ยอดนักรบจอมราชัน – ตอนที่ 72 การประมูลเครื่องประดับ ตอนที่ 3

เย่เชียนหัวเราะแห้งๆและพูดกับแจ็คว่า “ผู้หญิงคนนี้ชอบพูดอะไรไร้สาระไปเรื่อยน่ะ..อย่าไปสนใจเธอเลย”

 

ในความเป็นจริงเกี่ยวกับตัวตนของเย่เชียนนั้นฉินหยูอยากรู้อยากเห็นมาก เธอไม่เชื่อจริงๆว่าเขาเป็นแค่บอดี้การ์ดของจ้าวหยา แต่เนื่องจากเย่เชียนไม่ได้พูดเรื่องนี้มากไปกว่านี้เธอจึงไม่อยากจะดื้อดึงที่จะถาม เธอจึงพยักหน้าและกลับไปสนใจกับงานจัดแสดงโชว์เครื่องประดับ

 

เย่เชียนจ้องไปที่แจ็คอย่างดุเดือดและพูดเบาๆว่า “อย่าทำอะไรโง่ๆนะนี่คือประเทศจีนหากสิ่งต่างๆผิดพลาดแผนการทั้งหมดของเราก็จะพังพินาศทั้งหมด”

 

“บอส..บอสขี้กลัวถึงขนาดนี้เมื่อไหร่เนี่ย..นี่มันเป็นโอกาสที่ดีเราได้วางแผนเอาไว้หมดแล้ว ผมเอาหัวเป็นประกันเลยว่าเราจะสามารถอยู่ในประเทศจีนได้โดยไม่ต้องหลบซ่อนและทางสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ NSB จะไม่มีทางหาพวกเราพบ” แจ็คพูดอย่างสบายๆและฉีกยิ้มอย่างมั่นใจ

 

เย่เชียนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า “อย่าดูถูก NSB พวกเขาไม่ได้โง่ถ้าเราทำอะไรโจ่งแจ้งเกินไปมันจะเป็นปัญหาและพวกเขาก็จะรู้ในที่สุด แต่ก็นะถ้าเป็นนายและนายยังยืนกรานเช่นนั้นฉันก็จะไม่พูดอะไรอีกฝีมือของนายน่ะฉันรู้ดี แต่อย่าให้มันโจ่งแจ้งมากเกินไปล่ะ”

 

แจ็คหัวเราะอย่างซุกซนและพยักหน้าจากนั้นก็ตอบว่า “รับทราบครับบอส” หลังจากพูดคำนี้จบเขาก็พับแล็ปท็อปของเขาลงและลุกขึ้นและกำลังจะเดินจากไปแต่ทันใดนั้นเขาก็ดูราวกับว่าเขาจำอะไรบางอย่างได้เขาจึงหันหน้ามาและกระซิบข้างๆหูของเย่เชียนว่า “บอส..พี่สะใภ้เขามีอะไรมากกว่าที่ตาเห็นนะ..อย่าปล่อยเธอหลุดมือไปล่ะ”

 

เย่เชียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เด็กคนนี้ไม่ได้ลอยหน้าลอยตาอย่างชล่าใจเลยเพราะเขาน่าจะสืบค้นข้อมูลภูมิหลังของฉินหยูมาและตอนนี้ก็รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีด้วยความอัจฉริยะทางคอมพิวเตอร์อย่างแจ็คก็คงหาข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลได้ไม่ยาก แต่เย่เชียนก็ยังไม่ได้ถามรายละเอียดจากเขามันไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอะไรเพราะเขาสามารถถามเรื่องข้อมูลทั้งหมดได้หลังจากคืนนี้จบลง

 

เมื่อการจัดแสดงเครื่องประดับใกล้จะสิ้นสุดลงแล้วและเสียงของพิธีกรก็ดังขึ้นจากบนเวทีซึ่งมันเป็นเครื่องประดับชิ้นสุดท้ายที่ชื่อว่า ‘ดวงดาวแห่งความรัก’ ที่กำลังจะถูกนำขึ้นเวที เมื่อเสียงของเจ้าภาพปิดม่านลงนางแบบชาวจีนที่สวมสร้อยคอก็เดินขึ้นไปบนเวทีอย่างเฉิดฉาย สร้อยคอนี้สร้างขึ้นโดยนักออกแบบชื่อดังแมรี่และสำหรับกุลสตรีทางตะวันออกไม่เพียงแต่สามารถดึงความสง่างามอันอ่อนโยนของกุลสตรีที่ดีออกมาได้แต่ยังสามารถสร้างเสน่ห์ของพวกเธอได้อีกด้วย

