ไม่จำเป็นต้องพูดว่าหวังปิงจัดการเรื่องนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่มีความผิดพลาดเแม้แต่นิดเดียว ในวันที่สองหลังจากได้รับหลักฐานการก่ออาชญากรรมและการรับสินบนของอู่หยางเฉิงนั้น เขาได้ส่งสมาชิกจากพรรคของตัวเองไปปราบปรามสมาชิกของอู่หยางเฉิงทั้งหมดและอู่หยางเฉิงก็ถูกเรียกให้ไปที่คณะกรรมการตรวจสอบวินัยเพื่อรับการสอบสวนภายใน อู่หยางเฉิงไม่สามารถทำอะไรได้เนื่องจากหวังปิงเป็นผู้ออกคำสั่งเป็นการส่วนตัวโดยลงโทษอย่างเคร่งครัดเนื่องจากเป็นการฆาตกรรมโดยมีพยานหลักฐานอย่างครบถ้วนสมบูรณ์แบบ ส่วนอู่หยางเทียนหมิงถูกตัดสินให้จำคุกยี่สิบห้าปีเต็มโดยไม่มีการลดหย่อยโทษใดๆ
เมืองเซี่ยงไฮ้ทั้งเมืองที่เคยคลั่งไคล้และยกยออู่หยางเทียนหมิงที่เป็นหนึ่งสี่หนุ่มผู้องอาจและเพรียบพร้อมของเซี่ยงไฮ้และตอนนี้เขาก็ได้คืนสู่สามัญจากฟ้าสู่เหว เขาไม่ใช่คนที่จะยอมรับความแค้นและความร้าวฉานที่ต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไป เขาสาบานกับตัวเองว่าหากเพียงแค่เขาออกมาได้สักวันหนึ่งเขาจะส่งเย่เชียนไปที่ประตูนรกอย่างแน่นอน สำหรับการติดคุกนั้นเขาไม่ได้กังวลเป็นพิเศษเกี่ยวกับเรื่องนี้และเขายังเชื่อว่าพ่อของเขาจะสามารถพาเขาออกจากคุกนี้ได้โดยเร็ววัน เพราะท้ายที่สุดแล้วก็ไม่มีใครรู้อย่างชัดเจนได้ว่าเครือข่ายของอู่หยางเฉิงนั้นกว้างขวางแค่ไหน เพราะอู่หยางเฉิงยังต้องการที่จะกลับมาอยู่ในอำนาจอีกครั้งและเมื่อถึงครานั้นเขาก็จะสามารถเดินออกจากคุกได้อย่างสง่างาม
เรือนจำนั้นเป็นสถานที่ที่ไม่ใช่สำหรับทุกคน มันเต็มไปด้วยอาชญากรจากทุกหนทุกแห่งและอู่หยางเทียนหมิงที่ไม่มีประสบการณ์ใดๆเลยและพ่อของเขาก็ต้องล้มละลายตั้งแต่นั้นมาเขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ทำได้แค่ต้องทนทุกข์ทรมานกับการปฏิบัติที่ไร้มนุษยธรรมในเรื่อนจำแห่งนี้ อู่หยางเทียนหมิงที่เคยโออ่าวางมาดและหยิ่งผยองทว่าตอนนี้เขาก็เริ่มมืดมนอย่างมากไปกับความอัปยศอดสูที่สามารถเปลี่ยนคนจากแสงสว่างให้เป็นความมืดมิดได้และในขณะที่เขาก็กำลังหลงทางอยู่ในความมืดนั้น อู่หยางเทียนหมิงเริ่มมีความอัปยศอดสูที่ค่อยๆคลืบคลานและกลืนกินจนครอบงำตัวเขาดั่งห้วงนรกอันมืดมิดของปีศาจ
ณ ในบ้านพักของฉินหยูนั้นเย่เชียนเอนตัวลงนอนสบายๆบนโซฟาและไขว่ขาอย่างผ่อนคลายสบายใจมาก
“อะไรนะ? เขาจะอยู่ที่นี่เหรอ” จ้าวหยาพูดด้วยความตกตะลึงเมื่อได้ยินฉินหยูพูดว่าเย่เชียนจะอยู่กับพวกเธอไปอีกสักระยะหนึ่ง
เย่เชียนยิ้มอย่างมีความสุขและพูดว่า “ต่อไปเราจะอยู่ด้วยกันภายใต้ชายคาเดียวกันแล้วนะ..อย่าหลงใหลในเสน่ห์ของฉันล่ะ”
“ไม่!..ฉันไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้” จากนั้นจ้าวหยาก็พูดขึ้นมาอีกว่า “อาเจ๊..ทำไมถึงยอมให้คนขี้โกงคนนี้มาอยู่กับเราที่นี่ล่ะ? ถ้าเกิดอะไรขึ้นคุณจะทำยังไง? เค่อเอ๋อพี่เห็นด้วยกับฉันใช่มั้ย”
