อู่หยางเฉิงกัดฟันขณะมองเย่เชียนและหลี่เหว่ยที่กำลังเดินออกไปนอกประตู เขาพึมพำกับตัวเองว่า “แกบังอาจมาขู่ฉัน!..ไม่ช้าก็เร็วแกจะต้องถูกฝังใต้ดิน”
หลังจากนั้นไม่นานอู่หยางเฉิงก็นึกขึ้นได้ว่าเขาลืมถามพวกนั้นว่าเหม่ยลี่ของเขาอยู่ไหนและเมื่อนึกถึงคุณนายหญิงของเขาเขาก็รู้สึกร้อนรนขึ้นมาทันที เขาเดินหาเธอไปทั่วทั้งที่พักและใช้เวลาอยู่สักพักใหญ่ๆเพื่อตามหาเธอ ในที่สุดเขาก็พบว่าเธอนอนหมดสติอยู่บนพื้นในห้องน้ำ เธอสวมเพียงชุดนอนบางๆและเผยให้เห็นต้นขาที่ขาวบริสุทธิ์ ถึงแม้ว่าเขาจะเคยนัวเนียกับเธอมาหลายครั้งแล้วแต่ทุกครั้งที่อู่หยางเฉิงเห็นเธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา เขากลืนน้ำลายแล้วรีบเดินไปปลุกเธอ
หลังจากออกจากที่พักส่วนตัวของอู่หยางเฉิงที่ซื้อให้คุณนายหญิงของเขา จากนั้นหลี่เหว่ยก็อดกลั้นความอยากรู้อยากเห็นของเขาเอาไว้ต่อไปไม่ได้อีกจึงถามขึ้นมาว่า “บอส..บอสต้องการร่วมมือกับผู้ชายคนนั้นจริงๆเหรอ?”
“แล้วนายคิดยังไง?” เย่เชียนถามกลับ
“ไม่แน่นอนบอส!..คนแบบนั้นเลี้ยงไม่เชื่องหรอก..ฮ่าฮ่า!” หลี่เหว่ยพูดและหัวเราะ
เขามองไปที่หลี่เหว่ยอย่างช่วยไม่ได้หลังจากนั้นก็มอบไฟล์และเอกสารที่อู่หยางเฉิงรับสินบนและขายโครงการของรัฐบาลและคลิปวีดีโอเลิฟซีนของอู่หยางเฉิงให้หลี่เหว่ยและพูดว่า “ฉันต้องรบกวนนายในคืนนี้ด้วย เอาสิ่งเหล่านี้ไปให้กับใครบางคนที”
เย่เชียนมองหน้าหลี่เหว่ยและไม่เข้าใจว่าเหตุใดเจ้าหน้าที่ของรัฐถึงชอบเก็บบันทึกการรับสินบนที่พวกเขารับเอาไว้ด้วย พวกเขาไม่กลัวว่าจะถูกจับโดยคณะกรรมการตรวจสอบวินัยเหรอ? แต่หลังจากคิดอยู่พักหนึ่งเขาก็รู้ว่ามันไม่ได้แปลกอะไร เลยเพราะเจ้าหน้าที่ระดับสูงเหล่านั้นมีทั้งอำนาจและอิทธิพลอย่างมากแล้วจะมีใครจะกล้าแทงขางหลังพวกเขา แล้วมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงในจีนกี่คนกันที่ไม่ทุจริต?
