“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าแกเป็นใคร แกคิดว่าฉันโง่เหรอ วันนี้ฉันอารมณ์ดีฉันเลยไม่อยากเถียงกับแก แต่ถ้าแกยังกล้าโทรมาอีกครั้งฉันจะฆ่าแกเอง!” เจิ้งซินพูดอย่างเกรี้ยวกราด เขาไม่สนใจความจริงที่จ้าวเทียนห่าวคือคนที่ถือสายอย่างแท้จริงเลย
จ้าวเทียนห่าวตกตะลึงไปชั่วขณะกับถ้อยคำด่าและคำสบถของเจิ้งซิน เพราะเขาคิดว่าบุคลากรทุกคนของบริษัทเทียนหยากรุ๊ปนั้นมีความประณีตและมีมารยาทดีเป็นเลิศ เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่าฝ่ายรักษาความปลอดภัยจะมีบุคลากรเช่นนี้อยู่ ถึงแม้ว่าตำแหน่งของแผนกรักษาความปลอดภัยนั้นจะไม่ได้ใหญ่โตอะไรในบริษัทก็ตาม แต่มันก็เป็นภาพลักษณ์ของบริษัทเทียนหยากรุ๊ปเช่นกัน เพราะไม่ว่าใครก็ตามที่พูดถึงเทียนหยากรุ๊ปสิ่งแรกที่พวกเขานึกถึงก็คือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ภาพลักษณ์เหล่านี้เป็นดั่งตัวแทนเทียนหยากรุ๊ป
จ้าวเทียนห่าวจ้องมองอย่างเฉยเมยและวางสายไปหลังจากนั้นเขาจึงโทรไปยังเบอร์ของเลขานุการของเขา
“ฉันจ้าวเทียนห่าว..ส่งข้อความนี้ให้เฉาต้าหัว..ผอ.ฝ่ายรักษาความปลอดภัย บอกเขาว่าให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคุณเย่เชียนลางานเป็นเวลาสามวัน..แล้วบอกไปด้วยว่าเป็นการอนุมัติพิเศษของฉันเอง..และนอกจากนี้หาชื่อของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เพิ่งจะรับสายของฉันที่เบอร์แผนกของเขาเมื่อครู่นี้ด้วย!!” จ้าวเทียนห่าวพูดด้วยความเกรี้ยวโกรธอย่างมาก
เลขานุการของเขาไม่เคยเห็นเขาโกรธเช่นนี้มาก่อน เขาคิดอย่างว่างเปล่าได้แต่เช็ดเหงื่อของเขาและคิดในใจว่าบุคลากรในองค์กรประเภทไหนที่กล้ากระตุ้นความเดือดดาลของเจ้านาย จากนั้นเขากำลังจะตอบรับทราบอย่างเคร่งครัดแต่จ้าวเทียนห่าวก็รีบวางสายไปเสียก่อน
เมื่อจ้าวเทียนห่าวเดินออกจากห้องมาเขาก็ยิ้มเจื่อนๆและพูดกับเย่เชียนว่า “ไม่ต้องห่วงหรอกฉันเพิ่งจะขออนุมัติให้นายไปน่ะ”
เย่เชียนจ้องมองอย่างว่างเปล่าและเขาก็พูดด้วยความประหลาดใจว่า “ลุงลางานให้ผมเหรอ?”
จ้าวเทียนห่าวพยักหน้าและตอบว่า “ใช่..ฉันสนิทกับประธานบริษัทของนายมาก แค่ทำให้นายหยุดสองสามวันมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร!”
จ้าวเทียนห่าวขมวดคิ้วแล้วพูดต่ออีกว่า “แต่สิ่งที่ฉันกังวลมากที่สุดในตอนนี้คือลูกสาวของฉันน่ะ ฉันเกรงว่าพวกนักฆ่ามันจะไม่มาหาฉันแต่ไปหาลูกสาวของฉันแทน เย่เชียนนายช่วยปกป้องลูกสาวของฉันได้ไหม ขอแค่เธอปลอดภัยฉันก็หมดห่วง..ฉันจะได้งัดกับไอพวกนั้นได้อย่างสบายใจน่ะ!”
