ณ สนามบินนานาชาติเมียนมาร์เฟิงหลานและหลิวเทียนเฉินกำลังรออยู่อย่างใจจดใจจ่อเพราะพวกเขาได้ทราบแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นโดยแจ็คเป็นผู้แจกแจงเรื่องต่างๆ ให้ ดังนั้นทุกคนจึงเคร่งเครียดอย่างหนักเพราะนับตั้งแต่ที่เขี้ยวหมาป่าเอาชนะเสือดาวหิมะและกลายมาเป็นราชาแห่งโลกของทหารรับจ้างแล้วก็ไม่มีองค์กรทหารรับจ้างใดๆ กล้าที่จะท้าทายความยิ่งใหญ่ของเขี้ยวหมาป่าเลย แต่ทว่าคราวนี้องค์กรทหารรับจ้างดอกฝิ่นได้ไล่ยิงอู๋หวนเฟิงอย่างโจ่งแจ้งและทำให้เขาถึงกับโคม่าเช่นนี้ แน่นอนว่าเขี้ยวหมาป่าจะไม่มีวันปล่อยผ่านไปได้
อย่างไรก็ตามพวกเขาทุกคนก็เชื่อว่าองค์กรทหารรับจ้างดอกฝิ่นนั้นอาจจะไม่ควรรู้เรื่องราวต่างๆ ของโลกแห่งทหารรับจ้างนักเพราะมิฉะนั้นต่อให้มีความกล้าอีกกี่สิบเท่าถึงยังไงพวกเขาก็จะไม่กล้าทำเช่นนั้นอยู่ดี อย่างไรก็ตามเลือดต้องชำระด้วยเลือดและองค์กรทหารรับจ้างดอกฝิ่นก็จะต้องชดใช้
ไม่นานนักเย่เชียนและชิงเฟิงก็เดินออกมาจากเทอร์มินอลและเมื่อเห็นพวกเขาแล้วเฟิงหลานและหลิวเทียนเฉินก็รีบเข้าไปทักทายพวกเขาจากนั้นก็พูดว่า “บอส! ..เจมส์และวิลเลียมได้ไปตรวจสอบทหารรับจ้างดอกฝิ่นแล้ว..เรากลับไปที่ฐานกันก่อนเถอะ”
เย่เชียนพยักหน้าและพูดว่า “อ่าห๊ะ”
ระหว่างทางนั้นทั้งสี่คนไม่มีใครพูดอะไรเลยและบรรยากาศก็ดูน่าเบื่อเล็กน้อย ซึ่งชิงเฟิงก็เปิดพยายามที่จะปากพูดอยู่หลายครั้งแต่เมื่อตระหนักดูแล้วเขาก็กลืนคำเหล่านั้นลงไปอย่างหมดหนทาง
ไม่นานนักทั้งสี่คนก็มาถึงคฤหาสน์ที่เป็นฐานทัพของพวกเขา และทั้งหมดนี้ก็คือสิ่งที่เย่เชียนเฟิงหลานและคนอื่นๆ ให้ทำเช่นนี้เมื่อเขาออกจากประเทศเมียนมาร์ไปครั้งที่แล้ว ซึ่งคฤหาสน์แห่งนี้มีขนาดใหญ่และกว้างขวางอย่างมากมันครอบคลุมพื้นที่มากกว่าสิบเอเคอร์มีต้นส้มโอสูงใหญ่ที่ปลูกไว้ในนั้นและทีช้างจำนวนหนึ่งเดินไปมาโดยมีคนงานคอยฝึกฝนพวกมัน เห็นได้ชัดว่าคฤหาสน์หลังนี้น่าจะซื้อมาจากคนอื่นอีกทีและคฤหาสน์หลังนี้ก็ได้รับการปรับปรุงใหม่และมีรูปลักษณ์ใหม่เอี่ยมพร้อมด้วยลักษณะสถาปัตยกรรมของประเทศเมียนมาร์
เมื่อเหล่าคนงานเห็นเฟิงหลานและคนอื่นๆ พวกเขาก็ทักทายและตะโกนว่า “นายหัว!”
เย่เชียนถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะและดวงตาของเขาก็หันไปที่เฟิงหลานอย่างช่วยไม่ได้ ซึ่งเฟิงหลานก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “พวกเขาตั้งใจเรียกแบบนั้นน่ะ” หลังจากพูดจบเฟิงหลานก็ยิ้มและพูดกับคนงานว่า “สวัสดี..”
