จ้าวเทียนห่าวนั้นมีคอนเนคชั่นและเส้นสายมากมาย ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้มีส่วนร่วมในใดๆในมหาวิทยาลัยก็ตาม แต่เพียงแค่คำๆเดียวจากเขามันก็สามารถเป็นไปได้ทันทีที่จะมีนักศึกษาใหม่ลงทะเบียนเพื่อเป็นนักศึกษาของที่นี่ อธิการบดีก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธเขาได้เลย ดังนั้นในขณะที่พวกเขายังอยู่ระหว่างทางไปยังมหาวิทยาลัยนั้นเลขาหูเก๋อก็อธิบายรายละเอียดไม่กี่คำอธิการบดีก็ตกลงอย่างง่ายดาย
หลังจากที่เย่เชียนถามสำนักงานประชาสัมพันธ์ถึงที่ตั้งของสำนักงานคณบดีเขาก็รีบไปตามที่พนักงานบอก กระทั่งก่อนที่เขาจะมาถึงหน้าประตูเย่เชียนก็ได้ยินเสียงกระเส่าๆ ถึงแม้ว่าที่นี่จะเป็นสถาบันการศึกษาแต่เย่เชียนก็ไม่ได้โง่ดังนั้นเขาจึงเดาได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นในนั้น มหาวิทยาลัยเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าอนาคตของชาติทำไมสิ่งสกปรกเหล่านี้ถึงได้เกิดขึ้นที่นี่เย่เชียนรู้สึกตกใจเล็กน้อย
เย่เชียนหยุดแล้วก็เคาะประตู
จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงสวมใส่เสื้อผ้าทั้งเสียงจากหัวเข็มขัดเสียงจากการรูดซิบต่างๆนาๆ หลังจากนั้นเสียงของชายคนหนึ่งก็ลั่นออกมาด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิดว่า “เข้ามา!” ความคิดอันไม่พึงประสงค์ก็ผุดขึ้นมาในหัวของเย่เชี่ยน เมื่อเขาเคาะประตูแล้วเขาคิดว่าตนไปรบกวนพวกเขาทำให้พวกเขาหยุดในสิ่งที่พวกเขากำลังทำกันอยู่ เย่เชียนรู้สึกผิดเล็กน้อยเนื่องจากเขาไปทำลายความสุขอันแสนภิรมย์ของคนสองคนเขาคิดว่าตนได้ทำบาปไปแล้วจริงๆ
หลังจากที่เขาผลักประตูเปิดออกแล้วเขาก็เห็นชายแก่อายุประมาณห้าสิบปีนั่งอยู่หลังโต๊ะเขามองเย่เชียนด้วยความโกรธเคืองและตำหนิเย่เชียนอย่างชัดเจนว่าเขาไปขัดจังหวะอย่างช่วยไม่ได้ และข้างๆเขามีผู้หญิงอายุราวๆสามสิบปียืนอยู่ เมื่อเธอเห็นเย่เชียนเข้ามาเธอก็ไม่ได้มีอาการเขินอายเลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกันเธอเผยรอยยิ้มเยี่ยงสุนัขจิ้งจอกตัวเมียปรากฏอยู่ทั่วบนใบหน้าของเธอและเธอมองเย่เชียนอย่างเย้ายวนเย่เชียนก็ถึงกับขนลุกสั่นเทาเล็กน้อยเพราะผู้หญิงคนนี้ไม่ได้สวยเท่าไหร่แต่ดวงตาเจ้าที่แสนจะเจ้าเล่ห์นั้นมีเสน่ห์เหลือร้ายอย่างมาก เมื่อเย่เชียนวิเคราะห์เธอแล้วเขาคิดว่าเธอคงแต่งงานแล้ว
เย่เชียนเป็นคนแบบไหน? หน้าด้านใจจืดใจดำหัวใจด้านชาขนาดนั้นเลยหรือ เขาไม่สนใจการยั่วยวนของผู้หญิงคนนั้นเลยแม้แต่นิด เข้ากลับหันไปหาผู้อำนวยการคณบดีที่ดูคล้ายกับคางคกอย่างสมบูรณ์และพูดว่า “คุณคือคณบดีฝ่ายบุคลใช่ไหมครับ? ผมเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนชื่อเย่เชียนครับ..ผมหวังว่าผมไม่ได้มารบกวนคุณในตอนนี้”
ถึงแม้ว่าคำพูดของเย่เฉียนนั้นจะสุภาพ แต่ผอ.คางคกก็ทำเป็นไม่ได้ยินได้แต่ทำหน้าทำตาเย้ยหยันอย่างโกรธเคืองราวกับว่าเขากำลังด่าและสาปแช่งเย่เชียนอยู่ในใจ ถึงแม้ว่าชื่อเสียงของเขาในมหาวิทยาลัยจะไม่ดีในหมู่นักศักษา แต่เขาก็ยังคงต้องรักษาเกียรติของความเป็นครูบาอาจารย์ หลังจากที่เขาได้ยินคำพูดของเย่เชียน ผอ.คางคกก็พูดว่า “นศ.เย่..อย่าเข้าใจผิด! ตอนนี้ฉันและอาจารย์แพนกำลังคุยธุรกันอยู่!”
