พวกเขานั่งอยู่ที่โต๊ะในร้านแผงขายอาหารริมถนน ฉินหยูรู้สึกประหลาดใจอย่างมากเธอไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เธอไม่เคยนึกไม่เคยฝันเลยว่าเย่เชียนจะพาเธอมากินหม้อไฟตามข้างทาง แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเธอติดหรูที่ต้องเข้าแต่ร้านแพงๆหรือเธอชอบอาหารจำพวกนานาชาติมากว่า แต่ตอนนี้มันเป็นฤดูร้อนและเธอคิดว่าผู้ชายคนนี้จะไม่เครียดจนเกินไปขณะที่กินหม้อไฟไปด้วยหรือ
การมาถึงของเย่เชียนและฉินหยูทำให้เถ้าแก่ของแผงขายอาหารมีความสุขมาก ผู้ที่ขับลัมโบร์กินี่ด้วยสถานะของพวกเขาจะมาเยือนสถานที่เช่นนี้ได้อย่างไร? ผู้คนส่วนใหญ่ที่มายังแผงขายอาหารเหล่านี้ทุกๆวันคือพวกพนักงานของโรงงานบางแห่งหรือไม่ก็พวกนักเลงกลุ่มเล็กๆที่จะมานั่งกินกัน แต่ทว่าวันนี้จู่ๆคนระดับนี้มาเยือนเถ้าแก่จะไม่ประม่าได้อย่างไร? บุคคลเช่นนี้ตราบใดที่เถ้าแก่บริการไม่ดีมันก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่พวกเขาจะสั่งปิดร้านของตน
ในตอนแรกมีนักเลงกลุ่มเล็กๆนั่งอยู่แต่เมื่อเขาทั้งสองเข้ามาในแผงขายอาหารพวกนักเลงเหล่านั้นก็ดูเหมือนจะเห็นผีด้วยสีหน้าที่ดูหวาดกลัว และรีบลุกออกไปจากร้านในทันที เย่เชียนอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเล็กน้อยและมองไปที่ฉินหยูอย่างว่างเปล่า เย่เชียนรู้ดีว่าสาเหตุที่พวกนักเลงหนีออกไปนั้นแน่นอนว่าไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์ของเธอและเย่เชียนมันเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวก็คือฉินหยูที่ดูน่าเกรงขามและดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนี้นั้นไม่ใช่คนธรรมดาๆเลย
หลังจากนั้นไม่นานอาหารก็ถูกเสิร์ฟเต็มโต๊ะมันมีทั้งลูกชิ้นปลา,เนื้อวัว,เห็ดเอโนกิ,ผักต่างๆฯลฯวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ เย่เชียนยิ้มเล็กยิ้มน้อยและก้มหัวกินมันอย่างเอร็ดอร่อยราวกับผู้หิวโหยชาวแอฟริกันที่ไม่ได้กินอาหารมาหลายวันแล้ว ฉินหยูมองไปที่เย่เชียนอย่างตกตะลึงและอ้าปากค้างจนเธอพูดอะไรไม่ออก
“กินสิ..ทำไมไม่กินล่ะ?” เย่เชียนถามอย่างสงสัย
ฉินหยูที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจก็พูดออกมาว่า “แค่ฉันดูเธอกินฉันก็อิ่มแล้วน่ะ!” และฉินหยูก็พูดอีกว่า “เธอกินหม้อไฟในหน้าร้อนแบบนี้เธอไม่กลัวมันจะร้อนเกินไปจนทำให้เครียดเหรอ?”
“คุณไม่รู้หรอกว่าการกินหม้อไฟในหน้าร้อนเนี่ยมันสุดยอดแค่ไหน!” หลังจากที่เย่เชียนพูดเสร็จเขาก็ยัดลูกชิ้นปลาเข้าปากแล้วพูดอย่างมูมมามว่า “เร็วสิถ้าคุณไม่กินระวังมันจะหมดเอานะ!”