เย่เชียนไตร่ตรองชั่วครู่และถามว่า “แล้วลุงล่ะ?”
จ้าวเทียนห่าวยิ้มอย่างมั่นใจและตอบว่า “ตราบใดที่ฉันถึงเซฟเฮ้าส์อย่างปลอดภัยแล้วล่ะก็..มันก็ไม่ง่ายเลยที่พวกมันจะมาฆ่าฉันได้!”
เย่เชียนเงียบไปครู่หนึ่งและไตร่ตรองว่า หากสมาชิกหน่วยเขี้ยวหมาป่าคนอื่นๆอยู่กับเขาตอนนี้มันก็จะไม่มีปัญหาอะไรใดๆเลยเขาจะได้รับความช่วยเหลืออย่างดี แต่เย่เชียนยังไม่ต้องการให้หนุ่มๆสาวๆเหล่านั้นรู้ว่าตนอยู่ที่ไหน ตอนนี้เขายังยุ่งอยู่กับการปกป้องพ่อและลูกสาวคู่นี้ ในเวลานี้เย่เชียนอยู่ในจุดที่เย่เชียนนั้นถึงจะไม่มีพ่อก็ตามแต่เขาก็สามารถรู้สึกได้ถึงความห่วงใยและความรักของครอบครัวที่ดี และสำหรับจ้าวเทียนห่าวแล้วถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นกับลูกสาวของเขาแล้วล่ะก็มันก็คงจะเป็นการระเบิดครั้งใหญ่สำหรับเขาหากเป็นเช่นนั้นเซี่ยงไฮ้ก็คงเป็นพื้นที่แห่งสงคราม..
“ลุงจ้าว!..ผมรู้จักคนอยู่สองคนถ้าพวกเขาตกลงที่จะช่วยล่ะก็..ผมก็สามารถออกไปปกป้องลูกสาวของลุงได้อย่างสบายใจ” เย่เชียนพูดหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง
“โอ้..เขาเป็นใคร?” จ้าวเทียนห่าวถาม
“พวกเขาก็เหมือนผม..พวกเขาก็เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัทเทียนหยากรุ๊ปเช่นกันและความสามารถของพวกเขาก็ไม่เลวเช่นกัน” เย่เชียนตอบขณะที่คิดเกี่ยวกับฟูจุนเฉิงและจ้าวไท่จู้
เมื่อจ้าวเทียนห่าวได้ยินคำว่า ‘พวกเขาเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัทเทียนหยากรุ๊ปเช่นกัน’ จ้าวเทียนห่าวก็ว่างเปล่าวและต้องแปลกใจ เขาไม่ได้คาดหวังเลยจะมีผู้มากความสามารถมากมายซ่อนอยู่ตัวอยู่ภายในบริษัทของเขา จ้าวเทียนห่าวไม่เข้าใจว่าคนเหล่านี้เต็มใจที่จะเป็นยามรักษาความปลอดภัยทั่วไปได้อย่างไร ทำไมเขาไม่ใช้พรสวรรค์ของพวกเขาไปทำในสิ่งที่ตนต้องการ และพวกเขาก็กำลังจะมาเสี่ยงชีวิตเพื่อมาช่วยสหายของพวกเขาอย่างไม่ลังเล และมีวิธีเดียวเท่านั้นที่จ้าวเทียนห่าวจะสามารถหยุดพวกเขาได้ด้วยความรักและความห่วงใยก็คือจ้าวเทียนห่าวตนต้องเปิดเผยสถานะของตนในตอนนี้โดยใช้ชื่อของตนกดดันพวกเขาและในนามของประธานบริษัทให้พวกเขาถอนตัวแต่มันก็เลยเถิดมาขนาดนี้มีแต่ต้องเชื่อใจและเขาทำได้เพียงพูดกับเย่เชียนว่า “เอาล่ะตามนี่นายว่าเลย..แต่หากพวกเขาไม่ว่างก็ไม่เป็นไรฉันมีวิธีป้องกันตัวเองเยอะแยะ ตราบใดที่ลูกสาวของฉันไม่เป็นอะไรแล้วทุกอย่างมันจะราบรื่น” จ้าวเทียนห่าวพูดอย่างสิ้นหวังเพราะเขาไม่อยากให้คนเหล่านั้นมาเสี่ยงชีวิตเพราะตน
