“ไม่เป็นไรขอบคุณ!” ฉินหยูปฏิเสธอย่างเย็นชา หลังจากพูดแบบนี้เธอก็ควงแขนเย่เชียนเข้าไปข้างในงานทันที ระหว่างการสนทนาทั้งหมดเมื่อครู่นี้เหว่ยเฉิงหลงไม่แม้แต่จะเหลือบมองเย่เชียนเลยเสมือนเย่เชียนไม่ได้อยู่ที่นั่นแม้ว่าเขาจะสวมสูทผูกเนคไทก็ตาม นอกจากนี้เขาก็เป็นแค่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยธรรมดาที่ไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะอยู่ในสังคมชนชั้นสูงในสายตาของเหว่ยเฉิงหลงและเขายังเชื่อว่าถึงแม้ว่าฉินหยูจะอยู่กับเย่เชียนก็ตามแต่มันก็เป็นเพียงแค่เวลาสั้นๆเท่านั้นไม่ช้าก็เร็วสักวันหนึ่งฉินยูก็จะรู้ตัวว่าเย่เชียนนั้นไม่ใช่คนที่คู่ควรกับเธอ เพราะเธอกับตัวเขาเองเหมาะสมและคู่ควรกันมากที่สุด
เย่เชียนไม่ได้งี่เง่าจนไม่มีเหตุผลและเขาก็ไม่ได้เกลียดคนรวยหรืออะไรเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะไปเกลียดชังทายาทๆของครอบครัวที่ร่ำรวยและมั่งคั่งเย่เชียนคิดแค่ว่าพวกเขาเพียงโชคดีเท่านั้นเอง แต่ทว่าการได้รับการสนับสนุนจากพ่อแม่ของพวกเขาจึงทำให้ส่วนใหญ่ทายาทเหล่านั้นมักจะเป็นบุคคลที่หยิ่งผยองและโอหังยิ่งนักอย่างเหว่ยเฉิงหลงที่ดูถูกเขาและไม่แยแสเขาเลยแม้แต่น้อย เย่เชียนเองก็ไม่ต้องการเสวนากับเหว่ยเฉิงหลงเช่นกันเพราะเหว่ยเฉิงหลงนั้นแค่แสร้งทำเป็นสุภาพบุรุษเพียงเท่านั้น เย่เชียนรู้ว่าเหว่ยเฉิงหลงนั้นคิดอะไรอยู่ เย่เชียนไม่ชอบคนอย่างเหว่ยเฉิงหลงเป็นอย่างมากแต่ก็ไม่ถึงขั้นที่จะต้องลงไม้ลงมือหรือทำอะไรเขา
เมื่อเข้ามาในโรงแรมพวกเขาเห็นล็อบบี้ของโรงแรมที่เป็นพื้นที่จัดแสดงอัญมณีและเครื่องประดับสำหรับการประมูลในคืนนี้ ส่วนเวทีด้านบนเฉิดฉายด้วยหลอดไฟนีออนทุกเฉดสีทุกชนิดในขณะที่ตรงกลางเต็มไปด้วยที่นั่ง เห็นได้ชัดว่าเวทีนี้ได้รับการออกแบบและตกแต่งเป็นพิเศษสำหรับงานนี้โดยเฉพาะ นี่มันไม่ใช่ศิลปะและความคิดสร้างสรรค์ที่ง่ายด่ายเลย
เย่เชียนไม่มีความคิดเห็นเกี่ยวกับเครื่องประดับหรืออัญมณีใดๆเลย และเขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงทุกคนถึงได้โปรดปรานพวกมันเช่นนี้ เย่เชียนมองว่าอัญมณีและเครื่องประดับทั้งหลายนั้นเป็นแค่หนึ่งในการทำธุรกิจเพื่อหารายได้ที่มีกำไรเป็นกอบเป็นกำอย่างมากเพียงเท่านั้น
ทั้งสองคนกำลังมองหาที่สำหรับนั่งในคืนนี้ เย่เชียนมองไปทั่วทุกสารทิศในสถานที่แห่งนี้เพียงเพื่อดูผู้คนที่หลั่งไหลเข้ามาในโรงแรมอย่างต่อเนื่องและเกือบจะทั้งหมดเป็นกุลตรีจากชนชั้นสูงพวกเธอต่างก็ยิ้มเล็กน้อย ดูเหมือนว่าชื่อเสียงของแมรี่ในประเทศจีนนั้นไม่ใช่น้อยๆเลย สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องโกหกหรือเกินจริงแต่อย่างใดเธอค่อนข้างมีอิทธิพลเรื่องเครื่องประดับโดยสมบูรณ์
“วันนี้คุณซื้อเสื้อผ้าให้ผมตั้งหลายอย่างเลย..ถ้าคืนนี้คุณชอบเครื่องประดับหรืออัญมณีชิ้นไหนคุณบอกผมมาได้เลยนะ” เย่เชียนพูดอย่างอ่อนโยนพร้อมรอยยิ้มที่จริงใจ
