หลังจากที่คุยกับหลี่เหว่ยไปสักพักเย่เชียนก็ลุกขึ้นยืนและเดินไปหาซูย่าหยิงและแสยะยิ้มจากนั้นก็พูดว่า “คุณซู..ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ คุณจำผมได้มั้ย?”
“ฉะ..ฉันจำได้ คุณเป็นแฟนของหลินโรวโร่ว” ซูย่าหยิงพูดอย่างตะกุตะกักด้วยความกลัว
“โอ้..คุณซูเนี่ยความจำดีมากเลย” เย่เชียนฉีกยิ้มและพูดต่ออีกว่า “คุณซู..คุณรู้ใช่มั้ยว่าทำไมผมถึงส่งคนไปพาคุณมาที่นี่?”
“ฉะ..ฉันไม่รู้” ซูย่าหยิงตอบอย่างหวาดกลัวและพูดต่ออีกว่า “คุณก็รู้มั้ย..ฉันเป็นแค่พนักงานออฟฟิศธรรมดาๆฉันไม่มีเงิน คุณเย่ได้โปรดปล่อยฉันเถอะ!”
เย่เชียนขมวดคิ้วและพูดว่า “คุณซู!..คุณดูถูกสติปัญญาของผมงั้นเหรอคุณคิดว่าผมโง่หรือไง? ผมรู้ว่าคุณไม่มีความสามารถมากพอที่จะล้อมกรอบและต้อนให้ผมจนมุมและอีกอย่างผมก็ไม่ได้ต้องการที่จะทำร้ายคุณด้วย เพียงแค่บอกผมมาว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคือใครก็แค่นั้น!”
ซูย่าหยิงรู้ดีว่าเธอไม่สามารถหลีกหนีจากปัญหานี้ได้ เธอสาปแช่งอู่หยางเทียนหมิงเพราะเขาสัญญากับเธอว่าเย่เชียนจะไม่สามารถสาวไปถึงตัวเธอว่าเธอมีส่วนเกี่ยวข้องและเป็นแค่พยายานจนกว่าธอจะขึ้นศาลเพื่อให้การ แต่ตอนนี้เย่เชียนอยู่ที่นี่โดยไม่คาดคิดและรู้ทุกอย่างแล้ว นี่เหมือนกับว่าอู่หยางเทียนหมิงผลักเธอลงไปในกองไฟ
“บอส..ผู้หญิงคนนี้ยังปากแข็งอยู่อีก..ให้ผมทำให้เธอได้ลิ้มรสแบบวิถีของจักรวรรดิแมนจูเรียแห่งราชวงศ์ฉิงดีมั้ย! ผมไม่เชื่อว่าเธอจะยังคงไม่อยากพูดในตอนนั้นอยู่อีก!” หลี่เหว่ยพูดขณะเดินไปที่ด้านข้างของเย่เชียนและมองไปที่ซูย่าหยิงด้วยสายตาที่ดุร้ายอำมหิต
“ฉะ..ฉันจะบอกคุณ..ฉันจะบอกคุณ!” ซูย่าหยิงรีบพูดด้วยความกลัวและพูดต่ออีกว่า “แต่คุณต้องสัญญากับฉันนะว่าคุณจะไม่บอกเขาว่ามันเป็นฉันเองที่บอกทุกอย่างให้แก่คุณ..มิเช่นนั้นฉันจะต้องตายอย่างแน่นอน” ซูย่าหยิงเข้าใจเป็นอย่างดีว่าอู่หยางเทียนหมิงนั้นโหดร้ายและเลือดเย็นแค่ไหน สำหรับอู่หยางแล้วการฆ่าคนก็เสมือนแค่การเล่นเกม หากเขารู้ว่าเป็นเธอที่แทงข้างหลังเขาแล้วเธอจะไม่สามารถอยู่ในเซี่ยงไฮ้ได้อีกต่อไป..
“นี่เธอยังกล้าต่อรองอีกเหรอ?” หลี่เหว่ยตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด
เย่เชียนมองอย่างเฉยเมยและตอบว่า “เห้อ..ความจริงก็คือถึงแม้ว่าคุณจะไม่บอกผมแต่ผมก็สามารถรู้ได้ว่ามันเป็นใคร ผมแค่ให้โอกาสคุณเท่านั้น..ถ้าคุณไม่รับมันไว้ล่ะก็..คุณก็อย่ามาตำหนิผมสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นแล้วกัน!” หลังจากพูดเช่นนี้เย่เชียนก็หันหลังและกำลังจะเดินจากไป และดูเหมือนว่าเขาจะปล่อยซูย่าหยิงไว้ให้หลี่เหว่ยจัดการ
ซูย่าหยิงเธอยังพอรู้จักกับเย่เชียนมาบ้างและคุ้นเคยเล็กน้อยแต่เธอไม่รู้จักหลี่เหว่ยซึ่งสิ่งนี้ทำให้เธอตกใจและกลัวอย่างมาก เมื่อเธอเห็นว่าเย่เชียนกำลังจะจากไปเธอก็รีบดิ้นรนและคุกเข่าที่เท้าของเย่เชียนหัวของเธอพิงขาของเขาและเธอก็รีบพูดว่า “ฉันจะบอกคุณ!..ฉันจะบอกคุณ!..มันคืออู่หยางเทียนหมิง!..มันเป็นแผนของอู่หยางเทียนหมิงทั้งหมด!..”
