บทที่ 136 กลับ (2)
“ลำดับแปด แหลก!” ผู้ประกอบพิธีตวาด
ตูม!
ประกายไฟสีแดงขนาดใหญ่กลุ่มหนึ่งระเบิดบนสองแขนของลู่เซิ่ง เหมือนกับมีสิ่งใดระเบิดบนแขนทั้งสองข้างของเขา พลังกระแทกอันมหาศาลชนเขาถอยหลังติดต่อกัน
“ลำดับเจ็ด แหลก!” ประกายสีแดงในดวงตาผู้ประกอบพิธีเข้มขึ้นเรื่อยๆ กวาดกระบองสำริดจากซ้ายไปขวา
ตูม!
ประกายไฟกลุ่มหนึ่งระเบิดบนตัวลู่เซิ่งอีกครั้ง การระเบิดมีอานุภาพรุนแรงสุดขีด ต่อให้ลู่เซิ่งมีวิชาแข็งกร้าวโดดเด่น ตอนนี้ส่วนเอวข้างซ้ายมีบาดแผลเพิ่มขึ้นมา เลือดค่อยๆ ซึมออกจากบาดแผลเป็นสีดำเกรียม ในอากาศมีกลิ่นคาว
“ลำดับหก แหลก!” กระบองสำริดในมือผู้ประกอบพิธีเริ่มปรากฏแสงสีแดงอ่อน จากหัวถึงหางเหมือนลุกไหม้จนแดงก่ำ ยิ่งมายิ่งแดง ยิ่งมายิ่งสว่าง
ตูม!
ร่างกายมหึมาของลู่เซิ่งถูกระเบิดกระเด็นไปชนใส่ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ลำต้นหักโค่น ค่อยๆ ล้มลงพื้น
“ลำดับห้า…” ผู้ประกอบพิธีมองลู่เซิ่งอย่างเยาะเย้ย “แหลก!”
ตูม!
การระเบิดที่ทรงอานุภาพกว่าเดิมระเบิดบนหน้าอกลู่เซิ่ง แสงไฟที่สะดุดตาบังอกของเขาไปมากกว่าครึ่ง
“ครั้งสุดท้าย จบกันเถอะ ลำดับสี่” ผู้ประกอบพิธีชูกระบองสำริดขึ้น ชี้ไปที่ลู่เซิ่ง “แหลก…”
“ตายซะ!”
เสียงดังกึกก้อง ลู่เซิ่งโผล่ขึ้นด้านหน้าเขาราวสัตว์ป่า สองตาเป็นสีเลือด ประสานสองมือทุบใส่อกผู้ประกอบพิธีอย่างแรง
แทบจะเป็นในเวลาเดียวกัน แสงไฟที่แข็งแกร่งกว่าก่อนหน้ากลุ่มหนึ่งก็ระเบิดบนตัวลู่เซิ่งอย่างรุนแรงเช่นกัน
ตูม!
ทั้งสองคนกระเด็นออกไปพร้อมกัน
ผู้ประกอบพิธีกระอักเลือดออกมา ถูกการโจมตีที่คล้ายการลอบจู่โจมทำร้ายบาดเจ็บ สองเท้าไถลพื้นออกไป เพิ่งหยุดยั้ง ก็ปักกระบองสำริดแดงก่ำใส่พื้น กล้ามเนื้อบนร่างขยายขึ้น พริบตาเดียวก็สูงถึงสองหมี่กว่าๆ
“มังกรขนดลำดับสาม!” เขาแผดเสียง ลวดลายมังกรบนเกราะที่หน้าอกเหมือนมีชีวิต สาดแสงสีเงิน ส่องไปบนกระบองสำริด เติมมังกรขนดตัวหนึ่งบนกระบอง กระบองใหญ่ขึ้นไม่ต่ำกว่าหนึ่งเท่าจนเหมือนกระบองเขี้ยวหมาป่า ก่อนฟาดไปเบื้องหน้า
“เก้าอาทิตย์แดงฉาน! อานุภาพเกรียงไกร!” ขณะเดียวร่างกายอันใหญ่โตของลู่เซิ่งก็โผล่ขึ้นเบื้องหน้าเขา ประกบมือกลายเป็นฝ่ามือดาบ แล้วฟันลงอย่างรุนแรง
ตูม!
