บทที่ 155 หยินโชติช่วง (1)
ในห้องลับ
ลู่เซิ่งใช้ปราณหยินไปสิบกว่าหน่วย ก็ก้าวข้ามความต่างทางด้านเวลาอันมหาศาลที่คนจำนวนนับไม่ถ้วนยากจะจินตนาการไปแล้ว
การสั่นไหวอย่างรุนแรงทำให้เขารวบรวมสมาธิไม่ได้ ได้แต่พยายามนั่งข่มกลั้นความเจ็บปวดที่เหมือนอวัยวะภายในพลิกคว่ำ
เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า ความหนาแน่นด้านในร่างกายของตัวเองกำลังสูงขึ้นและมีพลังมากกว่าเดิมท่ามกลางการสั่นสะเทือนและพลังงานอันมากมายที่บรรยายไม่ได้
เขาไม่ได้ปลดสภาพหยางโชติช่วง แต่คงเอาไว้ ข่มความเจ็บปวดดั่งอวัยวะภายในเผาไหม้ ความเจ็บปวดรวดร้าวคงอยู่เกือบครึ่งชั่วยาม จึงค่อยทุเลาลงแล้วหายไป
ฟู่…
ลู่เซิ่งระบายลมหายใจอย่างแรง ในห้องลับเหมือนกับเกิดลมพัดขึ้น
บนพื้นตรงตำแหน่งที่เขานั่ง เต็มไปด้วยเหงื่อและผิวที่ตายแล้วแต่ยังมีสีแดงแทรกอยู่ ในเวลาสั้นๆ เท่านั้น ทั่วทั้งร่างเขาลอกคราบออกมาชั้นหนึ่ง!
‘จบแล้วเหรอ’ ลู่เซิ่งมองเครื่องมือปรับเปลี่ยนอย่างอิดโรย
บนกรอบของวิถีหยางโชติช่วงมีการเปลี่ยนแปลงใหม่อย่างที่คิดไว้
[วิถีหยางโชติช่วง: สำเร็จสภาพหยางโชติช่วงขั้นที่หนึ่ง ผลพิเศษ: พละกำลังเพิ่มเป็นระดับแปด สะท้อนกลับระดับห้า พลังป้องกันเพิ่มเป็นระดับหก เผาไหม้ระดับหนึ่ง…]
‘สำเร็จสภาพหยางโติช่วงขั้นที่หนึ่ง หรือก็คือเครื่องมือปรับเปลี่ยนยอมรับว่าวิถีหยางโชติช่วงยังมีโอกาสเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นได้อีกหรือ’ ลู่เซิ่งตื่นเต้น
นี่บ่งบอกว่าเครื่องมือปรับเปลี่ยนจะจัดระเบียบการเลื่อนระดับในภายหลังผ่านพื้นฐานวรยุทธ์ที่มีอยู่ในตอนนี้ได้
เมื่อเป็นแบบนี้ เส้นทางต่อไปของวิถีหยางโชติช่วงก็ไม่ต้องเป็นห่วงชั่วคราว
เสียงเพียะพะดังไปทั่วเมื่อลู่เซิ่งลุกขึ้นยืน ร่างกายเกิดเสียงดังเหมือนถั่วเหลืองระเบิด
เขายกมือขึ้นกำเบาๆ ความรู้สึกถึงพลังที่อธิบายไม่ถูกสะท้อนจากฝ่ามือกลับมา ทำให้คนแข็งแกร่งขึ้นเหลือคณนา
‘ถึงจะไม่รู้ว่ากายเนื้อของเราแข็งแกร่งขึ้นขนาดไหน แต่มีปราณหยินเยอะแบบนี้คงจะไม่เสียเปล่า แบบนี้การควบแน่นปราณภายในของเราก็จะพัฒนาขึ้นกว่าเดิมอีกขั้นหนึ่ง’
