ความตลกหน้าด้านของทั้งสองคนนี้เกินกว่าที่เย่เชียนจะรับไหวเพราะเขานั้นอยากจะรู้ว่าทั้งสองคนต้องการจะพูดอะไรแต่กลับเผชิญหน้ากับเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำไปซ้ำมาแล้วแบบนี้เขาจะเป็นหัวหน้าได้อย่างไรถ้าหากไม่สามารถควบคุมลิงหลอกเจ้าทั้งสองตัวนี้ได้?
เย่เชียนก็จ้องเขม็งไปที่พวกเขาทั้งสองและชี้ไปที่หวงฟู่เส้าเจี๋ยและพูดว่า “นี่มันอะไรกันเนี่ย..นายสองคนจะตื่นเต้นอะไรกันนักกันหนา?”
วงฟู่เส้าเจี๋ยก็หัวเราะเบาๆ และพูดว่า “อาจารย์ไม่รู้หรอกว่าวันนี้ชิงเฟิงกับผมสะใจกันอย่าง..เดี๋ยวเราจะพาอาจารย์ไปที่นั่นด้วยรับรองเลยว่าอาจารย์จะต้องชอบ”
“หมายถึงอะไร..รีบพูดๆ มาได้แล้ว” เย่เชียนจ้องเขม็งพวกเขาและพูด
“ก็พวกเราเพิ่งจะไปผับบาร์ของเฝิงเฝิงมาและจัดชุดใหญ่ไปตั้งหลายที่..อาจารย์! ..ขอบอกเลยว่าผมรู้สึกว่ามันสะใจและน่าตื่นเต้นกว่าครั้งที่แล้วมาก” หวงฟู่เส้าเจี๋ยพูด
เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเพราะปรากฏว่าลิงหลอกเจ้าทั้งสองนี้เป็นตัวสร้างปัญหาจริงๆ และสิ่งที่พวกเขาทำลงไปมันเป็นเหมือนการประกาศและเตือนเฝิงเฝิงว่าพวกเขามาเยือนเมืองหางโจวไม่ใช่หรือ? พวกเขาไม่ได้คิดหน้าคิดหลังเลย? และหลังจากนี้มันก็จะยุ่งยากมากกว่าเดิมมาก เมื่อมองไปที่พวกเขาทั้งสองแล้วเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆ เพราะในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วและจะต้องทำอย่างไรต่อไป?
เมื่อเห็นว่าการแสดงออกและปฏิกิริยาตอบสนองของเย่เชียนนั้นดูเปลี่ยนไปก็ทำให้ความตื่นเต้นบนใบหน้าของชิงเฟิงและหวงฟู่เส้าเจี๋ยหายไปทันที และจ้องมองไปที่เย่เชียนด้วยความงุนงงและไม่กล้าที่จะพูดอะไรใดๆ อีก ส่วนเย่เชียนก็จ้องมองพวกเขาและพูดว่า “พูดทำไมไม่พูดต่อล่ะ? ..พวกนายไม่ได้กำลังตื่นเต้นหรอกเหรอ..นี่พวกนายไม่ได้ใช้สมองคิดกันเลยใช่มั้ยเนี่ย..พวกนายทำแบบนี้แล้วสิ่งที่ฉันเตรียมมาก่อนหน้านี้มันก็พังหมดน่ะสิ”
“อาจารย์คือ…อาจารย์คือว่าเราตื่นเต้นมากไปหน่อย..เราไม่ได้นึกถึงเรื่องนั้นเลย” หวงฟู่เส้าเจี๋ยพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูคลุมเครือและเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดเพราะเขาต้องการทำให้อาจารย์ชื่นชมในตัวเองแต่ทว่าตอนนี้ไม่ใช่แค่ไม่ได้ชื่นชมเพียงเท่านั้นแต่กลับทำให้อาจารย์ต้องขุ่นเคืองอีก เมื่อคิดเช่นนั้นเขาก็น่าจะให้เชิงเฟิงพูดเพราะเขาจะได้ไม่ต้องเป็นนกตัวแรกที่โดนเชือด
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้หวงฟู่เส้าเจี๋ยก็จ้องเขม็งไปที่ชิงเฟิงอย่างลับๆ และหลังจากนั้นเขาก็ยิ้มอย่างโง่เขลาและสำนึกผิดแต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำเย่เชียนหายขุ่นเคืองได้
หลี่จื้อเทียนก็หัวเราะเบาๆ และพูดขึ้นมาว่า “เอาหน่าๆ น้องชายไม่เป็นไรๆ ..มันก็แค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ น่ะอย่าไปโทษพวกเขาเลย..เรื่องเฝิงเฝิงน่ะเดี๋ยวฉันจะจัดการให้เอง..ฉันรับรองได้เลยว่ามันจะไม่มีปัญหาตามมาแน่”
