เหลียงหยานคือใคร? เธอก็คือเลขาของซ่งหลันนั่นเองและเป็นหนึ่งในผู้จัดการของเครือน่านฟ้ากรุ๊ป ซึ่งเธอก็เคยพบกับเย่เชียนมาก่อนแล้วและเมื่อตอนที่เธออยู่ที่ต่างประเทศและเธอก็รู้ว่าเย่เชียนนั้นเป็น CEO ที่แท้จริงของเครือน่านฟ้ากรุ๊ป ดังนั้นเมื่อเธอเห็นเย่เชียนในชุดของพนักงานทำความสะอาดและถูกกล่าวหาว่าเป็นโรคจิตแอบดูผู้หญิงในห้องน้ำเช่นนี้แล้วเธอจะไม่ตกใจได้อย่างไร
อย่างไรก็ตามโชคดีที่เธอนั้นคุ้นเคยกับเย่เชียนเป็นอย่างดีเพราะเธอมักจะติดต่อกับเขาอยู่หลายครั้งเมื่อเธออยู่ที่ต่างประเทศและเธอก็ด้วยรู้ว่า CEO ที่อยู่เบื้องหลังของบริษัทของเธอนั้นบางครั้งเขาก็ชอบทำพฤติกรรมแปลกๆ ไปบ้าง ดังนั้นเธอจึงไม่แปลกใจอะไรมากนัก
เมื่อได้ยินคำพูดของเหลียงหยานแล้วหญิงสาวคนนั้นก็ตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัดและเธอก็มองไปที่เย่เชียนด้วยความประหลาดใจและสงสัยอยู่ในใจว่าเขาจะเป็นประธานไปได้อย่างไร? และถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริงๆ คนที่เป็นลูกน้องอย่างเธอจะไม่ตกงานอย่างงั้นเหรอ?
เย่เชียนก็หัวเราะเบาๆ และพูดว่า “นกน้อยของพี่เธอกลับมาเมื่อไหร่เนี่ย..ทำไมเธอไม่บอกพี่ล่ะ..พี่จะได้ไปรับเธอด้วยตัวเอง”
เหลียงหยานยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “พี่เย่..พี่ใส่ชุดนี้ทำไม..พี่มาหาประธานหรอ..เดี๋ยวฉันจะพาพี่ไปหาเธอเดี๋ยวนี้แหละ”
หญิงสาวคนนั้นเฝ้ามองการสนทนาที่ดูสนิทสนมกันอย่างมากระหว่างเย่เชียนและเหลียงหยานด้วยความประหลาดใจและเธอก็พูดอย่างคลุมเครือว่า “เลขาเหลียงคือ…เขา…”
เหลียงหยานยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “เขาคือ CEO ใหญ่ของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปของเรา..เขาชอบตรวจสอบสิ่งต่างๆ แบบลับๆ น่ะ..คุณไม่ต้องกังวลไปหรอกนะเพราะว่า CEO ของเราน่ะทั้งน่ารักและใจดีไม่ใช่เหรอ?” ในขณะที่เธอพูดเธอก็เหลือบมองไปที่เย่เชียนและเย่เชียนก็รีบยิ้มอย่างโง่เขลาและพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่าจากนั้นเย่เชียนก็พูดว่า “ใช่ใช่..ผมน่ารักและใจดีมาก”
ผู้หญิงคนนั้นถึงกับตกตะลึงเพราะเธอไม่คาดคิดเลยว่าชายหนุ่มตรงหน้าของเธอจะเป็นถึง CEO ใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปของเธอ และเขาคนนี้จะมีอิทธิพลและอำนาจหรือทรัพย์สมบัติมากขนาดไหนกัน? ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อครู่นี้เธอเพิ่งจะดุด่าสาปแช่งเขาไปเช่นนั้นแล้วเขาคงจะไม่ไล่เธอออกหรอกใช่ไหม? ซึ่งเงินเดือนและสวัสดิการของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปนั้นก็ค่อนข้างดีเยี่ยมเลยทีเดียวและสุดท้ายแล้วเธอก็โชคร้ายจริงๆ ซึ่งเธอก็คิดว่าทำไมเธอถึงต้องไปดุด่าสาปแช่งเขาด้วยเพราะถ้าหากเธอรู้ว่าจริงๆว่าเขาเป็นใครล่ะก็เธอก็จะไม่ดุด่าสาปแช่งเขาเช่นนั้นอย่างแน่นอน
