“นี่นาย!..นายมองฉันแบบนี้ทำไม?” หวังยู่ถามอย่างสงสัย
“คุณผู้หญิงทำไมคุณถึงดีกับผมขนาดนี้” เย่เชียนยิ้มอ่อนๆอย่างครุมเครือ
“อะ..อะไรนะ..ก็มันเป็นหน้าที่ของฉันในฐานะเจ้าหน้าที่ตำรวจไง” หวังยู่ตอบอย่างตะกุกตะกักและเขินอายเล็กน้อย
“เอาล่ะฉันบันทึกคำให้การของนายเสร็จแล้ว ในระหว่างนี้นายจะออกจากสถานีตำรวจไม่ได้และเพื่อนร่วมงานของฉันจะมาพานายเข้าห้องฝากขัง” หลังจากหวังยู่พูดเสร็จเธอก็เดินออกไปอย่างว้าวุ่นดูเหมือนจะกังวลอย่างมากด้วยเหตุผลบางอย่างจนเธอไม่ได้มองทางและขณะที่เธอกำลังจะเดินผ่านประตูทันใดนั้นหัวของเธอก็กระแทกเข้ากับขอบประตูโดยไม่ได้ตั้งใจและเธอก็รีบเดินจากไปขณะที่เธอกำลังถูๆหัวของเธอ
“เหอะๆ..ฮ่าๆ!” เย่เชียนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดังๆเขาไม่เคยสังเกตุมาก่อนเลยว่าผู้หญิงคนนี้นั้นน่ารักมาก
หลังจากออกจากห้องสอบสวนหวังยู่ก็รีบเก็บข้าวของและกลับบ้านของเธอ เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์ของเย่เชียนนั้นเป็นการต้อนให้จนมุมและใส่ร้ายอย่างสมบูรณ์แบบ
“เสี่ยวยู่กลับบ้านแล้วหรือ!” หวังปิงที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่เมื่อเห็นหวังยู่เดินเข้ามาก็ทักทายเธอ
“หนูเหนื่อยมากค่ะพ่อ” หวังยู่ถอดรองเท้าและวางกระเป๋าลงจากนั้นก็นั่งลงข้างๆพ่อของเธอบนโซฟาและพูดว่า “พ่อ!..หนูมีเรื่องจะถามพ่อ”
“โอ้..มีอะไรล่ะ?” หวังปิงยิ้มให้เธออย่างเอ็นดูและตอบกลับ
“มีบางอย่างที่แปลกๆเกิดขึ้นวันนี้ค่ะ คือก่อนที่หนูจะออกไปเพื่อจับกุมผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรม และหัวหน้าของพวกเราก็ออกคำสั่งอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนว่าหากผู้ต้องสงสัยขัดขืนหรือต่อต้านการจับกุมให้พวกเราวิสามัญและจับตายเขาได้เลยในทันที ปกติแล้วหัวหน้าของหนูเขาจะไม่ออกคำสั่งแบบนี้เด็ดขาด ดังนั้นหนูจึงรู้สึกว่ามันต้องมีคนจากเบื้องบนที่กดดันเขาหรือบางทีอาจจะให้ผลประโยชน์แก่เขา..พ่อพอมีข่าวหรืออะไรมาบ้างมั้ย?” หวังยู่ถามอย่างคาดหวัง
“โอ้..เป็นอย่างงั้นเชียวหเรอ?” หวังปิงขมวดคิ้วและถามว่า “ผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมคนนั้นชื่ออะไร?”
“เย่เชียน..เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัทเทียนหยากรุ๊ป” หวังยู่ตอบ
“แล้วผู้ตายเป็นใคร” หวังปิงถาม
“เจ้าหน้าที่ทั่วไปของกระทรวงยุติธรรม แฟนสาวของเขาชื่อซูย่าหยิงเธออยู่สำนักวางแผนครอบครัว และจากการสืบสวนของเราในไม่กี่วันที่ผ่านมา ที่สถานประกอบการที่ชื่อบาร์มนต์เสน่ห์ เย่เชียนและผู้ตายได้ทะเลาะวิวาทกันจนเกิดความรุนแรง และแฟนสาวของผู้ตายยังบอกอีกด้วยว่าเธอเห็นเย่เชียนฆ่าแฟนของเธอด้วยตาของเธอเอง และในเวลานั้นอู่หยางเทียนหมิงและลูกน้องคนอื่นๆก็อยู่ในที่เกิดเหตุด้วย นอกเหนือจากอู่หยางเทียนหมิงแล้วพวกเขาที่เหลือทั้งหมดก็ได้ร่วมทะเลาะวิวาทกันกับเย่เชียนอีกด้วยเช่นกัน
“โอ้!..” หวังปิงจ้องมองอย่างว่างเปล่า เขารู้ว่าโอวหยางเทียนหมิงนั้นคือใครเขาเป็นลูกชายของคู่แข่งทางการเมืองของเขา และเป็นสี่หนุ่มผู้ทรงอิทธิพลในเซี่ยงไฮ้ คนที่กล้าเผชิญหน้ากับเขานั้นมีน้อยมาก หวังปิงรู้สึกคลุมเครือและไม่เข้าใจว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอู่หยางเทียนหมิงได้อย่างไร หากเป็นเช่นนั้นแล้วก็ยิ่งมีโอกาสมากขึ้นที่เขาจะเอาชนะอู่หยางเฉิงในการเลือกตั้งผู้ว่าเทศบาลเมืองที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้และคนๆเดียวที่สามารถแข่งขันกับตนเองได้ก็มีแค่อู่หยางเฉิง และถ้าหากพวกนั้นเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังจริงๆมันก็เป็นไปได้ว่าเขาเองก็ยิ่งมีโอกาสในการชนะการเลือกตั้งมากยิ่งขึ้นไปอีกเช่นกัน แต่สิ่งที่หวังปิงไม่เข้าใจก็คือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยธรรมดาๆที่กล้าต่อกรกับอู่หยางเทียนหมิง เขาคนนั้นเป็นคนโง่หรือมีผู้หนุนหลังหรือการสนับสนุนบางอย่างที่ทำให้เขามั่นใจได้ขนาดนี้หรือเปล่า?