เขาปรับตัวให้ชินกับการเปลี่ยนแปลงอีกก้าวหนึ่งของกายเนื้อ หยิบขี้ผึ้งสุคนธ์ทองกับยาลูกกลอนหลอมร่างกายที่กลั่นเอาไว้สองสามชนิดออกจากช่องลับ
หลังกินยา เขาถอดเสื้อผ้าบนร่างออก แล้วลงไปแช่น้ำโอสถในอ่างไม้
น้ำแกงโอสถเหล่านี้เอาไว้บรรเทาพวกอาการบาดเจ็บซ่อนเร้นที่หลงเหลืออยู่ หลังจากกายเนื้อเขาแข็งแกร่งขึ้นโดยเฉพาะ และสามารถลดช่วงเวลาการเพิ่มความแข็งแกร่งครั้งที่สองได้อย่างใหญ่หลวง
ไม่อย่างนั้นหลังจากเพิ่มความแข็งแกร่งติดต่อกัน สำหรับลู่เซิ่งก็ยากจะทนรับได้เช่นกัน เมื่อสิ้นเปลืองพลังมากเกินไป ต่อให้มีปราณหยินรองรับ เขาก็เป็นห่วงว่าจะไม่ได้ช่วยทั้งหมด
ซู่…
เพิ่งจะลงน้ำ ไอน้ำก็ระเหยขึ้นมาจากในถังไม้ กลิ่นยาเข้มข้นลอยกระจายทั่วห้องลับ
การเพิ่มความแข็งแกร่งและการเปลี่ยนแปลงบนตัวลู่เซิ่ง สิ้นเปลืองพลังมากเกินไป จนความร้อนหลงเหลือที่เกิดขึ้นทำให้น้ำโอสถในถังยาระเหยด้วยคามเร็วสูง
ลู่เซิ่งแช่ตัวสักพัก ก็ลุกขึ้นมาเช็ดตัว แล้วนั่งลงปรับลมหายใจสักครู่ ก่อนล้วงหยิบกล่องยาสีขาวใบเล็กๆ ที่ประณีตใบหนึ่งออกมาจากในช่องลับ
ในกล่องบรรจุยาหนังพยัคฆ์สี่ชั้น ยาลูกกลอนชั้นเลิศสำหรับหล่อเลี้ยงตำรับโบราณที่หมอยาระดับอาจารย์โอสถท่านหนึ่งผสมผสานทำขึ้นมา
ลู่เซิ่งเปิดกล่องออกดังแกร๊ก ได้กลิ่นยาอ่อนๆ โชยมา ซึมซาบสู่จิตใจ
กลิ่นยานี้เทียบกับขี้ผึ้งสุคนธ์ทองที่เขากินเป็นประจำแล้ว สดชื่นยิ่งกว่า คงอยู่เนิ่นนาน ลมพัดไม่สลาย เหมือนกับสามารถซึมผ่านปอดเข้าสู่หัวใจ หายใจไม่กี่ครั้ง ลู่เซิ่งก็มีความรู้สึกปลอดโปร่งอันเย็นฉ่ำ
เขาหยิบยาเม็ดสีขาวบริสุทธิ์ขนาดเท่าลำไยออกจากในกล่องขึ้นมาเม็ดหนึ่ง
‘เม็ดแค่นี้ใช้วัตถุดิบยาหล่อเลี้ยงหยินที่ล้ำค่าที่สุดในพรรคไปแปดส่วน ทั้งยังเป็นวัตถุดิบหลักที่หาไม่ได้ในตลาด… การสั่งสมวัตถุดิบยาของแดนเหนือในสิบปีมานี้ ก็เพื่อเม็ดแค่นี้…’
พูดถึงมูลค่า ยาหนังพยัคฆ์สี่ชั้นมีราคาแพง ไม่มีขายในตลาด เพื่อกลั่นยาเม็ดนี้ หมอยาระดับอาจารย์โอสถในพรรควาฬแดงเรียกได้ว่าทุ่มเทแรงกาย ใช้โสมคน เขากวาง ถังเช่า สือหูไปกระสอบใหญ่
