ฉินหยูได้เรียนรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมการฉกฉวยโอกาสของเย่เชียนมาแล้วครั้งหนึ่งดังนั้นเมื่อเย่เชียนจับไหล่ของเธอ เธอเองจึงมีปฏิกิริยาการตอบสนองที่ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามเธอจะไม่ยอมให้เย่เชียนเอาเปรียบเธอง่ายๆอยู่ฝ่ายเดียว เธอจึงมองไปที่เย่เชียนแล้วจากนั้นเธอก็บีบเอวของเขาอย่างรุนแรง
“ซี๊ด…” เย่เชียนส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดอย่างเงียบๆ ผู้หญิงคนนี้มีพิษสงร้ายแรงกว่าจ้าวหยามาก เธอสามารถหาส่วนที่อ่อนแอที่สุดบนร่างกายของเย่เชียนได้
สำหรับในสายตาของคนนอกแล้วพวกเขาทั้งสองดูสนิทสนมกันมาก หวังยู่ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าพวกเขากำลังเสแสร้งแกล้งทำเพราะภาพที่เธอเห็นดูเป็นธรรมชาติอย่างมาก “ไอ้คนบ้า..ไม่มีรสนิยมเอาซะเลยอยู่ๆทำไมถึงต้องไปชอบผู้หญิงหน้าอกเล็กคนนั้นด้วย” หวังยู่พึมพำกับตัวเองและพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความผิดหวังและขุ่นเคือง
เย่เชียนมองไปที่หวังยู่ด้วยความประหลาดใจ เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้มีปฏิกิริยาที่ฉุนเฉียวและเปิดเผยเช่นนี้ เป็นไปได้ไหมที่เธอจะชอบเขา?
“เธอมันแค่ผู้หญิงขี้อิจฉา!” ฉินหยูสวนคำพูดของหวังยู่กลับไปและพูดอย่างสบประมาทว่า “ถ้าเธอกินองุ่นไม่เป็นแต่กลับบอกว่ามันมีรสเปรี้ยว..ฉันล่ะรู้สึกเสียใจแทนเธอจริงๆ”
ผู้หญิงคนนี้ปากร้ายมากพิษสงจริงๆ เมื่อมองไปที่แววตาที่ระยิบระยับของหวังยู่แล้วเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะอ่อนไหวเล็กน้อยและแอบคิดว่าคำๆนี้มันแรงเกินไปจริงๆ อย่างไรก็ตามเมื่อตระหนักดูแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องของเย่เชียนที่จะเข้าไปยุ่ง หากต้องการตำหนิใครสักคนก็คงต้องเป็นฉินหยูเองที่พูด
หลังจากที่เขาเงียบไปสักพักเย่เฉียนก็รู้สึกมันจะเป็นการที่ดีว่าถ้าเขาออกมาจัดการด้วยตัวเองมิเช่นนั้นก็ไม่อาจรู้ได้ว่าผู้หญิงทั้งสองคนนี้จะเปิดศึกกันไปอีกนานแค่ไหนและจะหยุดเมื่อไหร่เขาจึงพูดอย่างหมดหนทางว่า “ผมจะกลับไปกับคุณ!”
หวังยู่กัดริมฝีปากของเธอและเธอมีความรู้สึกที่หลากหลายผสมปนเปอยู่ในใจ เธอคิดว่าเย่เชียนคงมีความห่วงใยต่อเธอและกังวลเกี่ยวกับเธอ และเมื่อฉินหยูเห็นว่าเย่เชียนพูดแบบนั้นเธอก็โน้มตัวไปและกระซิบข้างๆหูของเย่เชียนว่า “หะ..อะไรนะ?”
เย่เชียนยิ้มอ่อนๆและตอบเบาๆว่า “มากับผม!”