“แล้วลูกล่ะเชื่อไหมว่าเย่เชียนกำลังถูกตีกรอบและใส่ร้าย? ลูกมีหลักฐานอะไรมั้ย?” หวังปิงถามลูกสาวของเขา
“ไม่มี..หนูยังถามเขาเลยว่าเขามีพยานที่จะยืนยันตำแหน่งของเขาในเวลาเดียวกันกับเวลาที่ขณะเกิดเหตุฆาตกรรมหรือไม่และเขาก็บอกว่าไม่มีเลย แต่หนูรู้สึกว่าเขากำลังซ่อนอะไรบางอย่างอยู่ หนูก็อธิบายสถานการณ์ให้เขาฟังอย่างจริงจัง แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเลย” หวังยู่พูดด้วยความกังวลอย่างมากและเมื่อพูดถึงเย่เชียนแล้วหวังยู่ก็ร็สึกโกรธเล็กน้อย และคิดในใจว่า ‘ผู้ชายคนนี้ทำไมไม่สนใจเรื่องความปลอดภัยของตัวเองเลย..หึ!’
หวังปิงมองดูลูกสาวของเขาด้วยความประหลาดใจจากนั้นก็ถามราวกับว่าเขารู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ผิดปกติในตัวลูกสาวว่า “เสี่ยวยู่!..ลูกรู้จักเด็กคนนั้นที่ชื่อเย่เชียนเป็นการส่วนตัวหรือเปล่าลูกคุ้นเคยกับเขา?”
“แน่นอน!..หนูคุ้นเคยกับเขาเป็นอย่างดี ต่อให้หมอนั่นจะกลายเป็นขี้เถ้าไปแล้วก็ตามถึงยังไงหนูก็จำเขาได้ ครั้งแรกที่หนูพบเย่เชียน..เขาจงใจต่อต้านหนูและตอนที่อยู่ที่สถานีตำรวจเขา!……” เมื่อคำพูดของเธอมาถึงจุดนี้หวังยู่ก็หยุดและใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ในช่วงเวลาแห่งความกระวนกระวายและตื่นเต้นของเธอ เธอเกือบจะโผงผางพูดออกมาว่าเย่เชียนได้เกินเลยเสรีภาพของเธอในห้องสอบสวนวันนั้น และเมื่อเธอเห็นว่าหวังปิงมีรอยยิ้มที่ดูคลุมเครือบนใบหน้าของเขา หวังยู่ก็รีบตอบเหมือนเด็กที่กำลังโกรธเกรี้ยวว่า “พ่อ!..เรากำลังพูดถึงคดีนี้อยู่นะ..อย่าเปลี่ยนเรื่องสิคะ!”