“มันเป็นปัญหาแน่พี่ใหญ่หลี่” เย่เชียนพูด
ทันทีที่เย่เชียนพูดจบเฝิงเฝิงและกลุ่มคนจำนวนมากก็เดินเข้ามาซึ่งเฝิงเฝิงกำลังเดือดดาลอย่างมาก เพราะเฝิงเฝิงกำลังประชุมเรื่องธุรกิจกับบุคคลสำคัญของเมืองหางโจวอยู่และสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นโดยผู้จัดการสถานบันเทิงของเขาโทรมาทีละคนโดยบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าสถานบันเทิงแต่ละแห่งถูกก่อกวนและถูกสร้างความวุ่นวาย ซึ่งเมื่อได้ยินเช่นนั้นเฝิงเฝิงก็ถึงกับผงะไปเพราะเขาไม่คาดคิดเลยว่าในเมืองหางโจวแห่งนี้จะมีใครกล้ามาท้าทายเขาอีกซึ่งเขาก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหลังจากที่เขาถามข้อมูลต่างๆ กลับพบว่าเป็นคนของเย่เชียนจากเมืองหนานจิงที่มาบุกมาสร้างความวุ่นวายในสถานบันเทิงของเขาเอง
เฝิงเฝิงนั้นกำลังรู้สึกสูญเสียอาการอย่างมากเพราะทหารรับจ้างเหล่านั้นที่เขาว่าจ้างมาไม่สามารถกำจัดเย่เชียนได้เลยและยิ่งไปกว่านั้นเย่เชียนได้มาเยือนเมืองหางโจวโดยที่เขาไม่รู้ตัวอีกด้วย แต่ทว่านี่ก็คือเมืองหางโจวซึ่งนี่ก็คือโลกของเขานั่นเอง แต่ทว่าเฝิงเฝิงก็ไม่ได้กลัวเย่เชียนเลยแต่เขาก็ไม่ได้คาดหวังว่าเย่เชียนจะโง่ถึงขนาดนี้ในการปกปิดข่าวการเคลื่อนไหวในกิจกรรมต่างๆ ในเมืองหนานจิงและแอบมาที่เมืองหางโจวแห่งนี้เพื่อมาคุกคามเขา
ถึงแม้ว่าเฝิงเฝิงจะไม่สามารถกำจัดเย่เชียนได้ในครั้งล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ที่เมืองหนานจิงก็ตาม แต่ทว่าที่เมืองหางโจวแห่งนี้มันไม่เหมือนกันซึ่งเฝิงเฝิงก็ไม่ได้เกรงกลัวอะไรเย่เชียนเลยเพราะที่แห่งนี้มันเป็นดินแดนของเขา
เมื่อเห็นเฝิงเฝิงมาเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจพลางคิดในใจว่าไม่แปลกใจเลยที่เขามีฉายาราชาแห่งขุนเขาของมณฑลเจ้อเจียงเพราะไม่เช่นนั้นเขาคงจะไม่ปรากฏตัวออกมาได้ไวถึงเพียงนี้เป็นแน่
เฝิงเฝิงก็เดินไปที่ด้านข้างของเย่เชียนอย่างโออ่าและกำลังจะอ้าปากเพื่อพูดแต่ทว่าทันใดนั้นเขาก็เหลือบไปเห็นหลี่จื้อเทียนและเฉินเซิงที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเย่เชียนและเมื่อเห็นเช่นนั้นเฝิงเฝิงก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงและแน่นิ่งไปชั่วขณะเพราะทั้งสองคนนี้เป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริงในเมืองหางโจว ซึ่งเฉินเซิงเป็นถึงลูกชายคนโตของผู้ว่าการคณะกรรมการพรรคประจำมณฑลและนับประสาอะไรกับหลี่จื้อเทียนที่ไม่สามารถเทียบได้เลย เพราะหลี่จื้อเทียนคนนี้ไม่ใช่บุคคลที่จะสามารถไปยั่วยุและทำให้ขุ่นเคืองได้เลย
“หัวหน้าหลี่อยู่ที่นี่ด้วยหรือ” เฝิงเฝิงพูดอย่างสุภาพนอบน้อม
หลี่จื้อเทียนยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “โอ้..ประธานเฝิง..มาดื่มกาแฟเหรอ?”