ล้มเหลวไปนับครั้งไม่ถ้วน สุดท้ายก็สำเร็จได้ยาเม็ดนี้มา
ลู่เซิ่งถอนใจเบาๆ ยัดยาเข้าปาก แล้วค่อยๆ กลืน
ยาหนังพยัคฆ์สี่ชั้นมีรสชาติหวานแต่ก็แฝงรสชาติที่ซับซ้อนไว้ด้่านใน เหมือนลูกอมมินท์ที่เขาเคยกิน
ยาปนกับน้ำลาย ละลายเป็นน้ำเหนียวหนืด ไหลลงคอของลู่เซิ่ง
ความร้อนในร่างลู่เซิ่งพลันค่อยๆ ลดลง การใช้พลังไม่เร็วไม่ช้า พอดีตอนนี้ลู่เซิ่งหยิบกล่องใบใหญ่อีกใบหนึ่งออกจากช่องลับ
กล่องใบใหญ่สีดำ
เปิดฝาออก ด้านในวางเส้นผมสีขาวกลุ่มหนึ่งไว้อย่างไม่เป็นระเบียบ บนเส้นผมยังมีเศษเลือดเนื้อติดอยู่ กลิ่นเหม็นหืนลอยมาปะทะหน้า
ลู่เซิ่งกลั้นลมหายใจ กัดนิ้วอย่างแรง ก่อนจะกดลงบนเส้นผมกลุ่มนั้น
นี่เป็นเส้นผมของผู้ประกอบพิธีจากจวนอู๋โยวที่เขาฆ่าไปในครั้งนี้ ผู้ประกอบพิธีเพียงมองก็รู้ว่าใช้เส้นผมเป็นที่พึ่ง หลังลู่เซิ่งจัดการอีกฝ่าย พบว่าเส้นผมเหลืออยู่ ด้านบนมีปราณหยินเข้มข้น จึงมัดไว้กับเอว แล้วนำกลับมาที่พรรค
ซู่…
ไม่มีควัน มีแค่เสียงที่ของบางอย่างถูกกัดกร่อน
ลู่เซิ่งรู้สึกว่านิ้วชี้ที่ตนกดไว้บนเส้นผมมีปราณหยินปริมาณมากทะลักเข้ามา
ความรู้สึกนี้คงอยู่สิบกว่าอึดใจ แล้วหายไปอย่างรวดเร็ว ปราณหยินไม่ทันไรก็จางลง จนกระทั่งหายไปจนหมด
ลู่เซิ่งชักนิ้วกลับ ค่อนข้างเสียดาย
‘จะให้เหมือนกับก้อนโลหะก่อนหน้าคงจะไม่ได้แล้ว ปริมาณปราณหยินแบบนั้นสิ่งของทั่วไปไม่น่าจะมี’ ก่อนหน้านี้เขาสงสัยว่าโลหะก้อนนั้นเป็นเศษอาวุธเทพ แต่เป็นเพราะไม่มีวิธีวินิจฉัย และไม่กล้าเอาไปให้คนอื่นแยกแยะ จึงวางทิ้งไว้ในห้องลับ
‘ถ้าปราณหยินเก่าหายไปจนหมด ต่อให้เหลือ ก็มีน้อยเต็มที บนเส้นผมในรอบนี้มีราวยี่สิบกว่าหน่วย ถือว่าใช้ได้แล้ว’
ลู่เซิ่งสัมผัสปริมาณปราณหยินที่ทะลักเข้ามาในตัว หาผ้ามาเช็ดนิ้วจนแห้ง สายตากลับไปที่เครื่องมือปรับเปลี่ยนอีกครั้ง
ในกรอบสีน้ำเงินอ่อน เขามองกรอบวิชาเก้าพิฆาตแดงฉาน
