หลี่ฮ่าวเงียบไปครู่หนึ่งและพูดว่า “พี่สองพี่บอกผมมาสิว่าพี่อยู่ที่ไหนผมจะได้ไปรับพี่”
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวฉันไปเอง..แค่บอกที่อยู่มา” เย่เชียนพูด
“ได้ๆ..เจอกันสิบโมงเช้าที่สโมสรเจิดจรัสห้องVIPเบอร์สอง” หลี่ฮ่าวพูดต่ออีกว่า “พี่สองห้ามมาสายเลยนะพี่!”
“มั่นใจได้เลย..ฉันจะไปตรงเวลา” หลังจากพูดจบเย่เชียนก็วางสายไป และเมื่อคิดอยู่ครู่หนึ่งสักพักเย่เชียนก็ดูโทรศัพท์มือถือของและกดไปที่เบอร์โทรศัพท์ของหลี่เหว่ยแล้วพูดว่า “หลี่เหว่ย!..เตรียมของขวัญให้ฉันที..ขอแพงๆแต่อย่าหรูหราเกินไป ส่วนจะเป็นอะไรนั้นนายจัดการเลือกเอาเลย”
“บอสจะให้ใคร?” หลี่เหว่ยถาม
“รองผู้ว่าการเทศบาลเมืองหวังปิง!” เย่เชียนตอบ
“ไม่มีปัญหาบอส..ต้องการเมื่อไหร่” หลี่เหว่ยถาม
“ก่อนเก้าโมงเช้า..นำมันไปที่โรงแรมไฮแอทแล้วรอฉันอยู่แถวๆทางเข้า” เย่เชียนพูด
“ได้บอส..เดี๋ยวผมจัดให้” หลังจากที่หลี่เหว่ยพูดจบเขาก็รีบวางสายไป มันควรจะแพงและมีระดับแต่ก็ต้องไม่เว่อวังอลังการมากนัก แต่สำหรับหลี่เหว่ยนั้นค่อนข้างจะลำบากพอสมควรเพราะหลี่เหว่ยกลัวการให้ของขวัญแก่ใครๆมากที่สุดและยิ่งไปกว่านั้นหากเป็นการมอบของขวัญให้กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงแล้วมันก็หลายวิธีและและปัญหาหลายๆอย่างและความไม่ชอบตรงตามริสนิยมเพราะของขวัญมันต้องเข้ากับรสนิยมของพวกเขาด้วยแต่ก็ยังต้องเป็นไปตามความเหมาะสมกับสถานะของผู้ให้
“คุณตื่นแล้วหรอ?” ขณะที่เย่เชียนยืนขึ้นและกำลังจะกลับไปที่ห้องนอนเขาเห็นหลินโรวโร่วยืนอยู่ข้างประตูห้องนอนใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนและอ่อนหวานอย่างมีความสุข
เย่เชียนเดินเข้าไปสวมกอดเธอแล้วจูบปากของเธอเบาๆจากนั้นก็พูดว่า “คุณหิวไหม? ผมจะเรียกบริกรมาส่งอาหารเช้า”
หลินโรวโร่วส่ายหัวเบาๆและพูดว่า “ฉันไม่หิวคุณล่ะหิวไหม? หรือจะไปบ้านฉันแล้วฉันจะได้ทำอาหารให้คุณ”
“เกรงว่าจะไม่ได้แล้วเพราผมมีนัดกับรองผู้ว่าการหวัง..เพราะงั้นคืนนี้ผมจะไปที่บ้านของคุณและคืนนี้ผมก็คันปากมากผมจะจู้จี้จุกจิกหน่อยนะคุณอาจจะต้องเตรียมตัวเตรียมใจสักหน่อย” เย่เชียนพูดและฉีกยิ้ม
“ถ้าคุณมีธุระก็ไปทำก่อนเดี๋ยวฉันจะรอคุณอยู่ที่บ้านของฉันคืนนี้นะ” หลินโรวโร่วพูดและครุ่นคิด
เย่เชียนยิ้มอย่างมีความสุขและพูดว่า “แต่ตอนนี้เรายังพอมีเวลาอยู่ถ้างั้นเรามาสนุกกันเถอะ” หลังจากพูดอย่างนั้นเย่เชียนก็มองหน้าหลินโหรวและกระโจนเข้าใส่เธอ “อ๊า… “ หลินโรวโร่วลั่นออกมาเสียงดังและกระโดดวิ่งหนีจากนั้นทั้งสองคนก็กำลังต่อสู้กันอยู่ในห้องและเอาหมอนและผ้าห่มหรืออื่นๆไล่ตีกันและอะไรก็ตามที่หลินโรวโร่วหยิบได้เธอโยนมันใส่เย่เชียนทุกอย่าง ทั้งคู่เล่นกันอย่างสนุกสนานตลอดเวลา