“หึ..ฉันไม่ไปหรอก!..เธอจะไปกับยัยผู้หญิงที่เธอชอบแล้วทำไมฉันถึงต้องไปด้วยล่ะ?” ฉินหยูพูดอย่างประชดประชันและขุ่นเคือง
“นี่นี่!..คุณไม่ใช่แฟนของผมสักหน่อย..คุณจะกังวลว่าผมกับผู้หญิงคนนั้นจะไปทำอะไรที่ไหนทำไมล่ะ?” เย่เชียนยิ้มเล็กยิ้มน้อยขณะพูด
ฉินหยูมองเย่เชียนแล้วพูดว่า “ถ้าเธออยากเข้าคุกเธอก็ไปเถอะ..ฉันไม่สนใจหรอก..พวกผู้ชายมันก็เป็นกันซะแบบนี้..หึ!” ในขณะที่ฉินหยูพูดเธอหันไปมองหวังยู่ เธอจะพยายามจะสื่อให้หวังยู่รู้ว่าถึงแม้หวังยู่จะอยู่บนเตียงกับเย่เชียนแต่เธอก็เป็นแค่ของเล่นขั้นเวลาของเขาเพราะพวกผู้ชายนั้นเจ้าชู้
หวังยู่จ้องมองไปที่ฉินหยูด้วยความโกรธและก็พูดว่า “คุณก็แค่เสแสร้งทำเป็นใจแข็ง..ลับหลังอย่าแอบร้องไห้และซ่อนน้ำตาของตัวเองล่ะ!”
ฉินหยูมองกลับไปที่หวังยู่อย่างแม่แยแสและพูดกับเย่เชียนว่า “เย่เชียน!..จำเอาไว้นะว่าอย่าลืมสวมถุงยางอนามัยด้วย..มิเช่นนั้นอย่าได้หวังที่จะมาแตะต้องตัวฉันอีกเลย!”
หญิงสาวคนนี้ปากร้ายมากพิษสงเกินไปจริงๆ เย่เชียนแอบคิดว่าเมื่อไหร่ที่ผู้หญิงคนนี้โกรธขึ้นมาเมื่อไหร่แล้วเธอดูน่ากลัวกว่าผู้ชายเสียอีก เย่เชียนมองหวังยู่ด้วยความเห็นใจและเข้าไปพูดกับเธอใกล้ๆว่า “ลืมไปเสียเถอะ..คุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉินหยู..อย่าไปเถียงกับเธอเลย” หวังยู่รับรู้ได้ถึงความหมายที่เป็นห่วงเธอจากดวงตาของเย่เชียนจากนั้นเธอก็ไม่ได้พูดอะไรอีกต่อไป
จากนั้นเย่เชียนก็กลับไปกระซิบข้างๆหูของฉินหยูว่า “คุณมากับผมเถอะ มันไม่ปลอดภัยและพอถึงสถานีตำรวจแล้วโทรหาพ่อของคุณให้ส่งคนมารับคุณด้วย!”
ฉินหยูตะลึงเล็กน้อยแล้วพยักหน้าอย่างเงียบๆ เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ไม่มีสมองและไม่มีเหตุผล ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ว่าอิทธิพลของครอบครัวเธอจะค่อนข้างยิ่งใหญ่ก็ตาม แต่ก็ยังคงมีศัตรูอยู่หลายด้านเช่นกัน มีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่ต้องการใช้เธอเพื่อกำจัดพ่อของเธอ ถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่าทำไมแต่เธอเลือกที่จะเชื่อใจและเชื่อมั่นในตัวของเย่เชียนอย่างสมบูรณ์แบบ
เย่เชียนไม่ได้คาดหวังว่าฉินหยูจะว่าง่ายขนาดนี้เดิมทีเขาคิดว่าอาจจะต้องเกลี้ยกล่อมเธอสักพักหนึ่งเพื่อจะให้เธอเห็นด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเขาช่วยไม่ได้ที่จะจ้องมองเธอด้วยความตกละลึงและยิ้มอย่างพึงพอใจ เขาคิดว่าถ้าผูกสัมพันธ์ที่ดีกับผู้หญิงคนนี้เอาไว้ ในอนาคตเธอจะช่วยเขาได้มากมายหลายอย่าง
“ถ้างั้นคุณรอผมสักครู่นะ!” เย่เชียนพูดเสร็จและเดินไปยังด้านหน้าของหวังยู่และพูดว่า “คุณ..ผมขอเวลาสักสองสามนาทีได้มั้ย?”
