บทที่ 193 ทางเชื่อม (1)
“ใช้คนเป็นตัวล่อหรือ”
ครืน
ใบมีดคมแหลมเหมือนกับเกราะดีดขึ้นมาบนแขนของเฉาหลง คมมีดเป็นประกายสีเงินสะท้อนแสงระยิบระยับในแสงจันทร์
ฟิ้ว!
ทั้งสองคนแทบจะพุ่งตัวพร้อมกัน
ดาบกับแขนทั้งสองข้างกลายเป็นเส้นสีดำสองสาย ปะทะกันอย่างบ้าคลั่ง
“แดงฉาน อานุภาพเกรียงไกร!”
ลู่เซิ่งพลิกมือฟันดาบลง แสงสีแดงบนคมดาบแผ่ขยาย พริบตาเดียวกลายเป็นตาข่ายดาบสีแดงหนาแน่น ปกคลุมลานว่างไว้อย่างมืดฟ้ามัวดิน พุ่งเข้าใส่เฉาหลง
“พวกเราไม่จำเป็นต้องต่อสู้ นี่ไม่มีความหมาย”
เฉาหลงรีบล่าถอย พลิกตัวกลางอากาศ กระโดดออกจากอาณาเขตคมดาบ ทว่าชายเสื้อของเขายังคงถูกประกายดาบฟันใส่ ลุกไม้เป็นไฟหย่อมหนึ่ง
เขายื่นมือออกมาดับไฟ ควันที่โชยขึ้นลอยผ่านหน้าเขา แล้วถูกลมพัดสลายไป
“เป้าหมายของเจ้าคืออะไร” ลู่เซิ่งเก็บดาบ ยืนนิ่งอยู่ในลานว่าง เหมือนเขาไม่ได้ฟันดาบเมื่อครู่ออกไป
ต่อให้เป็นสภาพหยินโชติช่วง สภาพที่พลังอ่อนแอที่สุด ทุกๆ ดาบก็มีอานุภาพเท่าตอนระเบิดพลังทั้งหมดเมื่อก่อนหน้า
“เป้าหมายหรือ” เฉาหลงงุนงง
แสงจันทร์สาดส่องผ่านหลังชั้นเมฆที่เปิดออก ส่องใบหน้าของเขา นี่เป็นบุรุษร่างกำยำที่ดูซึมเซา
มองอายุของเขาไม่ออก แต่มองเห็นกล้ามเนื้อที่บึกบึนจนแทบระเบิด ร่างกายสูงเกือบสองหมี่ กล้ามเนื้อเหมือนสร้างจากเหล็กกล้า มีเครื่องหมายเหมือนสองง่ามงอกอยู่กลางเส้นผมสั้นสีเทา กระจายเต็มหนังศีรษะ
“ในเมื่อเจ้ารู้จักความประหลาดลี้ลับของที่นี่ อย่างนั้นคงทราบกฎของสำนักไตรอริยะ ทางเชื่อมในครั้งนี้เป็นของพวกเราสมาคมหทัยร่อนเร่” เฉาหลงเอ่ยเสียงทุ้ม
“ทางเชื่อมหรือ” ลู่เซิ่งงุนงง จับต้นชนปลายไม่ถูก
“ถูกต้อง” เฉาหลงคล้ายนึกอะไรออก แสดงสีหน้ากระจ่างแจ้ง “ไม่น่าตอนนั้นคนคนนั้นถึงได้พูดแบบนั้น สัญญาที่เขาต้องการให้พวกเรากระทำ ที่แท้คือที่นี่…”
ทันใดนั้น สายตาที่เขามองลู่เซิ่งเปลี่ยนไปเล็กน้อย กลายเป็นเย็นชากว่าเดิม
“ขออุกอาจถามสักประโยค”
ลู่เซิ่งหรี่ตา “เจ้าจะถามอะไร”
เฉาหลงเดินขึ้นหน้ามาสองก้าว
“ที่นี่เคยปรากฏคันฉ่องไตรอริยะบานหนึ่ง เป็นเจ้าทำลายใช่หรือไม่”
ลู่เซิ่งงุนงง จากนั้นก็นึกถึงคันฉ่องแก้วที่เขาได้มาจากพรรคชาในตอนนั้น
