เย่เชียนหัวเราะเบาๆ
“น้องชาย..นายมาจากไหน” หวันชุนหัวถาม
“ผมหรือ? จากเซี่ยงไฮ้น่ะ” เย่เชียนตอบ
หวันชุนหัวมองเขาสักพักจากนั้นก็พูดออกมาด้วยความประหลาดใจ “มีชาวบ้านหลายคนที่กลายเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเพราะแผ่นดินนั้นมีค่าอย่างมาก แผ่นดินนั้นมีค่าดั่งทองและโอกาสทอง เจ้าของที่ดินและคนท้องถิ่นก็จะสามารถสร้างอพาร์ทเมนต์หรือคอนโดบ้างก็โครงการบ้านต่างๆและเก็บค่าเช่ารายเดือนไปตลอดจนวันตายได้
เย่เชียนยิ้มเบาๆและพูดว่า “มีผู้คนมากมายที่เกิดมาบนกองเงินกองทองแต่ผมเกิดมาท่ามกลางความยากจน” สิ่งที่เย่เชียนต้องการจะพูดจริงๆก็คือ เซี่ยงไฮ้ที่รุ่งเรืองตามกาลเวลาเป็นดินแดนแห่งโอกาสทอง แต่ภายใต้ทองคำนั้นถูกฝังไว้ด้วยกองกระดูก..
“แล้วคุณล่ะ? คุณมาจากไหนหรือ?” เย่เชียนถามเขากลับ
“ฉันมาจากมณฑลอานฮุยน่ะย่านเดียวกับท่านประธานาธิบดี” หวันชุนหัวพูดด้วยความยินดีราวกับว่าประธานาธิบดีเป็นลูกพี่ลูกน้องของเขาเอง ในประเทศจีนนั้นถ้าคนที่จากบ้านเกิดเมืองนอนเดียวกันได้เป็นคนใหญ่คนโตสิ่งนั้นมันจะทำให้ผู้คนที่มาจากที่เดียวกันมีความสุขโดยปริยาย ไม่ต้องพูดถึงทัศนคติของผู้ที่สำเร็จเลยคนเหล่านั้นพวกเขาจะทำงานอย่างหนักเพื่อพัฒนาบ้านเกิดของตนเพื่อให้ไม่เสียหน้าและเสื่อมเสียเกียรติ
“แล้วพี่ชายคุณมาจากไหน” เย่เชียนถามไปยังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนที่ไม่ได้พูดอะไรเลย ในขณะที่เย่เชียนไม่เคยเป็นทหารของรัฐบาลแต่ประสบการณ์ของเย่เชียนก็ทำให้เขาเทียบเท่าในฐานะทหาร เขารู้สึกถึงจิตวิญญาณของนายทหารจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนั้น เขาเดาว่าเขาจะต้องเป็นทหารจากหน่วยพิเศษแห่งใดสักที่ ชายชาติทหารย่อมมีสัญชาตญาณพิเศษอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยพบกันมาก่อนแต่ถ้าทั้งสองคนได้เผชิญหน้ากันพวกเขาก็คงจะประกาศตนว่าตนนั้นมาจากหน่วยนี้หรือหน่วยนั้น ในกองทัพย่อมมีเหตุการณ์มากมายที่เกิดขึ้น พวกเขาอาจเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ที่ไม่ได้เจอกันมานานหลายปี ทหารหลายคนมีนิสัยเช่นนี้พวกเขาชอบพูดเกินจริงและชอบแบ่งปันประสบการณ์ให้แก่คนอื่นไม่ว่ามันจะดีหรือไม่ดี และแน่นอนว่าสิ่งที่ต้องมีในการเล่าประสบการณ์ของทหารก็คือ การต่อสู้และร่วมรบเคียงข้างเทพแห่งสงครามที่มโนขึ้นมาเองของพวกเขา
“จากทางตะวันออกเฉียงเหนือ! ฟูจุนเฉิง” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนั้นตอบอย่างสุขุมและการพูดก็เหมือนทหารอย่างสมบูรณ์แบบ ในสายตาของเขาจะเห็นว่าชีวิตมีแรงกดดันอย่างมากต่อเขา แต่ดูเหมือนว่าจะมีความมุ่งมั่นที่มั่นคงซึ่งชายชาติทหารเท่านั้นที่จะมี ชายที่ดูสุขุมที่มากจากดินแดนทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีนวิธีการพูดของเขานั้นเมื่อได้ยินแล้วมันค่อนข้างอึดอัดเล็กน้อย
“คนนี้เขาไม่ค่อยพูดน่ะ แต่เขานิสัยดีนะไม่ต้องกังวลไป” หวันชุนหัวพูดพร้อมกับหัวเราะ
“วันนี้เป็นวันแรกของผมที่ได้เข้าทำงาน มันทำให้ผมยินดีที่ได้รู้จักทุกคน อ้อ..ผมจะเลี้ยงมื้อเย็นทุกคนหลังเลิกงานน่ะพวกคุณคิดว่าไง?”