“เข้าใจเข้าใจครับ…ผมไม่ได้ยินอะไรเลย!” เย่เชียนตอบด้วยรอยยิ้ม
ผอ.คางคกผยักหน้าเล็กน้อยในตอนแรกเขาคิดว่าเด็กคนนี้เป็นคนพาลมาก แต่ตอนนี้เด็กคนนี้กลับมีข้อมูลที่สามารถนำมาใช้โจมตีเขาได้ คำพูดที่ต้องออกมาจากปากของตนจะต้องกลั่นกลองให้ดีมิฉะนั้นเด็กนี่อาจจะนำข้อมูลพวกนี้มาโจมตีตนและไม่เพียงแต่ตำแหน่งของตัวเองจะตกอยู่ในอันตรายหากแม้กระทั่งถ้าสามีของอาจารย์แพนเหลียนรู้แล้วล่ะก็ชีวิตของเขาก็อาจตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน
“ท่านอธิการบดีอธิบายทุกอย่างให้ฉันฟังแล้ว นายไปที่คลาสเรียนสามของตึกคณะภาษาต่างประเทศสาขาภาษาฝรั่งเศษ เดี๋ยวฉันจะโทรเรียกให้อาจารย์ที่ปรึกษาประจำชั้นให้เข้ามาและให้เขาพานายไป แล้วก็ถ้านายต้องการความช่วยเหลืออะไรอย่าลังเลที่จะมาพบฉัน อาจารย์มีหน้าที่ต้องช่วยนักศึกษา” ผอ.คางคกพูดอย่างผึ่งผาย
เย่เชียนคิดว่าผอ.คางคกคนนี้กำลังติดสินบนแก่เขา แต่เขาไม่ได้คิดจะวางแผนที่จะเปิดเผยเรื่องอื้อฉาวแต่อย่างใด ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ต้องพยายามคลุกคลีในมหาวิทยาลัยเท่าที่ทำได้และการได้รับความสนับสนุนจากคณบดีก็ยิ่งเป็นสิ่งที่ดี
“ขอบคุณครับท่านคณบดีท่านเป็นตัวอย่างของสถาบันการศึกษาที่ดี นักศึกษาอย่างพวกเราสามารถผ่อนคลายและสบายใจได้เมื่อมีท่านครับ..ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รู้จักกับท่านครับ” เย่เชียนฉีกยิ้มและพูดเยินยออย่างภาคภูมิใจ
ผอ.คางคกดูเหมือนจะเพลิดเพลินไปกับคำเยินยอสรรเสริญของเย่เชียนอย่างมาก แต่เขาก็ยังตอบอย่างผึ่งผายว่า “ตราบใดที่นายและนศ.คนอื่นๆตั้งใจเรียน อนาคตของชาติของประเทศของเราจะไม่ถดถอยอย่างแน่นอน”
“นั่นคือสิ่งที่ผมปรารถนา ผมจะทำตามคำสั่งสอนของคุณและจะตั้งใจเรียนเพื่อให้เกียรติแก่ท่านคณบดีที่เป็นบุคลตัวอย่างของพวกเราครับ!” เย่เชียนตอบอย่างมั่นใจ แต่ในใจเขากำลังคิดว่าผอ.คางคกนี่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับอาจารย์และนักศึกษาของสถาบันอย่างลึกซึ้งได้อย่างไร
ผอ.คางคกพยักหน้าเล็กน้อยและไม่ต้องการเสวนากับเย่เชียนอีกต่อไป เมื่อก่อนหน้านี้เขาโกรธเคืองเย่เชียนอย่างมากแต่ทว่าตอนนี้เขากลับหลงใหลไปกับความนุ่มนวลและคำเยินยอสรรเสริญของเย่เชียนไปโดยปริยาย แต่ตอนนี้เขาอยากให้เย่เชียนรีบๆออกไปแต่เขาไม่สามารถไล่ได้ตรงๆ เพราะเขาต้องการที่จะทำกิจของเขาต่อ เขาไม่รีรอรีบหยิบโทรศัพท์ของเขาขึ้นมาแล้วโทรหาอาจารย์ที่ปรึกษาประจำชั้นของเย่เชียนและพูดไม่กี่คำหลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงเคาประตูดังขึ้น
