อย่าลืมสิว่าเราจะต้องไปงานราตรีคืนนี้..เธอคงไม่ได้อยากให้ฉันไปคนเดียวหรอกใช่มั้ย?” หลังจากเงียบไปชั่วครูฉินหยูก็พูดขึ้นมา
“ไม่ใช่แบบนั้นนะ..ผมกำลังจะโทรหาคุณให้มารับผม..ใครจะไปรู้ล่ะว่าจู่ๆคุณจะมาโผล่ที่นี่..ใจเราตรงกันจริงๆเลยนะเนี่ย” เย่เชียนพูดด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
หลังจากพูดจบเย่เชียนก็หันไปหาเจ้าหน้าที่คนอื่นๆและโบกมือพร้อมพูดว่า “ลาก่อนนะทุกคน..ถ้าว่างๆเดี๋ยวผมจะแวะมาอีกผมยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่จะเล่าให้ฟัง”
“โถ่เอ้ย! คุณเอาแต่พูดเรื่องขี้โมเกินจริง เราจะไม่เชื่อคุณแล้ว” เจ้าหน้าที่จำรวจตอบด้วยน้ำเสียงที่หยอกล้อ
เย่เชียนหัวเราะเบาๆและหันไปหาฉินหยูและวางมือบนไหล่ของเธออย่างเป็นธรรมชาติ จากนั้นเขาก็ขยับเข้าไปใกล้ๆหูของ ฉินหยูและกระซิบว่า “กลับบ้านกันเถอะ” ความใกล้ชิดสนิทสนมของทั้งสองทำให้ผู้คนรอบข้างรู้สึกอิจฉาอย่างมาก เย่เชียนก็เป็นผู้ชายและพวกเขาเองก็เป็นผู้ชายแต่ด้วยเหตุใดกันทำไมพวกเขาถึงได้แตกต่างกันเช่นนี้? ผู้ชายคนนั้นมีเทพธิดาแต่พวกเขาทำได้แค่ดูดาราAVและสื่อลามกอนาจารไปวันๆเท่านั้น
ฉินหยูจ้องมองไปที่เย่เชียนอย่างเดือดดาลและพูดว่า “ปล่อยนะ..ไม่งั้นเธออย่ามาโทษฉันสำหรับสิ่งที่ฉันกำลังจะทำ!”
“นี่..คุณไม่ใช่แฟนของผมหรอกเหรอ..มันไม่ใช่เรื่องปกติที่ผู้ชายจะกอดแฟนหรือไง” เย่เชียนพูดเสร็จก็หัวเราะ แต่ฉินหยูพยายามดิ้นรนเล็กน้อยแต่เธอก็หมดหนทาง เธอจึงไม่มีทางอื่นนอกจากจำใจยอมรับมัน เธอรู้สึกโกรธเกรี้ยวอยู่ในใจเพราะผู้ชายคนนี้เป็นคนขี้โกงชอบฉวยโอกาส แต่แล้วเธอก็วางมือของเธอที่เอวของเย่เชียนจากนั้นก็บีบและบิดมันอย่างรุนแรง “โอ้ย..” เย่เชียนร้องอุทานเพราะความเจ็บปวด เขามองไปที่ฉินหยูอย่างไม่พอใจและพูดว่า “คราวหน้าคุณเปลี่ยนที่ได้มั้ย? ทำไมทุกครั้งที่หยิกคุณต้องหยิกที่เดิมด้วย คุณนี่แม่นยำมากเลยนะ”
ฉินหยูจ้องกลับมาที่เขาและไม่อยากที่จะโต้เถียงกับอีกต่อไป ฉินหยูยังคงขับลัมโบร์กินี่คันเดิม และเมื่อเจ้าหน้าที่คนอื่นๆเห็นพวกเขาต่างก็ประหลาดใจและคิดกันว่าผู้ชายคนนี้โชคดีกับความรักเกินไป เธอเป็นดั่งเทพธิดาไม่พอ แต่เธอยังร่ำรวยมากอีกด้วย
“เราจะไปที่ไหน?” เย่เชียนถามเมื่อพวกเขาอยู่ในรถ
“โรงแรม!” ฉินหยูตอบอย่างเฉยเมย
“ห๊ะ?” เย่เชียนหน้าซีดด้วยความตกใจและถึงแม้ว่าเขาจะชอบฉินหยูก็ตาม แต่สิ่งต่างๆมันยังเร็วเกินไป เย่เชียนก้มหน้าลงเล็กน้อยและพูดอย่างเหนื่อยล้าว่า “คุณ..คุณไม่ได้ต้องการจะทำอะไรกับผมใช่ไหม ถึงผมจะไม่ใช่ผู้ชายหัวโบราณ แต่เราก็เพิ่งจะรู้จักกันในช่วงเวลาสั้นๆ เราค่อยๆดูใจกันไปก่อนได้มั้ย”
เมื่อเธอเห็นเย่เชียนทำตัวเหมือนเด็กไร้เดียงสา ฉินหยูก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ เธอมองเย่เชียนด้วยสายตาที่อ่อนโยนและพูดว่า “เธอคิดอะไรของเธอน่ะ..เธอไม่ได้อาบน้ำมาหลายวันแล้วตัวเธอมีแต่กลิ่นเหงื่อเต็มไปหมด!”