 

แม้แต่เย่เชียนที่ไม่รู้เรื่องเครื่องประดับมากนักก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมมันเมื่อเขาเห็น และอดไม่ได้ที่จะชมและยอมรับว่าแมรี่นั้นช่างเข้าใจความแตกต่างระหว่างผู้หญิงตะวันออกกับผู้หญิงตะวันตกเป็นอย่างดีเยี่ยมเสียจริง เมื่อใส่สร้อยคอเส้นนี้แล้วก็สามารถเผยให้เห็นเสน่ห์เฉพาะตัวของกุลสตรีตะวันออกได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

การแสดงออกที่เยือกเย็นและสง่างามของฉินหยูก็เปลี่ยนไปพร้อมกับการปรากฏตัวของ “ดวงดาวแห่งความรัก” เธอเผยให้เห็นถึงความตื่นเต้นและร่างกายของเธอก็สั่นสะท้านเพราะความงดงามของมัน เย่เชียนรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงในตัวเธอและดูเหมือนว่าฉินหยูเธอจะสนใจสร้อยคอเส้นนี้เป็นอย่างมาก

 

และแล้วการจัดแสดงเครื่องประดับก็ได้สิ้นสุดลงแล้วและผ้าม่านก็ปิดลงอย่างช้าๆเพื่อปิดงานโชว์และหลังจากหยุดพักครึ่งชั่วโมงการประมูลก็จะเริ่มต้นขึ้น

 

“เจ๊ใหญ่หยูคุณมาด้วยเหรอ? อ้าว! และทำไมนายถึงมาที่นี่ด้วย?” ในขณะที่เย่เชียนและฉินหยูไปที่ห้องนั่งเล่นที่อยู่ในห้องถัดไปเพื่อพักผ่อนทันใดนั้นก็มีเสียงผู้หญิงที่เหมือนเสียงของนกอินทรีก็ดังเข้ามาในหูของพวกเขา

 

เย่เชียนหันหน้าไปมองและไม่ได้คาดหวังว่าจะได้เห็นจ้าวหยาจากนั้นเขาก็ยิ้มอ่อนๆและพูดว่า “อ้าว..ภรรยาตัวน้อยเธอก็มาที่นี่ด้วยหรอ”

 

“อ๊ะ..ไอ้คนขี้โกงเรียกใครว่าภรรยากันยะ” จ้าวหยาตอกกลับอย่างโกรธเคือง ส่วนฉินหยูก็ยิ้มอ่อนๆอยู่ข้างๆโดยไม่ได้เปิดเผยว่าเย่เชียนเป็นบอดี้การ์ดที่พ่อของจ้าวหยาว่าจ้างให้จ้าวหยาเอง และหลังจากที่จ้าวหยาพูดเสร็จสายตาของเธอก็หันไปที่ฉินหยูและเธอก็ถามด้วยความประหลาดใจ “อาเจ๊หยู..ทำไมคุณถึงมาอยู่กับคนขี้โกงคนนี้ล่ะ?”

 

“เธออิจฉาหรอ?” ฉินหยูตอบอย่างเย้ยหยัน เนื่องจากเธอไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรให้จ้าวหยาฟังเธอจึงตัดสินใจเปลี่ยนประเด็นและเธอก็เข้าใจนิสัยใจคอของจ้าวหยาเป็นอย่างดีดังนั้นเธอจึงมีวิธีที่จะจัดการกับจ้าวหยามากมาย

 