เมื่อเห็นสีหน้าที่ขมขื่นและกังวลอย่างมากบนใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นเย่เชียนก็หัวเราะเบาๆ และพูดว่า “ไม่ต้องกังวลไปมันก็แค่เรื่องเข้าใจผิดกันเฉยๆ ..คุณเองก็คงทำงานมาอย่างหนักหน่วงและผมก็ไม่เคยเข้ามาแทรกแซงเกี่ยวกับบริษัทเลย..เพราะงั้นจะไม่มีใครไล่คุณออกเพราะเรื่องนี้หรอก”
ผู้หญิงคนนั้นก็ตกใจและหลังจากนั้นไม่นานเธอก็อดไม่ได้ที่จะดีใจอย่างมาก ซึ่งเธอก็คิดกับตัวเองว่าผู้ชายคนนี้กลับกลายเป็น CEO ที่ใจดีต่างหาก
“พวกคุณกลับไปทำงานกันได้แล้ว!” เหลียงหยานพูด
ผู้หญิงคนนั้นและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต่างก็แยกย้ายกันไปและเหลียงหยานก็พาเย่เชียนไปที่ออฟฟิศของซ่งหลัน
ในช่วงเวลาสั้นๆ ชื่อของเย่เชียนก็ได้แพร่กระจายไปทั่วสักนักงานใหญ่เครือน่านฟ้ากรุ๊ปแล้ว และทุกคนก็ทราบกันดีแล้วว่า CEO ใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังของบริษัทได้ลงพื้นที่ตรวจสอบเป็นการส่วนตัวเพื่อสวัสดิภาพและสิทธิประโยชน์ของพนักงานหญิงและให้เอาใจใส่เหล่ากุลสตรีอย่างมากเพราะฉะนั้น CEO ใหญ่จึงเข้าไปในที่ห้องน้ำของผู้หญิงเพื่อตรวจสอบสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ แก่กุลสตรีอย่างพวกเธอ ข่าวดังกล่าวก็แพร่กระจายไปถึงหูของเหล่าพนักงานแผนกฝ่ายบุคคลเช่นกัน และหญิงสาวเสี่ยวหลิงเองก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจและตื่นตระหนกอย่างมากเพราะปรากฏว่าเธอเห็น CEO ของเธอเป็นพนักงานทำความสะอาดที่มาสมัครงานและเธอเองก็สั่งให้เขาไปทำความสะอาดอีกเสียด้วย ส่วนเหล่าผู้หญิงคนอื่นๆ ในแผนกฝ่ายบุคลากรต่างก็ตื่นตระหนกมากเช่นกันเมื่อนึกถึงเรื่องที่พวกเธอพูดหยอกล้อกับเย่เชียนไปในตอนนั้นซึ่งทำให้พวกเธอในตอนนี้ต่างก็ถึงกับตกตะลึงและหวั่นใจกันอย่างมาก
เย่เชียนนั้นก็ไม่ได้รู้อะไรเลยว่ามันเป็นเพราะความเบื่อหน่ายของเขาเองที่ทำให้ทั้งสำนักงานใหญ่ของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปต้องวุ่นวายกันขนาดนี้ จากการนำทางของเหลียงหยานนั้นพวกเขาทั้งสองก็มาถึงออฟฟิศของซ่งหลันอย่างรวดเร็ว ซึ่งซ่งหลันก็นั่งอยู่บนเก้าอี้ของเธอและกำลังมองดูเอกสารในมืออย่างใจจดใจจ่อ “ประธานคะ..พี่เย่มาที่นี่ค่ะ” เหลียงหยานเคาะประตูและพูด
“ห๊ะ! ..ประธานไหน?” ซ่งหลันก็ถามด้วยความประหลาดใจและคงามงุนงงเพราะเธอมัวแต่จดจ่ออยู่กับงานของเธอ
“ก็น้องชายที่แสนดีของคุณ..และว่าที่สามีที่คุณอยากแต่งงานมาตลอดไง..เย่เชียนผู้ซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นราชาแห่งหมาป่า” เย่เชียนยิ้มอย่างมีความสุขและพูด เย่เชียนนั้นก็ไม่ยอมให้ซ่งหลันคอยกลั่นแกล้งเขาได้เสมอไป เพราะฉะนั้นเขาจึงต้องตอบโต้เธอเป็นครั้งคราวบ้าง มิฉะนั้นเขาก็คงจะต้องพ่ายแผ้ให้กับเธออย่างแน่นอน
ซ่งหลันก็เงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจและหลังจากที่เห็นเย่เชียนแล้วเธอก็ยิ้มอย่างมีเสน่ห์และพูดว่า “นายคิดว่าฉันมองนายเป็นราชาหมาป่างั้นเหรอ?”
