จ้าวไท่จู้หัวเราะขณะที่เขาตอบว่า “ที่หมู่บ้านของผมน่ะ กังฟูนี้ได้สืบทอดมาในตระกูลของผมมาหลายชั่วอายุคนแล้ว เมื่อตอนที่พ่อของผมยังหนุ่มๆอยู่เขาเป็นเจ้าสำนักฝึกศิลปะการต่อสู้ในจังหวัดของเรา ทว่าท่านได้รับบาดเจ็บและเกษียณก่อนกำหนด พ่อของผมก็จึงเริ่มสอนกังฟูให้ผมตั้งแต่ผมยังเด็กๆผมก็เลยรู้เรียนรู้มาบ้างน่ะ”
“ไท่จู้? นายล้อฉันเล่นเหรอ นายฝึกกังฟูมาตั้งแต่เด็กๆเลยหรือมันเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์ที่สุดที่ฉันเคยเห็นเลย ไม่รู้ล่ะถ้านายมีเวลานายต้องสอนฉัน!” หวันชุนหัวพูดอย่างหนักแน่น
“พ่อของผมกำชับไว้ว่าห้ามสอนกังฟูให้คนอื่นน่ะฮ่าๆ หากคุณต้องการจริงๆแล้วล่ะก็ไม่ลองถามฟูจุนเฉิงหรือเย่เชียนดูล่ะพวกเขาน่าจะเก่งอย่างจริงแท้แน่นอน” จ้าวไท่จู้ตอบในขณะที่หัวเราะเบาๆ
หวันชุนหัวจ้องมองไปที่ฟูจุนเฉิงและเย่เชียนด้วยความประหลาดใจ เขาไม่คาดหวังว่าพวกเขาทั้งสองจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้และเก็บเป็นความลับเอาไว้เช่นกัน “เฮ้ๆน้องฟู..น้องเย่โปรดพิจารณาด้วยฉันที่ไม่ได้มีพรสวรรค์ด้านศิลปะการต่อสู้เลยและฉันรับประกันได้เลยว่าฉันจะส่งเสริมและเป็นกำลังที่สำคัญให้พวกนายในวันข้างหน้า!” หวันชุนหัวจ้องมองเย่เชียนและฟูจุนเฉิงด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง
“ทักษะแขนงของผมนั้นไม่เหมาะกับคุณหรอก!” เย่เชียนยิ้มเบาๆ
อันที่จริงแล้วทักษะของเย่เชียนนั้นเป็นทักษะแขนงพิเศษที่นำศิลปะการต่อสู้จากทั่วทุกมุมโลกมาผสมผสานกันให้เกิดประสิทธิภาพอันสูงสุดและความอันตรายถึงชีวิตเพราะมันทั้งรวดเร็วแม่นยำและดุร้าย ในขณะที่ทักษะการต่อสู้ของเขาจะใช้แค่บางครั้งในการซ้อมกับกองทหารรับจ้างหน่วยเขี้ยวหมาป่าเพราะส่วนใหญ่เขามักจะใช้กับศัตรูในการต่อสู้เพราะมันอาจถึงตายได้อย่างสมบูรณ์แบบ
“คุณแข็งแกร่งอยู่แล้วคุณไม่ต้องเรียนรู้อะไรมากมายเลย” ฟูจุนเฉิงพูด
“แต่ถ้าคุณต้องการจริงๆล่ะก็ผมสามารถสอนให้คุณได้นะ แต่คุณต้องสัญญากับผมนะว่าคุณจะไม่ใช้ทักษะการต่อสู้ที่ผมสอนให้ไปใช้ในทางที่ผิด!”
ในตอนแรกหวันชุนหัวได้ยินว่าเย่เชียนจะไม่สอนให้เขาหน้าเขาก็เปลี่ยนไปอย่างน่าผิดหวัง แต่เมื่อฟูจุนเฉิงตกลงที่จะช่วยสอนให้เขาทันใดนั้นเขาก็ลุกขึ้นและพูดซ้ำๆว่า “ฉันจะไม่ทำ!..ฉันจะไม่ทำ!..ฉันดูเหมือนคนแบบนั้นในสายตานายหรือ? ฉันสัญญาว่าตราบใดที่ไม่มีใครไม่ยั่วยุและบีบให้ฉันต้องทำล่ะก็ฉันจะไม่ใช้มันอย่างผิดๆแน่นอน!”
