ที่จริงแล้วเมื่อย้อนกลับไปตอนที่เย่เชียนยังอยู่ในห้องสำนักคณบดีของผู้อำนวยการคางคกเขาบังเอิญเห็นแฟ้มประวัตินักศึกษาบนโต๊ะของผอ.คางคกและแฟ้มนั่นก็เปิดอยู่เป็นหน้าประวัติของจ้าวหยา เขาจึงรู้มาตั้งแต่แรกแล้วว่าสาวน้อยคนนี้คือจ้าวหยา แต่เย่เชียนรู้สึกว่าจ้าวหยาทำให้เขาลำบากใจและกระวนกระวายอย่างมากมาก่อนหน้านี้ ดังนั้นเขาจึงอยากแกล้งเธอสักหน่อยเพื่อแก้แค้นที่เธอนั้นทำให้เขาคิดว่าเธอเป็นพวกไดโนเสาร์ล้านปีและที่จริงเธอนั้นสวยและน่ารักอย่างไร้ที่ติ
“อะไร?” จ้าวหยาลั่นออกมาด้วยความตกใจเมื่อเธอได้ยินคำพูดของเย่เชียน เธอมองเย่เชียนอีกครั้งตั้งแต่หัวจรดเท้า และคิดในใจว่า ‘สายตาของพ่อมีปัญหาหรือเปล่าพ่อไม่ได้ตาบอดใช่มั้ย? ทุกๆปีมีชายหนุ่มที่มีความสามารถที่เพรียบพร้อมและร่ำรวยจะไปที่บ้านของพวกเขาเพื่อจะมาสู่ขอซึ่งมีมากมายเกินที่จะนับได้แต่พ่อก็ล้วนปฏิเสธพวกเขาทั้งหมด แต่ตอนนี้เขากลับหมั้นลูกสาวให้กับเด็กบ้านนอกคนนี้ได้อย่างไร? พ่อทานยาผิดประเภทหรือเปล่า?’ จ้าวหยารู้สึกว่าเธอจะต้องรีบกลับบ้านเพื่อไปคุยกับพ่อให้เร็วที่สุดและเธอต้องการรู้ความจริง มันจะต้องเป็นเรื่องตลกอย่างแน่นอนพ่อของเธอไม่มีทางที่จะปล่อยให้ลูกสาวของเขาหมั้นกับคนประเภทนี้อย่างแน่นอนหากเป็นเช่นนั้นอนาคตของเธอจะเป็นเช่นไร เธอมองสารรูปของเย่เชียนและเห็นว่าเขาไม่สามารถเข้ากับสังคมชนชั้นอย่างเธอได้ เธอจะพาเขาไปพบปะกับผู้อื่นได้อย่างไร หากเพื่อนๆของเธอเห็นแล้วพวกเขาจะไม่หัวเราะเยาะอย่างสนุกสนานกันเลยเหรอ?
ทันใดนั้นเองจ้าวหยาก็ไม่สามารถยับยั้งตัวเองได้และตะโกนออกมาทำให้คนทั้งห้องหันมาหาพวกเขาทั้งสอง และจ้าวหยาที่เป็นดั่งเป็นราชินีแห่งความงามของมหาวิทยาลัยนี้ เหล่าผู้ชายทั้งหลายที่สนใจเธออยู่เมื่อได้ยินเสียงของเธอที่ดังมากพวกจึงมีปฏิกิริยาตอบสนองที่รุนแรงมากและพวกเขาเหล่านั้นก็จ้องมองเย่เชียนด้วยความโกรธเคืองและรังเกียจ และพวกเขาก็คิดว่าสัตว์เดียรัจฉานตนนี้ต้องทำสิ่งที่ผิดศีลธรรมกับเธอเป็นแน่ กับคำพูดที่ว่าความแก่ชรานั้นมิได้ทำให้ใครเป็นผู้ใหญ่ วัวแก่กำลังพยายามที่จะกินหญ้าอ่อน นักศึกษาชายทั้งหมดตื่นตระหนกขึ้นมาทันทีด้วยความตั้งใจที่จะกำจัดเย่เชียนออกไปจากจ้าวหยา
อาจารย์ฉินหยูก็เริ่มโกรธมากขึ้นเช่นกันยิ่งความประทับใจครั้งแรกของเธอกับเย่เชียนนั้นค่อนข้างแยลยลอยู่แล้ว และตอนนี้เขาก็ยังสร้างปัญหาในวันแรกของการเรียนอีก ครั้งแรกที่เขาตะโกนโดยไม่มีเหตุผลและตอนนี้มันก็เป็นจ้าวหยาที่ตะโกนโดยไม่มีเหตุผลอีก นี่เป็นการดูหมิ่นในอำนาจหน้าที่การงานความเป็นอาจารย์ของเธอหรือไม่?