เหลียงหยานนั้นเคยชินกับการได้เห็นทั้งสองคนหยอกล้อกันและสบถใส่กันมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว ดังนั้นเธอจึงยิ้มอย่างยินดีและปิดประตูจากนั้นเธอก็ถอยออกไป
“เจ้าน้องชายของฉันทำไมวันนี้นายถึงมีเวลามาที่บริษัทล่ะ..หรือเพราะคิดถึงฉันกันแน่ห๊ะ” ซ่งหลันยืนขึ้นขณะที่เธอพูด และบิดขี้เกียจไปมาซึ่งเมื่อคู่กับร่างของปีศาจในคราบของนางฟ้าแล้วทำให้เธอน่าดึงดูดและน่าหลงใหลยิ่งกว่าตอนที่ทั้งสองอาบน้ำด้วยกันเสียอีก
ในตอนแรกนั้นเย่เชียนก็กังวลเกี่ยวกับคนจากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติว่าพวกเขาจะรู้เกี่ยวกับการมาเยือนประเทศจีนของเขา แต่ทว่าตอนนี้หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็รู้เรื่องทั้งหมดแล้วเพราะฉะนั้นเย่เชียนก็ไม่จำเป็นที่จะต้องปกปิดอะไรอีกต่อไป เขาจึงมาที่สำนักงานใหญ่เครือน่านฟ้ากรุ๊ปเพื่อตรวจสอบสิ่งต่างๆ เพราะสิ่งเหล่านี้ก็ถือได้ว่ามันเป็นหน้าที่ของเจ้านายที่ต้องคอยทำหน้าที่ตรวจสอบโดยรวม ซึ่งเย่เชียนก็คาดว่าซ่งหลันจะต้องบ่นเขาจนหูชาอย่างแน่นอน
เย่เชียนเพียงยิ้มและไม่ได้พูดอะไรใดๆ เพราะเขารู้ดีว่าการทำเช่นนี้มันดีที่สุดแล้วมิฉะนั้นเขาอาจจะต้องหนีออกไปจากที่นี่อย่างแน่นอน
“อาการของหวนเฟิงเป็นยังไงบ้าง?” ซ่งหลันถามขณะที่เธอลุกขึ้นยืนและเดินไปหาเย่เชียนจากนั้นก็ดึงแขนของเย่เชียนไปนั่งที่โซฟาข้างๆ
“ดีขึ้นมากแล้ว..แต่อยู่ในระยะฟื้นตัว..ผมเชื่อว่าคงใช้เวลาไม่นานหรอกเดี๋ยวเขาก็กลับมาเหมือนเดิม” เย่เชียนพูด
ซ่งหลันพยักหน้าและพูดว่า “ดี..ไม่งั้นฉันคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต”
เย่เชียนพูดขึ้นมาว่า “พี่หลัน..พี่น่ะลำบากเรื่องบริษัทเครือน่านฟ้ากรุ๊ปมาตั้งนานหลายปีแล้ว..ผมกับเขี้ยวหมาป่าเป็นหนี้พี่อย่างมาก..เพราะงั้นต่อให้เขี้ยวหมาป่าตายเพื่อพี่พวกเราก็จะไม่เสียใจหรือเสียดายเลยแม้แต่น้อย”
“จะไม่เป็นอะไรได้ยังไง..ถ้าพวกนายตายกันหมดแล้วใครจะแต่งงานกับฉันล่ะ” ซ่งหลันพูดด้วยรอยยิ้ม
เย่เชียนก็หัวเราะเบาๆ และทันใดนั้นเขานึกถึงสิ่งที่เขาสงสัยขึ้นมาได้เขาถึงถามอย่างเร่งรีบว่ส “พี่หลัน! ..ตอนที่ผมเข้ามาที่บริษัทเมื่อครู่นี้ผมเห็นคนที่อยู่ข้างล่างซึ่งผมคุ้นหน้าเขามาก..เขามาที่นี่ทำไม?”