กระบองสำริดปะทะกับฝ่ามือ จุดที่ทั้งสองต่อสู้กัน พื้นระเบิดออก ต้นไม้กิ่งใบส่วนหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ หักโค่นและกระเด็นออกไป ลวดลายที่คล้ายมีรูปร่างค่อยๆ ขยายตัว
“เจ้า…” ผู้ประกอบพิธีเอ็นหน้าผากปูดโปน ครั้งนี้จ้องมองลู่เซิ่งเป็นครั้งแรก “เจ้าซ่อนฝีมือไว้ลึกนัก ด้วยความสามารถของเจ้า เหตุใดจึงยอมเป็นแค่ผู้นำค่ายพรรคธรรมดา”
“เหอะ..” ลู่เซิ่งฉีกยิ้ม กล้ามเนื้อบนร่างขยายขึ้นมากกว่าเดิมหนึ่งขั้น “เทียบกับที่ข้าจินตนาการไว้ เจ้า… อ่อนแอกว่า…” ก่อนหน้านี้เขาระเบิดปราณเหลวภายในหนึ่งหยด เวลานี้ไอความร้อนกลุ่มหนึ่งกระจายไปรอบๆ ตัว ระเบิดโดยสมบูรณ์
“!?” ผู้ประกอบพิธียังไม่รู้ว่านี่หมายถึงอะไร รู้สึกว่าพละกำลังบนกระบองสำริดเพิ่มขึ้น
ลมร้อนแรงพัดออกมาจากร่างลู่เซิ่ง
หมับ
เขาใช้มือหนึ่งจับกระบองสำริดไว้ อีกข้างคลายออกช้าๆ ยื่นเข้าหาส่วนศีรษะของอีกฝ่าย
“เจ้า… เป็นไปได้อย่างไร!?” ผู้ประกอบพิธีม่านตาหดตัว ใบหน้าฉายแววไม่กล้าเชื่อ
“ลาก่อน” บนใบหน้าโชกเลือดของลู่เซิ่งปรากฏรอยยิ้ม
สวบ!
มือเขาเพิ่มความเร็ว เสียบเข้าไปในใบหน้าผู้ประกอบพิธี แล้วทะลุออกด้านหลัง
กรรซ์!
ผู้ประกอบพิธีศีรษะถูกแทงทะลุ ในร่างมีเสียงคำรามโกรธเกรี้ยวบ้าคลั่งแว่วออกมา
ลวดลายมังกรตรงทรวงอกของเขาระเบิดออก กลายเป็นแรงกระแทกอันมหาศาล ระเบิดสองแขนของลู่เซิ่งออกไป เขาถอยหลังอย่างรวดเร็ว ก่อนจะฟาดกระบองใส่ศีรษะของลู่เซิ่ง
ลู่เซิ่งหลบไม่ทัน ยกสองแขนขึ้นป้องกันกระบองนี้
เปรี้ยง!
ทั้งสองคนต่างถอยคนละหนึ่งก้าว
“ฮ่าๆๆ! สะใจ! สะใจ!” แขนขวาลู่เซิ่งห้อยต่องแต่ง แสดงว่ากระดูกหักแล้ว ปากแผลและรอยเลือดที่ลึกจนเห็นกระดูกหลายสายบนร่างเขากลายเป็นสีดำเกรียม
ผู้ประกอบพิธีศีรษะถูกแทงแหลกไปแล้ว กำลังฟื้นตัวด้วยความเร็วสูง น่าเสียดายปราณภายในที่ร้อนลวกและรุนแรงกำลังเผาไหม้และหั่นเฉือน หยุดยั้งไม่ให้เขาฟื้นฟูส่วนศีรษะ
“วันนี้ไม่ใช่เจ้าตาย ก็เป็นข้าม้วย!” เสียงตะโกนทุ้มต่ำดังจากภายในร่าง ผู้ประกอบพิธีสองมือกำกระบอง พุ่งเข้าใส่ลู่เซิ่ง
ฝ่ายหลังหัวเราะลั่น เข้าไปปะทะ
ตูมๆๆ!