เย่เชียนก็พยักหน้าเล็กน้อยและเดินเข้าไปข้างใน
เฟิงหลานพูดในขณะที่เขาเดินว่า “รายได้ของคนในประเทศเมียนมาร์นั้นต่ำมากและบางคนก็มีอาหารเลี้ยงชีพไม่เพียงพอสำหรับตลอดทั้งปี..คนงานเหล่านี้มาที่นี่เพื่อทำงานอย่างหนักและตอนนี้พวกเราก็อยู่ในใจของพวกเขาและเป็นผู้มีพระคุณของพวกเขาน่ะ..เพราะงั้นพวกเขาก็เลยยินดีที่จะทำแบบนี้”
เย่เชียนก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “หัวใจและจิตใจของมนุษย์นั้นยากแท้หยั่งถึง..ถึงยังไงก็เถอะคุณควรระมัดระวังเอาไว้ให้มากๆ ล่ะ..เพราะในสายตาของพวกเขาบางทีพวกเขาอาจจะไม่รู้ว่าความกตัญญูคืออะไร..พวกเขานั้นรู้ค่าแค่เงินเท่านั้น..และถ้าหากว่าวันหนึ่งมีคนอื่นที่พร้อมจะจ่ายเงินเป็นจำนวนมากเพื่อสั่งให้พวกเขาหักหลังเรา..ผมเกรงว่าพวกเขาคงจะไม่ลังเลใดๆ เลยแม้แต่น้อย”
เฟิงหลานพยักหน้าและพูดว่า “บอสไม่ต้องกังวลไป..เรื่องนี้ฉันจะจัดการให้ดี..ถ้าฉันไม่สามารถควบคุมคนเหล่านี้ได้แล้วฉันจะอยู่ในเขี้ยวหมาป่ามานานขนาดนี้ได้ยังไง”
เย่เชียนก็ไม่ได้พูดอะไรใดๆ เพียงยิ้มกลับอย่างพึงพอใจ
ชิงเฟิงนั้นไม่สได้นใจอะไรใดๆ เพราะหลังจากที่เขาวางกระเป๋าลงแล้วเขาก็รีบวิ่งออกไปเล่นกับช้างอย่างกระตือรือร้นและพูดคุยสิ่งต่างๆ กับคนงานซึ่งในขณะที่ชิงเฟิงคุยกับพวกเขานั้นชิงเฟิงดูมีความสุขอย่างมาก เหมือนเด็กที่หัวดื้อและซุกซนแต่ทว่าพวกเขาเหล่านั้นก็ไม่ได้รู้สึกรำคาญเลยเพราะคนงานเหล่านั้นก็ดูมีความสุขดีเช่นกัน
เย่เชียนนั้นก็ไม่ได้อยากที่จะคอยควบคุมชิงเฟิงให้อยู่ในระเบียบต่างๆ เพราะบางครั้งทีมก็ยังต้องการคนอย่างชิงเฟิงหนึ่งหรือสองคนเพื่อทำให้บรรยากาศในสถานการณ์ต่าวๆ มีชีวิตชีวาขึ้น เพราะไม่เช่นนั้นมันจะน่าเบื่อเกินไปเมื่อต้องทำงาน อย่างเคร่งเครียดอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ถึงแม้ว่าชิงเฟิงจะขี้เล่นและซุกซนในบางครั้งแต่เขาก็จริงจังอย่างมากเมื่อเขาปฏิบัติภารกิจและเขาก็ไม่เคยรบกวนคนอื่นเลย ดังนั้นเย่เชียนจึงปล่อยให้เขาไปเล่นไปทำเรื่องไร้สาระที่เขาต้องการอย่างยินดี
เมื่อเห็นว่าการแสดงออกของเฟิงหลานและหลิวเทียนเฉินดูหดหู่เล็กน้อยเย่เชียนก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยและตบไหล่ของพวกเขาเบาๆ และพูดว่า “เรื่องของหวนเฟิงมันก็เกิดขึ้นไปแล้ว..และสิ่งที่เราต้องทำในตอนนี้ก็คือค้นหาฐานที่มั่นของทหารรับจ้างดอกฝิ่นโดยเร็วที่สุด..ทุกคนอย่ากังวลไปเลย..ผมไม่อยากให้ทุกคนรู้สึกแย่เพราะอารมณ์ของผมในตอนนี้..ผ่อนคลายกันเถอะ”
เฟิงหลานและหลิวเทียนเฉินก็พยักหน้าเมื่อพวกเขาเห็นสีหน้าของเย่เชียนแล้วพวกเขาก็ไม่กล้าที่จะพูดเรื่องไร้สาระอะไรใดๆ
