บทที่ 134 แลกเปลี่ยน (8)
แตกต่างจากความตื่นเต้นตกตะลึงของพวกเขา พวกไป๋จิ้งหนังศีรษะชาวาบ ขณะจ้องมองลู่เซิ่งที่เดินเข้าหาพวกเขา
โดยไม่รู้เหนือรู้ตัว ทั้งสามคนไม่ผ่อนคลายเช่นก่อนหน้า โดยเฉพาะหลังจากชายร่างกำยำผิวทองแดงถูกลู่เซิ่งฟันตายในหนึ่งดาบ ไป๋จิ้งกับเฉวียนฮวนเป็นสองคนที่แข็งแกร่งในนี้ กลับสำนึกตัวว่าหากเจอดาบนั้น ไม่มีทางรอดได้
“ประมุขพรรคลู่… ท่านจะเปิดศึกกับจวนอู๋โยวของพวกเราเต็มกำลังหรือ ท่านเป็นตัวแทนตระกูลซั่งหยาง หรือเป็นท่าทีของพรรควาฬแดง” ไป๋จิ้งก้าวถอยหลังไปสองก้าว สีหน้าตึงเครียด ถามเสียงทุ้ม
ลู่เซิ่งเหมือนกับภูเขากล้ามเนื้อขนาดย่อม ถือดาบคู่ หนึ่งก้าวประทับหนึ่งรอยเท้า สำหรับเขาในตอนนี้ พื้นหญ้าหนาคล้ายกับบึงน้ำ ถูกน้ำหนักกดทับจนยุบลงบางส่วน
“ท่าทีหรือ ของพวกนั้นไม่สำคัญ” เขาถือดาบ ปราณภายในที่หมุนวนอยู่บนดาบเหมือนกับเปลวเพลิงไร้รูปร่างที่ลุกไหม้
“ที่สำคัญก็คือ ตอนนี้พวกเจ้าทั้งหมดต้องตาย!”
ตูม!
พริบตานั้น ลู่เซิ่งหายไปจากที่เดิม ร่างกายหนักอึ้งใหญ่โตของเขาระเบิดขึ้นในพริบตา เร็วจนสุดเปรียบปาน
ทำให้คนทั้งสามคนที่จ้องมองเขาตอบสนองไม่ทัน
เปรี้ยงๆ!
เฉวียนฮวนกับทูตเขตแดนอีกคนโดนกระบวนท่าโจมตีแทบพร้อมกัน ถูกดาบใหญ่สองเล่มฟันกระเด็นออกไป คอหักดังกร๊อบ กลิ้งไปกับพื้น ลุกขึ้นไม่ได้
เลือดสาดกระจาย ย้อมพื้นป่าเป็นสีแดง
เงาร่างลู่เซิ่งโผล่ขึ้นเหนือร่างของไป๋จิ้ง ร่างกายมหึมาเกือบสามหมี่ของเขากระโดดขึ้นกลางอากาศ ตบสองมือใส่ศีรษะของไป๋จิ้ง เงามืดที่สาดลงมาถึงขั้นปกคลุมไป๋จิ้งไว้ด้านใน
ถ้าครั้งนี้ตบโดน ศีรษะไป๋จิ้งจะระเบิด ดับดิ้นในพริบตาเหมือนแตงกวาที่ถูกบดจนแตก
ต่อให้นางฟื้นฟูได้เร็ว แต่เยื่อดำเมื่อถูกทำลาย จะสูญเสียพลังป้องกัน โดนปราณภายในของลู่เซิ่งแผดเผา สุดท้ายได้แต่กลายเป็นฝุ่นผง
“นางแอ่น!” ไม่ทันให้ได้คิด ไป๋จิ้งกรีดร้อง บิดร่างกลายเป็นนกสีขาวสูงเท่าครึ่งคน หลบรอดฝ่ามือของลู่เซิ่งอย่างหวุดหวิด
ตูม!
