ตอนที่ 322 จอมพล!
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันในครั้งนี้ทำให้เย่เชียนรู้สึกประหลาดใจอย่างมากและถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยพบกันมาก่อนก็ตามแต่ก็เคยเห็นชายชราคนนี้ในข่าวทางโทรทัศน์เพียงเท่านั้น แต่ทว่าในตอนนี้เขาได้เห็นชายชราคนนี้กับตาของตัวเองแล้วและทุกๆ การเคลื่อนไหวของชายชราคนนี้นั้นแสดงให้เห็นถึงความสูงส่งและอ่อร่าที่มิอาจบรรยายด้วยคำพูดได้เลย
นี่เป็นเรื่องที่น่าตกใจอย่างยิ่งเพราะวีรชนผู้กล้าทั่วไปนั้นเทียบไม่ได้กับชายชราคนนี้เลย
ชายชราคนนี้เป็นใครน่ะหรือ? แค่อธิบายโดยการที่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนถึงกับต้องเคารพเขาเป็นการส่วนตัวเช่นนั้นแล้วชายชราผู้นั้นก็ย่อมไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน ซึ่งเขาก็คือปู่ของหูวเค่อนั่นเองหรือที่รู้จักกันในฐานะของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลกลางในนามของรองนายกรัฐมนตรีของประเทศจีนหูวหนานเจียนนั่นเอง
แน่นอนว่าคนระดับนี้ไม่ใช่คนที่เย่เชียนจะไปคุกคามหรือไปทำให้ขุ่นเคืองอย่างแน่นอน ซึ่งนอกจากสถานะของเขาในฐานะบุคคลระดับสูงในรัฐบาลกลางแล้วเขาก็ยังเป็นปู่ของหูวเค่ออีกด้วย เพราะเย่เชียนนั้นรู้ว่าหูวเค่อได้มอบใบเบิกทางและความรุ่งโรจน์ให้กับตัวเองแล้วและเธอก็คงจะต้องตกลงอะไรบางอย่างกับชายชราคนนี้เอาไว้เป็นแน่ เพราะมันเป็นไปไม่ได้อย่างยิ่งเลยที่ชายชราคนนี้จะมาพบตัวเองโดยไม่มีเหตุผลเพราะมันเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง
เย่เชียนก็ลุกขึ้นเพื่อทักทายเขาส่วนหวังปิงกับผู่ซู่จิ่วนั้นก็ตกตะลึงและหวั่นเกรงอย่างยิ่งพวกเขาจึงรีบยืนขึ้นเพื่อทักทายชายชรา
เหล่าผู้สื่อข่าวก็แห่กันไปที่หูวหนานเจียนและเกือบจะปิดกั้นเส้นทางการเดินของหูวหนานเจียนไป เมื่อเห็นเช่นนั้นหูวหนานเจียนก็ยิ้มอย่างใจเย็นและโบกมือให้เหล่านักข่าว เพราะโดยธรรมชาติแล้วภายใต้ความสงบเสงี่ยมและความใจเย็นของเขานั้นก็เหมือนกับปรมาจารย์เซียนเต๋าผู้เป็นอมตะนั่นเอง
“อืม..น้องๆ นักข่าว..อย่าเดาอะไรมากกันเกินไปเลย..ที่ฉันมาที่นี่ครั้งนี้ก็เพราะว่าฉันบังเอิญได้ยินว่าเครือน่านฟ้ากรุ๊ปได้ก่อตั้งมูลนิธิกองทุนแห่งอนาคตน่ะ..เพราะงั้นฉันก็เลยแวะมาเพื่อแสดงความยินดีด้วย..ฉันเห็นว่าเครือน่านฟ้ากรุ๊ปน่ะเต็มใจที่จะแบกรับความรับผิดชอบต่อสังคมในประเทศของเรา..และประเทศของเราก็จะเจริญรุ่งเรืองและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น” หูวหนานเจียนนั้นยิ้มอยู่เสมอและรูปลักษณ์ของเขาก็ดูเหมือนปรมาจารย์เซียนจากเทพนิยาย