หลินโรวโร่วไม่เคยมีความสุขเหมือนเมื่อคืนและวันนี้มาก่อนความซุกซนและความไร้เดียงสาของหญิงสาวก็ถูกเปิดเผยและระเบิดมันออกมาอย่างสนุกสนานอย่างไม่ต้องสงสัย ในที่สุดหลินโรวโร่วก็ไม่สามารถหลบหนีจากเงื้อมมือที่ชั่วร้ายของเย่เชียนได้เธอถูกเย่เชียนกอดเอาไว้และทั้งสองก็กลิ้งไปบนเตียง เมื่อสัมผัสกันอย่างใกล้ชิดทั้งสองคนก็นอนลงอย่างเงียบๆมีแต่ลมหายใจ
“เย่เชียน..ตลอดชีวิตของฉันฉันไม่เคยมีความสุขเท่าสองวันที่ผ่านมานี้เลย..ขอบคุณนะ” หลินโรวโร่วพูดพร้อมกับมองไปที่เย่เชียนอย่างอ่อนโยน
เย่เชียนหันหน้ามาหาเธอและยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “ยัยโง่..มันไม่ใช่แค่วันนี้หรอก..เรายังมีพรุ่งนี้และวันมะรืนและวันอื่นๆและวันต่อๆไปทุกวัน..จากนั้นผมจะทำให้คุณมีความสุขเหมือนที่เป็นอยู่ตอนนี้ในทุกๆวัน”
“ฉันเชื่อคุณ!” หลินโรวโร่วยิ้มอย่างมีความสุขและเธอเอาหน้าของเธอซบไปที่หน้าอกของเย่เชียน
พอใกล้เวลาเก้าโมงเช้าแล้วทั้งสองก็แต่งตัวและจะออกจากโรงแรมพวกเขาเดินไปยังลิฟต์และเมื่อพวกเขาไปถึงล็อบบี้ของโรงแรมหลินโรวโร่วก็แสดงออกอย่างผ่าเผยอย่างอ่อนโยนที่โอบกอดเย่เชียนอย่างใกล้ชิดพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูมีความสุขที่เอ่อล้นอยู่ทั่วใบหน้าของเธอ และพูดคุยกับเย่เชียนบางครั้งและหัวเราะกันคิกคักอย่างสนุกสนาน
เย่เชียนชอบตัวเธอที่เป็นอยู่ในตอนนี้มากโดยปราศจากความกังวลใดๆและมีความซุกซนน่ารักไร้เดียงสาและไร้ความเศร้าโศรกใดๆของเด็กผู้หญิงธรรมดาๆที่จะเป็น เมื่อออกจากประตูโรงแรมเย่เชียนก็กวาดสายตามองไปทั่วบริเวณและพบว่าหลี่เหว่ยกำลังถือกระดาษม้วนหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นภาพวาดอะไรบางอย่างอยู่ เขาอยู่นั่งยองๆอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางที่ดูหยาบคายและน่าสมเพชมากและบางครั้งเขาก็มองไปที่พวกสาวๆที่เดินผ่านไปมารอบๆเขาพร้อมกับดวงตาที่ไร้ชั่วร้ายและหื่นกามและผิวปากเป็นครั้งคราวทำให้เขาดูเหมือนอันธพาลตัวน้อยๆ
“คุณรู้จักเขาหรอ?” หลินโรวโร่วถามอย่างสงสัย
เย่เชียนพยักหน้าและพูดว่า “เขากับฉันเราสองคนเป็นดั่งพี่น้องของเขี้ยวหมาป่า” จากนั้นเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวเพราะความละอายใจกับหลี่เหว่ย และจูงมือหลินโรวโร่วแล้วเดินไปเตะหลี่เหว่ยเบาๆจากนั้นก็พูดว่า “นายเอาของมาหรือยัง?”