เย่เชียนพยักหน้าและกดเบอร์ของแผนกรักษาความปลอยภัยในเทียนหยากรุ๊ปหลังจากนั้นไม่นานหวันชุนหัวก็รับสาย เมื่อเขาได้ยินเสียงของเย่เชียนแล้วหวันชุนหัวก็รีบตอบทันทีว่า “น้องเย่นายเยี่ยมมาก..นายลางานวันที่สองของการทำงาน พี่ชายคนนี้ขอคารวะเจ้า!”
เย่เชียนรู้ว่าพี่ชายคนนี้ชอบคุยนอกลู่นอกทางและคงจะคุยไม่รู้เรื่องเขาจึงไม่อยากคุยกับหวันชุนหัวต่อ ดังนั้นเขาจึงบอกให้หวันชุนหัวส่งโทรศัพท์ให้กับฟูจุนเฉิงจากนั้นเย่เชียนก็พูดกับฟูจุนเฉิงเพียงไม่กี่คำและขอให้เขาช่วยตนฟูจุนเฉิงก็เงียบไปครู่หนึ่งและก็ตอบตกลง เย่เชียนแสดงความขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่าแล้วขอให้เขาพาจ้าวไท่จู้มาด้วย ท้ายที่สุดแล้วฟูจุนเฉิงก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เขาก็ยังตอบตกลงและหลังจากบอกสถานที่นัดพบแล้วเย่เชียนก็วางสายไป
“พวกเขาตกลง!..ลุงจ้าวเราไปกันเถอะ!” เย่เชียนพูดอย่างกระตือรือร้น
จ้าวเทียนห่าวกล่าวขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากนั้นก็ตามเย่เชียนไป
เมื่อพวกเขาออกมาจากบ้านแล้วพวกเขาก็เรียกแท็กซี่และไม่นานก่อนที่พวกเขาจะมาถึงจุดนัดพบที่ตกลงกับฟูจุนเฉิงพวกเขาก็มาถึงกันก่อนแล้วและกำลังยืนรอกันอยู่ทั้งฟูจุนเฉิงและจ้าวไท่จู้แถมหวันชุนหัวก็มาด้วย! เมื่อพวกเขาเห็นเย่เชียนมาถึงทั้งสามคนก็รีบไปทักทายเขา
ทันใดนั้นหวันชุนหัวก็พูดเยาะเย้ยเย่เชียนว่า “เย่เชียนเป็นเพราะนาย..พี่ๆทุกคนถึงต้องงัดกับไอ้หัวหน้าบ้าบอเจิ้งซินนั่น..ไม่รู้ล่ะหลังจากเรื่องนี้จบ..นายต้องเลี้ยงข้าวพวกเราตอบแทนฮ่าๆ!”
เมื่อเขาได้ยินสิ่งที่หวันชุนหัวพูดเย่เชียนก็ตระหนักว่าหัวหน้าเจิ้งซินต้องทำให้พวกพี่เขาลำบากอย่างแน่นอน แต่เนื่องจากตนเป็นรุ่นน้องที่อายุน้อยกว่าถ้าตนจะตอบว่าขอบคุณมันก็ไม่ควรเพราะเขาเป็นต้นเหตุให้พวกเขาบาดหมางกันจึงไม่ได้พูดคำนั้นและยิ้มเยาะและตอบว่า “แน่นอนเดี๋ยวผมจัดให้..แต่เรื่องนี้มันค่อนข้างเสี่ยงนะ..ถ้าพวกเราพลาดพวกเราอาจตายได้!”
หวันชุนหัวผงะเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้คาดการณ์ไว้เลยว่าเรื่องนี้มันจะบานปลายถึงขนาดนี้ ในส่วนของจ้าวเทียนห่าวก็ยังคงมีใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสและไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
“บอกพวกเราสิว่ามันเป็นยังไง?” ฟูจุนเฉิงถามอย่างจริงจัง แม้ว่าเขาจะไม่ได้รู้จักเย่เชียนมานาน แต่ฟูจุนเฉิงก็เข้าใจว่าด้วยความสามารถของเย่เชียนแล้วหากมีปัญหามันก็คงจะไม่ได้เป็นปัญญาเล็กๆน้อยๆอย่างแน่นอนแล้วถ้ามันเป็นปัญหาเล็กๆน้อยๆเย่เชียนก็คงจะไม่มาขอให้พวกเขามาเป็นแน่ ท้ายที่สุดแล้วตอนนี้พวกเขาก็อยู่ที่นี่และเย่เชียนก็อธิบายว่าเรื่องนี้มันยากจริงๆ และเนื่องจากเย่เชียนที่เรียกพวกเขามานั่นก็หมายความว่าเย่เชียนไว้วางใจพวกเขาแล้วจะให้พวกเขาทรยศต่อความไว้วางใจนั้นได้อย่างไร!
เย่เชียนพยักหน้าให้ฟูจุนเฉิงและบางครั้งพี่น้องก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากแค่มองตาและสีหน้าก็เข้าใจได้ มันเหมือนกับว่าเย่เชียนและฟูจุนเฉิงรู้ว่ามันเป็นอย่างไรในยามสงคราม และแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้พูดอะไรเลยคนๆนั้นก็รู้ได้อย่างแน่นอนว่าทั้งหมดทั้งมวลล้วนแล้วเย่เชียนรู้สึกขอบคุณพวกเขา
“มา!..ให้ผมแนะนำพวกพี่ๆ..นี่คือลุงจ้าว..ลุงจ้าวทั้งสามคนเป็นเพื่อนร่วมของผมที่ผมบอกลุง..เขาคือฟูจุนเฉิง..เขาคือจ้าวไท่จู้..และเขาคือหวันชุนหัว” เย่เชียนแนะนำพวกเขาทีละคน
“ฉันทำให้พวกคุณทุกคนต้องดือดร้อน..ฉันต้องขอโทษจริงๆ!” จ้าวเทียนห่าวทักทายแต่ละคนและจับมือพวกเขา
“ไม่ต้องกังวลคุณจ้าว..แน่นอนว่าปัญหาของน้องเย่ก็เป็นปัญหาของเราเช่นกัน” หวันชุนหัวตบหน้าอกเบาๆตัวเองแล้วพูดอย่างกล้าหาญ
ทั้งสามคนทำงานในบริษัทเทียนหยากรุ๊ปมาเป็นเวลานาน แต่พวกเขาไม่เคยเห็นไม่เคยเจอตัวจริงของประธานบริษัทของตนเลย ตอนนี้ประธานของพวกเขาอยู่ข้างหน้าพวกเขาแล้วแต่ทว่าพวกเขาก็จำไม่ได้ หากใครบางคนบอกพวกเขาว่าคนที่อยู่ข้างหน้าพวกเขาตอนนี้เป็นถึงประธานของพวกเขาแล้วไม่อาจรู้ได้เลยว่าพวกเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร…
“เย่เชียน..ไหนบอกซิว่าเรากำลังเผชิญกับอะไร?” ฟูจุนเฉิงพูดอย่างดุดัน
.
.
.
.
.
.
.