เฝิงเฝิงยิ้มเจื่อนๆ อย่างเชื่องช้าเพราะแท้ที่จริงแล้วเขานั้นไม่เคยมาเหยียบร้านกาแฟเล็กๆ เลยเพราะสถานที่ที่เขามักจะไปก็คือสปานวดและสโมสรผับบาร์ต่างๆ เพียงเท่านั้น จากนั้นเฝิงเฝิงก็จ้องมองไปที่เย่เชียนและหันไปถามหลี่จื้อเทียนว่า “หัวหน้าหลี่กับประธานเย่รู้จักกันด้วยหรือ? ”
“ใช่..แล้วประธานเฝิงล่ะรู้จักกับน้องเย่ด้วยหรือ? ..มาๆ เรามานั่งคุยกันเถอะ” หลี่จื้อเทียนพูดด้วยรอยยิ้ม
“เอ้า! ..หัวหน้าหลี่พูดแล้วทำไมพวกแกถึงยังไม่ไปอีก” เฝิงเฝิงนั่งลงและโบกมือให้คนของเขาทั้งหมดออกไปรอข้างนอก
“ประธานเฝิงมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า..ทำไมถึงยกโขยงคนมาตั้งเยอะขนาดนี้?” หลี่จื้อเทียนถามอย่างมีชั้นเชิง
เฝิงเฝิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และพูดว่า “หัวหน้าหลี่..คือที่ฉันมาที่นี่ก็เพื่อจะมาหาประธานเย่เป็นพิเศษน่ะ..เพราะวันนี้ลูกน้องของประธานเย่มาสร้างความวุ่นวายที่สถานบันเทิงของฉันน่ะ..ฉันจึงมาเพื่อขอคำอธิบายจากเขา” เฝิงเฝิงนั้นคาดเดาเอาไว้ว่าเย่เชียนกับหลี่จื้อเทียนนั้นเพิ่งจะเคยพบปะกันครั้งแรกในวันนี้ ดังนั้นเฝิงเฝิงจึงไม่ได้กังวลเลยว่าหลี่จื้อเทียนจะยื่นมือเข้ามาช่วยเย่เชียนแต่อย่างใด ซึ่งเฝิงเฝิงนั้นไม่ได้ตระหนักถึงคำที่หลี่จื้อเทียนใช้เรียกเย่เชียนเมื่อครู่นี้เลย
เย่เชียนก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “ประธานเฝิงพูดเกินจริงไปหน่อยหรือเปล่าครับ..มันต้องมีความเข้าใจผิดกันแน่ๆ อาจจะเป็นแค่การทะเลาะวิวาทกันเล็กๆ น้อยๆ แค่นั้น..อย่ายกมันมาทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลย..ผมพูดถูกมั้ยประธานเฝิง?”