ฟูจุนเฉิงพยักหน้าและไม่พูดอะไรเพิ่มเติมเพราะเขาได้ทำงานกับหวันชุนหัวมาสักระยะหนึ่งแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ออกไปเที่ยวด้วยกันบ่อยครั้ง แต่เขาก็ยังเข้าใจถึงตัวตนของเขาได้ดี หวันชุนหัวไม่ใช่คนที่ป่าเถื่อนและหุนหันพลันแล่นเขามีความภักดีของลูกชายต่อพี่น้องและเพื่อนๆของเขาจึงทำให้เขาดูน่าเชื่อถืออย่างมาก
หวันชุนหัวพูดอย่างมีความสุขว่า “น้องฟูเยี่ยมที่สุด! คืนนี้ฉันเลี้ยงเอง! ทุกคนกินเลยๆ! ไม่ต้องกังวลกับมัน! หมดก็สั่งได้เลย! ฉันยินดีจ่าย”
“จริงหรือๆ?” จ้าวไท่จู้ถามด้วยความตกใจผสมกับยินดีอย่างยิ่ง
“แน่นอนคนอย่างฉันไม่กลับคำหรอก” หวันชุนหัวหัวตอบอย่างเคร่งขรึม
“นี่เถ้าแก่!..ขอซี่โครงแกะยี่สิบ..น่องไก่สิบ..กระเที่ยมสี่สิบ..และปลาหมึกและหอยนางรมด้วยรวมๆมาเล้ยเถ้าแก่!” จ้าวไท่จู้หัวเราะอย่างสนุกสนานในขณะที่เขาสั่งเมนู
“เฮ้!..ไท่จู้ ทำไมนายต้องฉวยโอกาสขนาดนี้ นายจะกินมันหมดเหรอ?” หวันชุนหัวตกใจอย่างมาก
“เถ้าแก่..เถ้าแก่..ผมด้วยผมด้วย? ผมเอาเต้าหู้และมะเขือยาวด้วย” เย่เชียนหัวเราะไปด้วยสั่งไปด้วย “
“คุณไม่ได้เลี้ยงพวกเราบ่อยๆฉะนั้นพวกเราจะกินให้หมด!” เย่เชียนพูดอย่างหนักแน่น
หวันชุนหัวยิ้มอย่างสิ้นหวังและพูดว่า “ก็ได้ๆกินไปเถอะ ฉันจะสาปแช่งพวกนายทั้งหมดฮ่าๆ”
ทั้งสี่คนสังสรรค์กันเสร็จในเวลาสี่ทุ่ม เมื่อถึงเวลาจ่ายบิลเย่เชียนก็หยิบใบเสร็จไป แต่มันไม่ได้หมายความว่าหวันชุนหัวไม่เต็มใจจ่าย แต่เป็นเพราะเย่เชียนรู้สึกว่าเขาต้องรับผิดชอบในเมื่อเขาบอกว่าเขาจะเลี้ยงมื้อนี้ตั้งแต่แรกแล้วและเพื่อที่เขาจะได้ไม่ผิดคำพูดของเขา และยิ่งกว่านั้นเมื่อดูหวันชุนหัวแล้วฐานะของเขาก็ไม่ได้ดีมาก ถึงแม้ว่าบาร์บีคิวนี้จะไม่ได้แพงและไม่เกินพันห้าหยวนก็ตามแต่มันก็เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายครึ่งเดือนของหวันชุนหัว
เย่เชียนประหลาดใจเมื่อพบว่าที่พักของฟูจุนเฉิงห่างกับที่พักของตนเพียงหนึ่งถนนและเมื่อพวกเขากลับบ้านแต่เดิมเย่เชียนวางแผนที่จะกลับโดยเรียกแท็กซี่กลับบ้าน แต่ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจกลับบ้านพร้อมฟูจุนเฉิงเพื่อที่จะได้พูดคุยกัน เพราะเย่เชียนรู้สึกว่าฟูจุนเฉิงต้องเป็นบุคคลที่น่าเกรงขามในกองทัพสักแห่ง เมื่อถึงจุดนี้เย่เชียนสามารถบอกได้ด้วยการมองตาที่เหมือนเสือโคร่งจากนัยน์ตาของเขาที่ดูมีเจตนาฆ่าแอบแฝงอยู่ในนั้น ถึงมันจะดูเศร้าเล็กน้อยที่ชีวิตต้องผ่านความทรมานบางอย่างมา เขาไม่สามารถซ่อนมันจากสายตาของเขาได้
“พี่ชาย..คุณเคยอยู่หน่วยไหนมาก่อน” เย่เชียนถามระหว่างทางกลับ
การแสดงออกของฟูจุนเฉิงเปลี่ยนไปเล็กน้อยและเขาก็พูดอย่างเศร้าๆว่า “มันเป็นอดีตไปแล้ว ฉันไม่อยากพูดถึงมันน่ะ”
เย่เชียนยิ้มแผ่วๆเขาไม่แปลกใจที่คำตอบจะออกมาแบบนี้เลย จากการมองสายตาของฟูจุนเฉิงก็รู้ว่าจะต้องมีสิ่งที่เลวร้ายอย่างมากเกิดขึ้นเมื่อตอนที่เขาอยู่ในกองทัพ
