ตอนที่ 278 ซื้อที่ดินรื้อถอน
ความโกลาหลวุ่นวายครั้งนี้ถูกกำหนดให้ไม่มีผลลัพธ์ใดๆ ตั้งแต่เริ่มอยู่แล้วเพราะเย่เชียนไม่ได้คิดที่จะให้เหล่าทหารมาสนับสนุนเขาเพราะทหารไม่ควรจะมามีส่วนร่วมทางการเมืองและนี่ก็เป็นกฎเหล็กที่เข้มงวดและไม่มีใครสามารถละเมิดกฎนี้ได้ ซึ่งสิ่งที่เย่เชียนต้องการนั้นก็คือการแสดงให้ตงเซียงกรุ๊ปได้เห็นถึงความแข็งแกร่งผ่านวิธีการทางอ้อมเช่นนี้ว่าในเมืองเซี่ยงไฮ้แห่งนี้นั้นตงเซียงกรุ๊ปไม่ใช่ผู้ที่อยู่ค้ำฟ้าแต่อย่างใด
กองพันทหารพิเศษของกองทัพเซี่ยงไฮ้ก็ถอนกำลังกันไปอย่างรวดเร็วและตำรวจจากสถานีตำรวจต่างก็ออกไปจากพื้นที่อย่างรวดเร็วเช่นกัน หวังปิงมองไปที่หลี่ฮ่าวและพูดว่า “อธิการหลี่บอกให้คนของคุณทั้งหมดถอนกำลังออกไปด้วย..และเรียกนักการเมืองของพรรคทั้งหมดมาประชุมกันหลังจากนี้ด้วย..ในสายตาของฉันแล้วการใช้หน้ากากของรัฐบาลเพื่อกดขี่ข่มเหงประชาชนแบบนี้ฉันก็ต้องให้พวกเขารับผิดชอบอย่างถึงที่สุด”
หลี่ฮ่าวคนนี้สามารถพูดได้เลยว่าเขาเป็นดั่งคนสนิทของหวังปิงและเป็นทั้งมือซ้ายและมือขวาของหวังปิงเพราะเขานั้นอยู่ในพรรคและหน่วยงานเดียวกันกับหวังปิงมาโดยตลอดและนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมหวังปิงจึงแต่งตั้งหลี่ฮ่าวให้ไปดำรงตำแหน่งอธิการผู้อำนวยการของสำนักงานกรมตำรวจส่วนกลางและกระทรวงความมั่นคงของเทศบาลเมืองหลังจากที่หวังปิงได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นผู้ว่าการเทศบาลเมืองเซี่ยงไฮ้นั่นเอง อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาหวังปิงก็ได้เป็นถึงผู้อำนวยการสำนักงานกระทรวงความมั่นคงของเทศบาลเมื่อเขาอายุเพียงยี่สิบซึ่งอาจพูดได้เลยว่าหวังปิงนั้นมีอนาคตที่สดใสและรุ่งโรจน์อย่างมาก
เมื่อได้ยินคำพูดของหวังปิงแล้วเจ้าหน้าที่ของโครงการบูรณะเมืองเหล่านั้นก็สูญเสียความหยิ่งผยองและโออ่าเหมือนก่อนหน้านี้ไปและพวกเขาก็ถูกปกคลุมไปด้วยความโศกเศร้าและหดหู่อย่างมาก เพราะพวกเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าเรื่องทั้งหมดนี้มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่โตได้ถึงเช่นนี้และเป็นปัญหาใหญ่ถึงขนาดนี้ และพวกเขาต่างก็ต้องเสียใจไปกับสิ่งที่พวกเขาทำเพราะถ้าหากพวกเขารู้ว่าผลลัพธ์มันจะเป็นเช่นนี้ล่ะก็พวกเขาก็คงจะไม่ทำมันอย่างแน่นอน ส่วนเจ้าหน้าที่ของเทศบาลเมืองที่เหลือก็แอบดีใจเล็กน้อยเพราะโชคดีที่พวกเขาไม่ได้ลงไม้ลงมือทำร้ายประชาชนเมื่อครู่นี้ซึ่งอย่างน้อยๆ หวังปิงก็คงจะแสดงความเมตตาต่อพวกเขาเมื่อถึงเวลาจัดประชุมครั้งใหญ่
หลี่ฮ่าวก็ตอบตกลงและสั่งให้คนของเขารีบออกจากที่นี่ไปอย่างรวดเร็ว ส่วนเหล่าเจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองและเจ้าหน้าที่ของโครงการบูรณะเมืองต่างก็รู้สึกขมขื่นและหดหู่ใจกันอย่างมาก
หวังปิงจ้องเขม็งไปที่เจียงปินหยางเกรี้ยวโกรธและพูดอย่างเย็นชาว่า “การทุจริตและการละทิ้งหน้าที่และการละเมิดกฎระเบียบและกฎหมายของคุณจะถูกตรวจสอบโดยผู้อำนวยการกรมตรวจสอบวินัยกลาง..ส่วนตอนนี้คุณรีบไปขอโทษคุณลุงเขาซะ! ..ใครกันที่ทำให้คุณกล้าประพฤติตนแบบนี้?”
เมื่อหวังปิงพูดอย่างสง่าผ่าเผยต่อหน้าสาธารณชนและไม่มีร่องรอยของความเสแสร้งใดๆ และดูทรงเกียรติอย่างมาก และคนอย่างเจียงปินหยางจะกล้าพูดอะไรไปมากกว่านี้ได้เขาต้องจำใจเดินเข้าไปหาชายชราอย่างเชื่อฟังและขอโทษชายชรา และเห็นได้ชัดเลยว่าชายชรานั้นประหม่าอย่างมากเพราะเขาไม่เคยคาดคิดไม่เคยคาดฝันเลยว่าเรื่องแบบนี้จะมาเกิดขึ้นกับเขา
หวังปิงทำเสียงกระแอมในลำคอและประกาศกับคนในละแวกนั้นว่า “เหล่าพี่น้องเพื่อนบ้านของฉัน..โครงการบูรณะเมืองเก่าเป็นโครงการของรัฐบาลที่จะปรับปรุงบ้านของเราให้ดียิ่งขึ้น..และฉันก็หวังว่าพี่น้องชาวบ้านชาวเมืองจะให้ความร่วมมือกับพวกเรา..และแน่นอนว่ามันจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เพราะเหตุนี้..แต่ฉันก็ได้รู้แล้วเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมและการชดเชยการรื้อถอนและการตั้งถิ่นฐานใหม่แล้ว..ส่วนปัญหาที่ทำให้พวกคุณไม่มีที่อยู่อาศัยน่ะคุณต้องไว้วางใจรัฐบาลของเรา..ฉันสัญญาเลยว่าคุณจะได้คำอธิบายที่สมเหตุสมผลและสิ่งที่พวกคุณควรจะได้รับ!”