“เอาล่ะๆ ..พี่น้องนักข่าวทั้งหลาย..ท่านรองนายกรัฐมนตรีเดินทางมาเหนื่อยน่ะ..ช่วยหลีกทางให้ท่านรองได้ไปพักผ่อนอย่างเต็มที่หน่อยนะ!” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด
อย่างไรก็ตามความกระตือรือร้นและความอยากรู้อยากเห็นของเหล่าผู้สื่อข่าวเหล่านั้นก็ไม่ได้ลดลงไปเลยและพวกเขาก็ยังคงถามคำถามต่อไป
“คุณผู้สื่อข่าวและสื่อมวลชนและแขกผู้มีเกียรติทั้งหลายคะ..ทุกคนโปรดไปที่ห้องอาหารที่เราจัดเตรียมเอาไว้ให้แล้วด้วยนะคะ..ท่านรองนายกรัฐมนตรีเดินทางมาไกล..ดังนั้นพวกคุณควรมีความเกรงใจหน่อยนะคะ..เอาไว้ค่อยถามคำถามในภายหลังจะได้มั้ยคะ..ขอบคุณค่ะ” ซ่งหลันพูดเตือนอย่างอ่อนโยน หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของไอร่อนบลัดก็เข้ามาเปิดเส้นทางการเดินให้หลังจากนั้นเหล่าผู้สื่อข่าวก็สงบลงในที่สุด ซึ่งหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเองก็ถือโอกาสนี้พาหูวหนานเจียนขึ้นไปที่ชั้นบนของโรงแรมและในขณะที่พวกเขากำลังเดินขึ้นไปเมื่อเดินผ่านเย่เชียนแล้วหูวนานเจียนก็ขยิบตาไปที่เย่เชียนระหว่างทาง ซึ่งเมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็เข้าใจได้ในทันทีและเย่เชียนก็บอกซ่งหลันและเดินตามหูวหนานเจียนไป
เมื่อมาถึงหน้าประตูห้องพักของโรงแรมแล้วบอดี้การ์ดหนุ่มทั้งสี่คนที่รออยู่ข้างนอกก็มองไปที่เย่เชียนและตรวจอาวุธตามตัวเย่เชียน ซึ่งเย่เชียนก็สงสัยว่าชายหนุ่มทั้งสี่คนนี้สังกัดอยู่ในสำนักความมั่นคงแห่งชาติด้วยใช่หรือไม่? ซึ่งแน่นอนว่าบุคคลระดับรองนายกรัฐมนตรีของประเทศนั้นเมื่อใดที่เขาต้องการจะไปไหนมาไหนนั้นก็ต้องมีการคุ้มกันที่เคร่งครัดอยู่แล้ว ซึ่งเย่เชียนเองก็เข้าใจถึงประเด็นนี้ดีเขาจึงยกแขนขึ้นและให้ความร่วมมือโดยปริยาย
“ให้เขาเข้ามา!” น้ำเสียงที่แหบแห้งแต่ก็ดูสง่าผ่าเผยของหูวหนานเจียนดังมาจากข้างใน
บอดี้การ์ดทั้งสี่ก็หยุดและเชิญเย่เชียนเข้าไปในห้องด้วยความสุภาพและใบหน้าที่ดูสงบเสงี่ยม
เย่เชียนก็ยิ้มให้เบาๆ และเดินเข้าไปข้างใน ซึ่งรอยยิ้มที่มาบรรจบกันนั้นก็ไม่ใช่รอยยิ้มแห่งความโกรธเกรี้ยวหรือรอยยิ้มแห่งความเกลียดชังใดๆ เลยแม้แต่น้อย
หูวหนานเจียนก็ยังไม่ได้พูดอะไรใดๆ เพียงมองเย่เชียนขึ้นและลงจากหัวจรดเท้าอย่างถี่ถ้วนพร้อมกับรอยยิ้มที่ไม่สามารถอธิบายได้ถึงความหมายบนใบหน้าของเขา หลังจากนั้นไม่นานหูวหนานเจียนก็ยื่นมือออกมาและพูดอย่างใจเย็นว่า “สวัสดี! ..”