“แน่นอน อาหารฟรีคืออาหารฟรี! ฉันรู้จักร้านบาร์บีคิวที่มีเมนูที่เด็ดที่สุด! พวกเขามีอัณฑะแพะที่ดีที่สุดเราไปร้านนั้นกัน” หวันชุนหัวตอบอย่างมีความสุข
เย่เชียนหัวเราะและพูดว่า “คุณไม่กลัวที่จะกินอาหารพวกนั้นหรือ คุณไม่สงสารพวกมันหรือไง ถ้าคุณไม่มีมันบ้างล่ะฮ่าฮ่า?”
“มีอะไรต้องกลัว เดี๋ยวฉันหาสาวๆและจ่ายให้พวกเธอพันหยวนและจะเพิ่มอีกห้าร้อยเพื่อเสร็จในปากของเธอ” หวันซุนหัวพูดอย่างเกรี้ยวกราด
เย่เชียนชอบคนประเภทนี้ที่ไม่ใช่พวกที่เสแสร้งเพราะเขานั้นตรงไปตรงมา เขาหัวเราะอย่างซ่ะใจ “คุณหาพวกเธอตามท้องถนนเหรอคุณไม่กลัวติดโรคหรือไง แต่ถ้าไปหาสาวๆในผับในบาร์ล่ะก็ผมเกรงว่าเงินเดือนๆหนึ่งของคุณก็คงยังไม่พอฮ่าๆ”
“เห้อ..ก็ช่วยไม่ได้นะเราจะทำอย่างไรในเมื่อพวกเราไม่ได้เพรียบพร้อม? พวกผู้หญิงเขาคงไม่ชอบพวกเราหรอก ถ้าไม่หาตามท้องถนนแล้วมันจะแก้ปัญหาได้อย่างไรล่ะ” หวันชุนหัวพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูเศร้าเล็กน้อย
สิ่งที่เขาพูดมานั้นเป็นความจริง บุคลากรปกสีฟ้าในประเทศจีนทุกคนอาศัยอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่คล้ายคลึงกันเช่นนี้ ไม่ว่าพวกเขาจะแต่งงานแล้วหรือไม่พวกเขาก็ล้วนเหมือนกันทั้งหมด สำหรับการดำรงชีวิตพวกเขาต้องจำใจออกจากบ้านเกิดเพื่อมาหางานทำให้ครอบครัวมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่ในท้ายที่สุดพวกเขาก็ค้นพบว่าเงินที่พวกเขาต้องอดทนสู้มาเพื่อหารายได้ที่จะถูกนำไปใช้ในเมืองที่พวกเขาทำงานอยู่แต่ในท้ายที่สุดแล้วสำหรับคนจำนวนมากแม้ว่าพวกเขาจะทำงานมาเป็นเวลาหลายปีและกลับไปยังบ้านเกิดพวกเขาก็อาจไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเลย ต่อให้ทำงานได้เงินมาแค่ไหนก็ต้องใช้จ่ายในชีวิตประจำวันท่ามกลางเมืองที่รุ่งเรืองเช่นนี้
เย่เชียนยิ้มเบาๆและไม่พูดอะไรอีกหวันชุนหัวก็พูดขึ้นมาว่า “เราหยุดคุยเรื่องที่น่ารันทดพวกนี้เถอะ น้องชายนายเพิ่งมาที่นี่ให้ฉันพานายไปดูรอบๆเพื่อทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมดีกว่า”
เย่เชียนพยักหน้าและตอบว่า “เรียกผมว่าเย่เชียน”
“โอ้..งั้นเรียกฉันว่าพี่หวันก็แล้วกัน” หวันชุนหัวพูดจบแล้วก็หยิบหมวกของเขาขึ้นมาแล้วเดินไปที่สำนักงานรักษาความปลอดภัย เย่เชียนมองฟูจุนเฉิงและดูเหมือนว่าเขาเหลือบมองมานิดหน่อยจากนั้นฟูจุนเฉิงก็พยักหน้าให้จากนั้นเขาก็เฝ้าดูจอภาพด้วยวิดีโอจากกล้องวงจรปิดต่อไป
