เย่เชียนมองไปที่โต๊ะที่อาจารย์ฉินหยูชี้ไปที่และเห็นเด็กสาวคนหนึ่งเธอนั้นกำลังจ้องมองเขาราวกับว่าเขาเป็นศัตรูของเธอ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความหยิ่งยโสและหยิ่งผยอง เย่เชียนคิดในใจว่าทำไมสาวสวยถึงต้องทำหน้าทำตาให้ดูน่าเกลียดขนาดนั้นด้วยทั้งๆที่พวกเธอหน้าตาสะสวยอย่างมาก
เย่เชียนส่ายหัวอย่างหมดหนทางและเดินไปที่ที่นั่งของเขา เย่เชียนไม่รู้ว่าทำไมตนถึงรู้สึกเหมือนว่าเขามีความสัมพันธ์กับเหล่าเด็กผู้หญิงนัก แน่นอนว่าไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่ดีนักเพราะในอดีตที่ผ่านมาเย่เชียนรู้สึกขุ่นเคืองกับพวกหญิงสาวมามากมามายโดยเฉพาะพวกเด็กสาวที่น่ารัก แน่นอนว่าเย่เชียนไม่ค่อยอยากจะเข้าไปพัวพันกับพวกสาวสวยเท่าไหร่นัก
หลังจากที่นั่งลงเย่เชียนก็ยิ้มและพูดอย่างสุภาพว่า “ฉันชื่อเย่เชียน พวกเรากำลังจะเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันดังนั้นเรามาทำความรู้จักกันเถอะ”
“อะไรกัน? คุณคิดว่านี่เป็นประเทศหลังเขาหรือไง?” สาวน้อยที่จ้องมองเย่เชียนอย่างอาฆาตแค้นก็พูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “คุณลุงแก่แล้วและยังจะมาเรียนอีกเหรอ? มันไม่เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์เหรอ?”
เย่เชียนเหงื่อตกเล็กน้อยและคิดในใจ ‘นี่ฉันอายุมากแล้วจริงๆหรือ?’ ถึงแม้ว่าฉันจะโตเป็นหนุ่ม แต่ฉันก็ยังไม่ดูเหมือนรุ่นลุงใช่ไหม?’ เย่เชียนคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และคิดว่าเรื่องนี้มันตลก “ไม่มีพจนานุกรมใดๆกล่าวเอาไว้ว่าถ้าอายุมากแล้วจะไม่สามารถที่จะเรียนรู้ได้..ตราบใดที่ชีวิตยังไม่สิ้นก็สามารถเรียนรู้ได้อย่างไม่รู้จบ เธอไม่คิดอย่างนั้นเหรอ?”
สาวน้อยแสนสวยส่ายหัวของเธออย่างช่วยไม่ได้และตอบว่า “คุณลุงแก่แล้วคุณจะเป็นเด็กได้อย่างไร..ถึงจะเล่าเรียนไปฉันก็คิดว่าจะมีแต่น้ำที่เข้าสู่สมองของคุณ”
เย่เชียนหัวเราะโดยไม่สนคำพูดของสาวน้อยแต่กลับถามเธอไปว่า “อ้อใช่..ฉันได้ยินมาว่ามีเด็กผู้หญิงที่ชื่อจ้าวหยาอยู่ในคลาสเรียนนี้ด้วย เธอคือใครหรือ?”
สาวน้อยเกร็งและถามเย่เชียนอย่างกระวนกระวายว่า “นายถามหาเธอทำไม?”
“อ้อ..จริงๆแล้วไม่มีอะไรหรอก ฉันได้ยินมาว่าเด็กคนนั้นนิสัยไม่ดีและน่าเกลียดน่ะดังนั้นฉันจึงคิดว่าฉันต้องเตรียมตัวเอาไว้ดีกว่าเพื่อที่ฉันจะได้หลบหน้าเธอได้ ฉันกลัวเธอจะมารุกรานฉันน่ะ?” เย่เชียนตอบอย่างกระวนกระวายใจ
สาวน้อยจ้องมองเย่เชียนอย่างเดือดดาลและต้องการที่จะกรีดร้องใส่เขา แต่ชั้นเรียนก็กำลังดำเนินอยู่เธอจึงทำเช่นนั้นไม่ได้ เธอทำได้แค่ตอบด้วยน้ำเสียงที่เบาแต่เต็มไปด้วยความโกรธ “นายนั้นแหล่ะที่น่าเกลียดและขี้เหร่! นายยังไม่เคยเห็นเธอและนายจะรู้ได้อย่างไรว่าเธอเป็นอย่างไร?”