ฉินหยูชะงักไปชั่วขณะและมองเย่เชียนพร้อมพูดว่า “เธอล้อฉันเล่นหรอ มาสเตอร์แมรี่เป็นนักออกแบบเครื่องประดับที่มีชื่อเสียงระดับโลกงานและผลงานทุกชิ้นของเธอนั้นต้องใช้เงินอย่างน้อยหนึ่งแสนหยวนเพื่อให้ได้มันมาครอบครอง และนอกจากนี้คืนนี้ยังเป็นงานประมูลเพื่อการกุศลฉันเกรงว่าราคามันจะดีดสูงขึ้นไปอีกจากหลายๆคนที่เข้าร่วมการประมูลแล้วเธอจะไหวหรอ”
เย่เชียนยิ้มอย่างอ่อนโยนและตอบว่า “มันไม่สำคัญหรอกตราบใดที่คุณชอบมันผมจะหาทางเอามันมาให้คุณเอง”
“เย่เชียนเธออย่าก่อเรื่องนะ วันนี้การรักษาความปลอดภัยเข้มงวดมาก ถ้าเธอไปขโมยมันฉันกลัวว่าเธอจะไม่สามารถหนีไปไหนได้” ฉินหยูพูดอย่างกังวลและพูดต่ออีกว่า “เธอไม่ต้องกังวลไปหรอก..คืนนี้ฉันมาเพื่อชมพวกมันเฉยๆน่ะ”
เย่เชียนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า “โถ่! คุณพูดอะไรน่ะ? คุณคิดว่าผมจะไปขโมยมันหรอ? ผมมีวิธีของผมก็แล้วกันคุณแค่เลือกสิ่งที่คุณชอบก็พอแล้ว”
ฉินหยูพยักหน้าเบาๆและไม่ได้พูดอะไรอีก เธอไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างจริงจังเลยและนอกจากนี้เธอก็ไม่ชอบใส่เครื่องประดับราคาแพงหรูหราอะไรพวกนั้น เครื่องประดับที่สวยงามและมีค่านั้นไม่จำเป็นที่จะต้องราคาแพงเสมอไป แม้แต่เครื่องประดับตามแผงร้านขายของข้างถนนก็สวยงามเช่นกันและสามารถซื้อได้ในราคาไม่กี่หยวนและบางครั้งฉินหยูเองก็ชอบเครื่องประดับเล็กๆถูกๆเหล่านั้นมาก
เย่เชียนคิดกับตัวเองว่าการมาเยือนของแมรี่นั้นไม่ได้เป็นแค่เรื่องบังเอิญและเขาไม่รู้ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังงานเหล่านี้พยายามเล่นกลอุบายอะไร แต่เมื่อพวกเขาอยู่ที่นี่แล้วตอนนี้เขาทั้งสองก็สามารถเพลิดเพลินไปกับการจัดแสดงเครื่องประดับและอัญมณีหายากเหล่านั้นได้อย่างสนุกสนาน ส่วนพวกที่หลบอยู่ในเงามืดนั้นเขาจะจัดการพวกเขาเหล่านั้นหลังจากจบงานนี้
หลังจากนั้นไม่นานล็อบบี้ของโรงแรมขนาดใหญ่แห่งนี้ก็เต็มไปด้วยผู้คนอย่างล้นหลาม ในความเป็นจริงแล้วเกี่ยวกับการจัดแสดงประเภทนี้ส่วนมากพวกผู้ชายหลายคนมักจะให้ความสำคัญกับนางแบบและผู้หญิงสวยๆเสียมากกว่า และสำหรับเครื่องประดับและอัญมณีเหล่านั้นแล้วถ้าไม่ใช่เพื่อผู้หญิงของพวกเขาแล้วพวกเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรในตัวมันเลย แม้กระทั่งเย่เชียนเองก็เป็นเช่นนี้เพราะก่อนหน้านี้เมื่อเขามีเวลาว่างเขาก็จะไปดูแฟชั่นโชว์และมอเตอร์โชว์อยู่บ่อยครั้งแต่เขามุ่งเป้าไปที่นางแบบที่เซ็กซี่เท่านั้น นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่เขาเข้าร่วมงานจัดแสดงโชว์เครื่องประดับชั้นนำและองค์ประกอบที่สำคัญของงานที่ขาดไม่ได้ก็คือผู้หญิงสวยๆมากมายเหล่านั้น