เย่เชียนเองก็ยื่นมือออกมาและจับมือของหูวหนานเจียนเบาๆ หลังจากนั้นเย่เชียนก็ปล่อยน้ำเสียงออกมาโดยไม่มีความอ่อนน้อมถ่อมตนหรือหยิ่งผยองใดๆ เพราะมันดูเป็นธรรมชาติอย่างมากว่า “สวัสดีครับ!” เย่เชียนนั้นรู้อยู่แก่ใจดีว่าการมาเยือนของหูวหนานเจียนในครั้งนี้นั้นจะต้องมีจุดประสงค์พิเศษอย่างมากแน่นอน แต่ด้วยหลายๆ สิ่งหลายๆ อย่างในตัวของหูวหนานเจียนที่เย่เชียนไม่รู้จักนั้นเย่เชียนก็ทำได้เพียงสงบเสงี่ยมเพื่อที่เขาจะสามารถพลิกจักรวาลและพลิกโฉมผู้ที่อยู่เหนือกว่าจากที่ที่ต่ำกว่าและพาตัวเองไปสู่จุดสูงสุดอีกแห่งโดยการมีจิตใจที่แข็งแกร่งเช่นนี้
“นั่งลงก่อนสิ!” หูวหนานเจียนก็ยังคงมีน้ำเสียงที่สงบเสงี่ยมและรอยยิ้มที่ไม่จบไม่สิ้นและมันก็ไม่ใช่รอยยิ้มที่สุภาพหรือเป็นมิตรแบบนั้นแต่มันเป็นท่าทีของการยกย่องเสียมากกว่า
เย่เชียนก็ไม่ได้เฉยเมยหรือเพิกเฉยแต่อย่างใดเขาก็ค่อยๆ อย่างเป็นธรรมชาติและเพิ่มออร่าและสมาธิของเขาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อไม่ให้หูวหนานเจียนกดดันจนตัวเองพูดไม่ออก ซึ่งตอนนี้เย่เชียนเองก็รู้สึกแปลกๆ ว่าเหมือนจะมีคลื่นร้อนๆ ชนิดหนึ่งไหลเวียนอยู่รอบๆ ร่างกายของเขาแต่เมื่อเขาต้องการที่จะสัมผัสและรับรู้ถึงมันเมื่อไหร่มันก็จะหายไปทันทีอย่างไร้ร่องรอยซึ่งเป็นสิ่งที่น่าแปลกอย่างมาก
หลังจากนั้นไม่นานเย่เชียนก็ยิ้มเบาๆ และพูดว่า “ท่านรองนายกรัฐมนตรี..ท่านคงไม่รังเกียจใช่มั้ยที่ผมจะขอสูบบุหรี่น่ะครับ” ในขณะที่พูดเขาก็หยิบบุหรี่ออกมาแล้วยื่นให้หูวหนานเจียน หลังจากนั้นหูวหนานเจียนก็หัวเราะยื่นมือออกไปแล้วหยิบมันเข้าปากจากนั้นเย่เชียนก็จุดไฟให้เขาอย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่มีร่องรอยของการเคารพแต่ก็ยังมีมารยาทเช่นกัน ในทันทีเย่เชียนจุดบุหรี่ให้หูวหนานเจียนเขาก็สูบบุหรี่เข้าไปและปล่อยออกมาอย่างช้าๆ โดยไม่ได้พูดอะไรใดๆ
“ฮ่าๆ ..เย่เชียน..ฉันน่ะได้ยินชื่อเสียงอันเรื่องลือของคุณมาตั้งนานแล้ว..และหนูน้อยก็มักจะพูดถึงชื่อของคุณต่อหน้าฉันอยู่บ่อยๆ น่ะ..การที่เราได้มาพบกันต่อหน้าต่อตากันแบบนี้พอได้เห็นแล้วคุณเย่นี่เป็นหนุ่มน้อยที่ยอดเยี่ยมจริงๆ” ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นหูวหนานเจียนเองที่ทำลายความเงียบงันและบรรยากาศที่น่าตึงเครียด อย่างไรก็ตามความเงียบงันก็ไม่ได้ลดลงไปเลยและสิ่งต่างๆ ก็ไม่สามารถคาดเดาได้เลยแม้แต่น้อย
เย่เชียนก็ยิ้มอย่างแผ่วเบาและพูดอย่างนอบน้อมว่า “ท่านรองนายกครับเด็กๆ อย่างผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากเลยครับ”