บริษัทเทียนหยากรุ๊ปมีพื้นที่ขนาดใหญ่ในขอบเขตของธุรกิจของพวกเขากว้างขวางอย่างมาก พวกเขาครอบคลุมทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการกระจายสินค้าระบบโลจิสติกส์รวมไปถึงเสื้อผ้าแฟชั่นต่างๆและอื่นๆอีกมากมาย ในเซี่ยงไฮ้นั้นเทียนหยากรุ๊ปถือได้ว่าเป็นบริษัทอันดับหนึ่งในการจัดอันดับบริษัทธุรกิจในประเทศ ที่ดำเนินกิจการโดยเอกชนในประเทศและตึกระฟ้าที่สูงหกสิบชั้นนี้ก็เต็มไปด้วยสำนักงานของเทียนหยากรุ๊ปและมีการใช้พื้นที่ใต้ดินเป็นที่จอดรถและเป็นเพนต์เฮาส์สำนักงานของประธานคณะกรรมการจ้าวเทียนหยา
ตลอดเวลาที่หวันชุนหัวอธิบายรายละเอียดของงานของพวกเขาที่ได้รับมอบหมายให้กับเย่เชียนอย่างต่อเนื่อง มีพื้นที่เหล่านั้นที่ต้องการการลาดตระเวนและมีบางพื้นที่ที่ถูกห้ามไม่ให้เข้าไป เขายังแบ่งปันเรื่องอื้อฉาวทางเพศของคนในบริษัทเทียนหยากรุ๊ปอีกด้วย
เย่เชียนฟังเขาอย่างเงียบๆตลอดเวลาและไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ เย่เชียนได้งานของตัวเองที่นี่เพียงเพื่อทำให้พ่อรู้สึกว่าเขามีงานทำเป็นหลักเป็นแหล่งเพื่อที่เขาจะได้ผ่อนคลายและสบายใจ เย่เชียนไม่ได้ต้องการที่จะเข้าไปพัวพันกับข้อพิพาทใดๆหรือเรื่องใดๆนอกลู่นอกทางในเทียนหยากรุ๊ปไปมากกว่านี้ ยิ่งกว่านั้นในฐานะทหารรับจ้างเขาไม่ได้สนใจเรื่องอื้อฉาวทางเพศเหล่านั้นเลย มันเป็นแค่เพียงเรื่องพูดคุยกันระหว่างกินดื่มแค่นั้น
หลังจากทัวร์ชมตึกระฟ้าของเทียนหยากรุ๊ปแล้วเย่เชียนและหวันชุนหัวก็กลับไปที่สำนักงานรักษาความปลอดภัย
“เฮ้!” เสียงที่ดูน่ารักและรื่นหูดังขั้น เขาทั้งสองคนมองอย่างประหลาดใจก่อนที่พวกเขาจะเห็นว่าเป็นเด็กผู้หญิงที่แต่งตัวแฟชั่นและดูมีเสน่ห์พร้อมถือแฟ้มๆหนึ่งอยู่ เธอขมวดคิ้วแล้วมองมายังพวกเขา “คุณไม่มีตาหรือไงระวังจะไปชนกับคนอื่นเข้าและไม่รู้ว่าจะกล่าวขอโทษพวกเขาอย่างไร..คุณไม่มีมารยาทเอาซะเลย” หญิงสาวมองเย่เชียนและตำหนิเขาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
เย่เชียนขมวดคิ้วเล็กน้อยและเห็นว่าเธอเป็นคนที่รีบวิ่งไปข้างหน้าก่อนหน้านี้ คนที่ผิดเองกำลังตำหนิเขาอยู่มันจึงทำให้เย่เชียนรู้สึกขุ่นเคือง
เขาไม่รอให้เย่เชียนตอบหวันชุนหัวก็รีบตอบกลับอย่างเร่งรีบว่า “เลขานุการลี่..ขอโทษขอโทษ..เขาเพิ่งมาใหม่ที่นี่ โปรดอภัยแก่ความผิดพลาดของเขา”
“ฉันพูดกับคุณเหรอ?” ลี่ซิ่วฉินจ้องหวันชุนหัวอย่างดุร้ายจากนั้นลี่ซิ่วฉินก็หันกลับมามองเย่เชียนแล้วตำหนิเขาซ้ำอีกว่า “ คุณเงียบทำไม พูดไม่เป็นงันเหรอ? คุณไม่มีคุณสมบัติความสามารถอะไรเลยหรือไง?”
.
.
.
.
.
.
.