เธอจ้องมองเย่เชียนอย่างเกลียดชังและตะค่อกใส่ว่า “เย่เชียนโปรดรักษาระเบียบในห้องเรียนด้วย! หากเธอไม่ให้ความสนใจกับบทเรียนและทำนิสัยแย่ๆอย่างนี้ของเธออีกก็ออกไปจากห้องซ่ะ” ฉินหยูเพิ่งจะได้เป็นอาจารย์เมื่อไม่นานมานี้ เธอเริ่มสอนหลังจากเธอจบการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา แต่ทว่าในสองปีที่เธอทำงานมานี้เธอไม่เคยพบนักศึกษาคนใดเหมือนเย่เชียนมาก่อน ซึ่งปกติแล้วเธอเป็นคนที่อ่อนโยนมากกับนักศึกษาของเธอ บางครั้งนักศึกษาชายบางคนอาจจะทำสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ แต่เธอก็ยังคงไม่โกรธ แต่เธอไม่รู้ว่าทำไมวันนี้เธอถึงมีปฏิกิริยาอย่างมากกับเย่เชียน ฉินหยูไม่เข้าใจตัวเองและคำอธิบายเดียวก็คือเย่เชียนนั้นเลวร้ายเกินไปสำหรับเธอ
เย่เชียนมองไปที่ฉินหยูอย่างไร้เดียงสาจากนั้นก็ยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูดว่า “มันไม่ใช่ความผิดผม..ผมถูกกล่าวหาอย่างผิดๆ..ใช่สินี่คือความยุติธรรมอันยอดเยี่ยม!”
“ถ้าไม่ใช่เธอแล้วใคร? เธอกำลังบอกว่าเธอบ้าและตะโกนออกมาส่งเดชโดยไม่มีเหตุผล?” ฉินหยูเกรี้ยวโกรธอย่างมากและระเบิดโทสะออกมาทำให้เธอทะเลาะกับเย่เชียนจนลืมที่จะรักษาภาพพจน์ของเธอในฐานะอาจารย์อย่างสมบูรณ์
เย่เชียนจ้องมองฉินหยูอย่างหมดหนทางและพูดตัดพ้อตัวเองว่า “เอาล่ะๆ..มันเป็นความผิดของผมเอง ผมเป็นสัตว์เดรัจฉาน..ผมมันเลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน..จบนะ?”
ฉินหยูไม่ได้คาดหวังว่าเย่เชียนจะกล้าพูดในลักษณะนี้ และเธอก็รู้สึกโกรธมากจนตัวสั่นเล็กน้อย แต่เธอนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เธอยังอยู่ในคลาสการเรียนการสอนของเธอและเธอก็ไม่สามารถที่จะโต้เถียงกับเด็กอันธพาลคนนี้ได้ในเวลานี้
ฉินหยูกัดฟันพูดว่า “เย่เชียนไปที่ออฟฟิศของฉันหลังเลิกเรียน! ฉันต้องการคุยกับเธอดีๆ!”
เย่เชียนผงะไปชั่วครู่และตอบกลับไปว่า “ได้ผมจะไป..ผมอยากคุยกับคุณเสมอ” และตอบย้ำไปว่า “เรื่องของเรานะ” โดยเพิ่มบรรยากาศแห่งความลึกลับทำให้คำพูดเหล่านั้นดูคลุมเครือ
ฉินหยูจ้องมองเย่เชียนอย่างรุนแรง เธอไม่ต้องการที่จะเข้าไปยุ่งกับเด็กอันธพาลคนนี้นัก เธอจึงหันหน้าหนีและบรรยายบทเรียนต่อ
เมื่ออาจารย์ฉินหยูหันไปจ้าวหยาก็หันไปหาเย่เชียนเพื่อจ้องมองเขาและถามเบาๆว่า “เย่เชียนบอกความจริงกับฉันที..ว่าจริงๆแล้วนายกำลังทำอะไรอยู่?”
เย่เชียนมองจ้าวหยาอย่างใจจดใจจ่อและตอบกลับไปว่า “ฉันไม่เข้าใจเธอจริงๆ เธอจะตื่นตระหนกไปทำไม นี่มันยุคไหนแล้วที่อิสรภาพของคนสองคนที่มีสิทธิที่จะรักกันและมีอิสระในการเลือกคนที่ตนเองจะแต่งงานด้วย ถึงแม้ว่าพ่อของจ้าวหยาจะหมั้นลูกสาวของเขากับฉัน สำหรับฉันแล้วฉันก็ต้องการความยุติธรรมให้กับจ้าวหยาด้วยเพื่อที่ฉันจะได้เอาชนะใจเธอด้วยตัวของฉันเอง ฉันจะไม่เอาคำสั่งของพ่อเธอมาวางไว้บนหัวของเธอเพื่อบังคับเธอหรอก สุดท้ายแล้วถ้าเธอไม่ชอบฉันจริงๆ ฉันก็จะไม่รั้งเธอเอาไว้และยินดีให้เธอไปพบกับคนที่เธอรักจริงๆ และนอกจากนี้แล้วฉันเองก็ยังไม่รู้เลยว่าลูกสาวของเขาหน้าตาเป็นอย่างไร ถ้าเธอน่าเกลียดและนิสัยไม่ดี ฉันจะทิ้งยัยนั่นไว้กับเธอก็แล้วกัน!”
