ตอนที่ 360 สาวสวยหน้าใส
“ก็ผมไม่ใช่ขโมยไงล่ะ..ถ้าคุณไม่เชื่อก็ลองมาค้นตัวของผมสิ” เย่เชียนยกมือขึ้นทำท่ายอมจำนน
หญิงสาวคนขับ BMW ก็จ้องมองไปที่เย่เชียนด้วยความสงสัยและเอื้อมมือไปหาเย่เชียนและหลังจากค้นตัวเป็นเวลานานเธอก็ไม่พบอะไรเลยนอกจากหนังสือเดินทางและตั๋วเครื่องบินของเย่เชียน ซึ่งหลังจากที่เธอดูมันแล้วเธอก็หันไปหาหญิงสาวอีกคนแล้วพูดว่า “เอ่อ..คุณคะ..เขาเพิ่งจะลงมาจากเครื่องบิน..คงเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันน่ะ”
หญิงสาวก็หยิบตั๋วเครื่องบินมาดูและเธอก็รู้ว่าเธอนั้นเข้าใจเย่เชียนผิดไป แต่ด้วยความที่เธอกำลังหงุดหงิดฉุนเฉียวเธอก็โยนตั๋วเครื่องบินใส่เย่เชียนด้วยความโกรธและพูดอย่างเกรี้ยวกราดว่า “ถ้านายไม่ใช่ขโมยแล้วทำไมนายถึงต้องวิ่ง!” หลังจากพูดจบเธอก็เดินออกไปด้วยความโกรธเกรี้ยวพร้อมหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรแจ้งตำรวจ
เย่เฉียนก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวอย่างหดหู่พร้อมกับเสียงหัวเราะที่ขมขื่นของเขาและหลังจากนั้นเขาก็หันหน้าไปมองหญิงสาวคนที่ขับ BMW ตรงหน้าเขาและถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆ และพูดว่า “กระเป๋ากับโทรศัพท์ของผมก็หายไปเหมือนกัน”
“ของคุณก็ถูกขโมยไปด้วยหรอ?” หญิงสาวถามเย่เชียนขณะยื่นหนังสือเดินทางคืนให้เย่เชียน
“ผมไม่รู้หรอก..ผมรู้แค่ว่ามีผู้หญิงคนนึงที่ทำตัวเป็นคนดีศรีสังคมโผล่มาและไม่ใช่แค่ผมจับโจรไม่ได้และถูกเข้าใจผิดแค่นั้น..แต่ผมยังต้องเจ็บตัวอีก” เย่เชียนพูดต่อ “เห้อ..มันเจ็บมากเลยนะ”
“คือ..ฉันขอโทษค่ะ..ฉันไม่รู้จริงๆ” หญิงสาวรีบก้มโค้งลงไปเพื่อช่วยพยุงเย่เชียนแต่ทว่าจู่ๆ คอเสื้อของเธอก็เปิดออกจนเผยให้เห็นเนินหน้าอกของเธอ
เลือดที่เดือดพล่านของเย่เชียนที่เขาเพิ่งระงับลงไปมันก็ได้ปะทุขึ้นอีกครั้งและเขาก็ไม่สามารถควบคุมมันได้อีกต่อไปจนทำให้เลือดกำเดาของเขาไหลออกมา ซึ่งเรื่องแบบนี้ก็ไม่ควรจะไม่เกิดขึ้นกับเย่เชียนเลยเพราะไม่รู้ว่ากี่ครั้งแล้วที่เขาได้เผชิญหน้ากับซ่งหลันในสถานการณ์ที่คลุมเครือและการยั่วยวนของเธอก็ร้อนแรงอย่างมากแต่ในกรณีนี้ผู้หญิงคนนี้ที่มีใบหน้าเหมือนเด็กสาวตัวเล็กๆ แต่เธอกลับก็มีหน้าอกที่ใหญ่กว่าทั้งฉินหยูและซ่งหลันเช่นนี้จึงทำให้ความเร่าร้อนของเธอทวีคูณขึ้นอย่างมาก
“อ๊ะ..คุณเลือดออก! ..เดี๋ยวฉันจะพาคุณไปโรงพยาบาลเองค่ะ!” หญิงสาวรีบพยุงเย่เชียนขึ้นมาและพูด ในกรณีนี้สถานการณ์ก็เลวร้ายยิ่งกว่าเดิมเพราะหน้าอกของหญิงสาวนั้นไปสัมผัสกับแขนของเย่เชียนจนทำให้เลือดกำเดาของเย่เชียนก็ไหลออกมาอย่างบ้าคลั่งมากกว่าเดิม เย่เชียนก็พยายามอดกลั้นต่อความอัปยศอดสูของเขาและรีบเงยหน้าขึ้นเพื่อพยายามจะหยุดเลือดกำเดาที่ไหลออกมา
หญิงสาวก็ช่วยพยุ่งเย่เชียนไปนั่งลงที่เบาะข้างคนขับและเธอก็เดินอ้อมไปขึ้นรถและสตาร์ทรถแล้วพูดว่า “อดทนไว้ก่อนนะคะ..ฉันจะรีบพาคุณไปโรงพยาบาล!”
