หลี่ฮ่าวยิ้มอย่างช่วยไม่ได้เพราะเย่เชียนเป็นแบบนี้มาตั้งแต่พวกเขายังเป็นเด็กเขาเหมือนกับภูเขาที่ไม่สะทกสะท้านกับสิ่งใดๆ แต่หลี่ฮ่าวเข้าใจดีว่านี่ไม่ได้หมายความว่าเย่เชียนเป็นคนโง่ในมุมมองของเขาแล้วเย่เชียนเป็นคนที่เข้มแข็งและอัจฉริยะอย่างแท้จริง เขาจำได้ว่าแม้กระทั่งหลังจากที่เย่เชียนลาออกจากโรงเรียนมาแล้วและเมื่อใดก็ตามที่หลี่ฮ่าวทำการบ้านยากๆและไม่เข้าใจก็มีเย่เชียนนี่แหละที่เข้ามาช่วยมาสอนเขาและทำมันได้อย่างง่ายดาย หลี่ฮ่าวรู้ดีว่าถ้าหากเย่เชียนมีโอกาสได้เรียนจนจบในตอนนั้นแล้วในตอนนี้เย่เชียนก็คงประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวของหลี่ฮ่าวเองอย่างแน่นอน
“พี่สอง..พี่เอาตัวเองเข้าไปพัวพันปัญหาใหญ่ๆขนาดนี้ได้ยังไง?” หลี่ฮ่าวถามอย่างเป็นห่วง
เย่เชียนยิ้มอ่อนๆและตอบว่า “น้องสามไม่ต้องกังวลไปฉันสบายดีและฉันก็ไม่ได้ทำ..ดังนั้นไม่มีอะไรต้องกลัว”
“นี่..นายคิดว่าเพียงเพราะนายบอกว่านายไม่ได้ทำแล้วทุกอย่างมันจะไม่เป็นไรเหรอ? นายรู้มั้ยว่าสถานการณ์ของนายในตอนนี้มันยุ่งยากมากแค่ไหนน่ะ? นายไม่รู้หรอกว่ามีคนเขาเป็นห่วงนายมากแค่ไหน!” เมื่อหวังยู่นึกถึงคนขี้โกงคนนี้ขึ้นมาเธอก็โกรธมาก เธอเป็นลูกสาวอันแสนมีค่าของรองเลขาธิการผู้ว่าการเทศบาลเธอมีจะอนาคตที่สดใสในกรมตำรวจในภายภาคหน้ารอเธออยู่ แล้วเธอเองจะหงุดหงิดและอารมณ์เสียไปกับคนขี้โกงคนนี้ได้อย่างไร?
หลี่ฮ่าวจ้องมองด้วยความประหลาดใจเมื่อเขาได้ยินคำพูดที่ดูฉุนเฉียวและไม่สบอารมณ์ของหวังยู่ และจากนั้นเขาก็มองไปที่หวังยู่แล้วก็หันไปมองเย่เชียนทันใดนั้นหลี่ฮ่าวก็เผยรอยยิ้มที่ดูคลุมเครือปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา เขาเดาได้คร่าวๆว่ามันจะต้องมีอะไรระหว่างพวกเขาทั้งสองคนนี้แน่ๆ ในส่วนของเย่เชียนเองก็ค่อนข้างประหลาดใจอย่างไม่คาดคิดว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เกลียดเขาหรอกหรือ? เมื่อคืนนี้เธอก็ทำตัวแปลกๆ แม้แต่ตอนนี้วันนี้เองเธอก็ยังคงทำตัวแปลกๆอยู่อีก เป็นไปได้ไหมว่าตัวเองมีเสน่ห์มากเกินไปจนแม้แต่ผู้หญิงคนนี้ก็ยังอดไม่ได้ที่จะหลงเสน่ห์ตนและตอนนี้เธอกำลังลุ่มหลงในความสง่าผ่าเผยและความหล่อเหลาของตัวเอง?
เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดที่ดูฉุนเฉียวโจ่งแจ้งของเธอทำให้เย่เชียนและหลี่ฮ่าวก็อดไม่ได้ที่จะตกตะตึง ตอนนี้เธอรู้สึกเขินอายอย่างมากและรู้สึกว่าหัวใจของเธอนั้นเต้นแรงไม่เป็นจังหวะและเธอก็คิดกับตัวเองว่า ‘ฉันนี่มันโง่เง่าจริงๆที่พูดแบบนั้นต่อหน้าคนอื่น”
เย่เชียนไม่รู้จะพูดอะไรเกี่ยวความใจดีและความห่วงใยของเธอ เขาแค่ยิ้มและพูดว่า “ผมรู้..แต่ไม่รู้ผมจะตอบแทนคุณได้อย่างไร ถ้างั้นเรามาเจอกันเป็นการส่วนตัวได้มั้ย?”
