ตอนที่ 352 สุนัขอยากได้สินบน
หลังจากที่เดินไปรอบๆ ไซต์ก่อสร้างมาสักพักเย่เชียนก็เดินเข้าไปที่สำนักงานชั่วคราวใกล้ๆ และนั่งพัก ซึ่งมีผู้รับเหมาก่อสร้างและคนงานก่อสร้างหลายคนที่ยังไม่รู้จักเย่เชียนเพราะเดิมทีโครงการนี้ถูกส่งมอบให้กับองค์กรสามมุมเมืองจึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะไม่รู้จักเย่เชียน
ซึ่งแน่นอนว่าคนขององค์กรสามมุมเมืองนั้นจะไม่ลงมือทำสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเองอย่างแน่นอน เพราะเมื่อพวกเขาได้ดำเนินการสิ่งต่างๆ ในโครงการนั้นพวกเขาก็จะไปส่งมอบให้กับเหล่าผู้รับเหมาก่อสร้างและวิศวกรให้มารับช่วงต่อในการทำสิ่งต่างๆ นั่นเอง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเนื่องจากโครงการถูกดำเนินการแล้วดังนั้นเย่เชียนและเหลียงหยานก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลอะไรมากนักแต่ทว่าเย่เชียนนั้นก็มีความกระตือรือร้นที่จะให้ศูนย์ขนส่งโลจิสติกส์นี้เกิดขึ้นและเปิดอย่างเป็นทางการโดยเร็วที่สุดเพราะฉะนั้นเหลียงหยานจึงมีหน้าที่ดูแลและติดตามความคืบหน้าของโครงการเป็นการส่วนตัวนั่นเอง
ผู้รับเหมาก่อสร้างที่กำลังเล่นไพ่กันอย่างสบายใจเฉิบอยู่ในสำนักงานและพวกเขาก็มองไปที่เย่เชียนที่เดินเข้ามาและเห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขานั้นไม่รู้จักตัวตนของเย่เชียนและพวกเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรเย่เชียนเลย เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็ตะคอกว่า “นี่พวกคุณว่างกันนักเหรอไง? ..คนอื่นๆ เขาทำงานกันอยู่ข้างนอกแล้วนี่อะไร? ..พวกคุณรีบออกไปซื้อขนมหรือของว่างและเครื่องดื่มมาให้คนงานข้างนอกเดี๋ยวนี้เลย..และตั้งแต่นี้เป็นต้นไปพวกคุณต้องมีของว่างสำหรับคนงานในทุกๆ บ่าย..และก็คอยดูแลและสอดส่องความคืบหน้าของโครงการนี้ให้ดีล่ะ..ไม่งั้นพวกคุณแย่แน่!”
“นายเป็นใคร? ..เห็นมั้ยเนี่ยว่าที่นี่มีกันกี่คน?” ชายร่างอ้วนจ้องเขม็งไปที่เย่เชียนและพูดอย่างเย้ยหยันและยั่วยุ
“ไม่รู้จักผมเหรอ? ..ไม่เป็นไรๆ ..เดี๋ยวคุณก็จะได้รู้เร็วๆ นี้แหละ” เมื่อเย่เชียนพูดจบเขาก็ขมวดคิ้วและแววตาของเขาก็ดูน่ากลัวอย่างมากพร้อมกับพุ่งไปข้างหน้าและคว้าผมของชายร่างอ้วนและกระแทกเข้ากับโต๊ะอย่างแรง “โครงการของผมคุณต้องดูแลมันให้ดีๆ ..ไม่งั้นก็อย่าคิดที่จะมีชีวิตต่อเพื่อไปหาเงินง่ายๆ อย่างสะเพร่าแบบนี้อีกเลย!” เย่เชียนตะคอกต่อ “ออกไปทำงานซะ!”