“อู่หยางเทียนหมิง?” เย่เชียนพึมพำกับตัวเองอยู่ เย่เชียนไม่ค่อยคุ้นเคยกับอู่หยางเทียนหมิงมากนัก เขาเคยพบอู่หยางเพียงสองครั้งเท่านั้น ครั้งแรกที่บาร์มนต์เสน่ห์,ครั้งที่สองที่มหาวิทยาลัย เย่เชียนไม่ได้ให้ความสนใจกับคนที่อาศัยอำนาจของบรรพบุรุษของพวกเขาในการข่มเหงรังแกผู้อื่น และเมื่อเขาได้เห็นอู่หยางในคลาสเรียนภาษาฝรั่งเศสห้องสาม เย่เชียนก็ถึงกับชะงักเล็กน้อยและมีความรู้สึกว่าโลกนี้มันกลมจริงๆ เขาไม่ได้รู้สึกสงสัยหรืออะไรเกี่ยวกับอู่หยางเลยในเวลานั้น แล้วใครจะรู้ว่าชายหนุ่มคนนี้จะเป็นคนที่ชั่วร้ายขนาดนี้
“แล้วจ้าวเซี่ยล่ะ?..ใครฆ่าจ้าวเซี่ย?” เย่เชียนถามอย่างเคร่งขรึม
“อู่หยางเทียนหมิง!..เขาฆ่าจ้าวเซี่ย” ซูย่าหยิงตอบอย่างโศรกเศร้าและโกรธเกรี้ยวในใจ
เย่เชียนตกตะลึงอย่างมาก เพื่อที่จะกำจัดตนแล้วอู่หยางเทียนหมิงไปไกลถึงขนาดที่จะฆ่าใครสักคนเพื่อต้อนให้ตนต้องจนมุมเชียวเหรอ? เรื่องแบบนี้มันงี่เง่าเกินไป
“แล้วทำไมเขาถึงฆ่าจ้าวเซี่ยล่ะ?” เย่เชียนถามอย่างสงสัย
“เพราะ..เพราะว่าจ้าวเซี่ยเห็นอู่หยางเทียนหมิงกำลัง!….” ซูย่าหยิงพูดอย่างตะกุกตะกักและเสียงสั่นเล็กน้อย
ซูย่าหยิงไม่ต้องอธิบายเย่เชียนก็พอจะเดาได้อยู่แล้ว และมันต้องหมายความว่าซูย่าหยิงถูกอู่หยางเทียนหมิงล่อลวงและจ้าวเซี่ยก็มาเห็นพอดีตอนที่พวกเขาทั้งสองกำลังทำเรื่องอย่างว่ากัน ดังนั้นมันจึงจบลงด้วยการที่อู่หยางเทียนหมิงฆ่าจ้าวเซี่ยทิ้ง จากนั้นก็ตัดสินใจว่าจะโยนความผิดให้เย่เชียนทั้งหมด เหมือนการฆ่านกสองตัวด้วยหินเพียงก้อนเดียว
“แล้วเขาก็บอกให้คุณพูดว่าคุณเห็นผมฆ่าจ้าวเซี่ยด้วยตาของคุณเองใช่มั้ย? และบอกให้พ่อของเขากดดันผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเขาโดยให้ตำรวจวิสามัญและยิงผมทิ้งผมเพราะว่าคนตายมันพูดไม่ได้ใช่มั้ย!” เย่เชียนถามอย่างเดือดดาล
ซูย่าหยิงพยักหน้าอย่างเงียบๆเธอมองไปที่เย่เชียนด้วยความตื่นตระหนกและพูดว่า “ฉันบอกคุณทุกอย่างแล้ว ปล่อยฉันไป เถอะ ฉันไม่อยากตาย..อ้อใช่!..ฉันมีวีดีโอคลิปที่อู่หยางเทียนหมิงฆ่าจ้าวเซี่ยอยู่!”
“อะไรนะ?” เย่เชียนอุทานด้วยความประหลาดใจและถามว่า “มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?”