เย่เชียนดึงเสื้อของเขาขึ้นมาที่จมูกและดมมันจากนั้นก็พูดว่า “ผมเป็นผู้ชาย..มันเป็นกลิ่นของผู้ชายคุณไม่รู้หรอ”
“ผู้ชาย? ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าผู้ชายจะมีกลิ่นแบบนี้” ฉินหยูตอบและพูดต่ออีกว่า “ก่อนที่เราจะไปที่โรงแรมฉันจะพาเธอไปที่อื่นก่อน”
“ที่ไหน?” เย่เชียนถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ฉินหยูมองไปที่เย่เชียนและพูดว่า “นี่เธอวางแผนที่จะไปงานราตรีทั้งๆแบบนั้นจริงๆเหรอ? อย่าคิดว่าฉันจะปล่อยเธอไปแบบนั้น ก่อนอื่นเลยเราจะไปหาซื้อเสื้อผ้าและจากนั้นเราก็จะไปที่โรงแรมและอาบน้ำแต่งตัว”
เย่เชียนมองไปที่เสื้อผ้าของเขาและดูเหมือนว่ามันคงไม่เหมาะกับงานราตีอย่างเป็นทางการเลยแม้แต่น้อย “ผมไม่มีเงินเลย แล้วผมจะซื้อเสื้อผ้าได้อย่างไร?” เย่เชียนถามอย่างหดหู่
“เมื่อเธอสัญญาที่จะเป็นบอดี้การ์ดของฉันแล้วฉันก็แค่จ่ายให้เธอไปก่อนและค่อยไปหักจากค่าว่าจ้างของเธอในภายหลัง” ฉินหยูตอบอย่างเฉยเมยและพูดว่า “ผู้ชายจะไม่ใส่สูทหล่อๆเนียบๆได้อย่างไร ถ้าใครเขาเห็นเข้าพวกเขาอาจคิดว่าฉันกำลังเหยียดหยามบอดี้การ์ดของฉัน!”
“หน้าข้าวๆเรียวๆหล่อๆของผมเนี่ยนะ? ใครจะกล้าเหยียดหยาม?” เย่เชียนพูดอย่างขุ่นเคือง
“ก็เธอไง? เธอดูเหมือนก้อนถ่านหินดำๆ เธอจะหน้าขาวเรียวได้ยังไง?” ฉินหยูตอบไปด้วยอมยิ้มไปด้วย
เย่เชียนรู้สึกหดหู่เล็กน้อย ผิวของเขาดูคล้ำแค่เพียงนิดเดียว แต่นั่นมันแสดงให้เห็นถึงความเป็นลูกชาย เธอเปรียบเทียบเขากับถ่านหินได้อย่างไร? นี่เป็นการเหยียดกันชัดๆ จากนั้นเย่เชียนก็เบะปากเล็กน้อยด้วยความขุ่นเคืองจากนั้นเขาก็ลดระดับเบาะลงและเอนตัวลงนอนหลับตาและไม่สนใจผู้หญิงคนนี้อีก
ฉินหยูเหลือบมองไปที่เย่เชียนและไม่ได้พูดอะไรอีก แต่เธอกำลังคิดกับตัวเองว่าเธอพูดแรงเกินไปหรือเปล่าเธอทำร้ายความรู้สึกของเขาไปแล้วจริงๆหรือ? เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาก็เป็นผู้ชายคนนึงและใส่ใจในคุณค่าและรูปลักษณ์ของตนเอง เธอปล่อยให้ตัวเองพูดว่าเขาดำเหมือนถ่านหินได้อย่างไร? แต่หารู้ไม่ว่าในเวลานี้เย่เชียนผู้ชายที่ขี้โกงคนนี้กำลังนอนอยู่บนเบาะอย่างสบายๆ โดยคิดเรื่องหยาบคายไปด้วยเพราะเขากำลังมองไปที่ผิวอันขาวเนียนของฉินหยูตั้งแต่แขนเสื้อไปจนถึงกระโปรงสั้นๆและต้นขาของเธอ เขาจินตนาการว่าถ้ามีอะไรกันบนรถกับฉินยูมันคงยอดเยี่ยมมาก