ซ่งหลันถามด้วยความงุนงงว่า “นายกำลังพูดถึงใครน่ะ”
“อ๋อ..เขาชื่อหวังฮุ่ย..เขาเป็นเจ้านายของผมตอนที่ผมทำงานพาร์ทไทม์ตอนเด็กๆ น่ะ..ผมเห็นเขานั่งอยู่ในห้องล็อบบี้ที่ชั้นหนึ่งก่อนที่ผมจะขึ้นมา” เย่เชียนพูด
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน..เดี๋ยวจะถามให้” หลังจากที่ซ่งหลันพูดจบเธอก็เดินไปที่โต๊ะทำงานและกดโทรศัพท์จากนั้นก็พูดว่า “เสี่ยวหยานติดต่อผู้จัดการฝ่ายธุรกิจเสี่ยวอิ๋งให้มาที่ออฟฟิศของฉันที”
ไม่นานนักก็มีเสียงเคาะประตูและซ่งหลันก็พูดว่า “เข้ามาได้” และประตูก็ถูกเปิดออกโดยหญิงสาวอายุนราวๆ ยี่สิบเจ็ดถึงยี่สิบแปด และเย่เชียนก็ถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะเพราะปรากฏว่าเธอคนนี้เป็นผู้หญิงที่เพิ่งดุด่าสาปแช่งตัวเองในห้องน้ำผู้หญิงและพาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาจับกุมเขา
เสี่ยวอิ๋งนั้นได้รับโทรศัพท์จากเหลียงหยานโดยบอกว่าซ่งหลันเรียกเธอให้ไปหาที่ออฟฟิศ ซึ่งเธอเองก็ยังคงรู้สึกกังวลอย่างมากเกี่ยวกับเรื่องเมื่อครู่นี้และคิดกับตัวเองว่า “เจ้านายคงจะทำโทษฉันสินะ..ฉันก็คงจะถูกไล่ออกแล้วสินะ” และเมื่อเธอเห็นเย่เชียนที่นั่งอยู่ในออฟฟิศของซ่งหลันนั้นเสี่ยวอิ๋งก็ถึงกับจุกอกและหัวใจเธอก็อ่อนล้าลงจากนั้นก็เธอเหลือบมองซ่งหลันและพูดอย่างหมดเรี่ยวแรงว่า “คุณซ่งหลันเรียกดิฉันมามีอะไรหรอคะ”
เย่เชียนนั้นเห็นถึงความกังวลใจของเธอได้อย่างชัดเจนและเขาก็ยิ้มอย่างแผ่วเบา
“วันนี้คนที่ชื่อหวังฮุ่ยไปที่แผนกธุรกิจหรือเปล่า?” ซ่งหลันถาม
เสี่ยวอิ๋งก็แน่นิ่งไปชั่วขณะและคิดกับตัวเองว่าเขาไม่ได้จะไล่ตัวเองออกหรอกเหรอ? ทำไมเธอถึงถามแบบนี้? หลังจากตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเสี่ยวอิ๋งก็ตอบว่า “ใช่ค่ะคุณซ่ง..เขาเป็นผู้ดูแลผลิตภัณฑ์อุปกรณ์เกมและเป็นเจ้าของโรงงานผลิตในเครือน่านฟ้ากรุ๊ปของเราที่จีนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาค่ะ”
ซ่งหลันก็พยักหน้าเล็กน้อยและหันไปมองเย่เชียนซึ่งเธอก็รู้ดีว่าเย่เชียนนั้นอยากที่จะถามเพิ่ม จากนั้นเย่เชียนก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “คุณเสี่ยวอิ๋งใช่มั้ย..ไม่ต้องกังวลไป..ผมก็แค่อยากจะถามเกี่ยวกับคนคนนั้นเฉยๆ ..วันนี้เขามาที่บริษัทของเราทำไม? .