ถึงแม้ว่าคนพวกนี้จะโง่เขลาสักแค่ไหนแต่ทว่าตอนนี้พวกเขาก็เดาตัวตนของเย่เชียนได้แล้วและพวกเขาก็ขอโทษเย่เชียนครั้งแล้วครั้งเล่าและรีบวิ่งกันออกไป ซึ่งหัวของชายร่างอ้วนที่เย่เชียนฟาดเข้ากับโต๊ะนั้นก็มีเลือดสดๆ ไหลออกมาและชายร่างอ้วนก็ใช้มือข้างหนึ่งกุมหัวเอาไว้และพยักหน้าและโค้งคำนับเพื่อขอโทษหลังจากนั้นเขาก็วิ่งออกไปด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัว
ผู้รับเหมาก่อสร้างเหล่านั้นก็เดินไปหาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหน้าทางเข้าแล้วถามว่า “เอ่อ..เด็กหนุ่มคนนั้นเป็นใครเหรอ? ..เขาอารมณ์ร้อนมาก!”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ฉีกยิ้มและพูดว่า “โถ่ๆ ..นี่พวกคุณโชคดีแค่ไหนแล้วที่โดนแค่นั้น..พวกคุณรู้มั้ยเนี่ยว่าเขาเป็นใคร? ..เขาคือ CEO ใหญ่ของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปและโครงการนี้ก็ได้ทำสัญญาร่วมกับองค์กรสามมุมเมือง..เพราะงั้นพวกเขาก็ไม่ธรรมดาใช่มั้ยล่ะ? ..เพราะงั้นก็ดีใจกันซะที่ชีวิตของพวกคุณยังอยู่กันดีน่ะ”
บางคนถึงกับสั่นไปทั้งตัวและพวกเขาก็เช็ดเหงื่อด้วยความโล่งใจ
เย่เชียนก็นั่งลงในสำนักงานชั่วคราวตรงนั้นและหลังจากนั้นไม่นานเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่งก็เดินเข้ามาและพูดอย่างสุภาพว่า “ประธานเย่ครับ..รองผู้อำนวยการสำนักงานกรมที่ดินมาหาคุณครับ!”
เย่เชียนก็ตกตะลึงเล็กน้อยพลางคิดว่า ‘สำนักงานกรมที่ดินงั้นเหรอ? ..ฉันเพิ่งจะไปกินข้าวกับหม่าฉางโจวผู้อำนวยการสำนักงานกรมที่ดินเมื่อไม่กี่วันก่อนไม่ใช่เหรอ? ..และฉันก็ให้เงินเขาไปไม่น้อยเลยหนิ? ..แล้วทำไมจู่ๆ ถึงได้มีคนจากสำนักงานกรมที่ดินมาหาล่ะ?’ หลังจากที่เย่เชียนหยุดคิดไปครู่หนึ่งเขาก็พูดว่า “ให้เขาเข้ามา!”
ทันทีที่เย่เชียนพูดจบชายวัยกลางคนหัวล้านก็เดินเข้ามาพร้อมกับคาบบุหรี่อยู่ในปากและยิ้มอย่างเย้ยหยันและพูดว่า “คุณเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ใช่มั้ย?”
เย่เชียนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดว่า “ที่นี่เป็นเขตก่อสร้างส่วนเชื้อเพลิง..ช่วยดับบุหรี่ก่อน!”
ชายหัวโล้นคนนี้ก็คือกงฉิงรองผู้อำนวยการสำนักงานกรมที่ดิน ซึ่งเขาก็เป็นใหญ่ในสำนักงานกรมที่ดินอันดับสองรองจากผู้อำนวยการหม่าฉางโจว ซึ่งเขาคนนี้ก็มีอำนาจมากมายหลังจากหลายปีที่ผ่านมาในการอยู่ในตำแหน่งและตราบใดที่มีโครงการต่างๆ หรือการก่อสร้างแล้วล่ะก็ใครจะกล้าไม่ให้ของขวัญหรือสินบนแก่เขาบ้าง? ซึ่งเขาเองก็ไม่คาดคิดเลยว่าโครงการใหญ่ๆ เช่นนี้ของเย่เชียนนั้นเขาจะไม่ได้รับอะไรจากเย่เชียนเลยแม้แต่น้อยแบบนี้แต่กลับมอบมันให้กับผู้อำนวยการหม่าฉางโจวคนเดียวแบบนี้ซึ่งมันเป็นการดูถูกเขาโดยสิ้นเชิงและเขาก็ไม่สามารถเพิกเฉยต่อความโกรธนี้ได้ ดังนั้นเขาจึงมาเพื่อรับสินบนกับเย่เชียนนั่นเองแต่ทว่าเขาก็ไม่คาดคิดเลยว่าท่าทีของเย่เชียนจะดูแข็งกร้าวและหยาบคายถึงขนาดนี้ เพราะทันทีที่เขาเข้ามาเย่เชียนก็กล้าที่จะบอกกับเขาอย่างไม่แยแสว่าที่นี่ไม่อนุญาตให้สูบบุหรี่ ดังนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเกรี้ยวเล็กน้อยและเขาก็ต้องกัดฟันดับบุหรี่ของเขาไป
เย่เชียนก็โบกมือให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและพูดว่า “ไม่มีอะไรแล้วคุณไปทำงานต่อได้เลย!” จากนั้นเขาก็เหลือบมองไปที่กงฉิงและพูดว่า “นั่งลงสิ!”