‘อาศัยจังหวะที่ร่างกายแข็งแกร่งขึ้น ยกระดับวิชาธาตุหยางก่อน เพิ่งฆ่าผู้ประกอบพิธีในเมืองอินทรีคู่ไป ไม่เห็นคนของจัตุรัสแดง เกิดจัตุรัสแดงพบว่าเป็นฝีมือของเรา สภาพการณ์จะยุ่งยากแล้ว’ ลู่เซิ่งมีความกังวลที่บอกไม่ถูกส่วนหนึ่ง
‘ถึงซั่งหยางจิ่วหลี่จะไม่สนใจจวนอู๋โยว แต่ก็ไม่มีทางรับความแค้นใหญ่แบบนี้แทนเราโดยไม่มีเหตุผล ผู้ประกอบพิธีสองคน ยังมีฑูตเขตแดนอีกหลายคน บัญชีนี้กลายเป็นบัญชีเลือดแล้ว จะต้องเตรียมตัวรับมือให้ดี รีบพัฒนาให้เร็วที่สุด ถึงจะทำให้จวนอู๋โยวประเมินพลังผิด ต่อให้ถูกพบ ก็รับมือได้ง่ายๆ’
เขาอยากจะยกระดับปราณหยินหยางขวดสมบัติมาก แต่สถานการณ์ในตอนนี้บีบให้เขาต้องรีบยกระดับพลังก่อน
‘ดีที่เพิ่งปรับสมดุลหยินหยางในร่างกายไป ขอแค่เจอปราณหยินมากกว่าเดิม ก็จะยกระดับปราณหยินหยางขวดสมบัติ ปรับสมดุลวิชาและปราณภายในได้อย่างรวดเร็ว’
เขาปลอบตัวเอง จากนั้นค่อยๆ มองกรอบวิชาเก้าพิฆาตแดงฉาน
ปราณเหลวสามหยดในร่างกายหมุนอย่างช้าๆ ดูดซับและปล่อยปราณภายในเบาบางปริมาณมาก คล้ายกับมีผลทำให้พลังยุทธ์บริสุทธิ์
‘ปราณเหลวสามหยด…ถ้ามีเพิ่มขึ้นอีก พลังตอนที่ระเบิดจะคงอยู่ได้นานขึ้น’ ลู่เซิ่งใคร่ครวญ
เมื่อเขาระเบิดปราณเหลวในสภาพหยางโชติช่วง จะคงสภาพเป็นระยะเวลาหนึ่งก้านธูป ปราณเหลวหนึ่งหยดเพิ่มพลังได้สองระดับ หากระเบิดปราณเหลวพร้อมกัน จะมีพลังระดับฉลักษณ์และสัตตะลักษณ์ได้สบายๆ
ตอนที่ฆ่าผู้ประกอบพิธีก็เป็นเช่นนี้ แต่หลังจากระเบิดไปสองหยด กายเนื้อของตนก็ทนไม่ไหว เส้นลมปราณเสียหาย อาการบาดเจ็บสาหัส
หลังจากเพิ่มความแข็งแกร่งให้กายเนื้อในรอบนี้ ลู่เซิ่งรู้สึกได้อย่างเลือนรางว่า การระเบิดปราณเหลวสองหยดไม่แน่จะทำให้ร่างกายตัวเองบาดเจ็บอีก
‘ปราณเหลวสามหยดความจริงมากพอแล้ว… ตอนนี้ร่างกายของเรายังเป็นจุดอ่อน รองรับปราณเหลวภายในที่มีความเข้มข้นสูงเกินไปไม่ได้’ เขาลังเลอยู่บ้าง ถ้ายกระดับวิชากำลังภายในธาตุหยางแบบนี้ต่อไป เกรงว่ากายเนื้อจะรองรับไม่ไหวอีก
ลู่เซิ่งมีลางสังหรณ์แปลกๆ ซึ่งทำให้เขารู้สึกว่า การยกระดับวิชาเก้าพิฆาตแดงฉานในตอนนี้ไม่แน่จะเป็นเรื่องดี
‘หยินหยางต้องปรับสมดุล ปราณหยินยี่สิบกว่าหน่วยอย่างมากสุดก็ยกระดับวิชาเก้าพิฆาตแดงฉานได้ขั้นหนึ่ง ส่วนปราณหยินหยางขวดสมบัติอาจยกระดับได้สองขั้น และอาจสร้างสภาพหยินโชติช่วงได้ด้วย…’
หลังลังเลสักพัก ลู่เซิ่งก็ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ สุดท้ายความคิดก็อยู่บนกรอบของปราณหยินหยางขวดสมบัติ
[ปราณหยินหยางขวดสมบัติ: ระดับเจ็ด ผลพิเศษ: คืนปราณเร็วขึ้น ต้านพิษดีขึ้น ฟื้นตัวด้วยความเร็วสูง สะกดหยินหยาง ถ่ายปราณ กลืนกลาย]
สายตาเขาอยู่บนปุ่มปรับเปลี่ยนด้านหลังปราณขวดสมบัติ ก่อนกดเบาๆ
เครื่องมือปรับเปลี่ยนค่อยๆ จางลง จากนั้นรยางค์ที่เย็นเยียบหลายเส้นซึ่งคล้ายเส้นด้าย ก็ยื่นออกมาจากหัวใจของลู่เซิ่งอย่างช้าๆ แล้วเริ่มขยายไปทุกทิศทางในร่างกาย
ขณะเดียวกันฤทธิ์ของยาหนังพยัคฆ์สี่ชั้นที่กินไปก่อนหน้าก็ถูกกระตุ้น ความรู้สึกเย็นฉ่ำสองสายม้วนไปทั่วร่างลู่เซิ่งอย่างรวดเร็ว
ซู่
ผิวหนังของเขาอุ่นขึ้นด้วยความเร็วสูง วิชาเก้าพิฆาตแดงฉานปะทะกับความเย็นสายนี้ด้วยตัวเอง
ปราณหยินหยางขวดสมบัติไม่ได้สนใจวิชาเก้าพิฆาตแดงฉาน แต่ว่าขยายรยางค์ไปยังกล้ามเนื้อและผิวทุกส่วนในตัวลู่เซิ่งด้วยตัวมันเอง
ความเย็นกับความร้อนผสมผสานและต่อต้านกัน เวลาผ่านไป ก็เริ่มปรับสมดุล
ไม่ทราบผ่านไปนานเท่าไหร่ ลู่เซิ่งหลับตาทำสมาธิ รู้สึกรางๆ ได้ว่า การเลื่อนระดับนี้คล้ายกับมีความสำคัญถึงขีดสุดต่อปราณหยินหยางขวดสมบัติ อาจเป็นการเปลี่ยนแปลงทางคุณสมบัติและการยกระดับครั้งหนึ่ง
เขายิ่งไม่กล้าประมาท เพ่งสมาธิกลั้นลมหายใจ รอและเฝ้าสังเกตอย่างสงบ
อย่างค่อยเป็นค่อยไป เขาค้นพบความผิดปกติบางส่วน
รยางค์ของปราณหยินหยางขวดสมบัติผนึกตัวและแข็งแกร่งมากขึ้น
เหมือนก่อสร้างเครือข่ายปราณภายในขึ้นใหม่เอี่ยม
‘ไม่…ไม่ใช่แค่เครือข่ายปราณภายใน นี่เหมือนกับ…เส้นลมปราณเส้นใหม่!’ พอลู่เซิ่งคิดถึงตรงนี้ ร่างกายก็สั่นไหวน้อยๆ
ปราณหยินหยางขวดสมบัติเป็นวรยุทธ์กลายพันธุ์ที่เกิดขึ้นจากการประสานวิชาหล่อเลี้ยงชีวิตและวิชากำลังภายในธาตุหยางเข้าด้วยกัน ประสิทธิภาพหลักๆ อยู่ที่การซ่อมแซมร่างกาย ทว่าสิ่งที่ทำให้ลู่เซิ่งคาดคิดไม่ถึงก็คือ หลังวิชานี้ยกระดับขึ้นก็ค่อยๆ มีความชั่วร้ายอยู่บ้าง