พื้นที่ที่นางยืนอยู่ตอนแรกระเบิดเป็นหลุมใหญ่ในทันที หญ้าและดินโคลนกระเด็น ไม่ทันไรก็ดำเกรียม เพราะถูกปราณภายในอุณหภูมิสูงแผดเผา
“ไม่! ท่านสังหารข้าไม่ได้!” ไป๋จิ้งกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว รีบบินสูงขึ้นไปในอากาศ
บินไปได้ไม่กี่หมี่ ก็ถูกลู่เซิ่งที่ไล่ตามมาด้านหลังคว้าขาหลังไว้ได้ แล้วฟาดลงกับพื้นอย่างรุนแรง
ตูม!
เสียงดังกึกก้อง
บนมือลู่เซิ่งเหลือแต่ขานกครึ่งหนึ่ง ส่วนที่เหลือถูกกระแทกเป็นเนื้อเหลว ในหลุมใหญ่บนพื้นเป็นของผสมระหว่างเลือดเนื้อกับดินโคลน
ลู่เซิ่งโยนขาทิ้งไป เดินไปหาทูตเขตแดนอีกสองคนที่ดิ้นรนฟื้นฟูตัวเองบนพื้น
เป็นเฉวียนฮวนกับสตรีวัยกลางคนอีกคนหนึ่ง
“ประมุขพรรคลู่! ประมุขพรรคลู่! มีคำกล่าวพูดกันดีๆ พูดกันดีๆ!” เฉวียนฮวนเดิมทีใบหน้าไม่มีสีเลือด ตอนนี้ซีดขาวราวหิมะ สภาพอเนจอนาถ
“จวนอู๋โยวของเราไม่มีความแค้นกับท่าน ท่านไม่มีเหตุผลให้ฆ่าพวกเราจนหมดสิ้นเช่นกัน ถ้าท่านยินยอม ข้าเฉวียนฮวนสะสมไข่มุกเงินทอง สมบัติของหายากส่วนหนึ่ง ยกให้ทั้งหมด ทั้งหมด…”
ยังไม่ทันพูดจบ เฉวียนฮวนก็กลายเป็นเงาดำ พุ่งออกไปที่ไกลเหมือนสายฟ้าแลบ
เปรี้ยง!
น่าเสียดายที่ยังพุ่งออกไปได้ไม่ไกล ก็ถูกลู่เซิ่งที่ไล่ตามไปทัน กระทืบจนแหลกคาเท้า แม้แต่ร่างคนยังไม่ทันเปลี่ยนกลับ ก็หายไปโดยสิ้นเชิง
สุดท้ายสตรีวัยกลางคนนางนั้นสายตาปรากฏความสิ้นหวัง แทงมีดใส่หว่างคิ้วของตัวเอง กลายเป็นน้ำหนองหย่อมหนึ่ง
“ใช้ลูกเล่นหรือ” ลู่เซิ่งเหยียบใส่ด้วยสีหน้าพิลึก ปราณภายในระเบิด เผาน้ำหนองเป็นฝุ่นดำ ได้ยินเสียงโหยหวนของสตรีเลือนราง
นางเดิมทีจะแกล้งตาย กลับคิดไม่ถึงว่าจะถูกมองออก โดนเผาทั้งเป็นโดยไร้พลังโต้ตอบ
จัดการทั้งสี่คนเสร็จ ลู่เซิ่งค่อยมีเวลาว่างหันกลับมา ร่างกายคืนสภาพเดิมอย่างรวดเร็ว มองไปที่พวกหลี่ซุ่นซี
“ให้พวกท่านรอนานแล้ว พวกเรามาจัดการธุระต่อกันเถอะ เมื่อครู่กล่าวถึงไหนนะ” เขามองนายผู้เฒ่าจางอู่หยาที่นิ่งอึ้ง
แตกต่างกันเกินไปแล้ว ความเร็วระเบิดของลู่เซิ่ง ในระยะห่างสั้นๆ แทบหลบไม่ได้ จับใครได้ ผู้นั้นก็ตาย
ความแตกต่างของพลังทำให้ทูตเขตแดนสี่คนใช้กระบวนท่าได้ไม่กี่ท่า ก็ถูกกระแทกตายทั้งเป็น ในห้วงเวลาสำคัญที่เกิดขึ้นด้วยความเร็วสูง คนที่สามารถตอบโต้ได้อย่างรวดเร็ว ใช้กระบวนท่ารักษาชีวิตได้เหมือนไป๋จิ้ง มีน้อยเกินไปจริงๆ
ร่างกายที่ใหญ่โตของลู่เซิ่งกลับมีความเร็วระเบิดที่ฉับไวและน่าสะพรึงกลัวปานนั้น นี่ทำให้ทุกคนต่างตกตะลึงพรึงเพริด ความสับสนนี้คงอยู่แค่พริบตาเดียว ไม่ทันได้ตอบสนอง สำหรับพลังของลู่เซิ่ง ทุกอย่างก็จบแล้ว
ก่วนเนี่ยนมองลู่เซิ่งที่เปลือยท่อนบน เยื้องย่างเข้ามา กลืนน้ำลายเอื๊อก ในใจสบถด่าคนจากแผนกข้อมูลว่าพวกสวะ!