คำพูดที่หนักแน่นและเป็นธรรมเช่นนี้ก็ชนะใจของผู้คนและหวังปิงก็ได้กลายมาเป็นผู้ผดุงความยุติธรรมในสายตาของคนธรรมดาสามัญเหล่านี้อย่างไม่ต้องสงสัยเลย และเมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็แอบยิ้มเบาๆ โดยไม่มีการแสดงออกใดๆ มากเกินไป ซึ่งเย่เชียนก็ตั้งมั่นเอาไว้ว่าเขาจะต้องชนะและครอบครองโครงการนี้ให้ได้และเขาก็เชื่อว่าหวังปิงก็สามารถสัมผัสถึงความตั้งใจของเขาได้เช่นกัน
หวังปิงกวาดสายตามองไปที่เหล่าเจ้าหน้าที่ของเทศบาลเมืองและเจ้าหน้าที่ของโครงการบูรณะเมืองด้วยความเย็นชาและพูดว่า “อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก!” เหล่าเจ้าหน้าที่ของเทศบาลเมืองและเจ้าหน้าที่ของโครงการบูรณะเมืองไม่ลังเลใดๆ ต่างก็รีบออกจากสถานที่แห่งนี้อย่างกระวนกระวายและประหม่า
“เสี่ยวเย่กลับมาที่เซี่ยงไฮ้เมื่อไหร่เนี่ย..ทำไมไม่บอกฉันเลยล่ะ..เสี่ยวยู่บอกฉันว่าเสี่ยวเย่อยู่ที่เมืองหนานจิงไม่ใช่หรือ?” หวังปิงยิ้มและพูดด้วยรอยยิ้มที่ดูมีความสุขบนใบหน้าของเขา
“เพิ่งกลับมาได้ไม่กี่วันเองครับ..ผมว่าจะไปหาคุณอยู่แต่ผมไม่คาดคิดเลยว่าเรื่องแบบนี้มันจะเกิดขึ้น..ขอโทษที่ทำให้ผู้ว่าหวังต้องลำบากนะครับ” เย่เชียนพูด
“เอาหน่าๆ ..อย่าพูดกันเหมือนคนเป็นนอกสิ” หวังปิงพูดด้วยรอยยิ้ม “โอ้ใช่! ..เสี่ยวเย่..เขาคือผู้นำจากรัฐบาลกลางน่ะ..เขาอยากเจอเสี่ยวเย่อยู่เหมือนกัน” หวังปิงพูดพร้อมยืนมือแนะนำไปทางหวงฟู่ชิงเตี๋ยน
“ปู่! ..นี่ปู่จะออกสื่อและเผยตัวอย่างเป็นทางการแล้วหรอ?” เย่เชียนพูดพร้อมกับจ้องเขม็งไปที่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนด้วยความสงสัย
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เฮ้ยๆ ..อย่าเพิ่งเข้าใจผิด..ฉันแค่บังเอิญอยู่ที่สำนักงานรัฐบาลพอดีตอนที่ฉันรู้เรื่อง..ฉันเลยติดรถมากับผู้ว่าหวังน่ะ”
หวังปิงจ้องมองพวกเขาทั้งสองด้วยความประหลาดใจอย่างมากและถามขึ้นมาว่า “คุณรู้จักเขาหรือ?” หวังปิงยังสังเกตได้อีกว่าความสัมพันธ์ระหว่างเย่เชียนและหวงฟู่ชิงเตี๋ยนนั้นไม่ธรรมดาเลย ไม่เช่นนั้นเย่เชียนจะกล้าเรียกหวงฟู่ชิงเตี๋ยนห้วนๆ ได้อย่างไรและยิ่งไปกว่านั้นหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ไม่โกรธเคืองอะไรเย่เชียนเลยแม้แต่น้อย และเขาก็รู้ดีว่าไม่มีใครเลยที่กล้าเรียกหวงฟู่ชิงเตี๋ยนแบบนั้นถ้าไม่ได้รับอนุญาตไม่เช่นนั้นคนเหล่านั้นคงจะต้องไปพบกับยมโลกอย่างแน่นอน
