแล้วก็ผงะไปเล็กน้อย แต่จากนั้นก็พูดว่า “ประธานเย่… คุณหนูจ้าวมาหาครับ”
“คุณออกไปก่อน!” เย่เชียนพูดกับหยูซิง ซึ่งหยูซิงก็โค้งคำนับให้เขาก่อนที่จะเดินออกจากห้องไปตามคำสั่ง
“เธอมาที่นี่ทำไม ?” เย่เชียนถามพลางลุกขึ้นยืน จากนั้นเขาก็เดินไปขยับเก้าอี้ตัวหนึ่งออกมาให้จ้าวหยานั่ง
“ดูท่าทางนายจะสบายอกสบายใจจริงนะ” จ้าวหยาพูดขึ้นหลังจากที่เธอนั่งลงบนเก้าอีกที่เย่เชียนดึงออกมาให้
เย่เชียนเดินกลับไปที่เก้าอี้ของเขาแล้วนั่งลง เขามองไปที่จ้าวหยาอย่างงุนงงและถามเธอว่า “อ้าว ? แล้วฉันต้องดูเครียดหรือเป็นกังวลอยู่ตลอดเวลาเลยหรือยังไง ?”
“นี่ขนาดซูเจี้ยนจุนกับจู้ซานเล่นงานราคาหุ้นของนายให้ร่วงกราวขนาดนี้แล้ว แถมยังไปสร้างปัญหาในธุรกิจบันเทิงของนายอีก นายยังคงนั่งเล่นอย่างสบายใจเฉิบอยู่ได้ นายไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยรึไง ?” จ้าวหยาถาม
เย่เชียนจ้องมองจ้าวหยาด้วยความประหลาดใจอย่างมากและถามด้วยความสับสนว่า “เธอรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง ?”
จ้าวหยาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนที่จะเล่าให้เย่เชียนฟังถึงเรื่องที่เธอไปหาซูเจี้ยนจุนและคุยกับเขาถึงเรื่องนี้ เมื่อเย่เชียนได้ยินเช่นนั้นเขาก็ตกตะลึงอย่างมากและยิ้มอย่างขมขื่น จากนั้นก็พูดอย่างเย็นชาว่า “ขนาดว่าเมื่อครั้งก่อนปู่มาด้วยตัวเองแล้วนะ พวกเขาก็ยังจะกล้าทำเรื่องแบบนี้กันอยู่อีก นี่มันเหมือนกับเป็นการราดน้ำมันเข้าไปในกองไฟชัด ๆ ”
“นี่ฉันช่วยนายอยู่นะ ไม่งั้นฉันคงไม่ถ่อไปหาซูเจี้ยนจุนด้วยตัวเองขนาดนี้หรอก” จ้าวหยาพูดพร้อมรอยยิ้ม
เย่เชียนชักจะเริ่มสับสนมากขึ้น เขารู้สึกตงิดใจอย่างบอกไม่ถูก จากนั้นเขาก็พูดอย่างเย็นชาและกังวลว่า “นี่เธอคิดจะช่วยฉันหรือทำร้ายฉันกันแน่ ? เธอไม่รู้หรือไงว่าฉันน่ะเป็นห่วงเธอมากขนาดไหน ?”
จ้าวหยาเหลือบมองไปที่เย่เชียนแล้วพูดว่า “หึ… นายเคยเป็นห่วงฉันด้วยเหรอ ? แน่นอนว่าฉันต้องช่วยนายอยู่แล้วสิ อย่าบอกนะว่านายไม่เข้าใจเรื่องของตลาดหุ้นเลยน่ะ ?”
“ฉันก็พอจะรู้อยู่บ้าง” เย่เชียนเช็ดเหงื่อบนหน้าผากของเขาและพูดอย่างหมดหนทาง
“คืออย่างงี้… ที่ซูเจี้ยนจุนกับจู้ซานขายหุ้นของบริษัทนายไปเยอะขนาดนั้นน่ะ มันเป็นเพราะพวกเขาแค่อยากที่จะปั่นราคาหุ้น ไม่ใช่ต้องการเก็งกำไรอะไรเลย แล้วพอหุ้นมันราคาตกลงถึงจุดนึง พวกเขาก็จะพากันช้อนหุ้นกลับขึ้นมาจะได้เป็นเจ้าของหุ้นเยอะขึ้นกว่าเดิมไงล่ะ ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ไม่ช้าก็เร็วหุ้นทั้งหมดก็จะตกเป็นของพวกเขาทั้งหมด”
เย่เชียนไม่ได้เข้าใจเรื่องหุ้นลึกซึ้งถึงขนาดนั้น เขาจึงได้แต่ฟังจ้าวหยาพูดอยู่เงียบ ๆ แต่หลังจากพยักหน้าคล้อยตามเธออยู่พักหนึ่ง เขาก็ถามเธอไปว่า “แล้วฉันต้องทำไง ?”