หลี่เหว่ยหัวเราะอย่างซุกซนและยื่นม้วนกระดาษในมือของเขาที่ดูเหมือนจะเป็นภาพวาดอะไรบางอย่างและพูดว่า “นี่เป็นผลงานชิ้นเอกและมันเป็นของแท้ของถังป๋อหู และผมรู้มาว่าหวังปิงเป็นคนชอบวาดภาพและการประดิษฐ์อักษรเพราะฉะนั้นเขาต้องชอบอันนี้แน่นอน” จากนั้นเขาก็หันไปมองที่หลินโรวโร่วพร้อมกับยิ้มกว้างๆและพูดว่า “พี่สะใภ้..บอสของพวกเราคงเงอะงะทำอะไรไม่ถูกเมื่อคืนนี้แน่ๆเลยใช่มั้ย?..ผมบอกเขาไปก่อนหน้านี้แล้วว่าให้เขาซ้อมก่อนลงสนามจริง..แต่เขาก็ไม่ฟังผมเลย..เขาต้องเสียหน้าแน่ๆเลยเมื่อคืนนี้ฮ่าฮ่า”
หลินโรวโร่วเธอไม่เคยถูกหยอกล้อเรื่องแบบนี้ที่ไหนมาก่อนเลยเธอจึงหน้าแดงก่ำกระจายไปทั่วใบหน้าทันทีและเธออายจนอยากจะหาหลุมสักที่และมุดไปแอบอยู่ในนั้น
“ไอ้หนู..อย่ามาทำขายหน้าที่นี่” เย่เชียนพูดพร้อมกับเตะไปที่หลี่เหว่ย
หลี่เหว่ยรีบหลบและวิ่งหนีออกไปในทันทีและหลังจากหลบลูกเตะของเย่เชียนได้เขาก็หันหน้ากลับมาและหัวเราะเยาะเย้ยอย่างซุกซนและพูดว่า “บอสก็คือบอสอยู่วันยันค่ำ..เห้อ..ผ่านไปตั้งคืนนึงแล้วยังมีเรี่ยวแรงอยู่อีกเหรอ..ดูเหมือนว่าพี่สะใภ้คงจะขยันไม่พอ” หลังจากพูดแบบนี้จบหลี่เหว่ยก็รีบวิ่งหนีอย่างใจจดใจจ่อเขาไม่รีรอให้เย่เชียนมากระทืบเขาอย่างแน่นอน
เมื่อมองไปที่ร่างของหลี่เหว่ยที่วิ่งหนีอย่างซุกซนและจู่ๆก็หายวับไปต่อหน้าต่อตาหลินโรวโร่วก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาและพูดว่า “เขาน่ารักมาก!”