ฉินหยูยิ้มอ่อนๆและค่อยๆกินมันและการเคลื่อนไหวนั้นดูอ่อนโยนและสง่างามมาก เย่เชียนจำไม่ได้ว่านางฟ้าตนไหนเคยพูดเอาไว้ว่า การมองดูหญิงสาวที่สวยงามรับประทานอาหารคือความสุขที่แท้จริง ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่สิ่งที่เหลวไหลแล้ว อย่างไรก็ตามเย่เชียนรู้สึกเสมอว่าเขายังขาดบางสิ่งบางอย่างเขาอยากกินอาหารจากร้านแผงลอยและสิ่งที่เขาต้องการก็คือบรรยากาศ ถ้าหากเป็นอาหารตะวันตกแล้วก็จะไม่สามารถลิ้มรสความรู้สึกและบรรยากาศของการกินอาหารแผงลอยได้เลย
“โว้ว..มันเผ็ดมาก..เถ้าแก่เอาเบียร์มาสองขวด” เย่เชียนปาดเหงื่อของเขาและตะโกนสั่ง
“เป็นอะไรของเธอ..เธอเลือกที่จะกินแบบนี้เองนะ!” ฉินหยูพูด
เย่เชียนยิ้มอย่างมีความสุขเขาไม่อยากจะทะเลาะกับเธอเขาจึงรินเบียร์ให้เธอจากนั้นก็พูดอย่างสบายใจว่า “อาจารย์ตอนที่พวกเราเข้ามาตอนแรกพวกเด็กๆนักเลงพวกนั้นดูเหมือนจะกลัวคุณมาก..ทำไมหรือ?” เย่เชียนพูดไปด้วยกินไปด้วยอย่างหน้าตาเฉยเมย
“ฉันจะไปรู้ได้ไงเล่า?” ฉินหยูตอบด้วยความงุนงง แต่เห็นได้ชัดว่าการแสดงออกของเธอนั้นเธอไม่เต็มใจที่จะพูด
เย่เชียนก็ไม่ได้อยากถามต่อเขายิ้มอ่อนๆและพูดว่า “เป็นไปได้ว่าพวกเขาคงจะเห็นว่าอาจารย์น่ะสวยเกินไปและเหมือนนางฟ้าที่ลงมาเยือนโลกและทนไม่ได้ที่จะจ้องมองคุณจนต้องคุกเข่าต่อหน้าคุณพวกเขาคงกลัวเสียหน้าเลยเลือกที่จะถอนตัวไป”
ฉินหยูมองเย่เชียนและพูดว่า “ปากหวานจังนะ”
เย่เชียนหัวเราะเบาๆและทันใดนั้นเย่เชียนก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหารและคิ้วของเขาก็เริ่มขมวดลงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้ดวงตาของเขาค่อยๆเหลือบมองไปในที่มืดๆด้านหลังแต่เขาไม่เห็นใครเลย เขาคิดว่าเขาคิดไปเองหรือเปล่า อย่างไรก็ตามจิตสังหารที่แผ่ออกมาจนสัมผัสถึงเจตนาฆ่าเช่นนี้มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะผิดพลาดเรื่องนี้ และที่อธิบายได้อย่างชัดเจนก็คืออีกฝ่ายนั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอยพร้อมกับจิตสังหารที่อยู่ดีๆก็ลดลงไปอย่างรวดเร็วอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อฉินหยูเห็นว่าเย่เชียนมีท่าทีและสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างเลวร้ายเธอจึงถามด้วยความประหลาดใจว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
“ไม่มีอะไร..ไม่มีอะไร!” เย่เชียนยิ้มแหยงๆและตอบ ซึ่งในใจของเขาก็แอบครุ่นคิดว่าบุคลที่มีจิตสังหารเช่นนั้นเป็นใคร? เขาจะมาจากองค์กรเซเว่นคิลหรือเปล่า? เย่เชียนตระหนักอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ตัดสินใจว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะเป้าหมายของพวกองค์กรเซเว่นคิลตอนนี้คือจ้าวเทียนห่าวเท่านั้น พวกเขาไม่น่าจะตามมาจัดการกับเย่เชียนเพียงเพราะเย่เชียนคอยขัดขวางพวกเขาเป็นแน่ แล้วเป้าหมายคือใครกันแน่? ถ้าไม่ใช่เย่เชียนหรือจะเป็นฉินหยู?
เกี่ยวกับข่าวในประเทศจีนนั้นนอกเหนือจากองค์กรเซเว่นคิลแล้วก็มีแค่หน่วยเขี้ยวหมาป่าที่รู้ว่าเย่เชียนอยู่ที่นี่ ซึ่งระหว่างสองกลุ่มนี้จะยังไม่แทรกแทรงกันในเวลานี้อย่างแน่นอนและดูเหมือนว่าเป้าหมายไม่ใช่ตัวเขาแต่เป็นฉินหยูอย่างแน่นอน!
