ตอนที่ 303 ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน
ความรักนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในโลกใบนี้เสมอ!
เช่นเดียวกันกับความโรแมนติกที่ดูเหมือนว่าจะเป็นดั่งต้นกำเนิดและพื้นฐานของเหล่ากุลสตรี เพราะไม่ว่าจะเป็นเด็กสาวหรือหญิงสาวที่มีความรักหรือแม้แต่คุณผู้หญิงที่ร้อนแรงที่แต่งงานแล้วก็ตามพวกเธอทั้งหมดก็มักจะมีความโรแมนติกและโหยหามันอยู่เสมอ
เมื่อหลินโรวโร่วเปิดประตูบ้านออกเธอก็ถึงกับตกตะลึงและเธอก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเล็กน้อย เพราะภายในบ้านนั้นมีไฟนีออนส่องแสงหลากสีและมีทั้งลูกโป่งและริบบิ้นเต็มไปทั่วห้องนั่งเล่นและมีรูปภาพขนาดใหญ่ของเย่เชียนและเธออยู่ตรงกลางของห้องซึ่งมีสองประโยคที่เขียนอยู่ข้างๆ ก็คือ ‘โลกแห่งความทรงจำ’
ผู้หญิงนั้นมักจะมีอารมณ์ที่อ่อนไหวและความรู้สึกต่างๆ มากกว่าผู้ชายเสมอ เมื่อหลินโรวโร่วเห็นฉากนี้น้ำตาของเธอก็ไหลพรากซึ่งมันเป็นน้ำตาแห่งความสุขและรสของมันก็หวานอย่างมาก
“ที่รัก!” หลินโรวโร่วหันกลับมาและทิ้งตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเย่เชียนพลางสะอึกสะอื้นอย่างมีความสุข
“ผมไม่ได้ทำแบบนี้เพื่อให้คุณเรียกแบบนั้นหรอกนะ!” เย่เชียนยิ้มและพูดว่า “เอาล่ะยัยโง่..เข้าไปกันเถอะ..มีเซอร์ไพร์รอคุณอยู่!”
หลินโรวโร่วจ้องมองไปที่เย่เชียนด้วยความประหลาดใจเพราะว่าผู้ชายคนนี้นั้นยิ่งเวลาผ่านไปเท่าไหร่ก็ยิ่งดูน่ารักมากขึ้นเท่านั้น! ทั้งสองก็พยักหน้าเบาๆ แล้วทั้งสองก็เดินเข้าไปในบ้าน ซึ่งภายในบ้านนั้นเย่เชียนได้เปิดเครื่องปรับอากาศเอาไว้แล้วซึ่งภายในห้องอุณหภูมิก็สูงมากและอากาศก็หนาวเย็นอย่างมาก แต่ทว่าอย่างไรก็ตามหัวใจและความรักของเย่เชียนนั้นก็ทำให้หลินโรวโร่วรู้สึกอบอุ่นอย่างมาก
“นั่งลงก่อนนะ..นั่งนิ่งๆ อยู่ที่นี่แหละ!” เย่เชียนพาหลินโรวโร่วไปนั่งบนเก้าอี้และส่งยิ้มให้จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในครัว ครู่หนึ่งเย่เชียนก็นำอาหารที่เขาทำเอาไว้แล้วออกมา เนื่องจากมันถูกทำขึ้นในช่วงเช้ามืดของวันนี้เย่เชียนจึงอุ่นมันในไมโครเวฟเล็กน้อยแล้วค่อยนำมาเสิร์ฟ
หลินโรวโร่วจ้องมองไปที่โต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารด้วยความประหลาดใจเพราะเธอไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เธอเห็นเธอจึงถามด้วยความประหลาดใจว่า “นี่…นี่คุณทำเองหมดเลยหรอ?”