“นี่นายไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริง ๆ สินะ” จ้าวหยาเย้ยหยัน แต่จากนั้นก็พูดต่อ “จริง ๆ แล้วมันก็มีอยู่หลายวิธีแหละ ขึ้นอยู่กับว่านายอยากจะเลือกใช้วิธีไหน แต่บอกไว้ก่อนเลยว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันได้ง่าย ๆ อีกอย่างฉันเองก็ไม่ได้เรียนเจาะเรื่องเกี่ยวกับหุ้นมาแบบลึกซึ้งถึงขนาดนั้น แล้วที่บริษัทของนายไม่มีผู้เชี่ยวชาญเรื่องหุ้นระดับสูงบ้างเลยหรือไง ?”
“มันก็ต้องมีอยู่แล้วสิ! ฉันเพิ่งจะโทรหาเธอเมื่อตะกี๊นี้เอง พรุ่งนี้เธอก็น่าจะบินมาถึงที่นี่แล้วล่ะ” เย่เชียนตอบอย่างมั่นใจ
“แค่นั้นมันไม่พอหรอก หุ้นระดับสูงแบบเจาะลึกน่ะมันต้องทำงานกันเป็นทีม ส่วนฉันจะคอยแอบช่วยนายอยู่ห่าง ๆ จากทางฝั่งของซูเจี้ยนจุนเอง” จ้าวหยาพูดอย่างหนักแน่น
“ทำไมเธอถึงต้องทำแบบนี้ด้วย ?” เย่เชียนถาม
“ก็เป็นการตอบแทนเรื่องที่นายอุตส่าห์ให้ฉันขี่หลังลงมาจากภูเขาสีม่วงเมื่อวานนี้ยังไงล่ะ” จ้าวหยาพูดอย่างมีความสุข
“อ้อ… อย่างนั้นเอง” เย่เชียนไม่รู้จะตอบอะไรกลับไปมากกว่านั้น ทว่าเขารู้สึกได้ว่ามีบางอย่างที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่ในคำพูดของจ้าวหยา
ส่วนจ้าวหยาเองก็ได้แต่เหลือบมองไปที่เย่เชียนอย่างเงียบ ๆ เพราะเธอก็ไม่รู้เช่นกันว่าจะพูดอะไรกับเขาดี ทั้งคู่ต่างก็นิ่งกันไป ทำให้บรรยากาศในห้องดูอึดอัดและน่าหดหู่ใจเล็กน้อย
หลังจากนั้นไม่นานเย่เชียนก็ลังเลและพูดขึ้นมาด้วยความกังวลว่า “จ้าวหยา… ที่จริงเธอไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้เลยนะ”
“แต่ฉันเต็มใจทำเพื่อนายนะ…” จ้าวหยาพูดด้วยความจริงใจ
คำพูดนั้นของจ้าวหยามันได้ทำให้เย่เชียนนั้นตกลงไปในภวังค์แล้วอย่างสมบูรณ์ เขารู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านเข้าไปในหัวใจของเขา ในที่สุดจ้าวหยาที่น่ารักและแสนดีก็ได้กลับมาแล้วสินะ
“เธอต้องระวังตัวเอาไว้ให้มาก ๆ นะ แล้วอย่าไปไว้ใจซูเจี้ยนจุนเด็ดขาด! เขาน่ะไม่ใช่คนที่จะสามารถรับมือได้ง่าย ๆ และถ้าเราทำพลาดมันก็จะเป็นเรื่องยากที่จะจัดการกับคนอย่างเขา ฉันเชื่อว่าเขาน่ะคงยังไม่เชื่อใจเธอร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก” เย่เชียนเตือนจ้าวหยาด้วยความเป็นห่วง อันที่จริงเย่เชียนไม่ได้เห็นด้วยเลยกับการกระทำในครั้งนี้ของจ้าวหยา แต่เขาก็รู้ดีว่าต่อให้เขาพยายามที่จะรั้งหรือหยุดเธอเอาไว้แค่ไหน มันก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี
“นายเป็นห่วงฉันเหรอ ?” จ้าวหยาถาม
“นี่เธอยังจะมาถามอะไรโง่ ๆ อยู่อีก ? ฉันก็ต้องเป็นห่วงเธอน่ะสิยัยบ้า ฉันน่ะไม่อยากให้เธอต้องมาเจอกับเรื่องอะไรร้าย ๆ เพราะฉันอีกแล้วนะรู้มั้ย ?” เย่เชียนพูดด้วยความจริงใจ
“ที่นายบอกว่านายเป็นห่วง เพราะนายแค่ไม่อยากเป็นต้นเหตุเวลาที่ฉันต้องไปเจอกับเรื่องร้าย ๆ แค่นั้นเองเหรอ ?” จ้าวหยายังคงถามต่อ
