เย่เชียนจ้องมองลี่ซิ่วฉินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตะหงิดใจ “ผมไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนที่ไม่มีเหตุผลเหมือนกับคุณมาก่อนเลย..คุณมีความเป็นกุลสตรีหรือเปล่า? กุลสตรีอะไรที่ไหนเขาจะเอะอะโวยวายเหมือนผู้หญิงที่มั่วซั่วไปทั่ว“ เย่เชียนเป็นสุภาพบุรุษและให้เกียรติกุลสตรีที่ดีแต่ก็เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนี้ยากที่จะให้เหตุผลใดๆ เธอมีนิสัยที่โฉ่งฉ่างและก้าวร้าว ราวกับคนอื่นเป็นหนี้เธอนับล้าน เย่เชียนรู้สึกไม่สบายใจอย่างมากเขาไม่ได้ต้องการทะเลาะกับเธอแต่ใครจะรู้ว่าผู้หญิงคนนี้อาจจะเป็นคนที่ไม่ยอมหยุดและปล่อยผ่าน ดังนั้นเขาจึงพูดเพียงไม่กี่คำเพื่อสั่งสอนเธอ
ลี่ซิ่วฉินถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของผู้บริหารระดับกลางของบริษัทเทียนหยากรุ๊ป เธอเป็นเลขานุการผู้จัดการฝ่ายการตลาดและฝ่ายบุคล เมื่อผู้คนในบริษัทเห็นเธอพวกเขาก็ทักทายเธอย่างนอบน้อมและกมหัวให้เธอ แต่ทว่าตอนนี้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนี้ต่อหน้าของเธอนั้นเธอคาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะไม่ได้ให้ความสำคัญใดๆกับเธอเลยและยังกล้าที่จะทำให้เธอขายหน้า เธอจะกลืนความโกรธนี้ให้หายออกไปจากใจได้อย่างไร ยิ่งกว่านั้นเธอก็ไม่ได้อารมณ์ดีเสียด้วยเมื่อสองสามวันที่ผ่านมาสามีของเธอมีชู้เป็นสาวน้อยและไม่แยแสเธอ ท้ายที่สุดแล้วเธอก็ไม่มีที่สำหรับให้เธอระบายความรู้สึกออกมาเย่เชียนจึงต้องรับผลกรรมที่เขาไม่ได้ก่อ..
“คุณกล้าพูดเช่นนั้นกับฉันงั้นเหรอ” ลี่ซิ่วฉินพูดอย่างโกรธเคือง
“ทำไมผมจะไม่กล้า? คุณคิดว่าคุณเป็นใคร? คุณอยู่นอกเหนือขอบเขต คุณคิดว่าเพียงเพราะคุณใส่เชิ้ตสวมสูทคุณจะยิ่งใหญ่ค้ำฟ้า? โถ่ๆ..ทำไมคุณไม่ลองไปเข้าห้องน้ำและตรวจดูว่าประจำเดือนคุณมาหรือไม่..คุณทำตัวเหมือนยายแก่ขี้บ่นเลย” เย่เชียนพูดอย่างเฉียบคมจนหวันชุนหัวที่ยืนอยู่ข้างๆจ้องมองเย่เฉียนด้วยความตกละลึงและแอบยกนิ้วให้และขยับปากโดยไร้เสียงใดๆว่า “นายมันเจ๋งมาก!”
“คุณ..คุณชื่ออะไรค่ะ!” หลี่ซิ่วฉินพูดด้วยความโกรธจัดและชี้นิ้วมาที่เย่เชียน
“คุณไม่มีความสามารถเหรอคุณไม่มีปัญญาหาเองเหรอ? หากคุณต้องการทราบชื่อของผมก็ไปค้นหาด้วยตัวของคุณเองเถอะ” เย่เชียนตอบกลับอย่างดุดัน
หลังจากพูดเช่นนี้เย่เชียนก็ไม่รู้สึกอยากจะเสวนากับเธออีกแล้วและเดินจากไป หวังชุนหัวเห็นก็รีบตามเขาไปทันที
ลี่ซิ่วฉินที่ถูกเย่เชียนไม่แยแสอยู่ข้างหลังก็พูดด้วยความโกรดเกรี้ยวอย่างมากว่า “นี่..ถ้านายไม่ถูกไล่ออก!..อย่ามาเรียกฉันว่าลี่!”