“ไปกันเถอะ..พาผมเดินชมคฤหาสน์หน่อย..เมื่อไหร่ที่พวกเราอยากพักพวกเราก็จะมาที่นี่และใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุขที่นี่แหละ”
หลิวเทียนเฉินก็ฉีกยิ้มและพูดว่า “โถ่บอส..เราไปซื้อเกาะเล็กๆ ดีกว่ามั้ย..ดีกว่ามาเป็นจักรพรรดิอยู่ที่นี่อีก”
“นั่นก็เป็นความคิดที่ไม่เลวเลยฮ่าฮ่า” เย่เชียนยิ้มและหัวเราะจากนั้นก็เดินออกไปข้างนอก
เช้าวันรุ่งขึ้นเย่เชียนและคนอื่นๆ ก็ขับรถกันไปที่ฐานของนายพลหวังเต๋อเซิน
เมื่อเห็นเย่เชียนมาหวังเต๋อเฉินก็รีบเข้ามากอดและพูดว่า “โอ้น้องชาย..ฉันอยากจะเจอนายจนจะตายแล้วเนี่ย..มาๆ เข้ามาคุยกันข้างในเถอะ”
ในขณะที่พูดเขาก็ดึงเย่เชียนเข้ามา ซึ่งตอนนี้วังเต๋อดีใจและมีความสุขอย่างมาก เพราะตั้งแต่นั้นมาเขาก็ไม่เคยกลัวการปิดล้อมและการปราบปรามของกองกำลังของรัฐบาลเลย นั่นก็เพราะว่าอาวุธยุทโธปกรณ์ทั้งหมดที่เขาครอบครองล้วนแล้วแต่เป็นของใหม่เอี่ยมและรุ่นใหม่ล่าสุดทั้งหมดและยังเป็นอาวุธที่ทันสมัยที่สุดในโลกอีกเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นเนื่องจากเย่เชียนได้แนะนำพวกเขาเอาไว้พวกเขาจึงได้ทั้งหมดมาด้วยราคาที่ถูกกว่าทั่วไปอย่างมาก ซึ่งคนที่มาทำธุรกรรมการซื้อขายแลกเปลี่ยนครั้งสุดท้ายนั้นได้พูดกับหวังเต๋อเซินโดยตรงเลยว่าตราบใดที่หวังเต๋อเซินต้องการหัวรบนิวเคลียร์ล่ะก็เขาก็จะหาให้ได้อย่างแน่นอน และสิ่งนี้ก็ทำให้วัหงเต๋อประหลาดใจอย่างมากโดยตระหนักว่าความสามารถของคนเหล่านั้นไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
หวังเต๋อเซินก็ตระหนักดีเลยว่าทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็เป็นเพราะเย่เชียนและเมื่อคิดเช่นนั้นเขาก็รักเย่เชียนเหมือนครอบครัวคนนึงของเขาเอง
ยิ่งไปกว่านั้นครั้งล่าสุดที่เย่เชียนกวาดล้างกองโจรของตี่ลุนได้ในครั้งนั้นหวังเต๋อเซินก็ได้รับประโยชน์มากมายจากเหตุการณ์นี้และเขาก็ได้ส่งกองกำลังบางส่วนไปยึดครองพื้นที่นั้นๆ และในช่วงเวลาสั้นๆ กองทัพของหวังเต๋อเซินก็ได้ขยายไปถึงเกือบ 3,000 คนและทำให้เขาเป็นเจ้าแห่งกองโจรของเมียนมาร์แห่งนี้
“น้องเย่..ให้ฉันบอกมั้ยว่านายควรจะมาตั้งถิ่นฐานอยู่แถวนี้ได้แล้ว..ด้วยทักษะและทรัพยากรทั้งหมดของน้องเย่น่ะมันง่ายมากที่จะเป็นจักรพรรดิของดินแดนนี้เลยนะ..ทำไมน้องเย่ต้องเหนื่อยไปทำอย่างอื่นด้วยล่ะ” หวังเต๋อเซินพูด
เย่เชียนยิ้มอย่างแผ่วเบาและพูดว่า “ผมเป็นคนที่ไม่สามารถอยู่เฉยๆ ได้น่ะ..ผมกลัวว่าผมจะต้องทนทุกข์ทรมานจากความเจ็บป่วยบางอย่างหลังจากผ่านไปนานๆ น่ะ..และผมคงจะมีชีวิตที่ไม่มีความสุขเอาเสียเลย”