“ไม่ๆ ..ไม่เป็นไรครับ..แค่ให้ผมยืมโทรศัพท์ของคุณหน่อย!” เย่เชียนก็แทบจะห้ามใจเอาไว้ไม่ไหวและพยายามที่จะออกห่างจากผู้หญิงคนนี้ไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพราะเธอคือนางฟ้าที่งดงามยิ่งกว่านางฟ้าซ่งหลันอีก และเขาก็คิดว่ามนุษย์ที่งดงามแบบนี้เติบโตมาได้เช่นนี้ได้อย่างไร? มันไม่สมเหตุสมผลเลยและถ้าหากเธอเดินไปตามท้องถนนเธอจะไม่เป็นอันตรายหรอกเหรอ?
หญิงสาวก็จ้องมองเย่เชียนอย่างงุนงงและยื่นโทรศัพท์มือถือให้แล้วพูดว่า “คุณชื่อเย่เชียนหรอคะ..ฉันชื่อซูเหว๋ยนะ..เรียกฉันว่าเสี่ยวเว่ยก็ได้” เนื่องจากเธอเพิ่งเห็นหนังสือเดินทางของเย่เชียนเธอจึงเห็นชื่อของเย่เชียน
“เสี่ยวเว่ย? ..คุณไม่ใช่คนคนนั้นใช่มั้ย?” เย่เชียนพูดและเมื่อโทรศัพท์เชื่อมต่อแล้วเขาก็รีบพูดว่า “ชิงเฟิง..นายไปรอฉันที่ถนนสาย20นะ..เอ่อ..แล้วก็มาคนเดียวล่ะอย่าให้ใครรู้!”
“นี่คุณทำตัวลับๆ ล่อๆ นะ..คุณคงไม่ใช่โจรปล้นเพชรหรอกใช่มั้ย? ” ซูเหว๋ยพูด
เย่เชียนก็เหลือบมองไปที่เธอขณะวางสายโทรศัพท์และพูดว่า “นี่คุณคิดว่าผมเป็นคนไม่ดีมาตลอดเลยใช่มั้ยเนี่ย..ผมน่ะเป็นคนดีมีการมีงานทำ!”