“เย่เชียนตอนนี้นายกำลังมีปัญหานะทำไมนายต้องทำให้ผู้หญิงคนนั้นโกรธด้วยล่ะ” ระหว่างทางกลับไปที่สำนักงานรักษาความปลอดภัยหวันชุนหัวถามด้วยความตะหงิดใจ
“อะไร? เพราะเธอมีตำแหน่งและมีอำนาจงั้นเหรอ” เย่เชียนตอบด้วยความสงสัยแต่น้ำเสียงของเขาทำให้เห็นได้ชัดว่าเขาเข้าใจสถานการณ์อย่างถ่องแท้
หวันชุนหัวตอบว่า “นายไม่รู้ในหรอกภายในแผนกต่างๆของเทียนหยากรุ๊ปนี้ลี่ซิ่วฉินนั้นเข้มงวดและน่ากลัวที่สุด การกระทำผิดต่อบุคคลนั้นก็เทียบเท่ากับการถูกไล่ออกจากบริษัทนี้ไปแล้ว ยิ่งกว่านั้นหัวหน้าเจิ้งซินของเราก็ชื่นชอบผู้หญิงเสน่ห์เหลือร้ายคนนี้อย่างมาก หากเขารู้ว่านายปฏิบัติกับเธอแบบนี้ฉันเกรงว่าเจิ้งซินจะทำให้นายเดือดร้อนในอนาคตอย่างแน่นอน!”
เย่เชียนยิ้มเบาๆและตอบว่า “ผมก็เกรงว่าสิ่งที่ผูหญิงคนนั้นได้รับการเยินยอจากผู้คนมากเกินไป เธอก็จะคิดว่าเธอเป็นคนที่พิเศษเหนือใครๆ ราวกับว่าผู้ชายทุกคนในโลกต้องแกว่งหางและคุกเข่าต่อหน้าเธออย่างไงอย่างงั้น นอกจากนั้นผมก็เพิ่งจะยอมถอยมาเธอจะทำอะไรกับผมได้”
หวันชุนหัวถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า “สิ่งที่นายพูดมันก็ถูก ถ้ามันเป็นเช่นนั้นฉันก็จะลาออกด้วย ถ้าทิศตะวันออกไม่มีแสงสว่างทิศตะวันตกก็จะสว่างสไวแทน เพียงเพราะฉันออกจากบริษัทเทียนยานี้มันก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะไม่สามารถกินอยู่ใช้ชีวิตอยู่ได้”
เย่เชียนหัวเราะเบาๆและพูดว่า “ใช่แล้ว..เหล่าสุภาพบุรุษเช่นเราสามารถทำในสิ่งที่เราต้องการทำและไม่ทำในสิ่งที่เราไม่ต้องการ พวกเรามีสิทธิที่จะเลือกด้วยตัวเราเอง ถ้ากลัวทั้งหัวทั้งหางมันจะไปทำอะไรได้!”
หวันชุนหัวไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม แม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าสิ่งที่เย่เชียนพูดนั้นถูกต้องแต่ก็มีหลายครั้งที่ความเป็นจริงมันช่างโหดร้ายยิ่งนักถ้าไม่ยอมก้มหัวให้ใครเลย
จวนจะถึงเวลาเลิกงานแล้ว เย่เชียนยังคงรู้สึกพึงพอใจอย่างมากในวันแรกของการทำงาน นอกจากเรื่องที่บาดหมางกับลี่ซิ่วฉินแล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย หลังเลิกงานเย่เชียนเรียกเพื่อนร่วมงานของเขาไปด้วยกันพวกเขาไปที่ร้านบาร์บีคิว ในตอนแรกฟูจุนเฉิงต้องการที่จะปฏิเสธแต่อาจเป็นไปได้ว่าจิตวิญญาณระหว่างชายชาติทหารของเขากับเย่เชียนเป็นดั่งวิญญาณของญาติพี่น้องเหล่าทหาร เมื่อเขาเห็นสายตาที่เย็นยะเยือกเย่เชียนก็ทำให้ฟูจุนเฉิงก็ไม่ปฏิเสธ
เขาทั้งสี่ได้แก่เย่เชียน,หวันชุนหัว,ฟูจุนเฉิงและคนที่ชื่อจ้าวไท่จู้หนุ่มแดนเหนือ พวกเขาไปที่แผงขายบาร์บีคิวในบริเวณใกล้เคียงและหาที่นั่งกัน เจ้าของแผงขายบาร์บีคิวเป็นผู้หญิงเธอไม่ได้แก่และดูเหมือนจะอายุไม่ถึงสามสิบใบหน้าของเธอมีรอยแผลเป็นจากมุมหนึ่งไปอีกยังมุมหนึ่งที่ปากของเธอ เมื่อมองแวบแรกเธอก็ดูน่ากลัวจริงๆ แต่หลังจากมองอย่างใกล้ชิดแล้วหากไม่มีแผลเป็นนั้นเธอก็ถือว่าเป็นผู้หญิงที่โฉมงามและรูปร่างของเธอนั้นก็ไม่ใช่เล่นๆเลย เย่เชียนจึงเดาว่าเมื่อครั้งที่เธอยังเด็กยังสาวแน่นอนเลยว่าเธอต้องสวยงามอย่างแท้จริง