เมื่อได้ยินสิ่งที่เย่เชียนพูดแล้วในที่สุดก้อนหินในใจของเสี่ยวอิ๋งก็ถูกปล่อยออกและเธอก็เข้าใจตัวเองแล้วว่าเธอนั้นมองเขาผิดไป จากนั้นเธอก็ตอบว่า “บริษัทของเราส่งคำสั่งซื้อประมาณสองล้านชุดต่อปี..ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่พวกเขาผลิตนั้นได้รับการทดสอบโดยบริษัทตรวจสอบคุณภาพที่ได้รับมอบหมายของเรา..และยังคงมีคุณสมบัติที่ครบถ้วนและได้รับการรับรองจากองค์กร ISO 14000 และพวกเขาก็กำลังจะขยายตัวในปีนี้..เพราะงั้นเขาจึงมาเพื่อส่งข้อเสนอให้เราสั่งซื้อในจำนวนที่มากกว่าเดิม”
แม้ว่าเย่เชียนจะไม่รู้เรื่องธุรกิจมากนักแต่เขาก็เคยทำงานในโรงงานของหวังฮุ่ยมาก่อนซึ่งการรับรอง ISO เหล่านี้ก็สามารถได้มาโดยใช้เงินเพียงเล็กน้อยสำหรับการทดสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์นั้นๆ และด้วยความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับบุคลากรของสถาบันรับรองมาตรฐานโดยการให้สินบนแก่ผู้รับผิดชอบการทดสอบคุณภาพนั้นพวกเขาก็มักจะเปิดตาข้างเดียวและปิดตาข้างหนึ่งได้ง่ายๆ “แล้วคุณคิดว่าบ้าง?” เย่เชียนถาม
“เรายังไม่ได้ตัดสินใจค่ะ..เราต้องส่งคนไปที่โรงงานของเขาเพื่อตรวจสอบหน้างานและสถานที่ก่อนที่จะตัดสินใจว่าเราควรจะเพิ่มคำสั่งซื้อหรือไม่” เสี่ยวอิ๋งตอบอย่างมืออาชีพ
เย่เชียนก็พยักหน้าเล็กน้อยเพราะดูเหมือนว่าความฝันในวัยเด็กของเขานั้นจะเป็นจริงได้สักที “เอาล่ะ..ถ้างั้นก็แจ้งให้ผมทราบด้วยนะเมื่อคุณตัดสินใจไปตรวจน่ะ..ผมจะไปกับคุณด้วย” เย่เชียนพูด
เสี่ยวอิ๋งถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะเพราะคิดว่าทำไม CEO ใหญ่ของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปถึงต้องไปตรวจสอบโรงงานแปรรูปขนาดเล็กเช่นนี้เป็นการส่วนตัวด้วย การดำเนินการแบบนี้มันไม่ยิ่งใหญ่ไปหน่อยหรือ? เสี่ยวอิ๋งก็ตกตะลึงและถามด้วยความงุนงงว่า “คุณ..คุณประธานจะไปด้วยหรอคะ? ”
ไม่เพียงแค่เสี่ยวอิ๋งเท่านั้นเพราะซ่งหลันเองก็ยังรู้สึกประหลาดใจเลยและเมื่อเธอมองไปที่เย่เชียนด้วยความประหลาดใจแล้วเย่เชียนก็หัวเราะเบาๆ และพูดว่า “ก็เพื่อเป็นการตรวจสอบบุคลากรของบริษัทของเราน่ะ..และคุณก็ต้องเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับด้วยนะ..ตอนนี้ก็มีอยู่ไม่กี่คนที่รู้จักตัวตนของผมและเมื่อกี้นี้คุณก็อยู่ด้วย”
เสี่ยวอิ๋งตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและเธอก็พยักหน้าจากนั้นก็พูดว่า “ได้ค่ะท่านประธานเย่” เธอคิดกับตัวเองว่าดูเหมือนเลขาเหลียงหยานจะพูดถูกเรื่องที่ว่า CEO คนนี้ชอบตรวจสอบสิ่งต่างๆ เป็นการส่วนตัวอย่างไม่เปิดเผย
ซ่งหลันเหลือบมองไปที่เย่เชียนและหันมาพูดกับเสี่ยวอิ๋งว่า “ตามนั้นเลย..คุณจัดการเรื่องนี้ได้เลย”
“ค่ะ!” เสี่ยวอิ๋งตอบและเดินออกไป
“นี่นายต้องการทำอะไรกันเนี่ย..นายจะแอบไปตรวจสอบบุคลากรของเราอย่างลับๆ เนี่ยนะ..มันไม่ใช่สไตล์ของนายเลย” ซ่งหลันพูดด้วยความประหลาดใจเมื่อเสี่ยวอิ๋งออกไป
ปากของเย่เชียนฉีกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่ชั่วร้ายและพูดว่า “มันเป็นความฝันในวัยเด็กน่ะ”
.
.
.
.
.
.
.