ท่ามกลางการระเบิดอันรุนแรงและเสียงอันดังกึกก้อง ทั้งสองคนปะทะกัน ไม่มีผู้ใดหลบหลีก ด้วยความเร็วของการระเบิดและประสิทธิผลวิชาลับของพวกเขา หลบไปก็ไม่มีความหมาย ยังสูญเสียโอกาสบุกง่ายๆ จึงสู้กันตรงๆ
เลือดและเนื้อกระจายร่วงหล่น
จางเผิงที่ฝืนอยู่ด้านข้าง เดิมคิดจะพาร่างที่บาดเจ็บสาหัสคลานไปฟื้นตัวห่างๆ แล้วหลบหนี แต่ถูกแสงไฟจากการระเบิดที่ผู้ประกอบพิธีปล่อยออกมาเสียดสี ร่างกายที่เดิมย่ำแย่อยู่แล้วบาดเจ็บหนักอีกครั้ง ขยับเขยื้อนไม่ได้โดยสิ้นเชิง
เขามองตัวประหลาดสองตัวในป่าเข่นฆ่ากันอย่างบ้าคลั่งด้วยความตกตะลึงพรึงเพริด
โหดเหี้ยม บ้าเลือด ไร้ความกลัวเกรง
การเข่นฆ่าที่โหดเหี้ยมแบบนี้ แม้แต่ลูกหลานตระกูลขุนนางที่เห็นการเข่นฆ่าผีปีศาจจนชาชินเช่นเขายังหนังศีรษะชา
ต้นไม้หลายต้นถูกกระแทกจนโค่นลง เปลือกไม้เปิด ทุกที่มีแต่หลุมดำเกรียมขนาดต่างกัน ประกายแสงเผาต้นไหม้ ค่อยๆ บังเกิดควันหนา ก่อนตลบอบอวลไปรอบๆ
การเข่นฆ่ากันของลู่เซิ่งและผู้ประกอบพิธีค่อยๆ เข้าสู่ช่วงดุเดือดแล้ว
เขาใช้พลังทั้งหมดของตัวเอง ระเบิดหยดของเหลวปราณภายในอีกหยดหนึ่ง ผลคือสูสีกับผู้ประกอบพิธีที่ระเบิดพลังเช่นกัน สองฝ่ายมีแพ้มีชนะ กลายเป็นศึกผลาญพลัง
เขาทราบว่า ครั้งนี้เมื่อถูกผู้ประกอบพิธีค้นพบ ก็ไม่อาจให้อีกฝ่ายหนีรอดจากที่นี่ ถ้าหนีไปได้ จวนอู๋โยวจะต้องไล่ล่าเขาสุดกำลัง
เขาในตอนนี้ไม่มีพลังต่อต้านจวนอู๋โยวทั้งจวน
ดังนั้น ศึกครั้งนี้ได้แต่ชนะ ไม่อาจพ่ายแพ้!
เสียงเปรี้ยงดังขึ้น ทั้งสองฝ่ายแยกกันอีกครั้ง
บาดแผลขนาดเท่าปากชามปรากฏบนน่องข้างหนึ่งของลู่เซิ่ง เลือดเนื้อด้านในสูญหาย คล้ายถูกสิ่งใดกัดไป นี่เป็นบาดแผลที่ผู้ประกอบพิธีใช้ระเบิด ระเบิดจนแหลก
ท้องน้อยของผู้ประกอบพิธีกลายเป็นรูใหญ่ที่สาหัสยิ่ง ลู่เซิ่งใช้ฝ่ามือกระแทกทะลุอย่างดุดัน
แฮ่ก… แฮ่ก… แฮ่ก…!