ทั้งสี่คนนั้นพร้อมที่จะสั่งเมนูแล้วจากนั้นก็สั่งอย่างรวดเร็วทั้ง ไส้หมู,อัณฑะแพะ,หอยนางรม,ซี่โครงแกะ,กระเทียมและพริก และผักฯลฯ พร้อมกับเบียร์
“อั้ยหยา..พวกนายอยากได้ยินเรื่องราวของเถ้าแก่สาวคนนี้ไหม” หวันชุนหัวถามอย่างกระตือรือร้น
เย่เชียน,ฟูจุนเฉิงและจ้าวไท่จู้ไม่สามารถทำอะไรได้และช่วยไม่ได้เมื่อเห็นสายตาของหวันชุนหัวที่นอกจากการตั้งคำถามแล้วยังมีส่วนผสมของความตกใจและความเศร้าโศกผสมปนเปกันอยู่
“พวกนายรู้จักสวรรค์บนดินแห่งเมืองหลวงหรือเปล่า” หวันชุนหัวถามอย่างใจจดใจจ่อ
นอกจากเย่เชียนที่นิ่งๆแล้วฟูจุนเฉิงและจ้าวไท่จู้ก็พยักหน้า ในประเทศจีนมีเพียงคนส่วนน้อยที่ไม่รู้จักสวรรค์บนดินแห่งเมืองหลวงถึงแม้ว่าในที่สุดรัฐบาลจะยุบโครงการลง แต่มันก็ยังคงมีประเด็นร้อนและความเดือดดาลอยู่สักพักใหญ่ๆ เพราะไม่รู้ว่ามีเจ้าหน้าทุกระดับชั้นไม่ว่าจะระดับสูงหรือระดับล่างที่ทุจริตเป็นจำนวนมหาศาลตั้งกี่คนในเมืองสวรรค์บนดินแห่งนี้
หวันชุนหัวยังพูดต่ออีกว่า “เถ้าแก่สาวคนนี้เป็นผู้หญิงที่ร้อนแรงที่สุดในสโมสร ณ ตอนนั้น ทั้งนายน้อยหนุ่มสาวคนใหญ่คนโตและพ่อค้าหรือนายหัวที่ร่ำรวยต่างก็ไล่ตามจีบเธอเยินยอเธอแต่ในท้ายที่สุดเธอกลับตกหลุมรักหัวหน้ามาเฟียและเธอก็หนีไปแต่งงานกับเขา แต่ใครจะรู้ว่าหัวหน้ามาเฟียผู้นั้นจะไปขัดใจบุคลทรงอิทธิพลของเบื้องบนจนในที่สุดเขาก็ถูกอุ้มไปฆ่าทิ้งที่ริมฝั่งแม้น้ำฮวงภู่แต่เธอไม่ได้ฆ่าไปด้วยเธอถูกปล่อยออกมาด้วยการแลกเปลี่ยนด้วยร่างกายแต่โชคเธอไม่ได้ดีนักที่พวกเขาผลัดกันลุมเธอแล้วก็กรีดหน้าของเธอทำลายเธอทั้งกายและจิตใจจนหมดสิ้น เรื่องนี้เขารู้กันทั่วเซี่ยงไฮ้แล้ว”
หลังจากได้ยินเรื่องราวจากหวันชุนหัวตาของเย่เชียนก็รู้สึกว่างเปล่าได้แต่มองไปที่เถ้าแก่สาวคนนั้นขณะนี้เธอกำลังย่างบาร์บีคิวและเห็นว่ามุมปากของเธอกำลังยิ้มอยู่มันเป็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มและแสนสงบ บางทีเป็นไปได้ว่าในที่สุดเธอก็พบคุณค่าของชีวิตของเธอที่ได้ใช้ชีวิตอย่างไร้ความกังวลใดๆอีกแล้ว เย่เชียนก็ค่อยๆพูดว่า “บางครั้งชีวิตก็อยู่ที่ดวงและโชคชตาล่ะนะ”
หวันชุนหัวจ้องมองอย่างว่างเปล่าอย่างเงียบๆและคิดถึงคำพูดของเย่เชียนและรู้สึกว่ามันเป็นความจริ ในด้านของเป็นคนจ้าวไท่จู้เป็นคนง่ายๆและตรงไปตรงมาและไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆเพียงแค่ยิ้มเจื่อนๆ และฟูจุนเฉิงก็หัวของเขาไปและจ้องมองเภ้าแก่สาวพร้อมพูดเบาๆว่า “เธอเป็นผู้หญิงที่ดี”
เย่เชียนหันไปหาฟูจุนเฉิงในทันทีและแม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจว่าทำไมฟูจุนเฉิงถึงพูดคำนั้น แต่ในใจของเย่เชียนเองก็เห็นด้วยเพราะผู้หญิงที่มีชีวิตอยู่บนเส้นทางแห่งความนยากลำบากแต่สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวเองเธอเป็นผู้หญิงที่ดีจริงๆ และยิ่งไปกว่านั้นเย่เชียนชื่นชมความแข็งแกร่งของเถ้าแก่สาวคนนี้อย่างจริงใจ
.
.
.
.
.
.