ในข้อมูลลู่เซิ่งผู้นี้เป็นจอมยุทธ์ธรรมดา แต่มองดูในตอนนี้ มีจอมยุทธ์ธรรมดาที่ไหนกระทืบทูตเขตแดนของจวนอู๋โยวที่มีพลังทวิลักษณ์ตายในเท้าเดียวได้บ้าง
ทว่าเขานึกอีกที ดีที่ลู่เซิ่งระเบิดพลังอย่างกะทันหัน แก้ไขวงล้อมของจวนอู๋โยว ไม่อย่างนั้นครั้งนี้พวกเขาที่ถูกจับก็ถูกจับ ที่ถูกฆ่าก็ถูกฆ่า
“ขอบคุณประมุขพรรคลู่ที่มีน้ำใจ…” ก่วนเนี่ยนรีบประสานมือกล่าว
หลี่ซุ่นซีก็ประสานมือขอบคุณด้วยสีหน้าพิลึกเช่นกัน
“…พี่ลู่” เขาคล้ายรู้สึกว่าคำเรียกแบบนี้ไม่เหมาะสมแล้ว พลังของลู่เซิ่งแข็งแกร่งเกินไป ภัยคุกคามถึงชีวิตสำหรับพวกเขา สำหรับลู่เซิ่ง เพียงใช้สามกำปั้นสองเท้าก็จัดการได้แล้ว
พลังนี้แตกต่างกันเกินไปจริงๆ จนทำให้เขาที่คิดจะคบหากับลู่เซิ่งเหมือนก่อนหน้า รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
“พวกเราแลกเปลี่ยนในสิ่งที่ตนมี ไม่ต้องคิดมาก” ลู่เซิ่งโบกมือ เมื่อครู่เขาเพียงทดลองระดับพลังของตัวเองดูเท่านั้น หลังจากเลื่อนระดับ พลังแข็งแกร่งขึ้นอย่างที่คิดไว้ พลังระเบิดและพลังทำลายล้างรุนแรงกว่าก่อนหน้ามาก
เขาใช้แค่สภาพหยางโชติช่วงเท่านั้น ไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด ก็จัดการทูตเขตแดนของจวนอู๋โยวสี่คนได้แล้ว ความแตกต่างของพลังในระดับพันธนาการเด่นชัดเกินไป ห่างกันระดับเดียวก็เหมือนฟ้ากับเหวจริงๆ
ไป๋จิ้งที่อยู่ในนี้ใกล้เคียงกับระดับของสตรีกางร่มที่เขาเพิ่งสู้ด้วยมาไม่นาน นางยังไม่ได้แสดงพลังที่แท้จริงออกมา ก็ถูกกดดันให้ต้องใช้วิชาลับหนีเอาชีวิตรอด สุดท้ายตายอย่างคับข้องใจ
“พี่ลู่ ท่านแตกต่างจากพวกเรา ท่านเป็นตัวแทนตระกูลซั่งหยาง ไม่ใช่เคยคบหากับจวนอู๋โยวมาก่อนหรือ กับพวกเราเหตุใดท่านยัง…” หลี่ซุ่นซีถามความสงสัยในใจ
พวกก่วนเนี่ยนได้ยิน ก็พยักหน้า
ลู่เซิ่งเป็นคนของตระกูลซั่งหยาง แตกต่างจากพวกเขา มีการร่วมมือกับจวนอู๋โยว ต่อให้การร่วมมือแลกเปลี่ยนกับพวกเขาพันธมิตรบู๊จะถูกเปิดเผย ก็ไม่ถึงกับต้องสังหารทูตเขตแดนสี่คนในคราวเดียว ลู่เซิ่งใช้เบื้องหลังและสถานะของตัวเองไกล่เกลี่ยได้โดยสิ้นเชิง
ลู่เซิ่งตอนแรกคิดแบบนี้จริงๆ แต่ตอนจิตสังหารสี่สายนั้นรวมอยู่บนร่างเขา เขาก็เข้าใจแล้วว่าคนเหล่านี้ไม่เพียงมาเพราะหลี่ซุ่นซี ความจริงมาหาเขาด้วย