เฝิงเฝิงก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและพูดอย่างไม่พอใจเล็กน้อยว่า “เย่เชียน..คุณกำลังปกป้องลูกน้องอย่างเห็นได้ชัดเลย..คนของคุณมาสร้างความวุ่นวายในสถานที่ของฉันและคุณก็ไม่ได้ให้คำอธิบายกับฉันเลย..แล้วถ้าเป็นอย่างงั้นเฝิงเฝิงคนนี้จะมีหน้ามีตาในสังคมและจะมีจุดยืนได้ยังไง?”
เย่เชียนนยิ้มอย่างเฉยเมยและพูดว่า “ประธานเฝิงก็จริงจังเกินไป..เหล่าบุคลากรที่อยู่ภายใต้คุณและผมน่ะมีตั้งหลายร้อยคน..แล้วใครจะไปรับประกันได้ล่ะว่าพวกเขาเหล่านั้นจะทำอะไรบ้างในวันๆ นึง..และประธานอย่างเราก็ควรจะก้าวไปข้างหน้าไม่ใช่หรอและปล่อยให้พวกเขาเหล่านั้นแก้ไขสิ่งเหล่านี้ด้วยตัวเองไม่ดีกว่าเหรอ”
เฝิงเฝิงพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ก็ถ้างั้นคุณก็หมายถึงชีวิตและความตายนั้นเป็นของคุณเอง..และความมั่งคั่งกับเกียรติยศก็อยู่ค้ำฟ้าเสมอน่ะเหรอ? ”
เย่เชียนยักไหล่เบาๆ และพูดว่า “แล้วนั่นมันไม่ใช่ความจริงหรอกเหรอ? ..ก็ในเมื่อคนของคุณก็อยู่ที่นี่และคนของผมก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน..เพราะงั้นก็ให้พวกเขาแก้ไขปัญหาต่างๆ กันเองไม่ดีกว่าเหรอ?”
เมื่อมองไปที่ชิงเฟิงและหวงฟู่เส้าเจี๋ยที่กำลังแอบหัวเราะและยิ้มอยู่ที่ด้านข้างของเย่เชียนแล้วก็ทำให้คิ้วของเฝิงเฝิงขมวดเข้าหากันแน่นเพราะเขาได้เห็นทักษะการต่อสู้ของเย่เชียนมาด้วยตาของเขาเองแล้ว เขาก็ตระหนักดีว่าเด็กหนุ่มสองคนนี้ต้องไม่ใช่เด็กธรรมดาๆ อย่างแน่นอนและถึงแม้ว่าเขาจะพาคนมาเจ็ดหรือแปดคนก็ตามถึงยังไงพวกเขาเหล่านั้นก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเด็กหนุ่มสองคนนี้อย่างแน่นอน
จู่ๆ หลี่จื้อเทียนก็หัวเราะออกมาเบาๆ และพูดว่า “เห็นแก่ฉันที่เป็นคนกลางก็แล้วกัน..พวกคุณหยุดกันแค่นี้เถอะ..ฉันเชื่อว่าเรื่องเงินค่าเสียหายน่ะคงไม่ใช่ปัญหาสำหรับพวกคุณหรอกใช่มั้ย?”