กงฉิงเดินไปหาเย่เชียนและนั่งลงจากนั้นก็พูดว่า “ฉันกงฉิง..รองผู้อำนวยการสำนักงานกรมที่ดิน!”
“โอ้..ท่านรองผู้อำนวยการกงมาถึงที่นี่มีอะไรแนะนำผมหรอครับ” เย่เชียนแสร้งถามด้วยรอยยิ้มที่ขี้เล่น
“ฉันไม่ได้มาให้คำแนะนำอะไรหรอก..ฉันก็แค่แวะมาดูโครงการของคุณเย่ว่าการก่อสร้างมันเป็นไปตามกฎระเบียบด้านความมั่นคงแห่งชาติและกฎหมายของเราหรือเปล่าก็แค่นั้น” กงฉิงพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังอย่างเป็นทางการ “คุณเย่..ฉันคิดว่าคุณน่าจะเข้าใจว่าถ้าหากขั้นตอนการก่อสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์หรือพบปัญหาในส่วนต่างๆ น่ะ..ฉันสามารถสั่งหยุดโครงการของคุณได้ทุกเมื่อเลยคุณรู้ใช่มั้ย?”
“ท่านรองผู้อำนวยการกงเนี่ยช่างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่ทรงพลังและเที่ยงธรรมจริงๆ” เย่เชียนก็หัวเราะและพูดว่า “ทุกคนน่ะรู้ดี..เพราะงั้นที่คุณมาหาผมในวันนี้ก็ว่ากันตามตรงเลยสิ..จะมาอ้างนู่นอ้างนี่ว่าโครงการของผมมันไม่สมบูรณ์แบบไปทำไม..แล้วคนอย่างคุณมีคุณสมบัติมากพอที่จะสั่งหยุดหรือล้มเลิกโครงการของผมงั้นเหรอ? ..เข้าประเด็นเลยก็แล้วกันที่คุณมาเนี่ยก็แค่ต้องการเงินแค่นั้นใช่มั้ย?”
“คุณหมายความว่าไง? ..คุณคิดว่าฉันกำลังเรียกร้องสินบนอย่างงั้นเหรอ? ..ฉันก็แค่มาบอกคุณว่าถ้าหากขั้นตอนต่างๆ ในการดำเนินการไม่ถูกต้องมันก็จบ..และต่อให้คุณพยายามชี้แจงแค่ไหนมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี!” กงฉิงแสร้งพูดอย่างจริงจังและเป็นธรรม ซึ่งไม่มีอะไรร้าวฉานมากไปกว่าการที่เย่เชียนพูดดูถูกและเย้ยหยันเขาเช่นนี้อีกแล้วเพราะเขาก็เป็นถึงรองผู้อำนวยการสำนักงานกรมที่ดินและถึงแม้ว่าตำแหน่งจะไม่ใหญ่โตอะไรก็ตามแต่ถึงยังไงอำนาจและอิทธิพลของเขานั้นก็ไม่ใช่น้อยๆ เลยและการที่เย่เชียนดูถูกตัวเองมากถึงขนาดนี้แล้วกงฉิงจะไม่โกรธได้อย่างไร?
เย่เชียนก็ยิ้มเยาะและพูดว่า “ถ้าผมไม่ติดสินบนคุณแล้วคุณจะทำอะไรผมได้?” เย่เชียนนั้นเป็นคนที่ไม่ยอมใครและเขาก็จะยิ่งโจมตีทางวาจามากขึ้นเท่านั้นและยิ่งไปกว่านั้นโครงการนี้ก็ได้รับอนุมัติโดยตรงจากผู้อำนวยการสำนักงานกรมที่ดินแล้วและคนที่เป็นแค่รองผู้อำนวยการสำนักงานกรมที่ดินอย่างกิงฉิงจะทำอะไรเขาได้? และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามมันก็ไม่มีทางที่คนอย่างรองผู้อำนวยการสำนักงานกรมที่ดินจะทำอะไรเขาได้และยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ยังมีการสนับสนุนจากโจวเจิ้งผิงอยู่อีก ดังนั้นการที่จะกำจัดรองผู้อำนวยการสำนักงานกรมที่ดินมันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
“คิดว่าฉันทำอะไรไม่ได้งั้นเหรอ..ได้เลย..เดี๋ยวโครงการนี้ถูกล้มเลิกไปก็จะรู้เองว่าฉันทำอะไรได้บ้าง!” กงฉิงพูดอย่างหยิ่งผยองและโอหัง
เย่เชียนก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่งและหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทรหาหม่าฉางโจวแล้วพูดว่า “เอ่อ..ผู้อำนวยการหม่าครับ..มีคนชื่อกงฉิงอยู่ในหน่วยงานของคุณหรือเปล่าครับ?”