ดังนั้นเมื่อลงมือแล้วก็ต้องกำจัดให้สิ้นซาก เขาจึงลงมืออย่างเด็ดขาด ฉวยโอกาสที่อีกฝ่ายยังไม่ชินกับความเร็วและพละกำลังในสภาพหยางโชติช่วงของเขา จัดการทุกคนไม่ให้เหลือแม้แต่ซาก
การหยั่งเชิงก่อนหน้า บวกกับจวนอู๋โยวกินคนสนิทในสังกัดของเขา ยังกล้าถามเขาต่อหน้าว่าถือสาหรือไม่
นี่เป็นการดูหมิ่นกันชัดๆ!
ไม่ช้าก็เร็วเขาจะต้องลากผู้ประกอบพิธีนั่นมาฟันให้เป็นเนื้อสับ!
ส่วนการไล่ล่าอันเป็นภัยแฝงของจวนอู๋โยว เขาคิดหาวิธีรับมือไว้แล้ว พวกเขามาหาถึงที่ เตรียมลงมือกับเขาอยู่แล้ว เขายังไม่กล้าลงมืออีก เช่นนั้นก็โง่เง่าจริงๆ
“เรื่องนี้ย่อมมีเหตุผลของข้าเอง ในเมื่อสถานที่นี้ถูกพบ ก็ไม่อาจรั้งอยู่นาน ถอยก่อนค่อยว่ากัน” ลู่เซิ่งเอ่ยอย่างไม่นำพา
“เช่นนั้นนี่เป็นต้นฉบับคัมภีร์ลับในครั้งนี้” จางอู่หยารีบเข้าไปมอบกล่องเหล็กให้ลู่เซิ่ง จากนั้นล้วงเอาสมุดเล่มเล็กที่เหลืองกรอบเล่มหนึ่งออกมาจากในอกเสื้อ ยัดให้อีกฝ่ายไปด้วย
“นี่เป็นคัมภีร์ฉบับจริงที่ข้าเก็บไว้มาหลายปี เอาให้ประมุขพรรคพร้อมกัน ตอบแทนบุญคุณที่ช่วยชีวิตในวันนี้”
ลู่เซิ่งพยักหน้า รับมาถือพร้อมกัน จากนั้นทุกคนก็เข้าไปตรวจสอบการแลกเปลี่ยนธัญญาหารด้วยกัน
อีกด้านหนึ่งของป่าไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด ภายใต้การปลอบประโลมของผู้อาวุโสทั้งสามคนของพรรควาฬแดง การแลกเปลี่ยนจบลงด้วยดี
คนหลายคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกหัวหน้าถูกลอบโจมตี ต่อสู้กันมารอบหนึ่งแล้วด้วย เพียงแต่ได้ยินเสียงดังกึกก้องจากไกลๆ ตลอด อลหม่านเล็กน้อยก็ไม่มีอะไรแล้ว
“พี่หลี่ เกี่ยวกับเรื่องของคนจากจวนอู๋โยว ขอให้ปิดเป็นความลับด้วย” ลู่เซิ่งกำชับหลี่ซุ่นซี
“นี่ย่อมแน่นอน!” หลี่ซุ่นซีกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
พวกก่วนเนี่ยนสีหน้าขึงขัง ครั้งนี้ถ้าไม่ใช่ในขบวนของพวกเขามีคนทรยศ เปิดเผยร่องรอย ล่อจวนอู๋โยวมา ลู่เซิ่งก็ไม่จำเป็นต้องลงมือ
เขาลงมือเพื่อช่วยพวกตน ถ้าถูกจวนอู๋โยวจับตาและไล่ล่าเพราะสาเหตุนี้ เช่นนั้นก็มีบุญคุณต้องทดแทนมีแค้นต้องชำระจริงๆ แล้ว
“ประมุขพรรคลู่วางใจ เรื่องนี้จะไม่ให้ใครที่ไม่อยู่ที่นี่ทราบแน่นอน! ข้าก่วนเนี่ยนขอรับรองด้วยชีวิต!” ก่วนเนี่ยนตบอกตัวเอง กล่าวอย่างดุดัน