เฉาหลงเห็นเขาทำหน้าเช่นนี้ ก็แน่ใจยิ่งกว่าเดิม
“ดูเหมือนจะเป็นเจ้านี่เอง สำนักไตรอริยะกำหนดให้เป็นที่นี่อีกครั้ง มีเหตุผลอย่างที่คิดไว้”
“ทางเชื่อมเป็นของข้า ถ้าเจ้าจะแย่ง อย่างนั้นข้าได้แต่กำจัดเจ้าทิ้งก่อน…” หนามแหลมบนแขนเขาโผล่พรวด ยาวมากขึ้นกว่าเดิมจนเกือบถึงส้นเท้า
ตอนนี้ต่งฉีโซซัดโซเซหนีออกมา พอเห็นลู่เซิ่งกับเฉาหลง พลันยินดีออกนอกหน้า วิ่งมาทางนี้อย่างบ้าคลั่ง
“ประมุขพรรคช่วยด้วย!” นางตะโกน
ด้านในเรือนด้านหลัง เจ้าบ้านไม่หัวเราะสองคนร่างวูบไหว พลันรวมกันกลายเป็นหนึ่ง จากนั้นก็พุ่งปราดมาทางประตูด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
ลู่เซิ่งมองยังไม่มอง ร่างกระโดดไปด้านหลัง กลิ้งรอบหนึ่งแล้วฟันดาบใส่เจ้าบ้านไม่หัวเราะ
“ของข้า ทางเชื่อมเป็นของข้า!” เฉาหลงตวาด
เขาสะกิดเท้า ร่างพลันระเบิดเป็นควันขาว เหมือนกับเคลื่อนร่างเปลี่ยนเงา ปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าเจ้าบ้านไม่หัวเราะ ฟันมีดคมแหลมบนแขนขวาลงด้านล่าง
ผัวะ!
ทั้งสองคนถีบใส่กันกลางอากาศ
ลูกถีบนี้โดนฝ่าเท้าอีกฝ่ายพอดี ฝุ่นสีขาวกลุ่มใหญ่กว่าเดิมระเบิดระหว่างกลางคนทั้งสอง แรงกระแทกอันรุนแรงทำให้ทั้งสองปลิวออกไปทางซ้ายทางขวาพร้อมกัน
“ข้าไม่ต้องการแย่งชิงทางเชื่อมอะไรของเจ้า” ลู่เซิ่งประหลาดใจเหลือแสน เดิมนึกว่าเฉาหลงกำลังเล่นไม่ซื่อ ทว่าตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นสำนักไตรอริยะยุแยงอยู่ด้านหลัง
“อย่างนั้นเจ้าก็ถอยไป หลังจัดการความประหลาดลี้ลับไม่หัวเราะได้ จะชดเชยให้เจ้า” เฉาหลงเอ่ยเสียงเย็น
“เจ้าลงมือตามสบาย ข้าจะไม่ลงมือ!” ลู่เซิ่งถอยหลังไปสองก้าว ดูจากปฏิกิริยาของอีกฝ่าย ครั้งนี้คล้ายมีความเข้าใจผิดจริงๆ
“เจ้าเอาจริงหรือ” เฉาหลงหยีตา
“แน่นอน” ลู่เซิ่งถอยไปสองก้าวจริงๆ บังต่งฉีไว้ด้านหลังพอดี
เฉาหลงเขม้นมองเขา เดินเข้าหาเจ้าบ้านไม่หัวเราะอย่างเชื่องช้า
ฟุ่บ!
ทันใดนั้นร่างเฉาหลงวูบไหว พื้นยุบตัว เงาคนปรากฏที่ด้านข้างลู่เซิ่งในพริบตาเดียว
“แต่ข้ารู้สึกว่ากำจัดเจ้าก่อนค่อยเอาทางเชื่อมไปปลอดภัยกว่า!”