“ใช่! ..ชุดอาหารแคริบเบียนแท้ๆ สุดพิเศษ..คุณลองดูสิ!” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม
ความประทับใจของหลินโรวโร่วนั้นอิ่มเอมอย่างมากในตอนนี้เพราะบุรุษเลือดเหล็กอย่างเย่เชียนคนนี้ปกติเขาจะต้องไม่เข้าครัวไปทำอาหารเองอย่างแน่นอน แต่ทว่าวันนี้ผู้ชายคนนี้กลับเข้าครัวเพื่อทำสิ่งต่างๆ ให้กับเธอ เมื่อกวาดสายตามองไปที่การตกแต่งของห้องนี้แล้วหลินโรวโร่วก็รู้ได้ทันทีว่ามันจะต้องใช้เวลานานมากอย่างแน่นอน และคิดว่าเย่เชียนคงจะตกแต่งมันอยู่ตลอดทั้งคืน เมื่อคิดเช่นนั้นแล้วดวงตาหลินโรวโร่วก็เอ่อล้นไปด้วยน้ำตาและเธอก็มองไปที่รอยยิ้มที่เรียบง่ายบนใบหน้าของชายตรงหน้าของเธอและหัวใจของเธอก็เต็มไปด้วยความชุ่มชื้นและความสุขอย่างหาที่เปรียบมิได้
“ยัยโง่..ทำไมเธอถึงร้องไห้อีกแล้วล่ะ” เย่เชียนลูบหัวของเธอและพูดด้วยรอยยิ้ม
“ก็ฉันกลั้นเอาไว้ไม่ได้หนิ..ใครบอกให้คุณทำให้ฉันตื้นตันใจแบบนี้กันล่ะ” หลินโรวโร่วโน้มหัวของเธอเอาไว้ในอ้อมแขนของเย่เชียนและพูด
ในช่วงเวลากลางคืนนั้นอากาศค่อนข้างหนาวเย็นแต่ทว่าหัวใจของหลินโรวโร่วกลับอบอุ่นอย่างมาก ทั้งสองก็นอนกอดกันบนเตียงซึ่งหลินโรวโร่วก็อยู่ในอ้อมแขนของเย่เชียนและใช้นิ้วของเธอวนรอบหน้าอกของเย่เชียน หลังจากนั้นไม่นานหลินโรวโร่วก็พูดเบาๆ ว่า “เย่เชียน..ฉันอยากทำงานในเครือน่านฟ้ากรุ๊ป!”
“เครือน่านฟ้ากรุ๊ป?” เย่เชียนถึงกับผงะไปชั่วขณะและพูดด้วยความประหลาดใจว่า “ทำไมจู่ๆ คุณถึงอยากไปทำงานในเครือน่านฟ้ากรุ๊ปล่ะ..คุณจะเลิกเป็นพยาบาลแล้วหรอ?”
“ใช่ๆ ..เพราะพยาบาลน่ะสามารถช่วยชีวิตคนได้เพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น..และฉันก็ได้ยินเรื่องที่เกี่ยวกับเครือน่านฟ้ากรุ๊ปตอนที่ฉันยังอยู่ในแอฟริกาใต้ว่าพวกเขามีโครงการบรรเทาความยากไร้ขนาดใหญ่ภายใต้องค์กรของพวกเขา..เพราะงั้นฉันจึงอยากเข้าไปทำงานที่นั่นเพื่อที่ฉันจะได้ช่วยเหลือผู้คนได้มากขึ้น” หลินโรวโร่วพูดต่อ “เย่เชียน..คุณจะสนับสนุนฉันเรื่องนี้มั้ย?”