หวังยู่จ้องมองเย่เชียนอย่างฉุนเฉียวและไม่พูดอะไรอีก
หลี่ฮ่าวหันกลับมาและพูดกับหูเยว่ว่า “ฉันจะพาเขาไปกับฉัน เดี๋ยวฉันจะส่งคนไปจัดการขั้นตอนการส่งมอบตัวในภายหลัง มีคำถามอะไรเพิ่มเติมมั้ย?” ถึงแม้ว่าคำพูดของเขาจะฟังดูเหมือนเขากำลังขออนุมัติกับหูเยว่แต่น้ำเสียงของเขาก็ดูไม่น่าฟังอย่างยิ่ง
หูเยว่ไม่กล้าตอบกลับเขาแค่ต้องการให้เย่เชียนออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุดไม่งั้นอีกไม่นานเขาคงจะได้รับความเดือดร้อนอีกอย่างแน่นอน
หลี่ฮ่าวพยักหน้าเล็กน้อยและเรียกเย่เชียนจากนั้นพวกเขาก็ออกจากสถานีตำรวจไปด้วยกัน หลี่ฮ่าวหันไปหาหยางเหว่ยและซุนจีเซียงและยิ้มให้พวกเขาโดยไม่ได้พูดอะไร แต่รอยยิ้มนั้นมันเต็มไปด้วยความโกรธเคืองอย่างอำมหิตจึงทำให้หยางเหว่ยและซุนจีเซียงหวั่นเกรงอย่างมาก
เจ้าหน้าที่ทั้งหลายต่างก็พากันยืนอย่างเคารพเพื่อส่งหลี่ฮ่าวและเย่เชียนออกจาสถานีตำรวจ และเมื่อพวกเขาเห็นทั้งสองเข้าไปในรถและออกรถไปแล้วพวกเขาก็กลับเข้าไปในสถานีตำรวจ แต่มีเพียงหวังยู่ที่ยังคงยืนอยู่ที่ทางเข้าเธอไม่ได้พูดอะไรใดๆในขณะที่เธอเฝ้าดูเย่เชียนที่กำลังจากไปราวกับว่าเธอเป็นภรรยาแบบในสมัยโบราณที่ยืนส่งสามีเมื่อสามีต้องออกไปทำสงครามในดินแดนอันไกลโพ้น
“พี่สอง..พี่รู้จักหวังยู่ได้อย่างไร? ผมคิดว่าเธอชอบพี่นะ!” หลี่ฮ่าวอดไม่ได้ที่จะถามเขาในขณะที่พวกเขากำลังเดินทางไปที่สำนักงานของหลี่ฮ่าว
“ก็..ครั้งแรกคือตอนที่ฉันช่วยเธอจับขโมยคนนึง..และครั้งที่สองคือตอนที่เธอจับกุมฉันในคดีเฟิ้งต้าฟูและเหตุการณ์นี้ก็เป็นครั้งที่สามแล้วที่ฉันก็ถูกเธอจับ..เห้อ..มันคงเป็นเพราะฉันทำผิดต่อเธอในชาติที่แล้วเป็นแน่..ไม่งั้นมันคงไม่เป็นแบบนี้หรอกก็เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันเจอเธอมันจะต้องมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นเสมอเลย!” เย่เชียนตอบด้วยรอยยิ้ม
หลี่ฮ่าวหัวเราะและพูดว่า “พี่สอง..ผมคิดว่าผู้หญิงคนนี้ชอบพี่จริงๆ..ผมรู้จักเสี่ยวยู่มานานแล้วและผมก็ไม่เคยเห็นเธอทำตัวแบบนั้นกับผู้ชายคนไหนเลยยกเว้นพี่!”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอก เธอกับฉันเป็นเหมือนน้ำมันกับไฟเราไม่มีทางคู่กันได้หรอก..แล้วนายล่ะ? ดูเหมือนพวกนายสองคนจะคุ้นเคยกันจริงๆนะ” เย่เชียนถาม
หลี่ฮ่าวพยักหน้าและตอบว่า “พ่อของเสี่ยวยู่เป็นผู้มีพระคุณของผม ถ้าไม่ใช่เพราะเขาแล้วผมคงไม่ได้อยู่ในที่ที่ผมอยู่ในตอนนี้ ผมมักจะแวะเวียนไปบ้านของพวกเขาบ่อยๆ ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไปผมจึงรู้จักเสี่ยวยู่ค่อนข้างดีเลยล่ะ”
“โอ้ว? ผู้หญิงคนนั้นมีพ่อที่ยอดเยี่ยมขนาดนั้นเชียวเหรอ?” เย่เชียนถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น สิ่งนี้ทำให้เขาประหลาดใจอย่างช่วยไม่ได้ ปรากฎว่าหวังยู่เธอไม่ได้เหมือนกับลูกของเจ้าหน้าที่คนอื่นๆที่ใช้อำนาจของพ่อแม่ของพวกเขาไปทั่วเพื่อข่มเหงและรังแกผู้อื่น ทันใดนั้นเย่เชียนก็มองเธอดีขึ้นอย่างมาก