หม่าฉางโจวที่อยู่อีกด้านหนึ่งของสายโทรศัพท์ก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงและเขาก็ถามด้วยความประหลาดใจว่า “ใช่ๆ ..เขาเป็นรองผู้อำนวยการสำนักงานกรมที่ดินของเราเอง..เกิดอะไรหรือเปล่าคุณเย่?”
“อ้อ..ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรครับ..แค่คนที่ชื่อกงฉิงเขามาที่ไซต์ก่อสร้างของผมและข่มขู่ผมเพราะเขาต้องการสินบนน่ะครับ..เขาบอกว่าถ้าผมไม่ให้สินบนกับเขาล่ะก็เขาจะหยุดและสั่งยุติโครงการของผมเมื่อไหร่ก็ได้..เห้อ..ผมไม่คิดเลยว่าเขาจะทำแบบนี้..ถึงยังไงเราก็คนกันเองเพราะงั้นเรื่องเงินน่ะมันไม่ใช่ปัญหาเลยครับ..แต่ว่าน้ำเสียงและท่าทางของเขาจริงจังเกินไปแบบนี้ผมไม่ไหวจริงๆ ครับ”
“เรื่องแบบนั้นมันผิดต่อหลักการของเราและกฎหมายของเรา!” หม่าฉางโจวตะโกนอย่างร้อนรน “คุณเย่ไม่ต้องกังวลไปนะครับ..เรื่องนี้ผมจะจัดการให้เอง..ผมจะให้คำตอบที่น่าพอใจกับคุณอย่างแน่นอนครับ!”
“ได้ครับขอบคุณครับผู้อำนวยการหม่า..เอาไว้ว่างๆ เราไปดื่มชาด้วยกันนะครับ!” เย่เชียนก็ฉีกยิ้มและพอเขาพูดเสร็จแล้วเขาก็วางสายโทรศัพท์ไป
กงฉิงก็ยิ้มอย่างชั่วร้ายและพูดว่า “อะไรนะ! ..นี่คุณจะใช้หม่าฉางโจวมากดดันฉันงั้นเหรอ? ..คุณคิดผิดแล้ว..ต่อให้เป็นเขาก็เถอะถึงยังไงเขาก็ทำอะไรฉันไม่ได้อยู่ดี!”
หลังจากนั้นเย่เชียนก็ฉีกยิ้มอีกครั้งและโทรออกไปอีกสายหนึ่งและพูดว่า “ท่านนายกเทศมนตรีซื่อครับ..ผมเย่เชียนเองนะครับ..ผมมีปัญหานิดหน่อยครับ..คือว่ารองผู้อำนวยการสำนักงานกรมที่ดินที่ชื่อกงฉิงเขามาเรียกร้องสินบนกับผมน่ะครับ..และก็มาอ้างว่าจะใช้กฏหมายจัดการกับผมโดยยัดเยียดให้ขั้นตอนการก่อสร้างและการดำเนินการของโครงการไม่สมบูรณ์และไม่เป็นไปตามมาตรฐานน่ะครับ..แล้วโครงการจะต้องถูกยกเลิกและปิดตัวลงไปแบบนั้นครับ..ผมต้องขอรบกวนท่านนายกด้วยนะครับ..เอาไว้ว่างๆ เราไปดื่มชาด้วยกันนะครับ”
สีหน้าของกงฉิงก็เริ่มเปลี่ยนไปอย่างมากซึ่งถึงแม้ว่าเขาจะไม่เกรงกลัวหม่าฉางโจวเพราะมีคนใหญ่คนโตที่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงกว่าเขาคอยหนุนหลังให้อยู่ก็ตามแต่ทว่าตอนนี้กลับเป็นคนระดับนายกเทศมนตรีซื่อเหวินจื้อเช่นนี้แล้ว ดังนั้นสิ่งต่างๆ ก็ค่อนข้างที่จะเลวร้ายขึ้นอย่างมากเพราะคนอย่างซื่อเหวินจื้อนั้นไม่ใช่นักการเมืองระดับทั่วไปเลย