“ให้ใครบอส?” หลี่เหว่ยถามอย่างสงสัย
เย่เชียนยิ้มเล็กยิ้มน้อยจากนั้นก็โน้มตัวไปกระซิบบางอย่างที่ข้างๆหูของหลี่เหว่ย
เช้าวันรุ่งขึ้นหลี่ฮ่าวได้รับโทรศัพท์จากหวังปิงที่บอกให้หลี่เหว่ยไปที่บ้านของหวังปิงทันที หลี่ฮ่าวรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินเสียงของหวังปิงที่ดูร้อนรน เขาอดคิดไม่ได้ว่ามันจะต้องมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน หลี่ฮ่าวมีตำแหน่งของเขาในตอนนี้ก็เพราะหวังปิงที่ช่วยดันเขาขึ้นสู่ตำแหน่ง ดังนั้นในเซี่ยงไฮ้นี้เขาจึงถือได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้ใต้บังคับบัญชาของหวังปิงเลยก็ว่าได้ หลังจากวางสายไปหลี่ฮ่าวไม่รอช้าเขารีบขึ้นรถและตรงไปทันที
เมื่อหลี่ฮ่าวไปถึงบ้านของหวังปิงเขาเห็นว่าวังปิงนั่งอยู่บนโซฟาด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมและเต็มไปด้วยกองแฟ้มหนาๆวางอยู่บนโต๊ะกาแฟตรงหน้าของเขา แต่เขาก็คิดไม่ออกว่ามันคืออะไร “สวัสดีครับท่านผู้ว่าการหวัง!” หลี่ฮ่าวทักทายด้วยความเคารพ
“โอ้..หลี่ฮ่าวนั่งก่อนสิ!” หวังปิงพูดอย่างเป็นกันเอง หวังปิงนั้นชื่นชมหลี่ฮ่าวมากเพราะถึงแม้ว่าเขาจะยังเด็กแต่เขาก็มีแรงผลักดันและทุ่มเท่มุ่งมั่นอย่างมาก เขาได้เลื่อนตำแหน่งให้หลี่ฮ่าวและหลี่ฮ่าวเองก็เคารพเขาอย่างมากเช่นกัน ในบรรดาพรรคการเมืองนั้นพรรคของหวังปิงนั้นถือได้ว่าเป็นกลุ่มที่เล็กที่สุดในแวดวงการเมืองของเซี่ยงไฮ้ดังนั้นหลี่ฮ่าวจึงถือได้ว่าเป็นผู้ช่วยที่เชื่อถือได้และบุคลที่สำคัญของเขา
ไม่นานคนรับใช้ก็เข้ามาเสิร์ฟถ้วยน้ำชาให้หลี่ฮ่าวจากนั้นเขาก็เดินจากไป หลี่ฮ่าวจิบชาเบาๆแล้วถามว่า “ท่านรองผู้ว่าหวังคุณโทรหาผมด่วนมากมีอะไรเกิดขึ้นหรอครับ?”
หวังปิงพยักหน้าและตอบว่า “หลี่ฮ่าวคุณมีพี่ชายชื่อเย่เชียนหรือไม่?”
หลี่ฮ่าวรู้สึกประหลาดใจอย่างมากเพราะคนที่รู้เรื่องนี้นั้นมีเพียงไม่กี่คน นอกเหนือจากเพื่อนสมัยเด็กที่เขาเติบโตมาในสลัมด้วยกันแล้วมีเพียงเพื่อนร่วมงานในสำนักงานไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ หลี่ฮ่าวนึกไม่ออกว่าทำไมหวังปิงถึงพูดถึงเย่เชียนขึ้นมาหรือว่าเขาประสบกับปัญหาอีกครั้งเป็นไปได้ไหม
“ท่านรองผู้ว่าหวังมีบางอย่างเกิดขึ้นกับพี่สองของผมหรอครับ” หลี่ฮ่าวถามอย่างกังวล
“ใช่!” หวังปิงพยักหน้าจากนั้นก็พูดต่ออีกว่า “คุณช่วยบอกฉันเกี่ยวกับเย่เชียนมาทั้งหมดหน่อยได้มั้ย?”
หลี่ฮ่าวรู้สึกกังวลมากและต้องการทราบว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเย่เชียนกันแน่ แต่ตอนนี้เขาต้องอดกลั้นและอดทนตอบว่า “พี่สองและผมเป็นเด็กกำพร้าที่พ่อรับอุปถัมภ์มาด้วยกันและเราปฏิบัติต่อกันดั่งพี่น้องตั้งแต่นั้นมา พี่สองเขาเป็นคนตรงไปตรงมาและซื่อสัตย์อย่างมาก และเขารู้ว่าพ่อของเรากำลังทำงานหนักเพื่อส่งเราไปเล่าเรียนหนังสือเขาจึงลาออกก่อนเวลาเพื่อหางานทำและช่วยพ่อหาเงิน แต่แล้ววันหนึ่งผมกลับถูกทำร้ายโดยหัวหน้ามาเฟียโดยไม่ได้ตั้งใจและถูกซ้อมจนต้องรีบนำตัวส่งไปโรงพยาบาลโดยด่วน พี่สองเขาโกรธแค้นมากและเขาแอบไปดักรออยู่หน้าประตูบ้านของหัวหน้ามาเฟียคนนั้นเป็นเวลาสามวันสามคืนเต็มๆและในที่สุดเขาก็พบโอกาสที่จะใช้มีดแทงหัวหน้ามาเฟียนั้น แล้วถ้าหากมีดนั้นเยื้องไปทางขวาอีกเพียงนิดเดียวหัวหน้ามาเฟียคนนั้นก็คงตายไปแล้ว และเมื่อหัวหน้ามาเฟียคนนั้นออกจากโรงพยาบาลมาเขาก็ออกตามล่าพี่สองไปทุกที่ทุกหนทุกแห่ง เพราะเหตุนั้นพี่สองเขาจึงตัดสินใจหลบหนีและออกจากเซี่ยงไฮ้ไปและแปดปีต่อมาเขากลับมาที่นี่และผมก็เพิ่งจะรู้ว่าเขากลับมาเมื่อสองวันก่อนเอง..”