ลู่เซิ่งหอบหายใจคำโต จดจ้องผู้ประกอบพิธีที่กำลังฟื้นฟูด้วยความเร็วสูงอยู่อีกด้าน
สมกับเป็นยอดฝีมือระดับฉลักษณ์ อาการบาดเจ็บที่ร่อแร่ปานนี้ยังคงฟื้นฟูอย่างรวดเร็วได้ เหมือนไม่มีอุปสรรคใหญ่
‘นี่คือตระกูลขุนนาง… ระดับสูงกว่าพันธนาการ…’ ลู่เซิ่งก้มหน้ามองแขนที่หัก และปากแผลขนาดเท่าปากชามบนน่อง
ไม่มีร่องรอยจะสมานตัวอย่างรวดเร็วแม้แต่น้อย
ผู้ประกอบพิธีสังเกตเห็นจุดนี้เช่นกัน เพ่งมองลู่เซิ่งแต่ไกล สีหน้าประหลาดใจ
“ข้าไม่ได้ทำลายเยื่อดำของเจ้า… เหตุใดจึงไม่มีพลังฟื้นฟู”
ลู่เซิ่งเงยหน้ามองเขา ยิ้มแปลกประหลาด
“เจ้าลองเดาดู?”
“เจ้าดูถูกข้าหรือ!?” ผู้ประกอบพิธีเลือดขึ้นหน้า ตวาดเสียงทุ้มต่ำ
“ดูถูกหรือ” ลู่เซิ่งยืดตัว กล้ามเนื้อทั่วร่างขยายใหญ่ขึ้นครั้งหนึ่ง
ร่างสูงสามหมี่ในตอนแรก ขณะนี้ขยายขึ้นอีกรอบ
“เราเข่นฆ่ากันถึงขั้นนี้ ดูถูกเจ้า ก็เท่ากับดูถูกตัวเอง เจ้าคิดว่าข้าจะน่าเบื่อเช่นนี้หรือ”
เขามองผู้ประกอบพิธีซึ่งมีสีหน้างุนงง พลันหัวเราะเสียงทุ้มต่ำ
“ข้าฟื้นฟูไม่ได้ สาเหตุที่แท้จริง…”
แขว่ก!
ขมับสองข้างของเขานูนขึ้นจนเหมือนกับเขาวัวหนึ่งสั้นหนึ่งยาว กล้ามเนื้อด้านหลังพองตัว กล้ามเนื้อสีเทาอมดำแทงออกมาราวกับหนามบนหลังแถวหนึ่ง
ร่างกายขยายจากเกือบสามหมี่ พริบตาเดียวก็สูงห้าหมี่
ฮ่า!
มุมปากลู่เซิ่งแยกออก เผยให้เห็นฟันแหลมสีขาวที่เปลี่ยนไป ฟันแหลมสองแถวแน่นขนัดไม่เหมือนมนุษย์โดยสิ้นเชิง คล้ายกับมังกรกินเนื้อที่ดุร้ายชนิดหนึ่ง
“สาเหตุที่แท้จริง… ย่อมเป็น…”
ร่างกายอันน่าสะพรึงกลัวของลู่เซิ่งพลันหายไปจากที่เดิม แล้วไปโผล่ขึ้นด้านหน้าผู้ประกอบพิธีอย่างฉับพลันโดยอยู่ห่างไม่ถึงครึ่งหมี่
“… ข้าไม่มีเยื่อดำ!”
ตูม!
แผ่นดินสะเทือน สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในรัศมีสิบหมี่เหมือนรู้สึกได้ถึงแผ่นดินที่ไหวอย่างรุนแรง
ภายในป่า แขนสีดำที่ใหญ่ราวสองหมี่กว่าๆ ของลู่เซิ่งกดผู้ประกอบพิธีไว้บนพื้นหญ้าด้านล่าง
พื้นปรากฏหลุมลึกขนาดใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลางเจ็ดแปดหมี่
กลางก้นหลุม ร่างผู้ประกอบพิธีถูกฟาดเป็นเนื้อแหลกเหลวโดยสมบูรณ์ เหลือเพียงส่วนหัวที่เพิ่งฟื้นฟูกับเท้าสองข้างยังสมบูรณ์
กระบองสำริดในมือเขาโค้งจนไม่เป็นรูปร่าง เลือดเนื้อบนร่างผสมกับเกราะหนังสีดำที่สวม มองไม่ออกแล้วว่าอันไหนเป็นเกราะหนังอันไหนเป็นเลือดเนื้อ
“เจ้านึกว่าสังหารข้าแล้วจะจบเรื่องหรือ” ผู้ประกอบพิธีมีสีหน้าดุร้าย “ประมุขจวนจะแก้แค้นให้ข้า! เจ้าจะตายเช่นกัน! อีกไม่นาน! อีกไม่นาน! ข้าจะรอเจ้า!”