หลังจากนั้นไม่นานพิธีกรก็ขึ้นมาบนเวทีและกล่าวสองสามประโยคเพื่อเป็นการประกาศการเปิดงานเริ่มงานจัดแสดงเครื่องประดับอย่างเป็นทางการ ทันใดนั้นไฟทั้งหมดก็ค่อยๆดับลงและไปสปอตไลท์ก็ฉายไปที่นางแบบบนเวที นางแบบที่เซ็กซี่แต่ละคนค่อยๆเดินออกมาบนเวทีเพื่อแสดงเครื่องประดับที่พวกเธอสวมใส่ แต่ในสายต่อของเย่เชียนนั้นเหมือนพวกเธออวดเรือนร่างมากกว่าที่จะอวดเครื่องประดับเสียอีก
อย่างไรก็ตามก็ต้องบอกว่าอัญมณีเหล่านั้นมีสีแพรวพราวอย่างแท้จริง ผู้หญิงบางคนรู้สึกตื่นเต้นไปกับพวกเธอ ผู้หญิงหลายๆคนต่างก็เริ่มโน้มร่างกายของพวกเธอไปยังผู้ชายของเธอข้างๆอย่างอ่อนโยนและถูหน้าอกของพวกเธอที่แขนของผู้ชายและเริ่มพูดด้วยวิธีที่ดูเขินอายเพื่อสื่อให้รู้ว่าพวกเธอนั้นชอบเครื่องประดับเหล่านั้นมากแค่ไหน ในขณะที่เหล่าสุภาพบุรษทั้งหลายเหล่านั้นวางมาดอย่างสง่าผ่าเผยเสมือนสัญญาว่าพวกเขาจะมอบของขวัญเหล่านี้ให้กับผู้หญิงของตนอย่างแน่นอนในภายหลัง
เย่เชียนก็มองไปที่ฉินหยูอย่างอ่อนโยนราวกับกำลังหวังว่าเธอจะบอกเขาว่าเธอว่าเธอชอบเครื่องประดับจากการแสดงโชว์ชิ้นไหน แต่ก็ต้องผิดกับหวังฉินหยูเพราะเธอจ้องมองและมีปฏิกิริยาอย่างเฉยเมยกับเครื่องประดับเหล่านั้นโดยไม่ได้สนใจและไม่มีความรู้สึกที่ตื่นเต้นเลยแม้แต่ครั้งเดียวบนใบหน้าที่งดงามของเธอ
“คุณอยากได้อันไหน? เดี๋ยวผมไปเอามาให้!” เสียงที่น่ากวนใจดังเข้ามาในหูของเย่เชียน เขาตกตะลึงอยู่ชั่วครู่จากนั้นก็อดไม่ไดที่จะหันไปมอง ทันใดนั้นสายตาของเขาพบกับชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังคาบอมยิ้มอยู่ในปากและถือแล็ปท๊อปที่กำลังจดจ่ออยู่กับการเล่นเกม
“โถ่! นายอยากให้ฉันหัวใจวายตายเหรอ?” เย่เชียนจ้องมองไปที่ชายหนุ่มคนนั้นและตะค่อกใส่
เจ้าหนูคนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้สนใจเย่เชียนเลย เขายังคงจดจ่ออยู่กับการเล่นเกมของขาและไม่นานหลังจากที่ได้ยินเสียง ‘GAMEOVER!!!’ จากนั้นชายหนุ่มก็เงยหน้าขึ้นและดึงอมยิ้มออกจากปากจากนั้นก็พูดว่า “นี่พี่สะใภ้หรอ?” เขามองไปที่ฉินหยูที่อยู่ข้างๆเย่เชียน
“นายมีอะไรหรือเปล่า? นายมาถึงเมื่อไหร่เนี่ย?” เย่เชียนถามเบาๆ
“เพิ่งจะถึงเมื่อเช้านี้เอง” ชายหนุ่มตอบหลังจากนั้นเขาก็มองไปที่ฉินหยูพร้อมกับยิ้มให้จากนั้นก็พูดด้วยภาษาจีนที่ไม่ถนัดเอาเสียเลยว่า “พะ..พี่สะใภ้สวัสดี!..ผมแจ็คอะ..เป็นน้องตัวน้อยของเย่เชียนอะ”
ฉินหยูหันหน้าไปมองเด็กผู้ชายชาวต่างชาติผมบลอนด์ทองคนนี้และตกตะลึงเล็กน้อยอยู่พักหนึ่ง และเธอก็จับมือทักทายเขาอย่างสุภาพและพูดว่า “เธอเข้าใจผิดแล้วฉันเป็นแค่เพื่อนของเย่เชียน”
แจ็คนั่งลงและฉีกยิ้มจากนั้นก็พูดว่า “เข้าใจ๋..เข้าใจ” แต่รอยยิ้มที่ดูคลุมเครือนั้นบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าเขาไม่เชื่อว่าทั้งสองจะเป็นเพื่อนกันง่ายๆแค่นั้น ฉินหยูก็ขี้เกียจอธิบาย เธอได้แต่มองไปที่เย่เชียนด้วยความประหลาดใจราวกับว่าจะถามเย่เชียนว่ามันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมจู่ๆเขาถึงมีน้องชายเป็นชาวต่างชาติโผล่มาล่ะ
.