เมื่อเย่เชียนเห็นผู้ที่เข้ามาเขาก็ตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก เขารู้สึกว่าจริงๆแล้วมหาวิทยาลัยนานาชาติแห่งนี้ไม่ได้บริหารอย่างลวกๆโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะคนที่เข้ามานั้นเป็นผู้หญิงอายุไม่เกินสามสิบ เธอสวมสูทแบบมืออาชีพและผมของเธอมัดไว้ด้านหลังศีรษะอย่างเรียบร้อยสมบูรณ์แบบ เธอสวมแว่นตาขอบดำและมีกลิ่นหอมที่เย้ายวน และเมื่อเย่เชียนรู้ว่าเธอคนนี้คืออาจารย์ที่ปรึกษาของเขา และนี่ก็เป็นสิ่งที่ดีเพราะในคลาสเรียนของเขาในอนาคตอาจไม่น่าเบื่ออย่างที่เขาคิด ด้วยความคิดนี้เขาก็กัดริมฝีปากของเขาอย่างช่วยไม่ได้
“สวัสดีค่ะผู้อำนวยการหวาง!” ผู้หญิงคนนั้นทักทายผอ.คางคกอย่างสุภาพ
ผอ.คางคกพยักหน้าแล้วพูดว่า “น.ศ.คนนี้เป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนและเขาจะอยู่ในชั้นเรียนของอาจารย์ฉินหยูตั้งแต่นี้ไป..คุณมีคำถามอะไรไหม?”
เมื่อเธอได้ยินคำพูดของผอ.คางคก ฉินหยูก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่หันไปหาเย่เชียนและเธอก็เห็นเย่เชียนที่กำลังจ้องมองเธอด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยตัณหาบนใบหน้าของเขาและยิ่งไปกว่านั้นน้ำลายก็ดูเหมือนจะไหลออกมาจากมุมปากของเย่เชียน จึงทำให้ฉินหยูขมวดคิ้วและมีความรู้สึกที่รังเกียจต่อเย่เชียนผุดขึ้นมาในใจของเธอ เธอต้องการปฏิเสธผอ.คางคกแต่อย่างไรก็ตามเขาก็เป็นถึงคณบดีฝ่ายบุคลการจัดการเรียนการสอนนั้นขึ้นตรงกับเขา อย่างไรก็ตามเธอก็จ้องมองไปที่เย่เชียนและพูดอย่างเย็นชาว่า “คลาสใกล้จะเริ่มแล้ว..ตามฉันมา!”
“ท่านคณบดีผมขอตัวก่อนนะครับ..ทำต่อเถอะครับ!” เย่เชียนหันไปยิ้มให้ผอ.คางคกด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างร้ายกาจ
ผอ.คางคกรู้ความหมายของรอยยิ้มนั้นของเย่เชียนได้อย่างชัดเจน เขาพยักหน้าและพูดว่า “หากนายมีปัญหาอะไรในอนาคตก็มาหาฉันได้!”
เมื่อเห็นว่าเย่เชียนและผอ.คางคกเข้ากันได้เป็นอย่างดีและคำเยินยอของเย่เชียนก็ทำให้ฉินหยูรู้สึกอึดอัดอย่างมาก ในสถาบันแห่งนี้ใครๆก็รู้ว่าผอ.คางคกนั้นเป็นคนอย่างไรมีนักศึกษาหญิงและอาจารย์สาวจำนวนมากที่ถูกล่วงละเมิดโดยผอ.คางคก และเย่เชียนก็ดูเหมือนจะปลื้มปิติเขาและเยินยอ! ฉินหยูจึงจัดให้เย่เชียนเป็นหนึ่งในประเภทของคนอย่างผอ.คางคกไปในทันที
หลังจากออกจากสำนักงานของคณบดีแล้วเย่เชียนก็เดินตามอาจารย์ฉินหยูไปเขาเฝ้าดูก้นและสะโผกที่บิดและส่ายไปมาของเธอขณะที่เธอเดิน และเต๊าะลิ้นของตัวเองเป็นจังหว่ะเบาๆด้วยความปลาบปลื้มและพึมพำกับตัวเองว่า “กล้มกลมและดี้ดี!”
.
.
.
.
.
.
.