“เหอะๆ ..เย่เชียนกับฉันรู้จักกันมาตั้งนานแล้ว” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูดด้วยรอยยิ้ม “เย่เชียน..ฉันอยากจะคุยกับเอ็งสักหน่อย..ไปหาที่นั่งคุยกันเถอะ”
เย่เชียนเงียบไปครู่หนึ่งและพูดว่า “ปู่ไปหาที่ดื่มชารอผมก่อนก็แล้วกัน..ผมขอจัดการกับเรื่องที่นี่ก่อน..ใช่เวลาไม่นานหรอก”
“ได้ๆ ..เดี๋ยวฉันจะไปรอ” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูดหลังจากนั้นเขาก็จ้องเขม็งไปที่หวงฟู่เส้าเจี๋ยและพูดว่า “เส้าเจี๋ย! ..เอ็งก็มากับลุงด้วย..ฉันมีอะไรจะคุยกับเอ็ง”
หวงฟู่เส้าเจี๋ยทำหน้ามุ่ยและบุ้ยปากเล็กน้อยจากนั้นก็เหลือบไปมองเย่เชียนและเห็นว่าเย่เชียนพยักหน้าแล้วเขาก็เดินไปหาหวงฟู่ชิงเตี๋ยน ส่วนหวังปิงก็พูดกับเย่เชียนและขอให้เย่เชียนไปหาเขาที่บ้านของเขา ซึ่งความหมายในคำพูดนั้นๆ ดูคลุมเครืออย่างมากแต่เย่เชียนก็คิดแค่ว่าหวังปิงคงอยากจะคุยกับเขาเพียงเท่านั้น
เย่เชียนก็พยักหน้าเห็นด้วยจากนั้นหวงฟู่ชิงเตี๋ยนและหวังปิงก็ขึ้นรถและจากไปส่วนหวงฟู่เส้าเจี๋ยก็ไปกับพวกเขาอย่างเชื่อฟัง
เมื่อเห็นว่าพวกเขาทั้งหมดออกไปหมดแล้วเย่เชียนจึงกวาดสายตาไปรอบๆ และตะโกนขึ้นว่า “เพื่อนบ้านทุกคน! ..ทุกคนคงรู้ดีว่าตงเซียงกรุ๊ปน่ะมีชื่อเสียงในเมืองเซี่ยงไฮ้อย่างมาก..และเป็นผู้รับผิดชอบในโครงการบูรณะเมืองเก่าของเรา..และตงเซียงกรุ๊ปน่ะก็มีทรัพย์สินมากกว่า 100 ล้านหยวนและถึงแม้ว่ารัฐบาลจะบอกว่าพวกเขาจะช่วยทุกคนจัดการเรื่องนี้ก็จริง..แต่ก็ไม่มีใครรู้ได้ว่าผลสุดท้ายแล้วมันจะเป็นยังไง..พวกคุณคิดว่าจริงมั้ยล่ะ?”
หลังจากฟังคำพูดของเย่เชียนแล้วชาวบ้านชาวเมืองเหล่านั้นต่างก็พูดคุยกันและความเป็นจริงมันก็เป็นเช่นนั้นดั่งคำพูดของเย่เชียน เพราะเจ้าหน้าที่รัฐมักจะใช้อำนาจเพื่อหลอกลวงประชาชนคนธรรมดาเช่นพวกเขาอยู่เสมอและสุดท้ายรัฐบาลก็แค่มองปัญหาจากมุมมองของสถานการณ์โดยรวมเพียงเท่านั้นและไม่เคยแก้ไขเฉพาะจุดเลย
“เสี๋ยวเอ๋อ..เอ็งหมายความว่าไง” ชายชราผู้สูงวัยถาม
“ก็..ค่ารื้อถอนและค่าชดเชยที่บริษัทตงเซียงกรุ๊ปกำหนดไว้คือ 5,000 หยวนต่อตารางเมตรใช่มั้ยล่ะ..แต่ผมจะให้พวกคุณ 10,000 หยวนต่อตารางเมตร..พวกคุณคิดว่าไงบ้าง? ..ถ้าตกลงก็โอนโฉนดที่ดินให้ผมได้เลย” เย่เชียนพูดอย่างง่ายๆ และถึงแม้ว่าจะมีสิ่งที่เห็นแก่ตัวอยู่บ้างในเรื่องนี้ก็ตามแต่เย่เชียนก็ไม่ได้ปฏิบัติต่อผู้คนเหล่านี้ไม่ดีเพราะตามสภาพแวดล้อมของพื้นที่นี้ค่ารื้อและค่าชดเชยอย่างมากที่สุดก็เพียงแค่ 7,000 หยวนต่อตารางเมตรเพียงเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้นคนเหล่านี้ก็ไม่สามารถต่อต้านกับตงเซียงกรุ๊ปได้อยู่แล้วและในท้ายที่สุดพวกเขาเองก็กลัวมาเสมอว่าพวกเขาจะต้องจำใจย้ายออกไปโดยได้รับเพียงแค่ 5000 หยวนต่อตารางเมตร ซึ่งการประกาศของเย่เชียนเช่นนี้ก็ถือได้ว่าเป็นแผนสำหรับอนาคตการเอาชนะตงเซียงกรุ๊ปไปในตัวและโครงการแผนการบูรณะเมืองเก่าครั้งนี้ก็จะเป็นของเครือน่านฟ้ากรุ๊ป จากนั้นก็ดำเนินการตามขั้นตอนรื้อถอนและปรับปรุงและสร้างเมืองใหม่นั่นเอง
จากมุมมองของซ่งหลันในแง่ของนักธุรกิจนั้นก็ไม่มีปัญหาในการจ่ายค่าธรรมเนียมการรื้อถอนในเวลานั้นเพราะทรัพยากรทางการเงินของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปนั้นถือว่ามหาศาลอย่างมาก
“เสี่ยวเอ๋อ..แล้วเอ็งจะไม่ลำบากหรือ?” ชายชราอีกคนถามอย่างกังวฃ
เย่เชียนยิ้มกว้างๆ และพูดว่า “ลุง..พวกคุณทุกคนคือเพื่อนบ้านของผมและผมก็เติบโตมาจากที่นี่..พวกคุณน่ะไม่สามารถรับมือกับตงเซียงกรุ๊ปได้..แต่ถ้าผมอยู่ที่นี่ก็ไม่ต้องกังวลไป..พวกคุณโอนโฉนดที่ดินและบ้านทั้งหมดให้ผมได้เลย..ผมน่ะสามารถสู้กับตงเซียงกรุ๊ปได้จริงๆ”
ชาวบ้านชาวเมืองเหล่านั้นพูดคุยกันและเริ่มสนทนากันเป็นกลุ่มๆ และเมื่อผ่านไปสักพักหนึ่งชายชราคนเดิมก็พูดว่า “เสี่ยวเอ๋อ..แล้วพวกเราต้องทำยังไง”
เย่เชียนยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “ถ้างั้นพรุ่งนี้ผมจะส่งคนมาทำเรื่องโอนย้ายกับพวกคุณ…ผมรับรองได้เลยว่าเมื่อสัญญาของโครงการบูรณะเมืองเก่าถูกผมฉีกสัญญาแล้วและเมื่อมันถูกสร้างเสร็จแล้วล่ะก็..ถ้าพวกคุณอยากกลับมาอยู่ผมก็จะลดให้พวกคุณ 30% เลย”
ผลรวมของเงินเหล่านี้นั้นไม่ใช่จำนวนเล็กน้อยเลยและเมื่อเทียบกับผลกำไรที่ได้รับจากความพ่ายแพ้ของตงเซียงกรุ๊ปแล้วมันก็ยิ่งเล็กน้อยอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งเหล่านี้ก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับชาวบ้านชาวเมืองละแวกใกล้เคียงเหล่านี้ และถึงแม้ว่ามันจะไม่เป็นเช่นนั้นก็ตามทว่าเย่เชียนก็จะพยายามอย่างหนักหน่วงเพื่อช่วยพวกเขาต่อสู้กับพวกฉ้อโกงเหล่านี้อยู่ดีและถ้าหากสุดท้ายแล้วเขาจะได้รับค่ารื้อถอนเพียงแค่เจ็ดหรือแปดพันต่อตารางเมตรก็ตาม แต่ทุกสิ่งทุกอย่างมันก็ย่อมมีความเสี่ยง
หลังจากแก้ไขสิ่งเหล่านี้แล้วเย่เชียนก็อดยิ้มไม่ได้เพราะท้ายที่สุดแล้วพื้นที่และบ้านเหล่านี้ก็จะเป็นของเขาเองทั้งหมด และเขาก็อยากเห็นแล้วว่าตงเซียงกรุ๊ปที่ถูกโค่นล้มนั้นจะเป็นเช่นไร จากนั้นเย่เชียนก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและโทรหาแจ็คและขอให้เขาจัดเตรียมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของไอร่อนบลัดมาที่นี่เพื่อปฏิบัติหน้าที่และดูแลสถานที่และผู้คนเหล่านี้อย่างเคร่งครัด และด้วยเหตุนี้เย่เชียนจึงต้องการเฝ้าดูว่าตงเซียงกรุ๊ปจะใช้กลเม็ดและวิธีสกปรกอื่นๆ ได้อย่างไร