มุมปากของเย่เชียนก็ฉีกโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มที่ชั่วร้ายและเขาก็โทรออกไปอีกสายหนึ่งจากนั้นก็พูดว่า “ประธานโจวสวัสดีครับ..เอ่อคือผมมีเรื่องต้องรบกวนคุณนิดหน่อยน่ะครับ..แต่มันก็เป็นแค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ น่ะครับเพราะงั้นคุณส่งคนขององค์กรสามมุมเมืองไปก็พอครับ..เรื่องมีอยู่ว่ารองผู้อำนวยการสำนักงานกรมที่ดินที่ชื่อกงฉิงเขามาข่มขู่จะสั่งหยุดโครงการของเราน่ะครับ..ตอนแรกผมก็ไม่อยากมารบกวนประธานโจวหรอกครับแต่ว่ารองผู้อำนวยการกงคนนี้รับมือได้ยากมากเลย..เพราะงั้นผมเลยต้องรบกวนคุณให้ช่วยหน่อยน่ะครับ..เดี๋ยวเรื่องนี้จบเราไปนั่งดื่มชาด้วยกันนะครับ..ผมคิดถึงชาที่คุณชงมากเลยฮ่าๆ ..ขอบคุณครับ” เมื่อเย่เชียนพูดจบเขาก็วางสายโทรศัพท์ไปและมองไปที่กงฉิงอีกครั้งด้วยความสะใจ
คราวนี้กงฉิงก็ถึงกับตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิงเพราะเขาได้ยินอย่างชัดเจนเต็มสองหูว่าเย่เชียนนั้นคุยกับโจวเจิ้งผิงผู้ที่เป็นถึงผู้นำขององค์กร์สามมุมเมืองอันน่าเกรงขาม ซึ่งไม่ต้องพูดถึงคนระดับผู้นำขององค์กรสามมุมเมืองเลยเพราะแค่สมาชิกรัฐมนตรีของสภานิติบัญญัติเพียงคนเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้เขาต้องเข้าคุกและกินข้าวแดงแล้ว ซึ่งเดิมทีกงฉิงนั้นไม่ได้ต้องการให้เรื่องต่างๆ มันใหญ่โตและเลยเถิดจนถึงขนาดนี้แต่ทว่าท่าทีและการแสดงออกของเย่เชียนนั้นดูแข็งกร้าวอย่างมากดังนั้นเขาจึงต้องการทำให้เย่เชียนกลัวและบังคับให้เย่เชียนมอบสินบนจำนวนมากให้กับเขาซึ่งเขาก็ไมได้คาดหวังว่าเรื่องต่างๆ มันจะเป็นเช่นนี้
เย่เชียนก็ค่อยๆ เก็บโทรศัพท์มือถือของเขาไปและยิ้มเล็กยิ้มน้อยแล้วพูดว่า “เป็นไงครับ? ..พอใจมั้ยครับท่านรองผู้อำนวยการกงผู้ยิ่งใหญ่!”
“เอ่อ…” กงฉิงก็กำลังตกตะลึงและทำอะไรไม่ถูกจนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดี
เย่เชียนก็ลุงขึ้นยืนและทุบโต๊ะอย่างรุนแรงและตะโกนว่า “ไปซะ! ..ไปให้พ้น..คุณคิดว่าคุณมีคุณสมบัติมากพอที่จะได้เงินของผมงั้นเหรอ!”
ท่าทางและการแสดงออกของกงฉิงก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปเรื่อยๆ และใบหน้าของเขาก็มืดมนอย่างมากและหลังจากนั้นเขาก็ยืนขึ้นด้วยความหดหู่และเหลือบมองไปที่เย่เชียนอย่างประหม่าและกระวนกระวายและเขาก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆ แล้วเดินจากไปอย่างหมดหนทาง
อันที่จริงแล้วเย่เชียนนั้นก็ไม่ใช่คนขี้เหนียวแต่อย่างใดซึ่งถ้ากงฉิงมาและพูดดีๆ ล่ะก็เย่เชียนก็ไม่ได้คับข้องใจอะไรแต่ทว่ากงฉิงกลับหยิ่งผยองและเล่นบทโหดกับเขาเช่นนี้ซึ่งแน่นอนว่าเย่เชียนจะไม่ยอมอย่างแน่นอน
.
.
.
.
.
.