หูวเค่อยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “ฉันไม่รู้” เพราะเธออยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเย่เชียนให้มากขึ้นและอยากจะรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเย่เชียน แต่เธอก็รู้ว่าเย่เชียนนั้นจะไม่ง่ายขนาดนั้น การอยู่ร่วมกันเป็นวิธีที่เร็วที่สุดในการทำความเข้าใจกับเย่เชียนเพราะพวกเธอจะได้เห็นเย่เชียนทุกๆวันและบางทีเขาอาจจะเปิดเผยบางสิ่งบางอย่างไม่มากก็น้อยโดยที่เขาไม่รู้ตัว
“หยาเอ๋อ..หยุดส่งเสียงเอะอะโวยวายซะที..เย่เชียนเป็นบอดี้การ์ดของฉันและเขาจะปกป้องพวกเราทั้งสามคนในอนาคต” ฉินหยูพูดอย่างจริงจัง
“บอดี้การ์ด?” จ้าวหยาถามด้วยความประหลาดใจ แต่เมื่อเธอนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในงานราตรีเธอก็คิดว่าดูเหมือนว่าเย่เชียนจะมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะปกป้องพวกเธอและไม่เพียงแค่นั้นเพราะดูเหมือนว่าทักษะของเขาจะดีเสียจนไม่สามารถเอาใครคนอื่นมาเปรียบเทียบกับเขาได้เลยแม้แต่น้อย และเมื่อเธอนึกย้อนกลับไปที่ครั้งแรกที่เธอพบกับเย่เชียนเธอขู่เขาและบอกว่าเธอเป็นนักเทควันโด้หกดั้งนั้นซึ่งมันไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลยแม้แต่น้อย
“เย่เชียนเนื่องจากเธอจะต้องอาศัยอยู่ที่นี่ในอนาคต..ฉันจึงมีเรื่องที่ต้องบอกให้เธอรู้..ดังนั้นฉันจะอธิบายให้ชัดเจนนะ..ชั้นสามเป็นห้องของฉันและหยาเอ๋อ..และเธอก็ห้ามไปที่นั่นโดยเด็ดขาด ส่วนห้องนอนของเธออยู่ที่ชั้นสองและก่อนเข้าห้องน้ำทุกครั้งเธอจะต้องเคาะประตูก่อนทุกครั้งและห้ามเดินไปไหนมาไหนในบ้านโดยไม่ใส่เสื้อผ้าและเธอก็จำเอาไว้ด้วยล่ะว่าห้ามพาผู้หญิงคนไหนเข้ามาที่บ้านหลังนี้!” ฉินหยูพูดอย่างจริงจังและเคร่งขรึม
เย่เชียนไม่มีความคิดเห็นใดๆและฟังอย่างโดยดีมีเพียงพยักหน้าตอบเท่านั้น
เนื่องจากสิ่งต่างๆมาถึงจุดนี้แล้วจ้าวหยาก็หมดหนทางและพูดอะไรไม่ได้แล้ว ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเธอไม่ได้รังเกียจเย่เชียนเลยแม้แต่น้อยแต่เธอกลับรู้สึกตรงกันข้ามกันต่างหาก..
ค่ำวันนั้นดำเนินไปอย่างสงบราบรื่นหญิงสาวทั้งสามคนกำลังนั่งดูละครอยู่ในห้องนั่งเล่นชั้นสาม ในด้านของเย่เชียนเขากำลังคุยโทรศัพท์กับพ่อของเขาและอธิบายว่าเขาจะอาศัยอยู่ที่อื่นชั่วคราว พ่อของเขาก็ไม่ได้พูดอะไรมากเขาแค่บอกให้เย่เชียนดูแลตัวเองดีๆเท่านั้น
จากนั้นเย่เชียนก็โทรไปหาจ้าวเทียนห่าวเขาเพียงแค่ถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของเขาว่าเป็นเช่นไรบ้าง และที่เขาได้พบกับมือสังหารขององค์กรเซเว่นคิลในคืนก่อนหน้านั้นเขาไม่ได้สักถามมือสังหารคนนั้นว่าผู้ว่าจ้างของเขาคือใครเพราะเย่เชียนเข้าใจกฎเหล็กที่มือสังหารปฏิบัติตามเป็นอย่างดีและการขายข้อมูลเกี่ยวกับผู้ว่าจ้างนั้นเป็นสิ่งที่โลกของมือสังหามิอาจยอมรับได้