หวังเต๋อเซินหัวเราะและพูดว่า “ฉันรู้ว่าน้องเย่เป็นคนที่มีความทะเยอทะยานอย่างมาก..ครอบครัวเล็กๆ และธุรกิจเล็กๆ ของพวกเราคงจะไม่อยู่ในสายตาของน้องเย่หรอก”
ถ้าหากว่าเย่เชียนต้องการที่จะเป็นจักรพรรดิพื้นเมืองอย่างหวังเต๋อเซินล่ะก็นั่นก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร เพราะตอนนี้ด้วยทรัพย์สินของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปก็เพียงพอที่จะเลี้ยงชีพให้กับเหล่าเขี้ยวหมาป่าไปชั่วชีวิตแล้ว และยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ยังมีเหมืองแร่อีกสองแห่งในแอฟริกาใต้ ซึ่งแค่เหมืองแร่เพียงอย่างเดียวก็มีรายได้มากมายอย่างมหาศาลอยู่แล้ว
เย่เชียนนั้นไม่ลืมเป้าหมายของเขาเลยซึ่งนั่นคือการฝังขี้เถ้าของกัปตันเทียนเฟิงเอาไว้ในสุสานแห่งผู้กล้าและผู้เสียสละและทำให้ความสง่าผ่าเผยของเขี้ยวหมาป่าอยู่บนจุดสูงสุดของโลกใบนี้ และไม่ว่ามันจะเป็นแบบไหนก็ตามแต่มันก็ยังคงมีความยากลำบาก แต่ทว่าเย่เชียนก็จะไม่ยอมแพ้และเขาก็กำลังปีนขึ้นไปสู่เป้าหมายของตัวเองทีละขั้นๆ อย่างสุดความสามารถ
ไม่ว่าคนเรานั้นจะหยิ่งผยองหรือทะเยอทะยานก็ตามแต่ลูกผู้ชายก็ควรทำบางอย่างที่ควรและไม่ทำบางสิ่งที่ไม่ควร และผู้ชายที่มีความทะเยอทะยานและความมุ่งมั่นเท่านั้นที่จะมีความหวังที่จะประสบความสำเร็จได้
หลังจากเงียบกันไปชั่วครู่เย่เชียนก็พูดว่า “พี่ใหญ่หวัง..ผมก็มีอะไรที่อยากจะพูดกับพี่ใหญ่เช่นกัน..กองโจรน่ะไม่ใช่ธุรกิจที่ดีไปตลอดชีวิตหรอกนะ..เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่กองกำลังของรัฐบาลคิดจะกวางล้างขึ้นมาคุณจะไม่สามารถไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระหรอก..ใช่แล้วพี่ใหญ่..คุณควรวางแผนสำหรับอนาคตของคุณบ้างนะ”
“จริงๆ แล้วฉันก็เคยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เหมือนกัน..เพราะถึงแม้ว่ากองกำลังของรัฐบาลจะไม่กล้าปิดล้อมและปราบปรามพวกเราในพื้นที่ของพวกเรานี้..แต่ใครจะรู้ล่ะว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต..เพราะฉันก็จะต้องรับผิดชอบต่อพวกเขาและฉันก็ไม่สามารถที่จะไล่พวกเขาออกไปทั้งหมดได้..จะไล่ให้พวกเขากลับบ้านและทำไร่ไถนางั้นหรือ? ..นอกจากนี้ยังมีคนจำนวนมากที่เป็นลูกหลานของทหารพม่าน่ะ..แล้วพวกเขาจะทำอะไรได้บ้างหลังจากถูกไล่ออก?” หวังเต๋อถอนหายใจเฮือกใหญ่และพูดว่า “ถ้างั้นน้องเย่ก็แนะนำฉันหน่อยสิ”
เย่เชียนยิ้มเบาๆ และพูดว่า “มันไม่มีทางเลย..เพราะกองโจรนั้นผิดกฎหมายและไม่ได้รับการยอมรับจากรัฐบาล..แต่ถ้าหากว่าพี่ใหญ่ทำให้มันถูกกฎหมายมันก็จะไม่มีปัญหาอะไรใช่มั้ยล่ะ?”