หลังจากออกจากละแวกนั้นแล้วเย่เชียนก็โทรหาหวงฟู่ชิงเตี๋ยนและขับรถตรงไปหลังจากถามที่อยู่ของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนแล้ว
ใช้เวลาไม่นานนักก่อนที่เขาจะมาถึงโรงน้ำชาที่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนบอก และเย่เชียนก็เดินขึ้นไปที่ชั้นสองอย่างช้าๆ พร้อมกับชิงเฟิงและเมื่อเห็นเย่เชียนเดินมาหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ยิ้มและถามว่า “นี่เอ็งทำบ้าอะไรของเอ็งเนี่ย? ”
เย่เชียนถึงกับผงะไปจากนั้นเขาก็ยิ้มและพูดว่า “ปู่จะด่าผมหรือชมผมเนี่ย?”
“แน่นอนว่ามันเป็นคำชม” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด “ที่เอ็งจงใจทำศึกใหญ่ขนาดนี้ในวันนี้น่ะ..ฉันคิดว่าเอ็งไม่ใช่แค่ต้องการแสดงความแข็งแกร่งและจุดยืนให้พวกตงเซียงกรุ๊ปดูแค่นั้นแน่ๆ ..นี่เอ็งสนใจโครงการบูรณะเมืองด้วยงั้นเหรอ?”
เย่เชียนยิ้มเล็กยิ้มน้อยเพราะดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างที่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนยังไม่รู้ ซึ่งนั่นก็คือเครือน่านฟ้ากรุ๊ปที่อยู่ภายใต้เขี้ยวหมาป่าของเขาเอง “ผมไม่สนใจโครงการบ้าบออะไรนั่นหรอก..ผมแค่อยากทวงความยุติธรรมในละแวกนั้นเพราะผมเองก็เติบโตมาที่นั่นด้วย..และค่าชดเชยการรือถอนที่ตงเซียงกรุ๊ปมอบให้ชาวบ้านชาวเมืองเหล่านั้นน่ะมันต่ำเกินไป..และเจ้าหน้าที่ของรัฐก็ทำตัวเหมือนเสืออีก..ผมทนดูไม่ได้ก็แค่นั้นเอง” เย่เชียนพูด
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ฉีกยิ้มเพราะเขารู้ดีว่าเย่เชียนไม่ง่ายขนาดนั้นเพราะมันไม่ใช่บุคลิกและตัวตนที่แท้จริงของเย่เชียนเลย แต่เนื่องจากเย่เชียนไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติมเขาจึงไม่อยากที่จะไปก้าวก่ายมากเกินไป หลังจากเงียบกันไปชั่วขณะหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็พูดต่อ “ไอ้หนู..ทางการกำลังจะมีการจัดประชุมเรื่องพระบรมสารีริกธาตุน่ะ..เอ็งมีข่าวเกี่ยวกับหมาป่าผีไป๋ฮวยบ้างมั้ย? ..ถ้าฉันนำพระธาตุกลับมาไม่ได้ล่ะก็..ฉันเกรงว่าหมวกและยศบนบ่าในฐานะผู้อำนวยการสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติคงจะถูกถอดออกแล้วล่ะ!”
.
.
.
.
.
.
.