เย่เชียนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะลั่นและคิดในใจว่า เขาน่ารักงั้นเหรอ? ถ้าหลินโรวโร่วได้เห็นตอนที่หลี่เหว่ยฆ่าใครสักคนแล้วล่ะก็เธอจะไม่สามารถคิดแบบนี้ได้อีกต่อไปเขาจึงพูดว่า “อย่ามองว่าเด็กคนนี้จะเทอะทะและซุกซนแบบนี้ เพราะเมื่อไหร่ที่เขาต้องปฏิบัติภารกิจเขาจะขยันและมุ่งมั่นมากและยิ่งไปกว่านั้นผมไม่สามารถเรียนรู้ทักษะของเขาได้เลยเพราะพรสวรรค์ของเขานั้นเขาเกิดมาเพื่อเป็นนักล่าที่แท้จริง” เย่เชียนพูดอย่างดุดัน
เมื่อเธอได้ยินเย่เชียนพูดว่านักล่าเธอก็ไม่เข้าใจ และนักล่าควรมีสัมผัสการดมกลิ่นที่ดีเหมือนสุนัขและเจ้าเล่ห์เหมือนจิ้งจอกและดุร้ายเหมือนหมาป่าและเก่งในการตามล่าเหยื่อ ดังนั้นหลี่เหว่ยจึงมีลักษณะและทักษะแบบนี้ ตราบใดที่เขาเฝ้ามองศัตรูแล้วล่ะก็นั่นหมายความว่าแทบจะไม่มีใครสามารถรอดจากเงื้อมมือของเขาไปได้
จากนั้นเขาก็โบกมือและเรียกแท็กซี่ “ผมจะไปส่งคุณที่โรงพยาบาลก่อน” เย่เชียนพูด
“ไม่เป็นไร..ฉันจะกลับเอง คุณมีธุระของคุณก็ไปทำเถอะไม่ต้องห่วงฉัน” หลินโรวโร่วพูดด้วยความเกรงใจ
“ไม่ๆผมยังมีเวลาอยู่..ไปกันเถอะ!” เย่เชียนจับแขนเธอและพาขึ้นรถแท็กซี่และหลังจากบอกที่อยู่ให้คนขับแล้วคนขับก็ออกรถและขับตรงไปที่โรงพยาบาลเหรินหมิน
หลังจากที่เขาส่งหลินโรวโร่วถึงโรงพยาบาลแล้วและตอนนี้ก็ใกล้จะเก้าโมงครึ่งแล้วเย่เชียนก็ไม่กล้าที่จะเรื่อยเปื่อยอีกต่อไปจากนั้นเขาบอกคนขับรถให้พาเขาไปที่สโมสรเจิดจรัสและนี่ก็เป็นการพบกันอย่างเป็นทางการครั้งแรกเพราะฉะนั้นเชียนจึงไม่ต้องการที่จะดูไร้มารยาทมากเกินไปเย่เชียนก็คิดเช่นกันว่าสุดท้ายแล้วเขาก็คงจะต้องคบหากับหวังปิงไปอีกนานและต้องพบอีกหลายครั้งในอนาคต และมันจะเป็นการที่ดีกว่าที่จะมีพันธมิตรเพิ่มมาหนึ่งคนมากกว่าการเพิ่มศัตรูมาหนึ่งคนและยิ่งไปกว่านั้นพันธมิตรที่เป็นส่วนหนึ่งของระบบราชการและคนของรัฐบาลในอนาคตนั้นการทำสิ่งต่างๆมากมายจะกลายเป็นเรื่องที่สะดวกมากขึ้นอย่างยิ่งและไม่ว่าประเทศใดก็ตามการพัฒนาองค์กรไม่สามารถขาดการสนับสนุนของรัฐบาลได้ และประเทศจีนก็ไม่มีข้อยกเว้นนี้เช่นกัน และหากว่าเขี้ยวหมาป่าต้องการขยายสาขาในเมืองเซี่ยงไฮ้ในอนาคตแล้วล่ะก็แน่นอนว่าจะต้องขึ้นอยู่กับความภาคภูมิและสัมพันธ์ที่ดีของหวังปิงเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าเขี้ยวหมาป่านั้นจะดูเหมือนองกรค์หรือบริษัทเป็นประเภทการรับประกันความปลอดภัยของสาธารณะจากภายนอกเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามเป้าหมายของเย่เชียนก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม..
.