“นายน่ะสิน่าเกลียด! นายคิดว่าฉันเป็นใคร? ฉันคิดว่านายว่าฉัน..มิเช่นนั้นแล้วนายจะว่าใคร?” จ้าวหยาพูดด้วยความโกรธเคือง
เย่เชียนแกล้งทำเป็นเฉยเมยและพูดว่า “ฉันไม่ได้พูดถึงเธอสักหน่อย..ฉันกำลังพูดถึงจ้าวหยา!”
“ก็ฉันนี่ไงจ้าวหยา!!” จ้าวหยาสับสนตัวเอง เธอเกลียดชังเย่เชียนอย่างชัดเจนแต่เมื่อเธอได้ยินคำพูดของเขาประโยคที่ว่า ‘เขาจะไม่รั้งเธอเอาไว้ เขาจะไม่ใช้คำสั่งพ่อของเธอ และยินดีที่จะให้เธอไปพบกับคนที่เธอรักจริงๆ’ จ้าวหยาก็รู้สึกว่าใจบอบบางลงเล็กน้อย
“ห..หะ? เธอคือจ้าวหยา” เย่เชียนทำท่าประหลาดใจและอ้าปากค้างและพูดไปว่า “เธออย่ามาล้อเล่นกับฉันสิ เธอสวยมาก..แล้วเธอจะเป็นจ้าวหยาได้อย่างไร หยุดล้อฉันเล่นสักทีเถอะ”
“ใครล้อเล่น!..ฉันคือจ้าวหยาจริงๆ..ถ้านายไม่เชื่อก็โทรไปถามพ่อฉันได้..หึ!” จ้าวหยาพูดด้วยสีหน้าที่หงุดหงิดเล็กน้อย
เย่เชียนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และใช้สายตาที่ดูชั่วร้ายเหลือบมองจ้าวหยาอย่างถี่ถ้วน และจ้าวหยาก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างมากเมื่อเย่เชียนจ้องมองเธออย่างชั่วร้ายและเธอก็รู้สึกกลัวขึ้นมาทันทีและเธอก็พูดว่า “นะนาย..คิดจะทำอะไร? ฉันตือนนายแล้วนะอย่ามายุ่งกับฉัน..ฉันเป็นเทควันโดหกดั้งเชียวนะ?”
เย่เชียนเลียริมฝีปากของตนและพูดว่า “ฉันไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะสวยมากขนาดนี้ รูปร่างของเธอฉันเห็นแวบแรกฉันคิดว่านางแบบเสียอีก เห้อ..ถ้าฉันรู้มาก่อนหน้านี้ฉันก็คงจะคุยกับพ่อของเธอและเริ่มการแต่งงานของฉันกับเธอในทันทีและพาเธอกลับบ้านของพวกเรา!”
เมื่อเธอได้ยินเย่เชียนพูดว่าเธอสวยทำให้เธอรู้สึกพอใจกับตัวเองเล็กน้อย มีผู้หญิงคนไหนบ้างที่ไม่อยากได้ยินว่าตัวเองถูกเรียกว่าสวยบ้าง แม้แต่จ้าวหยาเองผู้ซึ่งเป็นผู้หญิงที่สวยและน่ารักอย่างสมบูรณ์แบบก็ไม่ได้เป็นข้อยกเว้นเลย
หลังจากนั้นไม่นานจ้าวหยาก็จำได้ว่าสัตว์เดรัจฉานที่อยู่ต่อหน้าเธอคือคู่หมั้นที่พ่อของเธอตัดสินใจให้เธอโดยพละการและเธอก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก เธอจ้องมองเย่เชียนอย่างเกลียดชังและพูดว่า “อย่าคิดว่าฉันแต่งงานกับนาย! ใครก็ตามที่สัญญากับนายไว้ นายกลับไปหาคนที่สัญญากับนายเอาไว้เถอะ!”
เย่เชียนยิ้มอย่างมีความสุขและพูดว่า “นี่ที่รัก..เธอไม่รู้สึกว่าพวกเราดูเหมือนคู่รักกันเลยหรือ?” หลังจากพูดเสร็จเย่เชียนก็ทำหน้าอย่างจริงจัง
.
.
.
.
.
.
.