หวังปิงพยักหน้าหลังจากที่เขาได้ฟังสิ่งที่หลี่ฮ่าวเล่ามา จากอารมณ์ในคำพูดของหลี่ฮ่าวเขาดูเหมือนจะชื่นชมและรักเย่เชียนเป็นอย่างมาก หลังจากที่เงียบไปชั่วครู่หวังปิงก็ถามว่า “เขาไปอยู่ที่ไหนมาระหว่างแปดปีที่ผ่านมานั้น? เขาทำอะไรหรือ?”
หลี่ฮ่าวส่ายหัวและตอบว่า “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ในช่วงแปดปีที่ผ่านมานั้นเขาไม่เคยส่งจดหมายกลับบ้านและไม่เคยโทรหา ราวกับว่าเขาได้หายไปจากโลกนี้ไปแล้ว ในตอนแรกพวกเราคิดว่าเขาคงถูกหัวหน้ามาเฟียพวกนั้นฆ่าตายไปเสียแล้ว และผมก็เพิ่งจะรู้ว่าเขากลับมาเมื่อพ่อของเราโทรหาผมเมื่อสองวันก่อนว่าพี่สองถูกตำรวจจับไป”
“เขาโดนตำรวจจับในข้อหาอะไร?” หวังปิงถาม
หลี่ฮ่าวเล่าถึงเหตุการณ์ที่เย่เชียนไปทำร้ายนายหัวเหมืองถ่านหินจากนั้นเขาถามด้วยความกังวลใจว่า “ท่านรองผู้ว่าหวังคุณบอกผมได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น? พี่สองมีปัญหาอีกแล้วหรอ?”
หวังปิงพยักหน้าและตอบว่า “ใช่!..แต่คราวนี้มันไม่ใช่ปัญหาเล็กๆเลย เขาถูกต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมข้าราชการคนนึงน่ะ ถึงกระทั่งมีคำสั่งจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงให้วิสามัญและจับตายเขาได้ทันทีหากเขาขัดขืนการจับกุม!”
ข่าวนี้ราวกับสายฟ้าผ่าลงกลางใจของหลี่ฮ่าวร่างกายของหลี่ฮ่าวทำอะไรไม่ถูกตัวแข็งทื่ออยู่บนโซฟา การฆาตกรรมเป็นอาชญากรรมที่มีโทษถึงชีวิต เหยื่อที่เป็นข้าราชการของรัฐนั้นทำให้อาชญากรรมยิ่งร้ายแรงมากขึ้น นี่ไม่เหมือนกับเรื่องของเฟิ้งต้าฟูนายหัวเหมืองแร่ที่เขาจะสามารถจัดการเรื่องนี้เป็นการส่วนตัวได้ เพราะนี่เป็นคดีอาญาแม้ว่าเขาจะก้าวเข้าไปเขาก็จะไม่สามารถช่วยอะไรเย่เชียนได้
“อย่ากังวลไปเลย!..ฉันคิดว่าสถานการณ์ตอนนี้เรายังสามารถพลิกแพลงมันได้ ฉันมีความรู้สึกว่าเขากำลังถูกตีกรอบให้จนมุม อย่างไรก็ตามอีกฝ่ายไม่ใช่คนธรรมดาๆอย่างแน่นอนมันจะต้องเป็นคนที่มีอิทธิพลอย่างมากมิเช่นนั้นจะสามารถสั่งเบื้องบนให้วิสามัญหรือจับตายได้อย่างไร..เป้าใหญ่ๆอย่างนั้นน่ะหาไม่ยากหรอก” หวังปิงเห็นสีหน้าที่ดูหดหู่ของหลี่ฮ่าวเขาจึงปลอบใจหลี่ฮ่าว
.