“คนเราก็มีโอกาสที่เท่าเทียมกัน..แต่คนที่สามารถคว้าโอกาสและทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้น่ะมันก็ไม่ใช่ทุกคนหรอกที่จะทำได้” หูวหนานเจียนพูด “คราวนี้ที่ฉันมาเซี่ยงไฮ้ก็เพราะจะมาหาคุณเนี่ยแหละ”
“ท่านรองนายกพูดแบบนี้แล้วเด็กๆ อย่างผมก็รู้สึกละอายใจสิครับ..ท่านเป็นผู้หลักผู้ใหญ่แต่กลับมาเยี่ยมเด็กอย่างผมแบบนี้แล้ว..ผมก็รู้สึกแย่สิครับ” เย่เชียนพูด “ผมไม่ทราบว่าท่านรองนายกต้องการสิ่งใดหรือ..ไม่ว่าสิ่งใดเด็กอย่างผมก็จะทำให้ได้ครับ..ถ้ามันเป็นสิ่งที่ชอบธรรมแล้วล่ะก็ต่อให้มันจะเกินความสามารถของผมก็ตาม”
“ฉันไม่รู้ว่าความชอบธรรมของคุณคืออะไรหรือเป็นแบบไหน?” หูวหนานเจียนไม่ได้อธิบายเจตนาและจุดประสงค์ของเขา แต่กลับถามคำถามที่ไม่มิอาจเข้าใจได้
“ความชอบธรรมจากความฝัน..ความชอบธรรมที่ยิ่งใหญ่..ความชอบธรรมเล็กๆ น้อยๆ ..ความชอบธรรมที่ยิ่งใหญ่สำหรับประเทศชาติ..และความชอบธรรมสำหรับญาติและเพื่อนๆ” เย่เชียนพูดอย่างเรียบง่าย
“แล้วถ้ามันเกิดความขัดแย้งกันระหว่างความชอบธรรมที่ยิ่งใหญ่กับความชอบธรรมเล็กๆ น้อยๆ ล่ะ” หูวหนานเจียนถามต่อ “แล้วคุณจะเลือกความชอบธรรมที่ยิ่งใหญ่หรือความชอบธรรมเล็กๆ น้อยๆ กัน?”
เย่เชียนก็หัวเราะพลางหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบไปสักพักหนึ่งและเขาก็พูดว่า “ท่านรองนายกครับ..คุณสามารถหาคำตอบได้ด้วยตัวเองหรือจะถามผู้อำนวยการหวงฟู่ก็ได้..เพราะถึงยังไงคำตอบที่อยู่ในใจของท่านก็คือคำตอบของผมด้วยเหมือนกัน”
หูวหนานเจียนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะและถึงแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยพอใจกับคำตอบของเย่เชียนนักก็ตามแต่ถึงยังไงเขาก็ต้องชื่นชมคำตอบที่เฉียบขาดของเย่เชียน เพราะเดิมทีปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาที่ร้ายแรงอย่างมากเพราะถ้าหากความเห็นไม่ตรงกันแล้วเช่นนั้นก็ไม่มีใครสามารถรับประกันได้ว่าเขาจะเลือกทางเลือกใดได้บ้าง
“นี่ไอ้หนู! ..เอ็งจะหยาบคายกับท่านรองนายกรัฐมนตรีไม่ได้นะ! ..ทำไมเอ็งถึงต้องหัวดื้ออยู่ตลอดเวลาด้วยล่ะ..นี่เอ็งไม่กลัวสถานะของท่านเลยงั้นเหรอ? ..นั่นยังไม่พอเอ็งคิดที่จะลากฉันลงได้ด้วยหรือไงห๊ะ!” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนจ้องเขม็งไปที่เย่เชียนอย่างไม่สบอารมณ์แต่เขาก็ยังคงรักษาทาทีที่สงบเอาไว้
“ปู่อย่าเข้าใจผมผิดสิ..แล้วทำไมถึงต้องพูดแบบนั้นด้วย..อีกอย่างปู่คิดว่าท่านรองนายกท่านเป็นคนแบบนั้นหรอ” เย่เชียนพูด