ฉินหยูมองเย่เชียนด้วยความสงสัยและดูเหมือนว่าจะไม่เชื่อในสิ่งที่เขาเพิ่งจะพูดเลยแม้แต่น้อย เย่เชียนก็หัวเราะอย่างมีความสุขและไม่พูดอะไรอีก อย่างไรก็ตามหูของเขาสามารถแยกแยะทุกการเคลื่อนไหวและทุกๆเสียงที่อยู่รอบตัวได้อย่างสมบูรณ์แบบและสติสัมปชัญญะพร้อมกับสมาธิที่สามารถตรวจจับสิ่งต่างๆได้ทุกตารางนิ้วและทุกซอกทุกมุม ไม่ว่าเป้าหมายของฝ่ายตรงข้ามจะเป็นตัวเขาเองหรือฉินหยูก็ตามเย่เชียนจะไม่มีทางยอมให้อีกฝ่ายออกไปจากที่แห่งนี้ได้โดยที่ยังมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอนเว้นแต่ว่าพวกเขาจะถอนตัวไปในเวลานี้เท่านั้น สำหรับคนที่อยู่บนทางเส้นมรณะมาเป็นเวลานานอย่างเย่เชียนนั้นจะมีสัมผัสพิเศษที่ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้น อาจกล่าวได้ว่าสิ่งนี้คือสิ่งที่เรียกันว่าสัญชาตญาณ เส้นประสาทที่รับความรู้สึกทุกส่วนในร่างกายทั้งหมดจะแสดงผลอย่างยิ่งเมื่อเวลาคับขัน อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ไม่ใช่ความสามารถหรือพรสวรรค์ที่ทุกคนในหน่วยเขี้ยวหมาป่าจะมี และอย่างที่ผู้ที่มีฐานะเป็นถึงอดีตหัวหน้าของหน่วยเขี้ยวหมาป่ารุ่นก่อนหน้านี้ประกาศกร้าวเอาไว้ว่าเย่เชียนนั้นเกิดมาเพื่อเป็นทหารรับจ้างและถูกกำหนดให้เป็นหนึ่งในสนามรบทุกสมรภูมิ
หลังจากนั้นไม่นานอีกฝ่ายก็ไม่ได้ดำเนินการจู่โจมหรือกระทำการใดๆ และเนื่องจากอีกฝ่ายก็ถอนตัวไปแล้วแม้แต่ลมหายใจและจิตสังหารหรือเจตนาฆ่าต่างๆได้หายไปหมดแล้ว เย่เชียนจึงไม่สามารถรู้ตำแหน่งของอีกฝ่ายได้ เย่เชียนอดไม่ได้ที่จะคิดว่าถ้าหากหลี่เหว่ยอยู่ที่นี่ด้วยอีกฝ่ายก็คงไม่รอดเพราะหลี่เหว่ยเป็นหนึ่งในสมาชิกทีมที่เชี่ยวชาญด้านการติดตามไล่ล่าได้ดีที่สุด แม้จะมีร่องรอยเพียงน้อยนิดมันก็สามารถทำให้หลี่เหว่ยรับรู้ถึงตำแหน่งของบุคคลนั้นๆได้อย่างแม่นยำ นี่อาจเป็นสาเหตุที่หน่วยเขี้ยวหมาป่าส่งหลี่เหว่ยมาอารักขาเย่เชียนที่ประเทศจีนแห่งนี้ก็เป็นได้
ทันใดนั้นก็มีเสียงไซเรนดังขึ้นทั่วทุกสารทิศมีรถตำรวจจำนวนหนึ่งขับเข้ามาและหยุดอยู่ที่หน้าร้านแผงขายอาหาร เย่เชียนมองด้วยความประหลาดใจและเห็นว่าประตูรถกำลังจะเปิดออก และเห็นหวังหยู่พาเจ้าหน้าที่ตำรวจอาชญากรพิเศษมาด้วยสองสามคนและเดินตรงมาที่ด้านข้างเย่เชียน เมื่อมองไปที่รูปลักษณ์ของหญิงสาวคนนั้นเย่เชียนก็ส่ายหัวอย่างหมดหนทาง เย่เชียนไม่รู้ว่าเขามีความแค้นกับเธอตั้งแต่อดีตชาติปางก่อนหรือเปล่า เพราะทุกครั้งเมื่อเขาพบเธอมันไม่มีเรื่องดีๆเกิดขึ้นเลย
“เย่เชียน!..นายตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมชายชาวจีน..โปรดมากับพวกเราเพื่อทำการสอบสวน” จากนั้นเธอก็เดินไปที่ด้านข้างของเย่เชียน
.
.
.
.
.
.
.