ผลพิเศษสองผลลัพธ์อย่างการกลืนกลายและการถ่ายปราณที่ปรากฏขึ้นใหม่ ทำให้เขาสงสัยอยู่บ้าง และการสร้างเครือข่ายที่คล้ายเส้นลมปราณขึ้นใหม่ของปราณภายใน ณ ตอนนี้ ก็ยิ่งทำให้เขาแปลกใจกว่าเดิม
หลังจากเส้นลมปราณของปราณภายในธาตุหยินเป็นรูปเป็นร่างและมั่นคงขึ้น ลู่เซิ่งก็รู้สึกว่าในร่างกายมีเครือข่ายเส้นลมปราณใหม่เพิ่มมา เครือข่ายนี้สอดประสานกับกายเนื้อถึงขีดสุด คล้ายกับเป็นของดั้งเดิม ไม่มีการติดขัดแม้แต่น้อย
ปราณหยินหยางขวดสมบัติที่เย็นเยือกจำนวนมากทะลักสู่เครือข่ายเส้นลมปราณใหม่นี้อย่างต่อเนื่อง เริ่มเสริมความแข็งแกร่งและความมั่นคงให้แก่ปราการภายในเส้นลมปราณด้วยความเร็วสูง ฤทธิ์ยาของยาหนังพยัคฆ์สี่ชั้นก็ซึมซาบอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นสารอาหารที่ส่งเสริมและถูกใช้สำหรับปราณภายใน
ในที่สุด การพร่ามัวบนเครื่องมือปรับเปลี่ยนก็หายไป กรอบของปราณหยินหยางขวดสมบัติชัดเจนขึ้นอีกครั้ง
ลู่เซิ่งรีบมองกรอบ
[ปราณหยินหยางขวดสมบัติ: ระดับแปด ผลพิเศษ: ข่ายกระเรียนหยิน สภาพหยินโชติช่วง]
ผลพิเศษทั้งหมดก่อนหน้านี้ ทั้งหมดเหลือแค่สองอย่าง
ผลพิเศษคืนปราณเร็วขึ้น ต้านพิษดีขึ้น ฟื้นตัวด้วยความเร็วสูง สะกดหยินหยางก่อนหน้านี้ เหลือแค่ผลสองอย่างซึ่งคล้ายว่าเป็นองค์ประกอบรวม
ลู่เซิ่งสัมผัสดู อย่างไรก็เป็นขอบเขตใหม่ที่เรียนรู้ได้จากระบบความรู้ของเขา ไม่ทันไรก็รู้ว่าข่ายกระเรียนหยินคืออะไร
นี่เป็นเครือข่ายเส้นลมปราณที่รวมตัวกันจากปราณภายในธาตุหยิน ผลพิเศษต่างๆ เช่นต้านพิษดีขึ้น ฟื้นตัวด้วยความเร็วสูง ถ่ายปราณ กลืนกลาย และการสะกดหยินหยางที่สำคัญที่สุดก่อนหน้า ต่างก็รวมตัวอยู่ในผลพิเศษนี้
“นี่เป็นการหลีกเลี่ยงเส้นทางที่เบียดเสียดในตอนแรก สร้างสะพานเชื่อมขึ้นมาเอง!”
หลังจากเข้าใจความสามารถของมัน ลู่เซิ่งก็อุทานขึ้น
เครื่องมือปรับเปลี่ยนนี้ถึงกับใช้ความคิดก่อสร้างสะพานเชื่อมกับการโคจรปราณภายใน
……………………………………….