“หือ? ..ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว..น้องเย่เรามาคุยเรื่องนี้กันดีกว่า” หวังเต๋อพูดอย่างงงงวยและคาดหวัง
“เท่าที่ผมรู้มาประเทศเมียนมาร์ในอดีตนั้นถูกปกครองโดยทหารซึ่งเป็นยุคของทหาร..แต่ในปัจจุบันจะเป็นระบอบประชาธิปไตย..ซึ่งสิ่งที่เรียกว่าประชาธิปไตยเนี่ยมันก็เป็นเพียงแค่คำพูดลมปากจากปากเปล่า..เพราะกุญแจสำคัญก็คือการดำเนินการและการบริหารสิ่งต่างๆ ยังไงล่ะ..พี่ใหญ่หวังรู้เรื่องไต้หวันเมื่อก่อนบ้างมั้ย?” เย่เชียนพูด
หวังเต๋อเฉินส่ายหัวอย่างว่างเปล่าเพราะไม่ต้องพูดถึงไต้หวันเลยเพราะแม้แต่เรื่องการเมืองของเมียนมาร์เขาเองก็ไม่ค่อยรู้อะไรมากนัก
“สิ่งที่ทรงพลังที่สุดในไต้หวันก็คือนักการเมืองทั้งสามคนที่ประจำอยู่ในสภานิติบัญญัติผู้ยิ่งใหญ่..ซึ่งคนเหล่านั้นก็ได้นำธุรกิจใต้ดินมาพลิกแพลงให้เกิดโอกาสและเราก็จะสามารถทำสิ่งต่างๆ ได้อย่างเปิดเผยได้และเราก็จะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายของประเทศนั้นๆ อีกด้วย..สิ่งเหล่านี้ก็เพื่อให้เราได้ผลกำไรที่มากขึ้น” เย่เชียนพูดต่อ “ประเทศเมียนมาร์ก็เหมือนกันพี่ใหญ่หวัง..พี่ใหญ่ควรที่จะเปิดรับสิ่งต่างๆ และเข้าหาพวกรัฐบาลและพวกสภานิติบัญญัติให้มากขึ้นกว่า”
“นี่ไม่ได้หมายความว่าให้พวกเราเลือกที่จะยอมจำนนใช่มั้ย?” หวังเต๋อเซินพูด
“ไม่ๆ ..มันแตกต่างกัน..เพราะนี่คือการร่วมมือกับรัฐบาล..นี่คือการใช้ประโยชน์ร่วมกัน..ประเด็นคือผมจะทำให้คุณเข้าใจได้ยังไง” เย่เชียนพูด
หวังเต๋อเซินขมวดคิ้วแน่นและตกอยู่ในห้วงแห่งความคิด ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่าคำพูดของเย่เชียนนั้นทำให้เขาสนใจอย่างมาก และถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริงๆ เขาก็จะสามารถเดินเข้าไปประชุมในอาคารรัฐสภาได้อย่างโอ่อ่าและทรงเกียรติอย่างจริงแท้
“มันจะง่ายอย่างงั้นเลยหรือ?” หวังเต๋อพึมพำ
“แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ..แต่มันก็ไม่ได้ยากขนาดนั้น..เพราะเท่าที่ผมรู้มาการประชุมของรัฐบาลกลางและรัฐสภาของเมียนมาร์นั้นได้รับการเสนอชื่อโดยตรงจากผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพ..ซึ่งพวกเขาไม่ได้มาจากการเลือกตั้งและพวกเขาก็มาจากการเสนอชื่อและลงมติกันในรัฐสภาเอง..เพราะงั้นกุญแจสำคัญมันก็ขึ้นอยู่กับวิธีการเหล่านี้” เย่เชียนพูด
“น้องเย่! ..ฉันไม่รู้ว่าจะชื่นชมน้องเย่ยังไงดี..เพราะแม้แต่การเมืองของประเทศเมียนมาร์น้องเย่ก็ยังชัดเจนอย่างมากเกี่ยวกับข้อมูลต่าง..น้องเย่บอกฉันหน่อยว่าฉันต้องทำยังไง..และไม่ว่าจะอะไรฉันก็จะฟังน้องเย่..ให้ตายเถอะ! ..ไปนั่งดื่มชาในรัฐสภางั้นเหรอ..มันยอดเยี่ยมมาก!”
เย่เชียนหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เรื่องแบบนี้เราจะรีบไม่ได้เพราะมันต้องใช้เวลาพอสมควรเลย..และมันก็ต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลด้วย..เพราะงั้นพี่ใหญ่หวังต้องมีความพร้อมทางกำลังทรัพย์มากกว่านี้ด้วย”
.
.
.
.
.
.
.