ตอนที่ 8 หลินโรโร่ว
เมื่อพวกเขาเดินมาถึงห้องผู้ป่วย เย่เชียนก็เห็นว่าพ่อตื่นแล้วเขาจึงเดินไปหยิบน้ำมาให้
“พ่อตื่นแล้วเหรอครับ เดี๋ยวผมจะเช็ดตัวให้นะ”
“ฉันว่าให้ฉันทําแทนดีกว่าค่ะ” หลินโรโร่วหยิบผ้าเช็ดตัวจากมือของเย่เชียนและชุบน้ำพร้อมกับบิดหมาด ๆ เธอเช็ดใบหน้าพ่อของเขาอย่างละเมียดละไม
“ขอบคุณนะครับ” เย่เชียนตอบหลินโรโร่วอย่างเคอะเขิน แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำสิ่งที่อยากทำให้พ่อของเขา และพ่อของเขาเองก็ขอบคุณเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า หยางเจียนกัวรู้สึกแปลกและไม่เคยชิน เพราะเขาไม่เคยได้รับการดูแลที่ดีจากโรงพยาบาลมาก่อน จากประสบการณ์ในอดีต ส่วนมากหมอและพยาบาลมักจะมีท่าทีรังเกียจเขาเสียมากกว่า ต่างกับนางพยาบาลสาวที่อยู่ตรงหน้าที่ดูพิถีพิถันในการเช็ดหน้าให้เขา
เธอเป็นหญิงสาวที่อ่อนโยนและดูมีคุณธรรม ซึ่งหาได้น้อยนักในสมัยนี้ที่จะมีคนที่ยังให้เกียรติคนชรา หยางเจียนกัวฉุกคิดได้ว่าคนอย่างเย่เชียนคงยังไม่มีแฟนเป็นแน่ และเขารู้สึกถูกชะตากับพยาบาลสาวคนนี้อย่างมาก เขาจึงอยากจะหมายหมั้นหญิงสาวคนนี้ให้เย่เชียนเสียเลย
ด้วยความคิดนี้เอง หยางเจียนกัวจึงยักคิ้วหลิ่วตาส่งสัญญาณให้ลูกชาย แต่เย่เชียนก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่พ่อพยายามจะสื่อถึงเขา เขาทําอะไรไม่ถูกจึงได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ตอบกลับไป
“เสร็จแล้วค่ะ” หลินโรโร่วพูด
“พวกคุณยังไม่ได้ทานอาหารเช้ากันสินะคะ ? ที่โรงพยาบาลมีโรงอาหารอยู่ คุณพ่อจะทานอะไรไหมคะเดี๋ยวฉันจะไปซื้อมาให้” ถึงแม้ว่าเธอจะพูดกับพ่อแต่สายตาของเธอกลับจับจ้องไปที่เย่เชียนที่อยู่ข้าง ๆ แทน
หยางเจียนกัวเห็นสายตาที่พยาบาลสาวมองไปที่ลูกชายของตน เขาจึงตอบกลับอย่างมีความสุขว่า
“โอ้… ดีเลยสาวน้อย เช้านี้ฉันเองก็ยังไม่ได้กินอะไร ถ้าอย่างนั้นฉันคงจะต้องขอรบกวนหนูเสียแล้วล่ะ”
“แต่ว่าห้ามกินเนื้อเป็นอาหารเช้านะคะ มันไม่ดีต่อระบบย่อยอาหาร มันอาจจะทำให้คุณปวดท้องได้ค่ะ” หลินโรโร่วพูดต่อ
“งั้นฉันจะไปซื้อโจ๊กกับขนมปังมาให้นะคะ” พูดกับชายชราจบ สายตาของเธอก็หันกลับไปยังเย่เชียนแล้วถามว่า “แล้วคุณล่ะ อยากกินอะไรคะ ?”
หยางเจียนกัวพยายามส่งสายตาและยักคิ้วให้เย่เชียนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้หนุ่มน้อยนั้นได้เข้าใจความหมายของมันแล้ว เขารีบตอบหลินโรโร่วไปว่า
“เดี๋ยวผมไปกับคุณด้วยดีกว่าครับ”
หลินโรโร่วได้ยินดังนั้น เธอจึงส่งยิ้มหวานให้เย่เชียน
เมื่อทั้งสองคนเดินออกจากห้องไป คนเป็นพ่อก็มองตามหลังพลางพึมพำกับตัวเองเบา ๆ อย่างพออกพอใจ
“ดีมากไอ้ลูกชายของพ่อ พ่ออยากให้เธอมาเป็นลูกสะใภ้ของบ้านเราเสียจริง เธอช่างเป็นคนมีจิตใจงดงามที่หาได้ยากนักในสมัยนี้”
“ขอบคุณสําหรับเมื่อคืนนี้นะครับ” เมื่อออกมาจากห้องผู้ป่วยกันแล้ว เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะพูดขอบคุณเธออีกครั้งพร้อมกับยื่นเสื้อกาวน์คืนให้เธอ
หลินโรโร่วเอื้อมมือมารับไปแล้วยิ้มน้อย ๆ แต่จากนั้นเธอก็เปลี่ยนไปพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจังมากขึ้น
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ เอ้อ… คุณมาเยี่ยมคุณพ่อคุณได้นะคะ แต่ครั้งหน้าฉันไม่อนุญาตให้คุณเอาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้ามาดื่มในเขตโรงพยาบาลนะ และอีกอย่าง พ่อของคุณก็ยังบาดเจ็บอยู่ คุณไม่ควรปล่อยให้ท่านดื่มอะไรพวกนี้เลย”
เย่เชียนถึงกับตกตะลึงไปชั่วครู่กับน้ำเสียงและแววตาที่ดูจริงจังของเธอ เขาตอบกลับอย่างเชื่อฟัง
“ผมขอโทษครับ และผมสัญญาว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีกอย่างแน่นอน”
ดูเหมือนว่าคำตอบของเย่เชียนจะทำให้เธอพึงพอใจอยู่ไม่น้อย เธอจึงถามเขาต่อด้วยความเขินอาย
“ฉันชื่อหลินโรโร่วนะ แล้วคุณล่ะชื่ออะไรเหรอ ?”