เย่เชียนจ้องหน้าจ้าวหยาอย่างหมดหนทาง อันที่จริงแล้วเขานั้นรู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองนั้นเป็นห่วงเธอมากเกินกว่านั้นมาก ซึ่งเขาเองก็อยากที่จะบอกเธอออกไปให้มันรู้แล้วรู้รอดเลยเช่นกัน แต่บางอย่างมันก็ยังคงฉุดรั้งเขาเอาไว้ไม่ให้เอ่ยปาก
จ้าวหยาเฝ้ารอคำตอบตอบจากปากของเย่เชียนอยู่อึดใจหนึ่ง แต่เมื่อเห็นว่าเย่เชียนยังคงไม่พูดอะไรออกมา เธอจึงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยและยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “นายไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก… ฉันดูแลตัวเองได้ ฉันได้แต่หวังว่านายจะคว้าโอกาสในครั้งนี้เอาไว้และไม่ทำให้ฉันผิดหวังนะ”
พูดจบจ้าวหยาก็เดินออกจากห้องไป…
เย่เชียนได้แต่มองตามหลังเธอไปตาละห้อย ท้ายที่สุดเขาก็ไม่ได้พูดถึงสิ่งที่อยากจะพูดกับเธอ
ขณะที่จ้าวหยาเดินออกจากห้องไป อู๋หวนเฟิงก็เดินสวนเข้ามาพอดี เขาเห็นจ้าวหยาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้าให้เธอทีหนึ่งเป็นการทักทาย ซึ่งจ้าวหยาก็ยิ้มให้เขากลับเป็นการทักทายเช่นกัน จากนั้นเธอก็เดินออกไปจากห้อง
“นั่งลงก่อนสิ” เย่เชียนพูดกับอู๋หวนเฟิง
อู๋หวนเฟิงพยักหน้าตอบรับแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ตรงกันข้ามกับเย่เชียน
“เป็นไงบ้าง ?” เย่เชียนถาม
อู๋หวนเฟิงส่ายหัวน้อย ๆ ก่อนที่จะตอบไปว่า “บอส… พอผมไปถึงบ้านของกู๋หมิงเซียง เขาก็ตายไปแล้ว! ไม่ใช่แค่นั้นนะ ขนาดหัวของเขายังถูดตัดออกไปและมันก็ไม่ได้อยู่ที่นั่นด้วยอีกต่างหาก ดูเหมือนว่าคนที่ฆ่าเขาจะตัดหัวของเขากลับไปด้วย”
เย่เชียนได้ฟังก็ผงะไปชั่วขณะ เขาขมวดคิ้วแล้วพึมพำว่า “เป็นไปได้ไง ? ใครเป็นคนทำ ?”
อู๋หวนเฟิงจ้องมองเย่เชียนด้วยแววตาว่างเปล่า เขาเองก็ไม่มีคำตอบให้กับเย่เชียนเช่นกัน
เวลานี้กู๋หมิงเซียงถูกฆ่าตัดคอไปแล้ว ใครกันนะที่จงเกลียดจงชังเขาถึงขนาดที่ต้องทำกันขนาดนี้ได้ ? ถ้าจะเดาว่าเป็นซูเจี้ยนจุนหรือจู้ซานมันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะถ้าเป็นสองคนนี้กู๋หมิงเซียงก็ยังคงมีประโยชน์กับพวกเขาอยู่ และต่อให้พวกเขาคิดที่จะฆ่ากู๋หมิงเซียงจริง ๆ พวกเขาก็คงยังไม่ลงมือทำในตอนนี้อย่างแน่นอน
หรือว่าจะเป็นผู้บริหารคนอื่น ๆ ที่อยู่ภายใต้การดูแลของเย่เชียน ?
“เฮ้อ! เรื่องนี้ช่างมันไปก่อนละกัน เพราะถึงยังไงการตายของกู๋หมิงเซียงก็ไม่ได้เป็นอันตรายกับทางฝ่ายเรา อ้อ… ฉันเพิ่งจะโทรหาพี่หลันหลันให้มาช่วยเรื่องหุ้น เธอจะบินมาถึงนี่พรุ่งนี้เช้า นายไปกับฉันนะพรุ่งนี้น่ะ ไปรับเธอมาด้วยกัน” เย่เชียนพูดหลังจากที่คิดยังไงก็คิดไม่ตกว่าใครกันที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังของการตายของกู๋หมิงเซียง
“ได้เลยบอส!” อู๋หวนเฟิงพยักหน้าตอบ