“แล้วคุณทำงานที่ไหนหรอคะ?” ซูเหว๋ยถาม
เย่เชียนก็ตกตะลึงและกระวนกระวายว่าจะตอบว่าเขาทำงานที่ไหนดีล่ะ? เพราะเขาไม่สามารถบอกผู้หญิงคนนี้ได้ว่าเขาเป็นทหารรับจ้างและไม่สามารถบอกได้ว่าสถานะของเขาในตอนนี้นั้นคือ ซึ่งหลังจากครุ่นคิดเรื่องนี้ไปชั่วครู่เย่เชียนก็พูดว่า “ผมเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยน่ะ..คุณไม่รู้หรอว่าคนแบบผมน่ะสามารถรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชนได้”
“เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสามารถทำงานแทนตำรวจได้ด้วยหรอ?” ซูเหว๋ยเหลือบมองเย่เชียนด้วยสีหน้าที่งุนงงและพูด
“มันก็เหมือนกันนั่นแหละ..ตราบใดที่เรามีจิตอาสาเราก็จะรักษาความสงบได้..เพราะงั้นการเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็สามารถรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชนได้ด้วย” เย่เชียนพูดต่อ “แต่โชคชะตามันช่างน่าเศร้านักเพราะหัวหน้ามักจะกลั่นแกล้งผมจนทำให้ผมตกงานเมื่อไม่กี่วันก่อน..เพราะงั้นผมก็เลยไปพักผ่อนสมองที่เมียนมาร์แต่ว่าเรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นกระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์มือถือของผมหายไปหมดเลย”
“แล้วตอนนี้คุณไม่มีงานทำหรอ” ซูเหว๋ยถาม
“ผมก็กำลังหาอยู่แล้วก็มาเจอคุณเนี่ยแหละ” เย่เชียนพูดต่อ “คุณน่าจะเป็นลูกหลานคนรวยนะเพราะงั้นก็จ้างผมไปเป็นบอดี้การ์ดของคุณสิ”
ซูเหว๋ยก็เหลือบมองเย่เชียนจากหัวจรดเท้าและเธอก็ส่ายหัวและพูดว่า “ดูสภาพคุณสิ..นี่จะให้คุณมาเป็นบอดี้การ์ดฉันหรือจะให้ฉันเป็นบอดี้การ์ดของคุณกันแน่คะ”
เย่เชียนก็ยักไหล่เล็กน้อยและไม่ได้พูดอะไรอีกและเขาก็แค่ล้อเล่นเท่านั้นเขาไม่กล้าที่จะไปเป็นบอดี้การ์ดของซูเหว๋ยจริงๆ เพราะถ้าเย่เชียนอยู่กับผู้หญิงคนนี้ล่ะก็เขาก็คงจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่เกินสิบหรือยี่สิบปีเท่านั้นเพราะความงดงามของเธอ
ใช้เวลาไม่นานนักซูเหว๋ยก็ขับรถมาถึงสถานที่ที่เย่เชียนและชิงเฟิงนัดกันเอาไว้และจากระยะไกลเย่เชียนก็เห็นชิงเฟิงยืนรออยู่ที่นั่นแล้ว “ผมขอลงข้างหน้านี้นะครับ!” เย่เชียนพูด
ซูเหว๋ยก็พยักหน้าและจอดรถเมื่อเธอขับมาถึงตรงหน้าชิงเฟิงและเย่เชียนก็ขอบคุณเธอและลงจากรถไปหลังจากนั้นซูเหว๋ยก็ขับรถออกไปเพราะทั้งสองนั้นไม่ได้ทะเลาะหรือผิดใจอะไรกันซึ่งมันเป็นเพียงความเข้าใจผิดกันเพียงเท่านั้นและแน่นอนว่าเย่เชียนก็ไม่ได้โลภที่จะไปขอเบอร์โทรศัพท์ของเธอเพราะเขาไม่อยากอายุสั้นนั่นเอง
ชิงเฟิงก็มองซูเหว๋ยที่จากไปด้วยความงุนงงและเขาก็หันมาหาเย่เชียนและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “บอส! ..เธอคู่ควรกับบอสมาก..เธอช่างเป็นผู้หญิงที่ดูเด็กและร้อนแรงจริงๆ”