“แล้วสถานบันเทิงของฉันก็ถูกถล่มไปโดยเปล่าประโยชน์แบบนี้เนี่ยนะ” เฝิงเฝิงพูดอย่างไม่สบอารมณ์เล็กน้อย
“แล้วคุณต้องการอะไรล่ะ..คุณต้องการให้ฉันคุกเข่าขอโทษคุณหรือเปล่า?” รอยยิ้มที่ดูเป็นมิตรของหลี่จื้อเทียนก็เริ่มมืดมนลงและใบหน้าของเขาก็ดูจริงจังขึ้นมาในทันทีจากนั้นเขาก็พูดต่อ “ในเมื่อหลี่จื้อเทียนคนนี้ไม่สามารถที่จะเป็นคนกลางยุติความขุ่นเคืองนี้ได้..และคุณเฝิงเฝิงก็ไม่สบอารมณ์แบบนี้อีก..แล้วฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนได้อีก?” เห็นได้ชัดเลยว่าหลี่จื้อเทียนกำลังยื่นมือเข้ามาช่วยเย่เชียน และถึงแม้ว่าอิทธิพลและอำนาจของหลี่จื้อเทียนจะมากกว่าเฝิงเฝิงก็ตามแต่เฝิงเฝิงก็คลุกคลีกับโลกใต้ดินและธุรกิจสีดำมามากมายเพราะฉะนั้นหลี่จื้อเทียนก็ไม่ได้อยากที่จะแข็งข้อกับเฝิงเฝิงมากจนเกินไป แต่ทว่าในสถานการณ์ปัจจุบันเช่นนี้เห็นได้ชัดเลยว่าหลี่จื้อเทียนนั้นไม่สามารถที่จะตระหนักถึงข้อยกเว้นนั้นๆ ได้เลย
เฝิงเฝิงก็รู้สึกไม่พอใจและไม่สบอารมณ์อย่างมาก เพราะถึงแม้ว่าหลี่จื้อเทียนจะมีอิทธิพลและอำนาจมากกว่าตัวเองในมณฑลเจ้อเจียงก็ตาม แต่หลี่จื้อเทียนก็ไม่สามารถที่จะทำการใหญ่อะไรได้มากขนาดนั้น อย่างไรก็ตามสถานการณ์ในตอนนี้เห็นได้ชัดเลยว่าหลี่จื้อเทียนกำลังช่วยเย่เชียนและถ้าหากทั้งสองฝ่ายมีความขุ่นเคืองและความบาดหมางต่อกันจริงๆ ล่ะก็สถานการณ์ต่างๆ ก็จะเลวร้ายอย่างมาก
“หัวหน้าหลี่..เฝิงเฝิงคนนี้เคารพคุณ..และฉันก็ให้เกียรติคุณเสมอ..แต่วันนี้คุณไม่คิดว่ามันจะมากเกินไปหน่อยหรือ? ..ไม่อย่างงั้นฉันจะควบคุมลูกน้องของฉันในอนาคตได้ยังไง?”
“ถ้างั้นฉันก็ขอบอกคุณให้ชัดเจนเลยนะว่าตอนนี้เย่เชียนเป็นพรรคพวกของฉันและฉันก็จะไม่ยอมให้ใครมาคุกคามเขาเด็ดขาด..และถ้าหากว่าคุณต้องการจะจัดการกับเขาแล้วล่ะก็..คุณก็ต้องข้ามฉันไปก่อน..ถ้าคุณจะทำอะไรคุณก็ต้องชั่งน้ำหนักตัวเองให้ดีก่อนนะ..และดูว่าคุณมีคุณสมบัตินั้นมากพอหรือเปล่า” หลี่จื้อเทียนพูดตักเตือนอย่างเคร่งขรึม ถึงแม้ว่าหลี่จื้อเทียนจะไม่ได้ทำงานอย่างยากลำบากและหนักหน่วงบนท้องถนนมาก็ตาม แต่ด้วยความรุ่งโรจน์ของเขาในด้านธุรกิจและสิ่งต่างๆ แล้วนั้นซึ่งทำให้เขามีอำนาจและอิทธิพลอย่างล้นหลามและทำให้เขาเห็นสิ่งต่างๆ มามากมายและมีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ควรมองข้ามอย่างยิ่ง