“อู่หยางเทียนหมิงมีรสนิยมแปลกๆ เขาชอบถ่ายเก็บไว้ขณะทำมันและจ้าวเซี่ยมาอย่างกะทันหันจึงไม่มีเวลาจัดการกับกล้องถ่ายวิดีโอน่ะ และอาจเป็นไปได้ว่าอู่หยางเทียนหมิงลืมมันไปแล้วในตอนนี้ ซึ่งฉันก็เอาเมมโมรี่การ์ดไปซ่อนไว้ ฉันจะใช้มันเพื่อขู่เขาถ้าเขาคิดจะต่อต้านฉันหรือทำอะไรฉัน!” ซูย่าหยิงอธิบายอย่างตรงไปตรงมา
คำพูดที่ว่า ‘ผู้หญิงเป็นดั่งงูพิษ’ ที่เย่เชียนคิดไปเองแต่ท้ายที่สุดแล้วมันก็คือเรื่องจริง เขาไม่เคยคิดเลยว่าอู่หยางเทียนหมิงจะมีรสนิยมเช่นนี้ จากนั้นเย่เชียนก็จ้องมองอย่างว่างเปล่าไปที่หลี่เหว่ยทันใดนั้นหลี่เหว่ยก็รีบพูดขึ้นมาว่า “บอส!..บอสมองผมทำไม? ผมไม่มีรสนิยมอย่างเขาหรอก ผมแตกต่างจากเขานะ..ของผมมันคือศิลปะที่แท้จริง!”
เมื่อตระหนักถึงเรื่องนี้เย่เชียนก็รู้สึกว่ามันตลกเกินไป เขาไม่คิดว่าอู่หยางเทียนหมิงและหลี่เหว่ยจะมีรสนิยมที่คล้ายๆกัน แต่เขาคิดว่าหลี่เหว่ยนั้นไร้ยางอายมากกว่าอู่หยางเทียนหมิงมาก เพราะทุกครั้งที่เขาทำธุระของเขาเสร็จเขามักจะอยากแสดงความภาคภูมิของเขาและเล่าเรื่องพวกนั้นให้พี่น้องในหน่วยเขี้ยวหมาป่าฟังเสมอ
“วีดีโอคลิปเหรอ?” เย่เชียนถาม และฉุกคิดกับตัวเองว่า ‘ถ้าซูย่าหยิงพูดความจริงล่ะก็ อู่หยางเทียนหมิงก็ต้องบันทึกเอาไว้ตั้งแต่เริ่มล่ะสิ’ เย่เชียนไม่อยากเห็นทักษะท่วงท่าของอู่หยางเทียนหมิงบนเตียง แต่เขารู้สึกว่าถ้าเขาได้วีดีโอนั้นมาล่ะก็มันจะมีประโยชน์กับเขาอย่างมากแน่นอน
“ใน..ในบ้านของฉัน” ซูย่าหยิงตอบอย่างซื่อตรง
“ไปกันเลย..พาเราไปที่นั่น!” เย่เชียนพูด และหันไปมองหลี่เหว่ยเพื่อจะสื่อว่ามันเป็นงานของเขาที่ต้องดูแลซูย่าหยิง และหลี่เหว่ยก็ไม่สามารถปล่อยโอกาสนี้ไปได้ เขาเดินไปที่ด้านข้างของซูย่าหยิงและดึงเธอมาหาเขาพร้อมกับยิ้มอย่างซุกซนขณะที่เขาพูดว่า “ผมไม่ได้สังเกตเห็นก่อนหน้านี้..คุณมีไฝอยู่ตรงนี้” ขณะที่เขาพูดดวงตาของเขากำลังจ้องมองไปที่ไฝบริเวณหน้าอกของซูย่าหยิง
ถ้าหลี่เหว่ยต้องการมีอะไรกับเธอจริงๆเธอก็ไม่ขัดขืนตราบเท่าที่เธอสามารถรักษาชีวิตของเธอเอาไว้ได้ และถึงแม้ว่าพวกเขาทั้งสองต้องการจริงๆแล้วเธอก็ไม่รังเกียจ แต่ถึงแม้ว่าตอนนี้หลี่เหว่ยจะมองไปในทางที่ผิดและคนประเด็นที่เย่เชียนต้องการจะสื่อก็ตาม แต่เมื่อเธอนึกย้อนกลับไปว่าเมื่อครู่นี้หลี่เหว่ยดูเหมือนปีศาจแค่ไหน ซูย่าหยิงก็ไม่กล้าที่จะขยับตัวอีก เธอยอมให้หลี่เหว่ยพาเธอไปอย่างเชื่อฟังจากนั้นก็ออกจากโรงงานร้างเพื่อไปที่บ้านของเธอ
.