เย่เชียนก็หัวเราะเบาๆ และพูดว่า “งานนั้นยากมากเลยนะ..เพราะหลายครั้งที่พวกเขาต้องเข้าไปในพื้นที่ภูเขาที่ห่างไกลหรือพื้นที่ระบาดของโรคและชนบทต่างๆ”
“ฉันไม่กลัวหรอก..เพราะคุณคอยให้กำลังใจฉันไม่ใช่หรอ?” หลินโรวโร่วพูดอย่างหนักแน่น
เย่เชียนยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “อ่าห๊ะ..ผมสนับสนุนคุณเสมอถ้าสิ่งนั้นคุณต้องการ..ผมจะบอกความลับอีกอย่างนะ..ที่จริงแล้วผมเป็นCEOของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปน่ะ”
“จริงหรอ?” หลินโรวโร่วจ้องมองไปที่เย่เชียนด้วยความประหลาดใจและเธอก็ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เพิ่งได้ยินเลย
“ทำไมผมต้องโกหกคุณด้วยล่ะยัยโง่..มันเป็นเรื่องจริงอยู่แล้ว” เย่เชียนยิ้มและเขี่ยจมูกของหลินโรวโร่วเบาๆ
หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่งหลินโรวโร่วก็พูดอย่างจริงจังว่า “แต่คุณห้ามพูดห้ามทำอะไรแทนฉันนะ..ฉันจะไปสมัครงานด้วยตัวเอง..และจำเอาไว้ด้วยล่ะไม่งั้นฉันจะโกรธคุณจริงๆ”
เย่เชียนก็ผงะไปเล็กน้อยและหลังจากนั้นเขาก็หัวเราะเพราะผู้หญิงคนนี้ยังไงก็ยังคงเหมือนเดิมด้วยจิตใจที่เข้มแข็งภายใต้รูปลักษณ์ที่อ่อนแอของเธอเช่นนี้ เย่เชียนก็พยักหน้าและพูดว่า “ได้เลย..ผมจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องนั้น..แต่คุณอย่าทำหน้ามุ่ยล่ะถ้าคุณถูกปฏิเสธ”
“คุณไม่เชื่อในตัวฉันงั้นหรอ..คุณดูถูกภรรยาของตัวเองมากเกินไปแล้ว” หลินโรวโร่วพูดด้วยท่าทางขี้เล่น
“ภรรยาหรอ! ..โถ่ๆ สาวน้อยไม่อายบ้างหรอ..คุณยังไม่ได้แต่งงานกับผมเลยแล้วคุณจะเป็นภรรยาของผมได้ยังไง” เย่เชียนพูดหยอกล้อ
“ห๊า..ไม่รู้แหละ..ฉันเป็นของคุณแล้วเพราะงั้นคุณก็ต้องรับผิดชอบฉัน” หลินโรวโร่วยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูด
“แน่นอน..ผมต้องรับผิดชอบอยู่แล้วฮ่าฮ่า” กับผู้หญิงคนนี้แล้วเย่เชียนก็มักจะรู้สึกว่าหัวใจของเขาสงบเป็นพิเศษราวกับว่าข้อพิพาทและความกังวลทั้งหมดจะหายไปโดยปริยายและมีเพียงความสงบและความอบอุ่นที่ได้อยู่กับเธอเท่านั้น
เช้าวันรุ่งขึ้นเย่เชียนพาหลินโรวโร่วไปพบพ่อของเขา เพราะเขาจะต้องเป็นห่วงเย่เชียนอย่างมากตั้งแต่ที่เย่เชียนออกจากเมืองเซี่ยงไฮ้ไป ซึ่งเย่เชียนก็รู้ดีว่าพ่อของเขานั้นจะต้องไม่รู้ว่าเขาต้องหลั่งน้ำตาไปกี่ครั้งในตอนกลางคืนเมื่อนึกถึงสิ่งต่างๆ ที่ชายชราคนนี้มอบให้เขา ซึ่งพ่อของเขานั้นมักจะใจดีอยู่เสมอและรักลูกหลานของเขาเสมอมา แต่ทว่าในทุกๆ คืนเมื่ออยู่เพียงลำพังแล้วเขาก็ต้องทนทุกข์ทรมานกับความกังวลที่เกี่ยวกับเย่เชียนตัวน้อยของเขา
หากหลินโรวโร่วเป็นคนที่เย่เชียนต้องการจะปกป้องมาโดยตลอดแล้วพ่อของเขาก็เป็นคนที่เย่เชียนและเทิดทูนมาตลอดทั้งชีวิต ซึ่งชายชราคนนี้ได้คอยเลี้ยงดูและอุ้มชูเย่เชียนด้วยร่างกายและสุขภาพที่ไม่แข็งแรงของเขามาโดยตลอด ซึ่งฝ่ามือของเขานั้นก็อบอุ่นอย่างมากเด็กๆ ทุกคนรวมไปถึงเย่เชียนนั้นก็เต็มไปด้วยความกตัญญูต่อพ่อของเขาคนนี้อย่างมาก
ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะซื้อบ้านให้พ่อของเขาแล้วและพ่อของเขาก็ไม่ต้องไปเผชิญหน้ากับลมและฝนเหมือนแต่ก่อนอีกต่อไปแล้วก็ตาม แต่เย่เชียนนั้นก็รู้ดีว่าสิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือการได้ไปเยี่ยมพบเขาบ่อยๆ และถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่การพูดคุยและสนทนาและดื่มชากันก็ตาม แต่ในความเป็นจริงแล้วเย่เชียนนั้นรู้ดีว่าชายชราผู้ดื้อรั้นคนนี้ก็เก็บเงินที่เย่เชียนมอบให้เขาในทุกเดือนอย่างเงียบๆ และเขาก็จะหยิบมันขึ้นมาใช้เพื่อช่วยเหลือทุกคนที่ต้องการความช่วยเหลือในแบบที่เขาทำมาโดยตลอด
คนอย่างพ่อของเขานั้นหาได้ยากมากในสมัยปัจจุบันนี้ ที่รักลูกหลานอย่างไร้ขอบเขตและมีชีวิตเพื่ออุทิศให้ทุกคน
เมื่อเห็นการมาเยี่ยมของเย่เชียนและหลินโรวโร่วแล้วใบหน้าของชายชราก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่สดใสและเขาก็ไม่รู้ว่าเย่เชียนนั้นไปทำอะไรมาเพราะไม่เช่นนั้นก็ไม่อาจรู้ได้เลยว่าชายชราจะต้องแบกรับความกังวลเกี่ยวกับเย่เชียนเอาไว้มากแค่ไหน
“พ่อคะ!” เมื่อเห็นหน้าของเย่เชียนแล้วเย่หลินก็กระโดดเข้าหาอย่างมีความสุขและตะโกนอย่างซุกซน
หลินโรวโร่วก็ถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะเพราะว่าวันเวลามันผ่านพ้นไปแค่ครึ่งปีเองแล้วทำไมเย่เชียนถึงได้มีลูกสาวตัวใหญ่ขนาดนี้? แต่ก็เห็นได้ชัดเลยว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของเย่เชียน หลังจากนั้นเย่เชียนก็กอดและอุ้มเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ และพูดว่า “หนูเชื่อฟังคุณปู่มั้ย”
“แน่นอนค่ะ..หลินหลินยังไปช่วยคุณปู่เก็บขวดน้ำมาด้วย..และครั้งที่แล้วเราก็เอาไปขายจนได้เงินมาตั้งเยอะเลย” สาวน้อยพูดอย่างตื่นเต้น ซึ่งเย่เชียนก็มองไปที่พ่อของเขาอย่างขอโทษแต่พ่อของเขาก็หัวเราะเบาๆ การเรียนรู้ที่ดีที่สุดคืออะไร? แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องการจ้างครูสอนพิเศษที่ดีที่สุดเพื่อเรียนรู้แต่มันเป็นการสอนรู้ทักษะในทุกประเภทและทุกด้านให้เธอและการใช้ชีวิตนั้นคือการศึกษาที่ดีที่สุด ซึ่งวิธีการสอนการเรียนรู้ของพ่อนั้นอาจจะต่ำต้อยในสายตาของหลายๆ คนก็ตาม แต่สิ่งนี้นั้นสามารถทำให้เด็กเข้าใจได้ว่าความรักและความเคารพและความกตัญญูและคุณค่าของชีวิตนั้นเป็นสิ่งที่มนุษย์ต้องเรียนรู้มากที่สุดในชีวิต
เย่หลินก็จ้องมองไปที่หลินโรวโร่วและกะพริบตาปริบๆ และพูดว่า “พ่อคะ..พี่สาวคนนี้เป็นน้องสาวของคุณพ่อหรอคะ”
เย่เชียนจ้องมองไปที่เย่หลินและพูดว่า “น้องสาวอะไรกันเล่า..หนูต้องเรียกเธอว่าแม่นะ..ฮ่าฮ่า!” เย่เชียนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างซุกซน
“แต่ว่าต้องถามพี่สาวก่อนสิว่าจะยอมให้หนูเรียกว่าแม่ได้หรือเปล่า!” เย่หลินพูดและทำปากมุ่ย