เคร้ง!
ทั้งสองคนปะทะดาบและมือกัน ส่งเสียงดังกึกก้อง
เป็นวิธีเคลื่อนย้ายที่ลี้ลับไร้สุ้มเสียงนี้อีกแล้ว ลู่เซิ่งเกือบตอบสนองไม่ทัน สุดท้ายก็ใช้ดาบผสมกับตาข่ายโลหิตป้องกันการแทงของอีกฝ่ายไว้ได้
วิธีเร้นลับที่สมาคมหทัยร่อนเร่ใช้ส่งสารให้เขาครั้งก่อนทำให้เขาสัมผัสไม่ได้โดยสิ้นเชิง ตอนนี้เฉาหลงถึงกับใช้วิธีเคลื่อนย้ายที่คล้ายกันได้
สองแขนของเฉาหลงเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงติดต่อกัน คมมีดบนแขนเหมือนกับพายุ ในหนึ่งวินาทีฟันออกหลายครั้ง ถล่มคมดาบที่ลู่เซิ่งใช้ป้องกันอย่างรุนแรงเหมือนกับห่าฝนพายุคลั่ง
สองคนหนึ่งรุกหนึ่งรับ เคลื่อนย้ายอย่างรวดเร็ว เสียงตูมเมื่อปะทะกับกำแพงรอบๆ ลานว่าง
กำแพงปรากฏรูขนาดใหญ่ เผยให้เห็นภูเขาจำลอง สวนดอกไม้ และศาลาที่อยู่อีกฟากของกำแพง
ตูม!
พริบตานั้นเกิดเสียงดัง เฉาหลงที่เพิ่งกระแทกลู่เซิ่งออกจากลานว่าง กลับปลิวกระเด็นออกไปด้วยความเร็วอันน่าสะพรึงกลัวที่สูงกว่า สองขาเหยียบบนพื้น สั่นสะเทือนทั้งลาน เกิดเสียงดังกัมปนาท
“กำจัดข้า อาศัยเจ้าหรือ” ในฝุ่นธุลีที่กระจายทั่วฟ้าตรงที่กำแพงถล่มลง เงาดำสายหนึ่งค่อยๆ ปรากฏขึ้น
เป็นลู่เซิ่งที่ถูกชนออกจากลานว่างไปเมื่อครู่
ตอนนี้ร่างเขาเริ่มกระตุกและพองขยาย ร่างกายที่สำอางอ่อนแอในตอนแรกเหมือนกับปลดปล่อยอะไรบางอย่างออกมา กล้ามเนื้อ กระดูก ผิวหนังเริ่มพองขึ้นอย่างรวดเร็ว แข็งขึ้นและกลายเป็นสีดำ
กล้ามเนื้อจำนวนมากเบียดอัดกันจนร่างท่อนบนเขาใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ก้อนเนื้อกลมขนาดมหึมาสองก้อนโผล่ขึ้นด้านหลัง
ขมับสองข้างมีเขานูนขึ้น เหมือนกับเขาวัวหนึ่งสั้นหนึ่งยาว กล้ามเนื้อด้านหลังพองตัว กล้ามเนื้อสีเทาอมดำแทงออกมาราวกับหนามบนหลังแถวหนึ่ง
ขนาดร่างกายก็ขยายจากร่างธรรมดา สูงใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ พริบตาเดียวก็มีขนาดถึงห้าหมี่
แคว่ก!
มุมปากลู่เซิ่งแยกออก เผยให้เห็นฟันแหลมสีขาวที่เปลี่ยนไป ฟันแหลมสองแถวแน่นขนัดไม่เหมือนมนุษย์โดยสิ้นเชิง คล้ายกับอสูรมังกร[1]กินเนื้อที่ดุร้ายชนิดหนึ่ง
“มาเลย ให้ข้าได้เห็นหน่อยว่าเจ้าจะกำจัดข้าอย่างไร!?”