ลู่เซิ่งพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรมาก
“เช่นนั้นขอบอกลาเท่านี้ ทุกท่านมีโอกาสค่อยร่วมมือกันอีก”
“ประมุขพรรคลู่โชคดี!” พวกก่วนเนี่ยนพากันประสานมือ
ลู่เซิ่งหาเสื้อนอกมาคลุม แล้วพาคนกลับไปยังทิศทางของเรือวาฬแดงอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายตาแปลกประหลาดและอธิบายไม่ถูกของพวกหลี่ซุ่นซี
หลี่ซุ่นซีรู้สึกว่าเรื่องในคืนนี้ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น เหมือนกับฝันไป
ตอนแรกในขบวนมีคนทรยศปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน สังหารฝ่ายตนเองแล้วหลบหนีไป ต่อมาทูตเขตแดนสี่คนของจวนอู๋โยวล้อมจู่โจม
เดิมนึกว่าตายแน่ กลับคิดไม่ถึงว่า ลู่เซิ่งบุคคลประหลาดและลึกลับตัวจริงจะระเบิดพลัง สังหารทูตเขตแดนที่เกรียงไกรแห่งจวนอู๋โยวสี่คนจนราบคาบ
นั่นเป็นหัวกะทิระดับพันธนาการ หนำซ้ำอย่างน้อยก็เป็นระดับทวิลักษณ์ ถึงกับถูกลู่เซิ่งจัดการได้ง่ายๆ เหมือนกับผักกาดขาว หัวไชเท้า ไม่เห็นความร้ายกาจของทูตเขตแดนโดยสิ้นเชิง
แต่หลี่ซุ่นซีทราบว่า ความจริงเป็นเพียงความรู้สึกหลอน เพราะลู่เซิ่งเก่งกาจเกินไป พอเทียบกันแล้ว ทูตเขตแดนจึงอ่อนแอมาก
ความจริงก่อนการแลกเปลี่ยนเขาเคยเจอทูตเขตแดนคนหนึ่ง ไม่ว่าจะฆ่าอย่างไรก็ฆ่าไม่ตาย ศีรษะถูกฟัน ยังเก็บมาประกอบใหม่ได้ ร่างกายถูกบดขยี้ ไม่กี่ลมหายใจก็กลับมาสมบูรณ์ดั่งเดิม ขอแค่ไม่ใช่ทำลายร่างส่วนใหญ่ในคราวเดียว ล้วนไม่มีประโยชน์
หนำซ้ำทูตเขตแดนของจวนอู๋โยวแต่ละคนก็แปลงกายมาจากปีศาจ มีความสามารถจำเพาะของตัวเอง
ป้องกันไม่หวาดไม่ไหว ยากจะสังหาร
ขอแค่คุณสมบติพลังไม่เพิ่มขึ้นถึงระดับทำลายเยื่อดำได้ ไม่ว่าจะทำลายกายเนื้อของพวกเขาอย่างไร ก็จะฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว
ส่วนการทำลายเยื่อดำ นอกจากใช้เยื่อดำที่แข็งแกร่งกว่าหักล้าง ก็ไม่มีวิธีอื่นอีก
เยื่อดำ ไม่ใช่ชั้นพิษป้องกันบนผิวเพียงอย่างเดียว หลักๆ แล้วมันเป็นพลังไร้รูปร่างชนิดหนึ่งที่เชื่อมกับทุกส่วนของร่างกาย ไม่ทำลายพลังนี้ทิ้ง ไม่ว่าจะฆ่าอย่างไร ก็เป็นการทำลายแค่ชั้นผิว แกนกลางยังคงอยู่
……………………………………….