เย่เชียนก็จ้องเขม็งไปที่ชิงเฟิงและพูดว่า “นายเอาเงินมาให้ฉันมั้ย..เอ่อและก็จำเอาไว้ด้วยว่าอย่าพูดอะไรหรือบอกใครเกี่ยวกับการกลับมาของฉันล่ะ”
“แม้แต่ชินนะของผมด้วยหรอ?” ชิงเฟิงถามด้วยความประหลาดใจ
“ยิ่งคนรู้น้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดี..ฉันต้องการอยู่ในเงามืดเพื่อคอยสังเกตสถานการณ์ต่างๆ ของไต้หวันอย่างระมัดระวัง..ถ้าเหลียงหยานมีคำถามอะไรก็ให้เธอไปถามเฉินโม่หรือหูวเค่อก็แล้วกัน” เย่เชียนพูด “อ้อใช่..ตอนนี้นายพักอยู่ที่ไหน..เอากุญแจมาให้ฉันแล้วนายกับชินนะก็ไปหาที่อื่นอยู่กันไปก่อน”
“งั้นเอาแบบนี้ดีมั้ยบอส..พอดีว่ามันยังมีห้องว่างอยู่ที่ตึกที่ผมเช่าอยู่..บอสก็แค่ไปเช่าอยู่แล้วทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรแบบนั้น..และอีกอย่างเราจะได้ติดต่อกันได้ง่ายหน่อย” ชิงเฟิงพูด
“งั้นก็ได้..นายพักอยู่ที่ไหนล่ะ..เดี๋ยวฉันจะตามไปทีหลังเอง” เย่เชียนพูด
ชิงเฟิงก็พยักหน้าและบอกที่อยู่ให้กับเย่เชียนจากนั้นชิงเฟิงก็ขับรถออกไปก่อนและไม่นานนักเย่เชียนก็โบกแท็กซี่ตามไปที่ตึกที่ชิงเฟิงเช่าอยู่
ตึกนั้นไม่ใหญ่มากนักโดยชั้นหนึ่งจะเป็นส่วนของเจ้าของตึกส่วนชั้นสองนั้นจะเป็นบาร์เล็กๆ และโต๊ะสนุกเกอร์และห้องเช่า ซึ่งเมื่อเย่เชียนมาถึงหน้าตึกเขาก็เห็นป้ายให้เช่าติดอยู่ที่ประตูทางเข้าและเขาก็เดินตรงเข้าไป
เจ้าของตึกเป็นผู้หญิงอายุสามสิบต้นๆ เธอแต่งตัวเซ็กซี่และน่ามองอย่างมาก แต่ถึงแม้ว่ารูปร่างของเธอจะดูดีมากก็ตามแต่หน้าของเธอนั้นก็ไม่ค่อยงดงามมากนักแต่โดยรวมแล้วเธอก็ถือได้ว่าเป็นผู้หญิงที่ดูดีเลยทีเดียว
ซึ่งเย่เชียนก็ได้เรียนรู้ในภายหลังว่าเธอเป็นเจ้าของตึก ซึ่งเธอเคยแต่งงานกับเศรษฐีคนหนึ่งและก็หย่าร้างกันไปแต่ทว่าเศรษฐีคนนั้นเป็นคนใจกว้างเขาจึงให้เงินเธอมาจำนวนมากเธอจึงซื้อตึกและให้คนอื่นเช่าเพื่อหารายได้และนอกจากนี้เธอก็ยังเปิดบาร์และห้องสนุกเกอร์ที่เป็นคาสิโนขนาดเล็กๆ ที่ชั้นสองเพื่อให้ผู้เช่าได้รับความบันเทิงอีกด้วย ซึ่งเธอเองก็พอมีชื่อเสียงอยู่บ้างในละแวกนี้ดังนั้นจึงทำให้ธุรกิจบาร์และคลับสนุกเกอร์ของเธอรุ่งเรืองมาก แต่ทว่าเธอก็ไม่ได้แต่งงานใหม่และก็ไม่มีใครทราบเหตุผลซึ่งบางทีเธออาจจะสูญเสียความมั่นใจในตัวผู้ชายไปจริงๆ ก็เป็นได้ ซึ่งใครๆ ก็เรียกเธอว่าเจ๊ฮง ซึ่งเธอเองก็ยินดีที่เธอถูกเรียกอย่างนั้นและเธอก็มักจะร่วมเล่นสนุกเกอร์หรือไพ่กับแขกที่มาที่นี่ด้วย