ผัวะ! เขาถีบเท้า ฝ่าเท้าขนาดยักษ์เหยียบลานว่าง ลานทั้งลานคล้ายกำลังสั่นสะเทือน
ฟุ่บ!
เงาดำสายหนึ่งพุ่งมาจากด้านข้าง เป็นเจ้าบ้านไม่หัวเราะ เขาสีหน้าไร้อารมณ์ คว้ากรงเล็บใส่หลังลู่เซิ่ง
“ไสหัวไป!” ลู่เซิ่งใช้ฝ่ามือเหมือนพัด ตบเจ้าบ้านไม่หัวเราะกระเด็นออกไป ร่างขนาดมโหฬารของตนพุ่งเข้าหาเฉาหลง
“เข้ามา เจ้าอยากกำจัดข้าไม่ใช่หรือ?!”
ตูม!
เขาต่อยใส่พื้นที่เฉาหลงอยู่
พื้นแตกระเบิด ดินโคลนเศษหินมากมายปลิวว่อน ไม่โดนสิ่งใด เฉาหลงหายไปอย่างกะทันหันเหมือนย้ายร่างเปลี่ยนเงา โผล่ขึ้นด้านหลังลู่เซิ่ง
“หนามหทัย!” เขาตวาด สองแขนประกบกันแทงไปด้านหน้า เล็งกลางหลังลู่เซิ่ง
น่าเสียดาย ลู่เซิ่งในตอนนี้แค่สภาพหยินโชติช่วงที่อ่อนแอที่สุดก็มีพลังมากกว่าเบญจลักษณ์แล้ว นี่ทำให้การเปลี่ยนร่างขั้นแรกในตอนนี้ของเขาน่ากลัวกว่าเดิม ขึ้นสู่ระดับอสรพิษโดยตรง
ส่วนการเปลี่ยนร่างขั้นแรกนี้ไม่ได้มีความสมดุลเหมือนหยินหยางรวมเป็นหนึ่ง ส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดของสภาพนี้ไม่ใช่ความเร็ว ไม่ใช่การตอบสนอง และไม่ใช่การระเบิด หากเป็นการป้องกันและพละกำลัง
ฉึก
เหมือนกับแทงใส่ไม้ เฉาหลงใบหน้าเปลี่ยนแปลง พลันพบว่ามือของตนแทงลึกเข้าไปในผิวหนังอีกฝ่ายแค่นิดเดียว
“โง่เง่า!”
ร่างมหึมาของลู่เซิ่งศอกกลับ
ตูม!
ศอกอันใหญ่โตกระแทกใส่ร่างเฉาหลง ศอกที่ใหญ่เกือบเท่าเอวเขาแทบถองร่างจนยุบ
พลังอันน่าพรั่นพรึงระเบิดเสียงดังก้องกลางอากาส ฝุ่นผงเหมือนระลอกน้ำกระจายออกไปหลายกลุ่ม
เฉาหลงพริบตาเดียวจมลงไปในดิน ในเสียงตูมตาม พื้นระเบิดเป็นหลุมใหญ่กว้างหลายหมี่
“เจ้าบอกว่าจะกำจัดข้าหรือ เฉาหลงแห่งสมาคมหทัยร่อนเร่” ลู่เซิ่งเดินมาถึงข้างหลุมลึก ก้มหน้ามองด้านใน
“ถ้าทำได้ ข้าก็ไม่อยากใช้ร่างนี้ เพราะร่างนี้อัปลักษณ์เกินไปจริงๆ น่าเสียดาย…เจ้าบังคับข้าเอง”
ลู่เซิ่งยื่นมือไปคลำหาในหลุม แล้วหิ้วร่างที่เละเทะไม่มีชิ้นดีร่างหนึ่งขึ้นมา
เป็นเฉาหลงที่ถูกทุบหมดสติไปแล้ว
“เทียบกับเฉาหู่ ในฐานะรองประมุขสมาคมหทัยร่อนเร่เหมือนกัน เจ้าทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ” ลู่เซิ่งนึกย้อนถึงเฉาหู่ที่เป็นยักษ์ตาเดียว เขาถึงขั้นเข่นฆ่ากับหงฟางไป๋ในสภาพสมบูรณ์ที่สุดได้ ส่วนคนตรงหน้าเป็นแค่ขั้นสูงสุดของระดับสัตตะลักษณ์ ไม่ใช่ระดับอรพิษด้วยซ้ำ
“ข้าจะจัดการเจ้าอย่างไรดี” ลู่เซิ่งหิ้วเฉาหลงไว้ด้านหน้า ร่างที่สูงเกือบสองหมี่ของอีกฝ่ายเทียบกับเขาแล้ว ไม่ต่างจากผู้ใหญ่และทารก
“คราบจั๊กจั่น!”