“ได้สิ!” หวังยู่พยักหน้าและไม่ลังเลใดๆ
เย่เชียนยิ้มอ่อนๆแล้วพูดว่า “ผมฝากดูแลฉินหยูสักพักนะผมจะไปที่นั่นสักครู่” ในขณะที่กำลังพูดอยู่ตาของเขาก็เหลือบไปมุมมืดๆที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนั้น
เมื่อหวังยู่ได้ยินว่าเย่เฉียนบอกว่าให้เธอช่วยเขาดูแลฉินยูแล้วในความเป็นจริงหวังยู่ก็อยากจะปฏิเสธ แต่เธอเห็นท่าทางที่ดูจริงจังของเย่เชียนแล้วเธอก็อดไม่ได้ที่จะกลืนความขุ่นเคืองนี้ลงไปและพูดขึ้นมาว่า “นายจะไปทำอะไรที่นั่น?” หวังยู่ถามด้วยความกังวล
“ผมรู้สึกว่ามีคนคอยสะกดรอยตามผมและฉินหยูน่ะ ผมไม่รู้ว่าเป้าหมายของเขาคือใครดังนั้นผมจึงอยากรู้” เย่เชียนพูดเบาๆ
ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะพูดอย่างธรรมดาๆแต่หวังยู่ก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่อันตรายและตึงเครียดจากนั้นเธอก็พูดว่า “เดี๋ยวฉันให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบให้..นายรออยู่ที่นี่แหละ”
เย่เชียนยิ้มแหยงๆและพูดว่า “พวกคุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา”
ถ้าเป็นเมื่อก่อนหวังยู่ก็คงจะคิดว่าเย่เชียนกำลังดูถูกพวกเขาและเธอเองก็คงจะไม่พอใจอย่างมาก แต่ตอนนี้เธอไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงไม่รู้สึกแบบนี้เหมือนทุกทีเมื่อตัวเองได้ยินคำพูดของเย่เชียนในวันนี้ เธอคิดในใจอย่างถี่ถ้วนว่า ‘นี่ฉันชอบเขาจริงๆเหรอ?’ หวังยู่แอบคิดและมองไปยังเย่เชียน อันที่จริงผู้ชายที่ขี้โกงและชอบชวยโอกาสคนนี้นั้นมีออร่าที่ดูเป็นผู้ชายที่สง่าอย่างแท้จริงและมันง่ายมากสำหรับบรรดาผู้หญิงที่จะหลงใหลในตัวของเขาและยิ่งการแสดงออกที่ดูจริงจังของเขานั้นมีเสน่ห์เหลือล้นอย่างมาก
“นายระวังตัวด้วยนะ” หวังยู่ด้วยความกังวลจาดนั้นก็กำชับอีกทีว่า “จำเอาไว้ว่าอย่าทำอะไรให้มันเรื่องใหญ่จนเกินไปนะ..ตอนนี้นายกำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบากอยู่นะ”
เย่เชียนยิ้มตอบและพยักหน้าจากนั้นก็หันไปและเดินไปที่มุมมืดๆ หลังจากเดินไปได้ไม่นานเขาก็รีบเดินกลับมาและไปที่ด้านข้างของหวังยู่และกระซิบข้างๆหูของเธอว่า “คุณมีเสน่ห์มากเลยนะตอนที่คุณไม่ได้โกรธ” ลมหายใจเบาๆพัดผ่านหูของหวังยู่หลังที่จากเย่เชียนพูดจบ
หวังยู่รับรู้ได้ถึงความรู้สึกอันมากมายที่ผสมปนเปอยู่ในหัวใจของเธอและเธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเขินอายจนหูและใบหน้าของเธอแดงก่ำ หัวใจของเธอเต้นรัวไม่เป็นจังหวะเหมือนกับกวางน้อยที่ตกใจขณะที่เธอเฝ้าดูแผ่นหลังของเย่เชียนที่กำลังจากไปในมุมมืดๆ
การเคลื่อนไหวของเย่เชียนดูเหมือนจะช้ามากแต่ในพริบตาเขาก็หายไปต่อหน้าต่อตาทุกคน เจ้าหน้าที่ตำรวจคนอื่นๆเห็นว่าหวังยู่ปล่อยเย่เชียนไปพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย “หวังยู่คุณปล่อยเขาไปได้อย่างไร?” หยางเหว่ยกระซิบถามเธอเบาๆ สำหรับหยางเหว่ยแล้วจากที่เขาได้เผชิญหน้ากับฉินหยูที่เอาแต่ใจแล้วเขาจึงไม่กล้าที่จะยั่วโมโหของหวังยู่อีกเช่นกันไม่งั้นสถานการณ์ของเขาคงจะยิ่งแย่เข้าไปอีก
.