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะและจ้องเขม็งไปที่เย่เชียนด้วยความงุนงงและตกตะลึงอย่างมากว่าทำไมหูวหนานเจียนถึงยังอดทนกับเย่เชียนได้มากขนาดนี้และยังไม่สนใจคำเย้ยหยันของเย่เชียนอีก ซึ่งหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็กำลังคิดว่าเย่เชียนนั้นอาจจะยังไม่เข้าใจถึงสถานการณ์ต่างๆ ดีเพราะด้วยสถานะของหูวหนานเจียนแล้วถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้อยากที่จะกวาดล้างเหล่ากองกำลังทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าก็ตามแต่ถึงยังไงมันก็เป็นเพียงเรื่องง่ายๆ ที่จะเนรเทศเย่เชียนและเหล่าเขี้ยวหมาป่าออกจากประเทศจีนไป แต่ทว่าทำไมหูวหนานเจียนถึงยังสงบเสงี่ยมได้อยู่เช่นนี้? ซึ่งลึกๆ แล้วก็มีเพียงแค่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนเท่านั้นที่รู้อยู่แก่ใจเพราะนี่มันไม่ใช่แค่ความสามารถต่างๆ หรือการพูดคุยแต่มันเป็นที่ตัวของเย่เชียนเองที่มีความแปลกประหลาดที่แม้แต่ลึกๆ แล้วเขาเองก็ยังหวั่นเกรงเย่เชียนเลย
หูวหนานเจียนก็หัวเราะเสียงดังลั่นและก็พูดขึ้นมาว่า “ฮ่าๆ ..ฉันล่ะชอบคนที่มีอารมณ์ขันจริงๆ ..ดีกว่าคนที่เคร่งขรึมและจริงจังกันอยู่ตลอดเวลาเสียอีก..เพราะคนประเภทนั้นน่ะมักจะแอบทำสิ่งสกปรกลับหลังมากกว่าน่ะ..เอาล่ะ! ..พูดตามตรงเลยก็แล้วกัน..ที่ฉันมาที่นี่ก็เพื่อเป็นตัวแทนของรัฐบาลกลาง..เพื่อมอบพระราชทานยศจอมพล!”
เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะผงะไปเพราะโดยทั่วไปแล้วตำแหน่งทางทหารนั้นจะแบ่งออกเป็นระดับๆ ซึ่งระดับสูงสุดนั้นก็ได้แก่ ผู้บังคับบัญชาชั้นนายพลที่ประกอบไปด้วยพลตรี,พลโท,พลเอกและนอกเหนือจากนั้นก็ชั้นประทวน ซึ่งในประเทศจีนแห่งนี้นั้นบุคคลระดับนายพลนั้นก็มีเพียงแค่ไม่กี่คนเพียงเท่านั้น “ท่านรองนายกรัฐมนตรีครับ! ..ท่านล้อผมเล่นใช่มั้ย?” เย่เชียนก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมากและไม่สามารถควบคุมอารมณ์ต่างๆ ที่อยู่ในใจของเขาได้เพราะนี่เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่ตกลงมาจากท้องฟ้า แต่ทว่าก็ทำให้เย่เชียนนั้นสงสัยอย่างมากว่ามันจะมีจุดประสงค์อะไรบางอย่างอยู่ในนั้นหรือไม่
“แล้วคิดว่าฉันล้อเล่นหรือเปล่าล่ะ?” หูวหนานเจียนพูดด้วยรอยยิ้ม
เย่เชียนก็หัวเราะแห้งๆ และพูดว่า “แต่ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไม..ผมอยากรู้ว่าทำไมผมถึงได้รับเกียรติอย่างสูงแบบนี้..หรือจะเป็นเพราะผมได้ทำความดีอะไรบางอย่างไป..แต่ก็นะ..ถึงยังไงการมอบพระราชทานยศชั้นจอมพลที่สูงส่งแบบนี้ก็ทำให้ผมตกใจอยู่ดีนั่นแหละ”