ทันใดนั้นร่างของเฉาหลงกระตุก ร่างกายถอดผิวหนังออกชั้นหนึ่ง เฉาหลงตัวเล็กลง ไถลออกจากในมือของลู่เซิ่ง ตกลงบนพื้น
คมมีดบางเหมือนปีกจั๊กจั่นจำนวนมากพลันดีดขึ้นด้านนอกแขนของเขา คมมีดกึ่งโปร่งแสงหนาแน่นเหมือนกับแก้วผลึก
ใบหน้าของเฉาหลงกลายเป็นสีดำดุดันเหมือนแมลง โดยเฉพาะส่วนปาก เปลี่ยนเป็นหนามโง้งสีดำที่เรียวยาวแท่งหนึ่ง งอกยาวถึงส่วนอก
“เดิมข้าคิดสงวนพลังไว้ใช้ในทางเชื่อม ตอนนี้ดูเหมือนไม่มีทางเลือกแล้ว…” เฉาหลงกางแขน สองตาเป็นประกายสีเขียวอ่อน
“ปีกจั๊กจั่น มังกรทะยาน เก้าสวรรค์!”
ฟุ่บ!
ประกายสีเขียวที่รวดเร็วดุจสายฟ้าฟาด เฉียดผ่านทรวงอกลู่เซิ่ง
ผัวะๆๆๆ!
ร่างกายอันโอฬารของลู่เซิ่งถอยหลังไปหลายก้าว สะเก็ดไฟจำนวนมากกระจายตรงทรวงอกของเขา ผิวสีดำตรงหน้าอกมีรูเลือดจางๆ รูหนึ่ง
เขาไม่ได้ถูกทำร้ายสาหัส แต่ก็ถูกแรงกระแทกอันรุนแรงชนจนโซเซ
“ฮ่าๆๆ! น่าสนใจๆ!” ลู่เซิ่งหัวเราะลั่น ตาข่ายโลหิตที่ลุกไหม้รอบๆ ตัวหุบลงอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นรวมตัวบนผิว กลายเป็นเยื่อสีแดงกึ่งโปร่งแสงจางๆ ชั้นหนึ่ง
“มาเลย! มาฆ่าข้า! ถ้าเจ้ามีปัญญา!” เขาคว้ามือใส่แสงสีเขียวที่ตกลงบนพื้น
ฟิ้ว!
แสงสีเขียวสายหนึ่งวาดผ่านอีกรอบ ลู่เซิ่งคว้าใส่ความว่างเปล่า ค่าตอบแทนคือบาดแผลสายหนึ่งบนมือ
แต่ที่น่าประหลาดก็คือ ตอนนี้บาดแผลที่ทรวงอกของเขาสมานตัวเกือบหายแล้ว
ครั้งนี้ที่มือรับกระบวนท่า บาดแผลมีแสงเพลิงสีแดงก่ำและสีทองกระเด็นออกมาพร้อมกัน นั่นไม่ใช่แค่ความร้อนที่เกิดจากการปะทะเสียดสีด้วยความเร็วสูง ยังมีการสะท้อนกลับโดยสัญชาตญาณของปราณหยินหยางขวดสมบัติ รวมกับการเผาไหม้ที่ความร้อนจากตาข่ายโลหิตนำมา
……………………………………….
[1] อสูรมังกร หมายถึง ไดโนเสาร์