แน่นอนว่าหลังจากที่ได้ยินคำพูดที่กระตุ้นและยั่วยุของฉินหยูแล้วและเมื่อจ้าวหยาได้ยินสิ่งที่เย้ยหยันเธอแล้วเธอก็ลืมที่จะสงสัยว่าทำไมฉินหยูถึงอยู่กับเย่เชียนที่งานจัดแสดงเครื่องประดับนี้ไปโดยปริยาย “เจ๊ใหญ่หยูก็แกล้งฉันเหมือนกันหรอ..ไอ้คนขี้โกงคนนี้ก็ทำผิดต่อฉันมามากและคุณก็ยังไม่ช่วยฉันอีกด้วย..ฉันยังเป็นน้องสาวของเจ๊อยู่มั้ย” จ้าวหยาพูดอย่างอแงเหมือนเด็ก

 

“เขาทำอะไรเธอ” ฉินหยูถามจ้าวหยาด้วยท่าทางที่หยอกล้อ

 

“ก็เขา..เขาน่ะ..เขาเป็นวัวแก่ที่อยากกินหญ้าอ่อน!” จ้าวหยาตอบอย่างฉุนเฉียว และดูเหมือนว่าเย่เชียนจะไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ดีต่อเธอเลย แต่จ้าวหยาก็ทำได้เพียงแค่โทษเขาด้วยเหตุผลที่เหมือนเด็กน้อยที่งอแง

 

สำนวน : วัวแก่กินหญ้าอ่อน หมายถึง : คนที่อายุมากกว่าอยากมีความสัมพันธ์กับคนที่มีอายุน้อยกว่า

 

เย่เชียนไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือจะร้องไห้ดีและหลังจากเงียบไปครู่หนึ่งเขาก็พูดว่า “ฉันจะเป็นวัวแก่ที่อยากกินหญ้าอ่อนได้อย่างไร..ฉันอายุมากกว่าเธอแค่สี่ปีและนอกจากนี้ทั้งหมดนี่ก็คือสิ่งที่ลุงจ้าวต้องการ และถ้าหากไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้เธอคิดว่าฉันเต็มใจที่จะแต่งงานกับเธองั้นหรอ..ดูเธอสิทั้งรูปร่างหน้าตาเธอไม่มีอะไรดีสักอย่าง..ดูพี่สาวหยูของเธอสิ..เธอดูเป็นผู้หญิงที่งดงามอย่างแท้จริง”

 

“นาย..นาย..อ่าม” จ้าวหยาคว้าแขนของเย่เชียนอย่างโกรธเกรี้ยวและกัดลงไปอย่างแรง “อ๊ะ….” เย่เชียนอดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆและอดทดไม่ให้ร้องออกมา เขาลืมไปสนิทเลยว่าจ้าวหยาเป็นหมาน้อยที่ชอบกัดคน

 

“อาเจ๊คุณเห็นมั้ยล่ะ? คนขี้โกงนี่คอยกลั่นแกล้งฉันเสมอเลย..ช่วยหาความยุติธรรมให้ฉันที” จ้าวหยาพูดหลังจากปล่อยแขนของเย่เชียนและเธอก็ไปจับแขนของฉินหยูแทนและเหวี่ยงออกไปราวกับเด็กที่งอแงเอาแต่ใจ

 

ในความเป็นจริงแล้วพวกเธอทั้งสองคนนั้นเป็นพี่น้องที่สนิทสนมกันจริงๆและมีประสบการณ์ชีวิตหลายอย่างมาด้วยกันทำให้พวกเธอคุ้นเคยกันอย่างดี ถึงแม้ว่าในมหาวิทยาลัยจะไม่มีใครรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของจ้าวหยาและฉินหยูเลย แต่โดยส่วนตัวแล้วฉินหยูก็ถือว่าจ้าวหยาเป็นน้องสาวคนเล็กที่รักของเธอ ดังนั้นโดยปกติแล้วฉินหยูมักจะคอยเอาใจน้องสาวคนนี้ด้วยรักและเอ็นดู เพราะฉินหยูรู้จักจ้าวหยามาเป็นเวลานานแล้วดังนั้นเธอจึงเห็นได้ชัดว่าจ้าวหยานั้นไม่ได้รู้สึกรังเกียจหรืออยากเป็นศัตรูกับเย่เชียนเลย อย่างมากที่สุดก็เพียงเพราะเย่เชียนเรียกตัวเองว่าคู่หมั้นของเธอซึ่งสิ่งนี้มันได้กระตุ้นและยั่วยุให้เธอดื้อรั้นและเอาแต่ใจ ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่เธอเห็นเย่เชียนการแสดงออกของเธอก็จะเปลี่ยนไปโดนสิ้นเชิง