“แน่นอนสิ..รัฐบาลมอบเกียรตินี้ให้แก่คุณเพื่อที่คุณจะได้รับใช้ประเทศชาติของเราในอนาคตโดยไม่ขุ่นเคืองว่าเรานั้นไม่เห็นถึงความดีงามของคุณ..และแน่นอนว่าเนื่องจากสถานะตัวตนที่พิเศษของคุณนั้นไฟล์และข้อมูลต่างๆ เรื่องเขี้ยวหมาป่าของคุณจะไม่ถูกรวมอยู่ในตำแหน่งทหารอย่างเป็นทางการของเราและจะยังคงเป็นข้อมูลลับสุดยอดต่อไป!” หูวหนานเจียนพูด
“เอ่อคือ..นั่นหมายถึงผู้บัญชาการทหารสูงสุดหรือเปล่าครับ” เย่เชียนพูดด้วยความงุนงง
“คุณจะคิดอย่างนั้นก็ได้..เพราะรัฐบาลต้องการให้คุณทำงานที่สำคัญมาก..แต่ถ้าหากไฟล์และข้อมูลลับของคุณไปปะปนรวมอยู่ในกองทัพล่ะก็มันอาจจะทำให้เกิดข้อพิพาทระหว่างประเทศได้เลย..แต่ก็อย่างที่คุณว่านั่นแหละ..คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับยศจอมพลของคุณได้อย่างเต็มที่และเหล่านายพลผู้บัญชาการของเหล่าทัพต่างๆ นั้นก็อยู่ภายใต้คุณทั้งหมด! ..และเมื่อใดที่คุณพบปัญหาที่ไม่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติแล้วล่ะก็คุณก็สามารถใช้สิทธิ์จอมพลของคุณได้อย่างเต็มที่ทั่วประเทศจีนแห่งนี้!” หูวหนานเจียนพูด
เย่เชียนก็ขมวดคิ้วแน่นพลางหยิบขนมปังชิ้นใหญ่ๆ ใส่ปากตัวเองและกินอย่างเอร็ดอร่อยเพราะมันหมายความว่างานนี้นั้นคงไม่ง่ายอย่างที่คิดแน่นอน ซึ่งความเสี่ยงและผลประโยชน์นั้นๆ ก็มักจะเท่ากันเสมอซึ่งเย่เชียนก็รู้ดี หลังจากที่เงียบกันไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดว่า “แล้วผมสามารถปฏิเสธได้หรือเปล่า?” อันที่จริงเย่เชียนนั้นก็รู้ดีว่าการที่หูวหนานเจียนถึงกับมาหาเขาเป็นการส่วนตัวเช่นนี้แล้วนั้นมันก็เท่ากับว่าเขาไม่มีทางปฏิเสธได้เลยและหากเป็นเช่นนั้นเขาและเหล่าพี่น้องเขี้ยวหมาป่าก็ต้องเผชิญหน้ากับการปราบปรามและการกวาดล้างอย่างบ้าคลั่งของประเทศทั้งประเทศ และถ้าเป็นเช่นนั้นเหล่าเขี้ยวหมาป่าก็จะไม่สามารถอยู่ในประเทศจีนได้อีกต่อไป
ไม่มีกองทัพใดๆ หรือองค์กรใดๆ ที่จะสามารถต่อสู้กับรัฐบาลและประเทศทั้งประเทศได้เลยและไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้เลยเพราะเย่เชียนนั้นไม่เคยคิดที่จะต่อสู้กับประเทศของตัวเองอยู่แล้วเพราะนี่เป็นการไม่ซื่อสัตย์และไม่เคารพบรรพบุรุษและตัวเอง
“มีโอกาสที่ดีถึงขนาดนี้แล้วและเอ็งมีเหตุผลอะไรที่จะปฏิเสธหรือเปล่าล่ะ?” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนจ้องมองไปที่เย่เชียนและถาม
.
.
.
.
.
.
.