ขั้นตอนการเช่าต่างๆ ก็เสร็จสิ้นอย่างรวดเร็วและเย่เชียนเองก็ไม่มีอะไรทำดังนั้นเขาจึงย้ายเข้าไปอยู่โดยตรงทันที อย่างไรก็ตามเมื่อเจ๊ฮงได้เห็นเย่เชียนในทันใดนั้นดวงตาของเธอก็เปล่งประกายแสงที่ห่างหายไปนานของเธอและเธอก็รู้สึกกระสับกระส่ายไปกับรูปลักษณ์ของเย่เชียนอย่างกระตือรือร้น
โลกนี้ช่างน่าเศร้าและโหดร้ายยิ่งนักสำหรับผู้หญิงเพราะถ้าหากผู้หญิงที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้วจะเข้าไปหาใครสักคนก็คงจะเป็นเรื่องที่น่าอาย แต่ถ้าหากผู้ชายเข้าหาผู้หญิงล่ะก็ไม่เพียงแต่จะทำให้พวกเธอไม่ต้องอายแต่ยังทำให้ใครๆ อิจฉาเลยด้วยซ้ำ
ชิงเฟิงอาศัยอยู่ห้องเช่าที่ติดกันกับเย่เชียนดังนั้นการติดต่อสื่อสารจึงสะดวกมากเพราะท้ายที่สุดแล้วตัวตนของชิงเฟิงก็ยังคงถูกซ่อนเป็นความลับอยู่และฝ่ายต่างๆ ของไต้หวันเองก็ยังไม่รู้ อย่างไรก็ตามมันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียเช่นกัน ซึ่งเย่เชียนก็รู้สึกหดหู่ใจเพราะปรากฏว่าทุกๆ นั้นมันคืนมีเสียงดังออกมาจากผนังอีกด้านหนึ่งและไม่ว่าเย่เชียนจะใช้วิธีใดในการปิดหูของเขาแต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ผลเลย และดูเหมือนว่าเสียงครวญครางเหล่านั้นดูเหมือนจะเต็มไปด้วยพลังเวทมนตร์สะกดเจาะเข้าสู่เส้นประสาทส่วนกลางของสมองโดยตรงผ่านผิวหนังจากร่างกายของเย่เชียนอย่างไงอย่างงั้น
หลังจากผ่านไปไม่กี่วันร่างกายของเย่เชียนก็ผอมลงจนเห็นได้ชัดและเจ๊ฮงก็มักจะล้อเย่เชียนว่าเย่เชียนคงจะเหงาเกินไปในตอนกลางคืนจนต้องปลดทุกข์ให้ตัวเองทั้งกลางวันและกลางคืนในทุกๆ วันเช่นกัน ซึ่งภายในเวลาไม่กี่วันเย่เชียนกับเจ๊ฮงก็คุ้นเคยกันดีซึ่งเย่เชียนก็พบว่าผู้หญิงคนนี้มีเสน่ห์เฉพาะตัวอย่างมากจนทำให้ผู้ชายปฏิเสธเสน่ห์ที่น่าดึงดูดของเธอได้ยาก แต่ทว่าเย่เชียนก็ยังคงปฏิบัติตามศีลธรรมของตัวเองโดยไม่ไขว้เขว เพราะเย่เชียนรู้อยู่แก่ใจว่าผู้หญิงคนนี้เป็นดั่งกุหลาบหนามที่งดงามแต่เมื่อได้สัมผัสลงไปนั้นเราก็จะเจ็บปวดมากนั่นเอง
วันๆ เย่เชียนก็ไม่ได้ทำอะไรเพราะเขาเอาแต่ทำการวิเคราะห์สิ่งต่างๆ ให้เหมาะสมในทุกๆ คืนจากข้อมูลที่ชิงเฟิงรวบรวมและในช่วงกลางวันเขาก็จะใช้เวลาอยู่ที่บาร์และเล่นไพ่และสนุกเกอร์และพูดคุยกับเจ๊ฮงอย่างเป็นธรรมชาติ
“เย่เชียน! ..ไปซื้อผ้าอนามัยมาให้ฉันสักห่อซิ!” เจ๊ฮงพูดอย่างประหม่าขณะที่เธอเดินออกมาจากหลังบาร์ “รีบๆ ด้วยล่ะ..ถ้านายซื้อมาแล้วก็เอามาให้ฉันที่ห้องน้ำด้วยก็แล้วกัน”
หลังจากพูดจบเจ๊ฮงก็รับวิ่งไปที่ห้องน้ำและทิ้งเย่เชียนเอาไว้คนเดียวอย่างงุนงงราวกับถูกฟ้าผ่า “โถ่เอ๊ย! ..ผมเป็นผู้ชายแบบนี้แล้วผมจะต้องไปซื้อผ้าอนามัยอย่างงั้นน่ะเหรอ” เย่เชียนก็พึมพำและกวาดสายตามองไปรอบๆ และพยายามหาผู้หญิงเพื่อที่จะให้เธอไปซื้อแทนเขา แต่พอคิดๆ ดูแล้วเขาจะต้องพูดยังไงดีล่ะ?
.
.
.
.
.
.
.