“นี่เป็นคำสั่งเสียสุดท้ายของเจ้าหรือ” ปราณภายในไร้รูปร่างกลุ่มหนึ่งระเบิดบนมือลู่เซิ่ง เผาร่างผู้ประกอบพิธี
เสียงพรึ่บดังขึ้นเมื่อแสงไฟส่องสว่าง ผู้ประกอบพิธีค่อยๆ หลอมละลายในกองเพลิงสีแดงฉาน แต่ดวงตาของเขายังคงมองลูเซิ่งอย่างมุ่งร้าย คล้ายกำลังใช้ชีวิตสาปแช่งเขา
ลู่เซิ่งสุดท้ายมองไปที่จางเผิง
โครม!
เขาหักต้นไม้ต้นหนึ่งจากด้านข้าง ท่ามกลางเศษไม้จำนวนมากเขาควงฟาดลำต้นครึ่งหนึ่งใส่จางเผิง
เยื่อดำบนตัวจางเผิงถูกฟาดจนระเบิด ลำต้นไม้หัก จางเผิงดิ้นรนอย่างรุนแรง เงยหน้ากระอักเลือดดำหลายคำออกมา ม่านตาค่อยๆ แตกซ่าน สิ้นลมในที่สุด
ลู่เซิ่งถอนใจยาว ร่างกายที่ขยายใหญ่ค่อยๆ กลับสู่สภาพหยางโชติช่วงทั่วไป จากนั้นก็กลับเป็นร่างกายอันกำยำตามปกติ
เขาเก็บชิ้นส่วนสำริดสีเหลืองเข้มก้อนหนึ่งจากหลุมลึก ด้านบนมีลวดลายประหลาดจางๆ
นี่เป็นสิ่งของที่เหลืออยู่พร้อมกับกระบองสำริดหลังจากผู้ประกอบพิธีตายไป
แตกต่างจากทูตเขตแดนหลายคนก่อนหน้า สี่คนนั้นไม่ได้ทิ้งของที่มีปราณหยินไว้ อาจเป็นเพราะปราณภายในที่แข็งแกร่งเกินไปเผาทิ้งไปแล้ว ครั้งนี้ในที่สุดก็ได้ประโยชน์
ลู่เซิ่งสุดท้ายหยิบขั้นมา เดินไปถึงด้านหน้าจางเผิง ฉีกเสื้อบนตัวเขามาคลุมร่างตัวเองไว้ ค่อยไปจากที่นี่ มุ่งหน้าไปทางเรือวาฬแดงอย่างรีบร้อน
วิ่งตะบึงตลอดทาง ใช้เวลาราวครึ่งชั่วยาม ลู่เซิ่งกลับถึงเรือวาฬแดง หลังเข้าไปในห้องสงบใจและปิดประตูใหญ่ ในที่สุดก็ทนไม่ไหว
โครม!
เขาหน้ามืด พุ่งตัวล้มกับพื้น
เขาเหนื่อยล้า
และเจ็บปวดเหลือเกิน
หลังการระเบิดปราณเหลวหนึ่งหยดแล้ว เขาระเบิดปราณเหลวอีกสองหยดที่เหลือไปด้วย ต่อให้เป็นกายเนื้อที่สำเร็จวิชาแข็งกร้าว แต่ในที่สุดก็รับไม่ไหว บวกกับการเข่นฆ่าอย่างบ้าคลั่งกับผู้ประกอบพิธี อดทนจนกลับมาได้ก็เป็นปาฏิหาริย์แล้ว
……………………………………….