ไม่นานนักรถก็มาจอดในชั้นใต้ดินของห้างสรรพสินค้าสุดหรู ฉินหยูหันไปหาเย่เชียนที่หลับไประหว่างทางและจ้องมองด้วยความงุนงงเธอไม่รู้ว่าเขาหลับไปตอนไหน และเธอก็เข้าไปมองเขาใกล้ๆและคิดว่าผู้ชายคนนี้หล่อมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งแผลเป็นบนใบหน้าของเขายิ่งทำให้เขาดูน่าลุ่มหลงอย่างช่วยไม่ได้ ใครจะไปรู้ว่าผู้ชายคนนี้กำลังมีความฝันแบบไหนอยู่ในครานี้ ริมฝีปากของเขาโค้งเล็กน้อยขณะที่กำลังเขาหลับราวกับว่าเขากำลังยิ้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้ม ฉินหยูจ้องมองเย่เชียนและจู่ๆก็มีความรู้สึกแปลกๆก็พุ่งพรวดเข้ามาในหัวของเธอและเธอก็ห้ามใจไม่ได้ที่จะโน้มตัวลงไป
ในขณะนี้ฉินหยูไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไปแล้วตอนนี้เธอต้องการจูบไปที่ริมฝีปากของเย่เชียนแต่ทันใดนั้นเธอก็สังเกตเห็นว่าดวงตาของเขาเป็นประกาย ฉินหยูตกตะลึงจนนิ่งไปชั่วขณะและเธอก็สามารถเข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่าผู้ชายคนนี้ตื่นอยู่ตลอดเวลาและเสแสร้งแกล้งทำเป็นหลับเท่านั้น
เนื่องจากฉินยูใช้เวลานานมากและแต่ก็ยังไม่ได้จูบเขาสักที เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะลืมตาขึ้นมาและยิ้มอ่อนๆจากนั้นก็พูดอย่างแผ่วเบาว่า “หยูหยู่..ดูเหมือนคุณจะห้ามใจตัวเองไม่ได้ใช่มั้ย”
ฉินหยูจ้องมองเขาอย่างโกรธเกรี้ยวและบีบเอวของเขาอย่างรุนแรง จากนั้นเธอก็รีบออกจากรถและรีบวิ่งไปที่ลิฟต์ในทันที “ฉันเป็นอะไรไปเนี่ย..ทำไมฉันถึงทำแบบนั้น” ฉินหยูพึมพำกับตัวเองอย่างเขินอาย “ไอ้คนบ้า..ไอ้คนขี้โกงนั่นกล้าหลอกฉันเหรอ!..ฮึ่ม!”
เย่เชียนหัวเราะเบาๆและวิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาเห็นใบหน้าที่ฉุนเฉียวของฉินหยูเขาก็ตกใจและกลืนคำพูดหยอกล้อที่เขากำลังคิดจะพูดลงไป เขารู้สึกผิดในใจของเขาและไม่อยากยั่วยุผู้หญิงคนนี้อีกในเวลานี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าที่ขาวและงดงามของฉินหยูใกล้ๆเธอมีขนตายาวและดวงตากลมโตที่กำลังสั่นไหวเล้กน้อยอย่างเป็นประกายเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะอีกครั้ง
เนื่องจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัดเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ ฉินหยูจึงรู้สึกเขินอายเกินกว่าจะพูดคุยกับเขาได้ ใบหน้าของเธอหวนกลับไปสู่ความเย็นชาเหมือนเคย แต่ในหัวใจของเธอก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงเหตุการณ์นั้น
.