เย่เชียนมองดูเธอด้วยความประหลาดใจและถามว่า “ทำไมเธอต้องหงุดหงิดด้วยล่ะ ฉันไม่ได้ว่าเธอสักหน่อย!”
“ฉะ..ฉัน..” สาวน้อยผู้น่ารักพูดตะกุกตะกักแล้วตอบว่า “ฉันไม่สนใจหรอก แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็จะไม่คบหากับคนอย่างนาย!”
เย่เชียนมองเธอด้วยความสับสนแล้วพูดว่า “หรือเธอจะเป็น…เธอเป็น…?”
“อะไร..ฉันจะเป็นอะไร..นายต้องการจะพูดอะไร?” สาวน้อยถามอย่างเกรี้ยวกราด
“อ้อ..ไม่มีอะไรๆ” เย่เชียนรีบตอบกลับอย่างช่วยไม่ได้
แต่สิ่งที่เย่เชียนต้องการถามจริงๆก็คือ ‘เธอเป็นเลสเบี้ยนหรอกเหรอ?’ แต่เขาตัดสินใจว่ามันไม่ใช่คำถามที่ดีนักที่จะถามในเวลานี้ และนอกจากนี้มันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเธอเองมันไม่ใช่เรื่องของเขา อย่างไรก็ตามในยุคนี้ก็มีอิสระในความรักวิธีคิดใหม่ของสังคมคนรุ่นใหม่ๆในประเทศอื่นๆก็ยอมรับการแต่งงานของเพศเดียวกัน และถ้าเธอเป็นเลสเบี้ยนจริงๆมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลยและเขาเองก็จะไม่ตำหนิเรื่องนี้อย่างแน่นอน
“อะไร? นายกำลังจะพูดอะไรเล่า?” สาวน้อยถามอย่างสงสัย
“ลืมมันซะ..คลาสเริ่มแล้ว” เย่เชียนตอบกลับอย่างเฉยเมย
“ไม่!..นายต้องบอกฉัน นายต้องพูด!” สาวน้อยยืนกรานอย่างดื้อดึง
เย่เชียนส่ายหัวแล้วตอบว่า “ถ้างั้นฉันจะพูด..แต่จำเอาไว้นะว่า..เธอเป็นคนบังคับให้ฉันพูด!”
“ทำไมนายต้องจู้จี้จุกจิกด้วย นี่นายไม่ได้เป็นผู้ชายหรอกเหรอ?” สาวน้อยพูดด้วยความโกรธ
“เธอเข้าใจผิดแล้ว เรื่องนั้นกับความเป็นผู้ชายของฉันมันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย ฉันเป็นผู้ชายมาตั้งแต่เกิดแล้ว ถ้าเธอไม่เชื่อฉันเธอก็ลองหาคำตอบมันด้วยตัวเธอเองสิ ฉันแค่อยากจะพูดว่าเธอกับเจ้าหยาเป็นคู่หูคู่เสี่ยวกันเหรอ?” เย่เชียนพูดอย่างประหม่า
“คู่หูคู่เสี่ยว?”สาวน้อยถามอย่างงุนงงและน่ารักและเห็นได้ชัดว่าเธอไม่เข้าใจ
“ก็ถ้าให้ฉันพูดตรงๆอย่างเป็นทางการก็คือ ‘มีใจเดียวกัน’ ถ้าให้ฉันอธิบายให้ฟังก็ยกตัวอย่างเช่นเธอและจ้าวหยานั้นพวกเธอควรจะชอบผู้ชาย แต่พวกเธอทั้งคู่กลับเลือกที่จะชอบผู้หญิงด้วยกันแทน..อ่า..เธอเข้าใจคำอธิบายของฉันมั้ย?” ลักษณะการพูดของเย่เชียนนั้นตรงไปตรงมาและต้องการขจัดความสับสนทั้งหมด นี่เป็นคำตอบที่จริงจังและจริงใจของเขาจริงๆ
“ไร้สาระ..ใครเป็นคนบอกนาย? ฉันจะไปฉีกปากของหล่อนเอง!” สาวน้อยจ้องเขม็งไปที่เย่เชียนอย่างโกรธเคือง ความโกรธของเธอไม่แม้แต่จะให้เย่เชียนโต้แย้งใดๆ ถ้าเย่เชียนกล้ายอมรับว่าเขาพูดเองเด็กคนนี้อาจจะฆ่าเขาก็เป็นได้