หลินโรวโร่วจ้องเขม็งไปที่เย่เชียนและหันมาพูดกับเย่หลินว่า “อย่าไปสนใจเขาเลย..เรียกฉันว่าพี่สาวก็ได้จ่ะ” หลินโรวโร่วเขี่ยจมูกของเย่หลินขณะที่เธอพูด
ตอนนี้ชายชรากำลังยุ่งอยู่ในครัวในและเย่เชียนก็อุ้มเด็กผู้หญิงตัวน้อยไปนั่งที่โซฟาและลูบหัวของเธอเบาๆ แล้วพูดว่า “อย่าซนนะ..เดี๋ยวพ่อกับพี่สาวจะไปช่วยคุณปู่ในครัวก่อนนะ..รอนี่นะเด็กดี!” เมื่อคำพูดเหล่านั้นถูกส่งออกไปเย่เชียนก็รู้สึกว่าเขายังไม่เคยชินกับมันเลยและอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวอย่างซุกซน
หลินโรวโร่วก็ยิ้มและเดินเข้าไปในครัวพร้อมกับเย่เชียน
“คุณพ่อคะ..เดี๋ยวฉันทำเองค่ะ..คุณพ่อไปพักผ่อนก่อนเถอะค่ะ!” หลินโรวโร่วพูด
“โอ้..เอาสิๆ!” รอยยิ้มที่มีความสุขก็ผุดขึ้นมาบนใบหน้าของเขา ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเย่เชียนก็คิดที่จะจ้างพี่เลี้ยงเด็กให้กับเย่หลินเพื่อให้พ่อได้พักผ่อนแต่พ่อก็ปฏิเสธเพราะว่าชายชราคนนี้มีความดื้อรั้นและดื้อดึงเป็นของตัวเองและอยากจะเลี้ยงเด็กทุกคนด้วยมือของเขาเองเหมือนที่เขาเลี้ยงลูกๆ ของเขามา
“พ่อคะ..หนูอยากช่วยด้วย!” เย่หลินก็เดินเข้ามาและพูด ซึ่งเย่เชียนก็รู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อยเพราะปัญหาของเด็กรุ่นนี้นั้นทำให้เขาต้องปวดหัว
“หืม..หนูอยากทำไรจ๊ะ” หลินโรวโร่วยิ้มและลูบหัวของเย่หลิน
“หนูเลือกผักได้ค่ะ!” สาวน้อยพูดอย่างมีความสุข
“ฮี่ๆ ..เก่งมากจะ” หลินโรวโร่วพูดชมเย่หลินเพราะสำหรับเด็กๆ แล้วคำพูดให้กำลังใจนั้นมีประโยชน์มากกว่าคำตำหนิเสมอ
“นี่..ออกไปอยู่กับคุณปู่สิ..พ่อมีอะไรอยากจะคุยกับแม่ของหนูน่ะ” เย่เชียนพูด
เย่หลินทำหน้ามุ่ยและบุ้ยปากและแลบลิ้นใส่เย่เชียนและพูดว่า “หนูจะเรียกเธอว่าพี่สาว! ..ไม่งั้นหนูจะโมโหแล้วนะ!” หลังจากนั้นเธอก็รีบวิ่งออกไปโดยปล่อยให้เย่เชียนยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความตกตะลึงและงุนงงอย่างมาก
เมื่อเห็นท่าทางที่หดหู่ของเย่เชียนแล้วหลินโรวโร่วก็หัวเราะอย่างมีความสุข หลังจากนั้นเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจและพูดว่า “นี่ๆ ..ในอนาคตคุณต้องกำเนิดลูกชายให้ผมนะ..ไม่งั้นคุณผู้หญิงทั้งหลายคงจะรวมหัวกันกลั่นแกล้งผมแน่ๆ ..ถ้าเป็นแบบนั้นผมจะทนทุกข์ทรมานได้ยังไง?”
“น่าอาย! ..ใครจะไปให้กำเนิดลูกของคุณ!” หลินโรวโร่วจ้องมองหลินโรวโร่วแล้วยิ้มอย่างเขินอาย
ระหว่างที่ทั้งสองกำลังทำอาหารกันอยู่นั้นเย่เชียนก็ได้เล่าเรื่องของเย่หลินให้หลินโรวโร่วฟังและเธอก็อดไม่ได้ที่จะน้ำตาคลอ และหลังจากนั้นไม่นานเธอก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “ต่อจากนี้ไปเธอจะเป็นลูกของเรา..คุณไม่ต้องกังวลนะ..ฉันจะโอบกอดเธอและรักเธอด้วยความรักของฉัน..และฉันจะปกป้องเธอเอง”
ในขณะนี้จู่ๆ โทรศัพท์มือถือของเย่เชียนก็ดังขึ้นและเมื่อเขาหยิบมันขึ้นมาดูปรากฏว่ามันเป็นเบอร์โทรศัพท์ของฮันเซ่ว
.
.
.
.
.
.
.