“อ้อเรื่องคดี ฮ่าๆ” หวังปิงหัวเราะเมื่อเขาได้ยินหวังยู่พูดเช่นนี้และเขาก็รู้สึกสงสัยเกี่ยวกับเย่เชียนอย่างมาก หนุ่มน้อยคนนี้ได้รับการสนับสนุนอย่างดีและมีผู้หนุนหลังที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นเชียวหรือ? เขาจะหยิ่งผยองเช่นนั้นได้อย่างไร? หลังจากตระหนักอยู่ไม่นานหวังปิงก็พูดว่า “เสี่ยวยู่..ลูกรู้ไหมว่าเย่เชียนเขามีใครหนุนหลังหร่อสนับสนุนเขาอยู่บ้าง? ครอบครัวของเขาล่ะเป็นอย่างไร”
“เขาเป็นเด็กกำพร้าและได้รับอุปถัมภ์เลี้ยงดูโดยคนเก็บขยะตอนที่เขายังเด็กๆ และแปดปีที่แล้วเขาออกจากเซี่ยงไฮ้ไปและก็เพิ่งจะกลับมา และหนูก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนและทำอะไรในช่วงแปดปีที่ผ่านมา แล้วก็ระหว่างการสอบสวนของหนูครั้งล่าสุดในคดีที่เขาไปทำร้ายร่างกายนายหัวของเหมืองแร่ที่มณฑลซานซีที่เข้ามาลงทุนในประเทศจีน และหลังจากที่เย่เชียนถูกจับกุมได้ไม่นานก็มีอธิการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะคุณหลี่ฮ่าวก็มาสั่งปล่อยตัวเขาเป็นการส่วนตัวโดยไม่คาดคิด และเขายังเรียกเย่เชียนว่าพี่สองอีกด้วย!” หวังยู่พูดหลังจากที่เธอตระหนักถึงเรื่องนี้มาสักระยะหนึ่งแล้ว
หวังปิงขมวดคิ้วเพราะว่าหลี่ฮ่าวที่เป็นอธิการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะก็เพราะว่าเขาเองที่เลื่อนตำแหน่งเป็นการส่วนตัวให้หลี่ฮ่าวเอง และเขาก็เคยได้ยินจากหลี่ฮ่าวว่าเขาถูกเลี้ยงดูโดยคนเก็บขยะ และจากสิ่งที่หวังยู่เล่ามาทั้งหมดเขาก็คิดได้ว่าเย่เชียนต้องเติบโตมาพร้อมกับหลี่ฮ่าวอย่างแน่นอน และท้ายที่สุดแล้วถ้าเขาอยากรู้อะไรเกี่ยวกับเย่เชียนเขาก็แค่ไปถามจากหลี่ฮ่าวเพียงเท่านั้น เมื่อตระหนักและไตร่ตรองเรื่องทั้งหมดจนถึงจุดนี้หวังปิงก็พูดขึ้นมาว่า “เสี่ยวยู่ พ่อรู้สึกว่าเหตุการณ์นี้มันเกิดจากอู่หยางเทียนหมิงโดยได้รับความช่วยเหลือจากพ่อของเขา และแน่นอนที่สุดพวกเขาก็ได้เริ่มแผนชั่วๆไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว!”
“พ่อ!..พ่อเป็นหัวหน้าคณะกรรมการเทศบาล..พ่อไม่สามารถมองข้ามเรื่องนี้ไปได้นะคะ” หวังยู่ตอบอย่างกังวล
หวังปิงหัวเราะและดวงตาเป็นประกายและตอบว่า “ตราบใดที่หนุ่มน้อยคนนั้นบริสุทธิ์จริงๆ..พ่อรับปากเลยว่าจะไม่มีใครหน้าไหนแตะต้องเขาได้แม้แต่ปลายเล็บ..โอ้…อู่..หยาง..เฉิง!..ตอนนี้คุณกำลังหาเรื่องใส่ตัวเองแท้ๆ..ในขณะที่พยายามจะเอาชนะฉันในช่วงเวลาที่คับขันเช่นนี้คุณยังกล้าที่จะสร้างปัญหาเช่นนี้อีกเหรอ..แหม่”
หวังยู่เป็นหญิงสาวที่ใสซื่อบริสุทธิ์เธอไม่เข้าใจเรื่องของการเมืองเลย และสิ่งที่เธอห่วงใยจริงๆก็คือความปลอดภัยของเย่เชียน แต่ทว่าตอนนี้เธอได้ยินคำสัญญาของพ่อเธอในที่สุดเธอก็สามารถผ่อนคลายได้และสบายใจ แต่เธอก็ต้องเฝ้าระวัง เพราะพ่อของเธอบอกเอาไว้ว่าศัตรูมักจะเคลื่อนไหวอีกครั้งเสมอ เธอไม่สามารถปล่อยให้เย่เชียนพบเจอกับอันตรายใดๆภายใต้การเฝ้าระวังของเธอได้
“พ่อ..หนูขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะ” หวังหยู่พูดพร้อมยิ้มอย่างสบายอกสบายใจจากนั้นเธอก็วิ่งเหยาะๆไปอย่างซุกซน
หวังปิงวางหนังสือพิมพ์ในมือลงและพึมพำกับตัวเองและเขาดึงโทรศัพท์ออกมา..ถึงแม้ว่าเขาจะไม่แน่ใจว่าเรื่องนี้จะสามารถโจมตีและทำลายอู่หยางเฉิงได้หรือไม่ แต่เขาก็ไม่สามารถปล่อยโอกาสที่ดีเช่นนี้ให้มันผ่านผ้นไปได้ ตราบใดที่เขาถือไพ่ที่เหนื่อกว่า ตำแหน่งผู้ว่าเทศบาลเมืองก็จะต้องตกเป็นของเขา..
.