เฝิงเฝิงกัดฟันแน่นและสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วและพูดอย่างเย็นชาว่า “ก็ได้ก็ได้..ตอนนี้ฉันจะปล่อยไปก็แล้วกัน..แต่เรื่องที่เย่เชียนจะออกจากเมืองหางโจวได้หรือไม่นั้นมันก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาและดวงของเขาเท่านั้น..ไปกันเถอะ!” เฝิงเฝิงพูดจบเขาก็ลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธเกรี้ยวและเดินออกไปพร้อมกับลูกน้องของเขา
เห็นได้ชัดเลยว่าเฝิงเฝิงได้ประกาศกร้าวที่จะกำจัดเย่เชียนแล้วและประกาศศักดาเอาไว้ว่าเขาไม่ปล่อยให้เย่เชียนออกจากเมืองหางโจวไปได้อย่างแน่นอน และถึงแม้ว่าหลี่จื้อเทียนจะอยู่ที่นั่นด้วยก็ตามแต่มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรใดๆ อีกต่อไปแล้ว เพราะในทางกลับกันก็เท่ากับว่าเฝิงเฝิงได้ประกาศสงครามกับหลี่จื้อเทียนด้วยเช่นกัน ซึ่งเฝิงเฝิงนั้นก็ไม่รู้ว่าเย่เชียนนั้นรับรู้แล้วว่าเขาเองที่เป็นคนว่าจ้างทหารรับจ้างดอกฝิ่นมากำจัดเย่เชียนเมื่อไม่นานมานี้ และสำหรับเฝิงเฝิงแล้วเย่เชียนก็ได้กลายเป็นศัตรูตัวฉกาจที่สุดของเขาอย่างไม่ต้องสงสัยเลยและในตอนนี้เขาก็ต้องการที่จำกำจัดเย่เชียนออกไปโดยเร็วที่สุดเพราะถ้าหากว่าเขาไม่ทำตอนนี้ล่ะก็เย่เชียนก็จะเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับเขาในอนาคตอย่างแน่นอน และด้วยเหตุผลนี้เฝิงเฝิงจึงเพิกเฉยต่อการแทรกแซงของหลี่จื้อเทียนและไม่ไว้หน้าหลี่จื้อเทียนอีกต่อไปแล้ว เพราะถ้าหากเขาจะต้องนั่งรอความตายล่ะก็ยอมกัดฟันโต้กลับยังดีเสียกว่า
เย่เชียนนั้นรู้ดีว่าการกระทำของชิงเฟิงและหวงฟู่เส้าเจี๋ยได้เปิดเผยตัวตนของเขาในเมืองหางโจวแห่งนี้และเฝิงเฝิงก็จะไม่เพิกเฉยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ไม่ได้กังวลอะไรมากนักเพราะเหตุผลแรกเย่เชียนนั้นไม่ได้วางแผนที่จะสร้างอำนาจและอิทธิพลของตัวเองในเมืองหางโจวแห่งนี้เลย เพราะฉะนั้นเย่เชียนจึงไม่ต้องการที่จะเสียเวลามากเกินไปในการจัดการสิ่งต่างๆ เกี่ยวกับเฝิงเฝิง เหตุผลที่สองก็คือก่อนที่จะมาถึงเมืองหางโจวนั้นเย่เชียนก็ได้ตัดสินใจที่กำจัดเฝิงเฝิงอยู่แล้วและเมื่อเป็นเช่นนั้นสถานการณ์ต่างๆ ในเมืองหางโจวและแม้แต่มณฑลเจ้อเจียงเองก็ต้องวุ่นวายอย่างแน่นอน
เย่เชียนนั้นไม่สามารถรู้ได้ว่าเฝิงเฝิงนั้นมีผู้ใต้บังคับบัญชาประเภทไหนอยู่บ้าง แต่ทว่าอย่างน้อยๆ ก็รู้ว่าหนึ่งในนั้นก็มีหมาป่าผีไป๋ฮวยอยู่ด้วยและไป๋ฮวยเองก็ต้องมีเจตนาบางอย่างที่ทำให้เขายังอยู่ใต้การควบคุมของเฝิงเฝิง พูดอีกนัยหนึ่งก็คือหมาป่าผีไป๋ฮวยนั้นเป็นเหมือนระเบิดเวลาที่แฝงอยู่กับเฝิงเฝิงและจะระเบิดออกตอนไหนก็ได้ทุกเมื่อ
.
.
.
.
.
.
.