“พ่อของเธอเป็นรองเลขาธิการผู้ว่าการเทศบาลเมืองเซี่ยงไฮ้..ท่านหวังปิง..พี่เพิ่งจะกลับมาก็เลยไม่รู้สินะ” หลี่ฮ่าวตอบ
เย่เชียนตกตะลึงจนเงียบไปชั่วขณะ เขาไม่รู้ว่าหวังปิงมีความสัมพันธ์ทางการเมืองกับหลี่ฮ่าว ถ้าเขารู้เช่นนั้นเขาคงเอาไฟล์และเอกสารของอู่หยางเฉิงไปให้หลี่ฮ่าวเพื่อให้หลี่ฮ่าวนำมันไปให้หวังปิงอีกทีเพื่อที่เขาจะได้รักหลี่ฮ่าวมากขึ้นและช่วยหลี่ฮ่าวได้ดียิ่งขึ้นไปอีกในอนาคต “นั่นเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงจริงๆ” เย่เชียนตอบจู่ๆเขาก็ถามขึ้นมาว่า “น้องสามวันนี้วันอะไร”
“วันอาทิตย์..มีอะไรหรอ?” หลี่ฮ่าวตอบและมองไปที่เย่เชียนด้วยความประหลาดใจ
เย่เชียนหัวเราะและตอบกลับว่า “ดูเหมือนว่าคืนนี้ฉันจะต้องไปงานเต้นรำสินะ..ฮ่าฮ่า”
“พี่สอง..ถ้าผมพูดไปพี่อย่าโกรธล่ะ..พี่ยังคงเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมอยู่นะ ถึงแม้ว่าผมจะแน่ใจว่าพี่ไม่ได้ทำแต่คดีนี้ก็กำลังดำเนินตามขั้นตอนอยู่และพี่ก็ไม่สามารถออกจากสำนักงานของผมได้จนกว่าคดีจะคลี่คลาย เมื่อวันนี้ท่านรองผู้ว่าการหวังโทรหาผมเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับคดีของพี่เขาบอกผมว่าเขาเชื่อว่าพี่ถูกล้อมกรอบและถูกใส่ร้ายน่ะ แต่ตอนนี้เรายังไม่มีข้อพิสูจน์หรือหลักฐานใดๆ พี่สองพี่รู้ไหมว่าพี่ไปยั่วยุใครเอาไว้บ้าง? ใครที่อยากจะกำจัดพี่?” หลี่ฮ่าวพูดอย่างกระตือรือร้น ประการแรกคือเขาเคารพและรักเย่เชียนที่เป็นพี่สองของเขามาตั้งแต่เขายังเด็ก ประการที่สองคือเย่เชียนเป็นแพะรับบาปที่ถูกลากเข้าสู่สงครามทางการเมือง ดังนั้นหลี่ฮ่าวจึงรู้สึกอับอายและละอายใจต่อพี่สองของเขาจริงๆ
เย่เชียนฉีกยิ้มและตบไหล่หลี่ฮ่าวเบาๆจากนั้นก็พูดว่า “ฉันเข้าใจๆ..แต่ฉันอยากถามอะไรนายหน่อย..ถ้าหากคนๆนั้นถูกฉันฆ่าจริงๆแล้วล่ะก็เป็นนายจะทำยังไง? นายจะยังคงรักษากฎหมายที่มั่นคงดั่งภูผาอยู่ไหม? หรือนายเลือกที่จะทำทุกอย่างเพื่อพี่ชายของนาย?”
หลักจากเงียบไปชั่วครู่หลี่ฮ่าวก็ตอบว่า “พี่สองถ้าหากพี่เป็นฆาตกรจริงๆแล้วล่ะก็..ผมก็จะทำทุกอย่างเพื่อช่วยชีวิตพี่ แต่ถ้าจะให้พี่หนีออกจากสถานีตำรวจล่ะก็ผมกลัวว่ามันจะไม่เพียงแค่ช่วยพี่ไม่ได้ แต่มันคงทำให้ทุกอย่างเลวร้ายยิ่งขึ้นไปอีก”
เย่เชียนหัวเราะพูดว่า “นายไม่กลัวว่ามันจะมีผลกระทบต่ออาชีพทางการเมืองของนายในอนาคตหรอ?”
“ถ้าไม่มีพี่สองผมก็คงไม่มีทุกวันนี้หรอก อนาคตทางการเมืองจะยิ่งใหญ่สักแค่ไหนแต่สำหรับผมแล้วมันไม่สามารถเทียบกับพี่ของผมได้เลย” หลี่ฮ่าวตอบอย่างตื้นตันใจ
“อย่าพูดอย่างนั้นสิ สิ่งที่นายมีอยู่ในตอนนี้ทั้งหมดก็เพราะความมุมานะและการทำงานที่แสนเหนื่อยหน่ายของนายเอง..มันไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับฉันเลยสักนิดเลย อย่างไรก็ตามคำพูดของนายก็เพียงพอแล้วสำหรับฉัน ไม่ต้องกังวลไปพี่จะไม่ทำร้ายจิตใจนาย แต่ไม่ว่าจะออกจากสถานีตำรวจด้วยกฏหมายที่ชอบธรรมหรือจะหลบหนีมันก็ง่ายมาก!” เย่เชียนพูดขณะที่ตบไหล่หลี่ฮ่าวเบาๆ
.