“เอ่อคือ..อย่าพึ่งโกรธสิฉันแค่เดาเอาเท่านั้น ฉันแค่คิดว่ามันแปลกมากที่ตอนที่ฉันพูดถึงจ้าวหยาแต่เธอดันโกรธและหงุดหงิดใส่ฉันดังนั้นฉันจึงเดาเอาเองน่ะใจเย็นๆนะใจเย็นๆ” เย่เชียนเห็นหน้าตาของเธอที่ดูโกรธเกรี้ยวอย่างมากเขาจึงตอบอย่างระมัดระวังและใจสั่นเล็กน้อย
“ใจเย็นๆเหรอ? ใจเย็นๆอะไร? ฉันจะกัดนาย!” หลังจากที่สาวน้อยพูดเช่นนี้เธอก็คว้าแขนของเย่เชียนแล้วกัดลงไป เย่เชียนรู้สึกผิดเมื่อเขาเห็นเธอโกรธจริงจังเช่นนี้ แต่ถึงอย่างไรมันก็สายไปแล้ว เขาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดอย่างเสียงดัง ทั้งห้องหันมามองพวกเขาทันทีแม้แต่อาจารย์ฉินหยูก็จ้องมองอย่างโกรธเคืองไปที่เย่เชียน สาวน้อยไม่คิดว่าเย่เชียนจะร้องออกมาอย่างดังเช่นนี้และทำให้ทุกคนในห้องมองไปที่พวกเขา ใบหน้าของเธอแดงก่ำและเธอก็จ้องมองเย่เชียนก่อนที่จะหันหน้าหนีไป เย่เชียนฉีกยิ้มให้กับคนเหล่านั้นที่หันมามองเขาและพูดออกว่ามา “ไม่มีอะไรๆ..ยุงกัดเฉยๆน่ะ”
ทุกคนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับสองคนนั้นแต่ก็ไม่แน่ใจว่ามันเกิดจากอะไรแต่พวกเขาก็คาดเดาได้เล็กน้อย
เมื่อคลาสเรียนกลับมาสู่สภาวะปกติและหันความสนใจกลับไปที่อาจารย์ฉินหยูแล้ว เย่เชียนดึงแขนของเขาขึ้นมาเพื่อดูแขนและเขาก็เห็นร่องรอยของฟันสองแถวที่แขนของเขาและพูดอย่างหมดหนทางว่า “เธอเป็นหมาน้อยเหรอ?”
“นายนั่นแหล่ะเป็นหมาบ้า” สาวน้อยตอบอย่างโกรธแค้น
เย่เชียนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และพึมพำว่า “ลูกผู้ชายที่ดีต้องไม่ทำร้ายผู้หญิง”
สาวน้อยมองเย่เชียนราวกับว่าเธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่ได้พูดและพึมพำกับตัวเองว่า “เขาเป็นคนดีจริงๆเหรอ?”
จากนั้นเธอก็ถามเย่เชียนว่า “เอาล่ะ..บอกฉันหน่อยสิว่าทำไมนายถึงถามถึงจ้าวหยา?”
“ยุ่งอะไรด้วยล่ะ..ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน มันเกี่ยวอะไรกับเธอล่ะ?” เย่เชียนตอบอย่างเฉยเมย
“และทำไมนายไม่บอกล่ะมันมีอะไรที่พิเศษกันนักกันหนา!..หึ!” สาวน้อยจ้องมองเย่เชียนอย่างดุดันเพื่อเผชิญหน้ากับเขาอย่างดื้อรั้น ในความเป็นจริงเธอดูน่ารักมากในความโกรธเกรี้ยวของเธอ
เย่เชียนเห็นว่าเธอน่ารักมากและรู้สึกอยากที่จะหยอกล้อเธออีกสักครั้ง เขายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และพูดว่า “เธออยากรู้จริงๆเหรอ? ก็ได้ๆฉันจะบอกความจริงให้ก็ได้..คือว่าพ่อของจ้าวหยาน่ะ..ท่านได้หมั้นเธอกับฉัน เพราะฉะนั้นฉันจึงอยากจะเห็นเธอ ถ้าพูดจริงๆก็คือจ้าวหยาเธอเป็นคู่หมั้นของฉันน่ะ”
.
.
.
.
.
.
.