“มีบางสิ่งที่คุณอยากลืมแต่ก็ไม่สามารถลืมมันได้ คุณจึงฝังมันลึกลงในความทรงจำของคุณสินะ..ผมบังเอิญเห็นรอยสักที่แขนของคุณถ้าให้ผมเดานะคุณก็เป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังพิเศษเขี้ยวหมาของจีนใช่ไหม?” เย่เชียนพูดอย่างมั่นใจ
เย่เชียนรู้เกี่ยวกับกองกำลังพิเศษเขี้ยวหมาป่าของจีนเป็นอย่างดี ทั้งนี้ทั้งนั้นเป็นเพราะทหารรับจ้างหน่วยเขี้ยวหมาป่าแต่เดิมถูกก่อตั้งขึ้นโดยทหารผ่านศึกของหน่วยรบพิเศษเขี้ยวหมาป่าของจีน เป็นเพราะทหารผ่านศึกเหล่านั้นมีความรู้สึกซาบซึ้งและพรรคดีต่อกองกำลังพิเศษเขี้ยวหมาป่า และที่เขาจัดตั้งกลุ่มทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าก็เพราะว่าเมื่อใดก็ตามที่ประเทศจีนมีภารกิจที่ยากเป็นพิเศษที่จำเป็นต้องทำอย่างลับๆก็ต้องเป็นหน้าที่ของกลุ่มทหารรับจ้างเหล่านี้แทน
ทุกคนที่สังกัดกลุ่มทหารรับจ้างไม่เคยมีประวัติใดๆในประเทศจีนหรือต่างประเทศเลยแม้แต่น้อย กลุ่มเขี้ยวหมาป่าของจีนนั้นถูกปกคลุมไปด้วยความลึกลับต่อโลกภายนอกและแม้แต่กับหน่วยงานอื่นๆของกองทัพอย่างสมบูรณ์ แม้ว่าทหารจากหน่วยงานอื่นๆของกองทัพจะเกษียณพวกเขาก็จะไม่เปิดเผยข้อมูลใดๆ แม้แต่ผู้ก่อตั้งกองทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าเองก็ยังคงปฏิบัติตามกฏของความลับนี้ แต่เมื่อเขาได้เห็นพรสวรรค์อันพิเศษของเย่เชียนเขาก็พาเย่เชียนไปและบอกเขาถึงต้นกำเนิดของทั้งหมดและความลับทั้งหมดทั้งมวลแก่เย่เชียน เขาบอกเย่เชียนว่าเย่เชียนจะต้องไม่ทำให้ประเทศชาติของเขาต้องผิดหวังอย่าลืมประเทศบ้านเกิดของตนแม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในดินแดนใดๆในต่างประเทศก็ตามพวกเขาก็จะต้องมีจิตสำนึกที่ชัดเจนอย่างยิ่ง
ฟูจุนเฉิงจ้องมองเย่เชียนด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่งที่เย่เชียนถึงตัวตนของเขา เขาเบิกตากว้างขึ้นและมองหน้าเย่เชียนอย่างเศร้าโศกราวกับว่าเขากำลังนึกถึงบางสิ่งที่สำคัญอยู่ แต่ในที่สุดเขาก็ไม่ได้พูดอะไรแต่มันก็เหมือนกับการยืนยันคำถามของเย่เชียนแล้ว
“ทำไมคุณถึงถูกปลดล่ะ?” เย่เชียนถาม ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะรู้ว่าสิ่งนี้อาจเป็นความทรงจำที่ฟูจุนเฉิงไม่ต้องการที่จะจดจำก็ตามแต่ถ้าบางสิ่งบางอย่างถูกเก็บไว้ในใจตลอดไปสักวันหนึ่งก็จะไม่สามารถกักกั้นมันเอาไว้ได้ กองกำลังพิเศษของเขี้ยวหมาป่านั้นแถบจะไม่ปลดประจำการสมาชิกของพวกเขาเลย ดังนั้นการปลดประจำการของฟูจุนเฉิงจะต้องมีเรื่องราวเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดา เรื่องที่หนักหนาสาหัสในใจของฟูจุนเฉิงนั้นเย่เชียนต้องการที่จะช่วยเขาขจัดความกังวลนี้ไม่มากก็น้อยและถึงแม้ว่าเขาจะไม่ประสบความสำเร็จก็ตามแต่เย่เชียนก็อยากลองทำเพื่อเพื่อนชาติทหารด้วยกัน
กองกำลังพิเศษเขี้ยวหมาป่า กับ กองทหารรับจ้างหน่วยเขี้ยวหมาป่า ไม่ใช่หน่วยเดียวกันและแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงราวฟ้ากับเหวเพราะอีกหนึ่งคือบนดินและอีกหนึ่งคือใต้ดินมันมีเส้นบางๆกั้นอยู่แต่ทั้งหมดทั้งมวลแล้วพวกเขาเหล่านั้นต่างก็เป็นชายชาติทหารที่รักชาติยิ่งชีพ…
.
.
.
.
.
.