จ้าวเทียนห่าวที่เป็นที่รู้กันว่าเขามีไหวพริบและสมองอันชาญลาดและมีชื่อเสียงในเซี่ยงไฮ้ ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาเขาสามารถป้องกันตัวเองและเริ่มการสืบสวนผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังของการลอบสังหารเขา และนอกจากนี้เขายังเลื่อนตำแหน่งให้ฟูจุนเชิง,จ้าวไถ่จู้และหวันชุนหัว อย่างเป็นทางการในแผนกรักษาความปลอดภัยของบริษัทเทียนหยากรุ๊ปให้อยู่ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่อาวุโสพิเศษของแผนก จ้าวเทียนห่าวและเย่เชียนมั่นใจว่าตั้งแต่การลอบสังหารล้มเหลวไปศัตรูจะไม่เคลื่อนไหวใดๆอีกอย่างแน่นอน และจ้าวหยาและจ้าวเทียนห่าวก็ปลอดภัยแล้วในตอนนี้
แต่สิ่งที่เย่เชียนกังวลก็คือฉินหยูเพราะเกี่ยวกับภูมิหลังของครอบครัวฉินหยูนั้นเย่เชียนไม่รู้อะไรเลย แต่ครั้งล่าสุดจากเหตุการณ์ที่งานราตรีนั้นเย่เชียนเชื่อว่าทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความบังเอิญและไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งมักจะมีคนคอยสะกดรอยตามฉินหยูอยู่ในความมืด แต่ถึงยังไงต่างคนก็ต่างเคลื่อนไหวกันแต่ทว่าอย่างไรก็ตามหลี่เหว่ยนั้นกำลังไล่ล่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังอยู่ และยิ่งเป็นหลี่เหว่ยแล้วที่เป็นถึงนักล่าอันดับหนึ่งประจำหน่วยเขี้ยวหมาป่าและเย่เชียนก็เชื่อว่าหลี่เหว่ยจะสามารถค้นหาคนอื่นๆที่เกี่ยวข้องได้ทั้งหมดในทันทีและถ้าหลี่เหว่ยพบคนๆนั้นได้ล่ะก็เขาก็จะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดได้โดยสมบูรณ์
กล่าวอีกนัยหนึ่งถึงแม้ว่าเย่เชียนจะรับหน้าที่เป็นผู้คุ้มกันแต่ในความเป็นจริงงานของเขาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรเลย
เช้าวันรุ่งขึ้นนั้นเย่เชียนที่คุ้นเคยกับการตื่นแต่เช้าและออกไปวิ่งเพื่อฟิตร่างกายและเนื่องจากมันเป็นวันอาทิตย์ฉินหยูและจ้าวหยาไม่จำเป็นต้องไปมหาวิทยาลัย เย่เชียนจึงคิดว่าพวกเธอคงยังนอนอยู่บนเตียงอย่างสบายใจเฉิบอยู่อย่างแน่นอน ดังนั้นเย่เชียนจึงสามารถวิ่งไปรอบๆได้อย่างสบายใจและเมื่อกลับมาก็พบว่าหูวเค่อแต่งตัวเรียบร้อยแล้วและกำลังเดินลงจากบันไดช้าๆ
“สวัสดีตอนเช้า!” เย่เชียนทักทายเธอพร้อมยิ้มอ่อนๆ
“คุณตื่นเร็วนะคะ” หูวเค่อยิ้มหวานและตอบกลับ
“มันชินจนติดเป็นนิสัยน่ะ ฮ่าๆ” จากนั้นเย่เชียนก็ถามต่ออีกว่า “วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์แต่คุณยังต้องไปทำงานอยู่อีกหรอ?”
“อ๋อ..ฉันมีประชุมสำนักงานน่ะฉันจึงต้องไปด้วยตัวเองน่ะ” หูวเค่อตอบอย่างยิ้มแย้ม
“โอ้!..” เย่เชียนพยักหน้าและพูดว่า “มีอะไรให้ผมช่วยมั้ย?”
หูวเค่อยิ้มอย่างอ่อนโยนพูดว่า “ไม่เป็นไรค่ะ..มันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยน่ะ..อ้อมีโทรศัพท์อยู่บนโต๊ะกาแฟในห้องนั่งเล่น คุณสามารถโทรเพื่อสั่งอาหารมากินที่บ้านได้นะถ้าหากคุณหิว..ฉันขอตัวก่อนนะ!”
หลังจากพูดเสร็จหูวเค่อก็ออกจากบ้านไปอย่างช้าๆเนิบๆ หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของรถดังขึ้นและไกลออกไปเรื่อยๆ เย่เชียนอดไม่ได้ที่จะยิ้มเล็กน้อยและพึมพำกับตัวเองว่า “นางฟ้าตัวน้อยนี่..เห้อ..จริงๆเล้ย”
หลังจากวอร์มร่างกายให้สดชื่นขึ้น เย่เชียนก็ไม่ได้โทรสั่งอาหารมากินที่บ้านแต่เขาไปที่ห้องครัวเพื่อค้นหาของอยู่เนิ่นนานและเริ่มวุ่นวาย
.