“เย่เชียน!”
หลินโรโร่วไม่เข้าใจว่าทําไมเขาถึงต้องตอบกลลับมาแบบห้วน ๆ แต่เธอก็พยักหน้าเล็กน้อยเพื่อตอบรับ
จนถึงตอนนี้ เย่เชียนยังไม่เคยมีความรักที่แท้จริงให้กับใคร ในอดีตเขาผ่านผู้หญิงมามากมายหลายคนทั้งผู้หญิงในหน่วยทหารรับจ้างด้วยกันเอง หรือพวกผู้หญิงจากที่ผับที่บาร์ ส่วนมากคนเหล่านี้มักจะเป็นพวกตรงไปตรงมาทําให้เข้าหาง่าย แต่ทว่าสาวน้อยที่ดูใสซื่อบริสุทธิ์แถมยังจิตใจดีงามแบบนี้ เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าควรพูดหรือวางตัวกับเธออย่างไร
ผ่านไปชั่วครู่ เสียงโทรศัพท์ของเย่เชียนก็ดังขึ้นทำลายบรรยากาศที่น่าอึดอัดใจ เขารีบเปลี่ยนเป็นระบบสั่นในทันทีและเขาก็รู้สึกทำตัวไม่ถูกมากเข้าไปอีก
“ขอโทษนะครับ แต่ผมจำเป็นต้องรับสายนี้” จากนั้นเขาก็รับโทรศัพท์แล้วใบหน้าของเขาก็แน่นิ่งไป
เมื่อหลินโรโร่วเห็นท่าทางของเย่เชียนเปลี่ยนไป เธอก็ถามเขาว่า
“คุณโอเคไหมคะ ? ถ้าคุณมีเรื่องสําคัญคุณควรไปทําก่อนนะ เดี๋ยวฉันดูแลพ่อของคุณให้เองค่ะ คุณไม่ต้องห่วง”
“ขอบคุณครับ เดี๋ยวผมทำธุระเสร็จ ผมจะรีบกลับมาทันทีเลย!” เย่เชียนไม่ปฏิเสธ
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณรีบไปเถอะ ไม่ต้องห่วงทางนี้นะคะ” หลินโรโร่วย้ำ
แม้ว่าเมื่อคืนหลินโรโร่วจะเข้าเวรกะดึก และจนถึงตอนนี้เธอเองก็ยังไม่ได้นอน แต่เธอกลับตัดสินใจมาดูแลพ่อให้เย่เชียน เมื่อเห็นว่าเขาออกไป เธอยืนงงไปชั่วขณะและตกอยู่ในความรู้สึกอันหลากหลายผสมปนเปอยู่ภายในใจของเธอ
“อ้าว ? โรโร่ว ทําไมมายืนอยู่นี่ล่ะ ยังไม่ออกเวรอีกเหรอ ?” นางพยาบาลสาวคนหนึ่งมองหลินโรโร่วด้วยความประหลาดใจ เมื่อเห็นว่าหลินโรโร่วกำลังมองดูแผ่นหลังของเย่เชียนขณะที่เขากำลังเดินออกไป จนเธอยิ้มและพูดขึ้นมาอีกว่า
“อื้อหือ! นี่โรโร่วของเราโตแล้วสินะ เขาคนนั้นเป็นใครมาจากไหนกันล่ะ ? ทำไมถึงมาทําให้โรโร่วของเราตกหลุมรักได้ขนาดนี้ อ๋อ… ฉันว่าเขาจะต้องหล่อเหลาและมีพรสวรรค์มากแน่ ๆ เลยใช่มั้ยล่ะ”
“อย่าพูดอะไรไร้สาระหน่า เธอคิดไปเองคนเดียวทั้งเพ” หลินโรโร่วแย้ง “ฉันไม่ไปกับเธอนะ ฉันจะไปโรงอาหาร”
…
ทางด้านเย่เชียน เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับข่าวเกี่ยวกับผู้ที่ทําให้พ่อบาดเจ็บเร็วขนาดนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะชื่นชมเซียวหลงนู บาร์เทนเดอร์สาวคนนั้น ทันทีที่เธอบอกที่อยู่ของเศรษฐีร่างท้วมแล้ว เธอก็กําลังเตรียมจะชวนเย่เชียนไปหาอะไรกินและเต้นด้วยกันสักหน่อย แต่เย่เชียนกลับเอาแต่ขอบคุณเธอหลายต่อหลายครั้งขณะถือสายซึ่งมันทําให้เธอรู้สึกอึดอัดและหงุดหงิดเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เธอก็รู้สึกดีขึ้นเพราะเหมือนว่าเย่เชียนจะจ่ายเงินส่วนที่เหลือให้เธอเพิ่มมากขึ้นจากเดิม และเธอยังคิดว่าอีกไม่นานก็คงต้องเจอกันอยู่ดีจึงทําให้ใจเธอสงบลง
เธอยิ้มกับตัวเองพลางบอกเขาไป
“โหย! ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันทําให้นายตกหลุมรักไม่ได้!”
เธอไม่กังวลเลยว่าเย่เชียนจะไม่จ่ายส่วนที่เหลือให้เธอ เพราะการจ่ายเงินให้ครบเป็นกฎที่จัดตั้งขึ้นในวงการใต้ดินซึ่งถ้าไม่ทําตามมันจะก่อให้เกิดปัญหาตามมาทีหลัง
เย่เชียนเองก็รู้ถึงกฎพวกนี้ดี อย่างแต่ก่อน เมื่อใดก็ตามที่เขารับงานในฐานะทหารรับจ้าง นายจ้างก็จะจ่ายเงินล่วงหน้าบางส่วนให้เขาก่อนเช่นกันและส่วนที่เหลือก็จะตามมาทีหลังโดยไม่ต้องกลัวเลยว่าจะไม่จ่ายเพราะพวกนายจ้างเองก็ไม่ได้อยากมีปัญหา
เมื่อมาถึงทางเข้าสวนเชียนเจียงแล้ว เย่เชียนก็เดินเข้ามาก่อนจะหยุดลงตามที่เซียวหลงนูบอก เศรษฐีคนนั้นอาศัยอยู่ที่ชั้นหกอาคารซี เย่เชียนยิ้มมุมปากอย่างเยือกเย็นแล้วเดินเข้าไปในตึก
“สวัสดีครับ คุณมาทำอะไรครับ ?” รปภ.ถามขณะที่เห็นเย่เชียนเดินมาถึงทางเข้า
“ผมมาหาเพื่อนครับ” เย่เชียนตอบเรียบ ๆ
“ไม่ทราบว่าคุณมาหาใครครับ ?” รปภ.ถามต่อ
“เจิ้งต้าฟูครับ เขาอยู่ที่ชั้นหกอาคารซี” เย่เชียนได้ชื่อเศรษฐีอ้วนมาจากเซียวหลงนูเช่นกัน
รปถ.พยายามจ้องเย่เชียนที่ดูน่าสงสัยแต่ใบหน้าและท่าทางของเขากลับดูไม่มีพิรุธอะไรเลย เขาจึงส่งปากกาให้เย่เชียนพร้อมกับพูดว่า
“ครับ กรุณาเขียนชื่อและเลขบัตรประชาชนของคุณลงไปด้วยนะครับ”
เย่เชียนเขียนชื่อและเลขบัตรประชาชนของเขาอย่างระมัดระวัง เขาคิดว่ารปภ.คนนี้ก็ไม่ได้ประมาทมากนัก แต่อย่างไรก็ตาม เขาไม่รู้หรอกว่าแท้ที่จริงแล้วรปภ.ยังคงประมาทอยู่ เพราะกรณีนี้รปภ.รู้ดีว่าตัวเขาไม่สามารถยืนยันได้อยู่ดีว่าข้อมูลที่เย่เชียนเขียนมาเป็นข้อมูลจริงหรือปลอม เขาให้เขียนเพราะมันเป็นเพียงแค่พิธีการเท่านั้นเอง
รปภ.เปิดประตูให้เย่เชียนเข้าไปง่าย ๆ
เมื่อเย่เชียนเข้าไปในตึกได้ เขาก็เริ่มสํารวจรอบ ๆ และบังเอิญเห็นเศรษฐีร่างท้วมยืนอยู่ตรงระเบียงกับเด็กสาวที่ยังวัยละอ่อนคนหนึ่ง เด็กสาวคนนั้นอยู่ในชุดชั้นในสีขาวสุดเซ็กซี่ ส่วนเศรษฐีอ้วนอยู่ในชุดนอนสีกรม เด็กสาวโน้มตัวอยู่ข้างหน้าเศรษฐีอ้วน หัวและตัวของเธอกําลังโยกไปมาหน้าหลังสลับกันไป ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพวกเขากำลังทําอะไรกันอยู่!