 

ฉินหยูยิ้มแหยงๆและพูดว่า “เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของคู่หนุ่มสาวของพวกเธอทั้งสองคน..ส่วนคนนอกอย่างฉันก็ไม่ควรจะเข้าไปยุ่ง พวกเธอสองคนเหมือนคู่รักทะเลาะกันฉันไม่อยากเข้าไปเป็นก้างขวางคอหรอก แต่ถึงยังไงมันก็ไม่มีอะไรที่ฉันสามารถทำได้เกี่ยวกับคนขี้โกงคนนี้หรอก”

 

“อาเจ๊!หยู..ทำไมคุณถึงต้องแกล้งฉันด้วย..หึ..” จ้าวหยาพูดเสร็จจากนั้นเธอก็หันไปและแกล้งทำเป็นว่ากำลังโกรธเคือง

 

แน่นอนว่าฉินหยูรู้ดีว่าเด็กผู้หญิงคนนี้แค่แกล้งทำเท่านั้น เพราะเธอก็ยังหยอกล้อและเล่นตามฉินหยูอยู่ จากนั้นจ้าวหยาก็เดินออกไปอย่างสบายใจเชิบ ฉินหยูนั้นมีจุดอ่อนของจ้าวหยาจริงๆ

 

“บอส..เรื่องจีบผู้หญิงเนี่ยไม่เปลี่ยนไปเลยนะ” หลี่เหว่ยที่จู่ๆก็โผล่มาข้างๆและพูดอหยอกล้อพร้อมหัวเราะเบาๆอย่างซุกซน

 

ตั้งแต่ที่จ้าวหยามาที่งานโดยปกติแล้วหลี่เหว่ยที่ทำหน้าที่คุ้มกันจ้าวหยาอยู่ก็จะต้องมาที่นี่ด้วยเช่นกัน ดังนั้นเย่เชียนจึงไม่แปลกใจใดๆ เย่เชียนเหลือบมองเขาและพูดว่า “นายรู้ไหมว่าพวกเขากำลังวางแผนจะทำอะไรในงานนี้?”

 

“ผมก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกันบอส..แต่ดูเหมือนว่าพวกนั้นกำลังเตรียมการปล้นเครื่องประดับ!” หลี่เหว่ยตอบอย่างชาญฉลาด

.

ยอดนักรบจอมราชัน

ยอดนักรบจอมราชัน

เรื่องย่อ เขาคือผู้ปกครองที่อยู่เหนือเหล่าทหารรับจ้างและหน่วยรบพิเศษ เขาคือผู้น่าเกรงขามที่สามารถทำให้ผู้นำประเทศแต่ละประเทศถึงกับสั่นคลอน! เพื่อพวกพ้องของเขาแล้วเขาพร้อมที่จะเสียสละตัวเอง เพื่อครอบครัวของเขา..เขาก็ไม่ลังเลที่จะหลั่งเลือด! เขานั้นดุจดั่งมังกรที่ทยานขึ้นเหนือสรวงสวรรค์.. พลังของเขานั้นทำให้ได้มาซึ่งชัยชนะ ไม่ว่าสถานการณ์จะเสียเปรียบและย้ำแย่เพียงใดก็ไม่มีสิ่งใดสามารถหยุดเขาได้ แม้ว่าจะเป็นสายลมหรือผืนน้ำก็ตาม… ————————————– ————————————– ..โปรย.. ชายหนุ่มผู้เป็นดั่งจุดสูงสุดของเหล่าทหารรับจ้าง..ผู้ที่หวนกลับคืนสู่บ้านเกิดเพื่อจะใช้ชีวิตที่แสนธรรมดา..แต่โชคชะตากลับนำพามาเจอแต่เรื่องวุ่นวาย..ชายที่มีนามว่า ‘เย่เชียน’ ถูกขนานนามว่า ‘ราชันหมาป่า’ แต่กลับต้องมาปลอมตัวใช้ชีวิตเป็นเด็กมหาวิทยาลัยเพื่อที่จะปกป้องหญิงสาวจากองกรค์นักฆ่านานาชาติ…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset