บทที่ 201 ผละจาก (1)
พายุหิมะพัดผ่านข้างตัวอย่างรวดเร็ว ลู่เซิ่งไล่ตามเมฆสีขาวด้านหน้าไปติดๆ
เมฆกลุ่มนั้นเป็นหมาป่ายักษ์สีขาวที่กำลังพุ่งทะยานด้วยความเร็วสูง
ป่าเขาสองฟากวาดผ่าน พื้นเดี๋ยวสูงเดี่ยวต่ำ ไม่ทราบข้ามเนินกี่เนิน ข้ามเขากี่ลูก
เวลาผ่านไป ลู่เซิ่งไม่รู้ว่าไล่ตามมานานเท่าไหร่ ในที่สุดหมาป่าสีขาวที่อยู่ด้านหน้าก็ทิ้งตัวลงอย่างแผ่วเบา ตกลงข้างธารน้ำแข็งผืนใหญ่อย่างไร้สุ้มเสียงราวกับก้อนเมฆจริงๆ
ร่างกายขนาดมหึมาของมันนั่งอยู่ข้างธารน้ำเหมือนภูเขา ดวงตาสีแดงฉานขนาดใหญ่หันไปมองลู่เซิ่ง
“เจ้าติดตามข้าต้องการอะไร” เสียงหมาป่าไม่ดัง แต่ถ่ายทอดไปไกล มุดเข้าหูของลู่เซิ่งอย่างแม่นยำ เหมือนกับมีคนพูดอยู่ข้างหู
“ต้องการอะไรหรือ” ลู่เซิ่งงุนงง
“ข้าคือเกินตี้ราชันหมาป่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุด จงบอกความปรารถนาของเจ้ามา รวมถึงค่าตอบแทนและของแลกเปลี่ยน ถ้ายินดี ข้าจะช่วยทำให้เป็นจริง” หมาป่ายักษ์กล่าววาจาอันแปลกประหลาดกับลู่เซิ่งด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ในเมื่อไล่ตามมา ก็สมควรทราบกฎของข้า”
ลู่เซิ่งมองหมาป่าสีขาว อีกฝ่ายมอบแรงกดดันให้เขารุนแรงมาก พลังของหมาป่ายักษ์ตัวนี้แข็งแกร่งกว่าคู่ต่อสู้ทั้งหมดที่เขาเคยพานพบมา
ตัดสินจากคำพูดของมันอีกฝ่ายสมควรทำกิจการประเภทแลกเปลี่ยนบางอย่าง หนำซ้ำยังมีชื่อเสียงไม่น้อย
เขาสงบจิตใจ “ท่านให้อะไรข้าได้บ้าง”
ราชันหมาป่าขาวยืดตัวขึ้น ยื่นหัวอันมหึมาเข้ามาใกล้ลู่เซิ่ง
“ข้าให้อะไรได้หรือ ความร่ำรวย ทรัพย์สมบัติ อำนาจ หรือแม้แต่หาความปรารถนาในใจของเจ้า…”
ศีรษะขนาดยักษ์ของมันอยู่ห่างจากลู่เซิ่งไม่กี่หมี่ เหมือนกับแค่อ้าปากก็ขย้ำกลืนเขาได้
“ข้าล้วนไม่ต้องการสิ่งเหล่านี้” ลู่เซิ่งครุ่นคิด พลันเอ่ยว่า “ข้าต้องการความสามารถ พลัง!”
อีกฝ่ายเหมือนจะไม่รู้สถานะของเขา ปัจจุบันสภาพหยินโชติช่วงซ่อนเร้นลมปราณได้แข็งแกร่งสุดขีด พลังที่แสดงออกมาแตกต่างราวฟ้ากับเหวหลังจากเปลี่ยนร่างในความเป็นจริง
“อ้อ?” ราชันหมาป่าขาวพิจารณาเขา “เหตุใดเจ้าจึงต้องการพละกำลัง”
ลู่เซิ่งยิ้ม “กลียุคแบบนี้ยังต้องมีเหตุผลหรือ”
“ถูกต้อง” ราชันหมาป่าขาวพยักหน้า “แต่เจ้ามีพลังไม่เลวอยู่แล้ว ต้องการแลกเปลี่ยนพลังที่แข็งแกร่งกว่านี้ ค่าตอบแทนที่ต้องจ่ายให้สอดคล้องกันก็ยิ่งมาก”
“ขอแค่ท่านหามาให้ได้ ค่าตอบแทนไม่มีปัญหา ข้าจ่ายไหว” ลู่เซิ่งกล่าวอย่างสงบ
เขากำลังโกหกอยู่ เพียงแค่กล่าวเออออกับมันเท่านั้น พลังที่ว่า ถ้าอีกฝ่ายช่วยเขาได้จริงๆ ก็เป็นความยินดีที่คาดไม่ถึง ถ้าไม่ได้ อย่างนั้นก็ไม่เป็นไร เขาก็แค่เห็นหมาป่าสีขาวขนาดใหญ่ผ่านไปตอนทดลองวรยุทธ์ นึกอยากลองทำตามจึงติดตามมา
ราชันหมาป่าขาวก็สงสัยเช่นกัน ในฐานะประมุขสมาคมหทัยร่อนเร่ ที่แล้วมามีคน ผี ปีศาจมาหาเพื่อแลกเปลี่ยนสิ่งของ คนที่ต้องการพลังก็มี แต่ไม่เคยมีใครไม่เกรงกลัวตนอย่างมนุษย์ตรงหน้ามาก่อน
สาเหตุที่มันมาที่นี่ก็เป็นแค่ความบังเอิญเช่นกัน
ก่อนหน้านี้หลังจากบุรุษลี้ลับผู้นั้นเอ่ยคำพูดนั้นกับมัน ก็หายตัวไปอย่างลึกลับ
มันไม่ได้เชื่อสิ่งที่คนผู้นั้นพูดทั้งหมด นอกจากนี้ต่อให้ตระกูลซั่งหยางวางอุบายจริงๆ ปัจจุบันมันก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน อีกฝ่ายเป็นหนึ่งในเก้าตระกูลจงหยวน พลังเหนือกว่าจินตนาการของมัน แก้แค้นไป อย่างมากสุดทำร้ายอีกฝ่ายบาดเจ็บแค่เส้นขน กลับกระตุ้นโทสะขุมกำลังที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้เข้า
ราชันหมาป่าขาวโมโห แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ พอดีได้รับคำเชิญจากสหายสนิท ได้โอกาสแก้แค้นตระกูลซั่งหยาง จึงผละจากฝูงมุ่งหน้ามายังใจกลางแดนเหนือ
คิดไม่ถึงว่าระหว่างทางจะเจอมนุษย์คนหนึ่งในแดนเหนือ มนุษย์ผู้นี้น่าสนใจตรงที่ติดตามความเร็วของเขาได้ตลอดทาง
“ในอดีตเผ่าตาเดียวเคยมาแลกเปลี่ยนกับข้า ใช้ความซื่อสัตย์แลกกับพลัง ข้าจึงมอบให้พวกเขา เผ่าพันธุ์อื่นๆ ใช้ทรัพย์สมบัติหลายอย่างแลกเปลี่ยนกับพลัง ข้าก็ยินดีเปิดศักยภาพให้พวกเขา” ราชันหมาป่าขาวเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ “ข้าให้พลังเจ้าได้ แต่ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าเอาของแลกเปลี่ยนที่มีค่าอะไรออกมาได้บ้าง” เขาไม่รู้จักลู่เซิ่งและไม่เคยเห็นภาพเหมือนของอีกฝ่ายมาก่อน สิ่งที่มันเกรงกลัวเพียงอย่างเดียวในแดนเหนือก็คือขุมกำลังที่ซ่อนเร้นของตระกูลซั่งหยาง
อีกฝ่ายฆ่ารองประมุขสมาคมของตนไปสองคน แค่คิดก็ทราบว่าที่นี่มีกองกำลังแข็งกล้าอยู่
กระนั้นแม้มันจะระวังตระกูลซั่งหยาง แต่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจพรรควาฬแดงขุมกำลังเล็กๆ ของมนุษย์เท่าใดนัก
“อ้อ?”
ลู่เซิ่งพลันสนใจ หมาป่าสีขาวเหมือนพ่อค้าใหญ่ในเผ่าพันธุ์มารปีศาจ
“ข้าต้องการพลังที่ไม่มีผลข้างเคียงและไม่ส่งผลต่อสติปัญญาของข้า” เขาครุ่นคิด แล้วหยิบของอย่างหนึ่งออกมาจากในกระเป๋าเสื้อ “ข้าจะใช้สิ่งนี้เป็นของแลกเปลี่ยน”
“สิ่งนี้คือ…” ราชันหมาป่าขาวพลันหยีตา จ้องสิ่งของในมือลู่เซิ่งเขม็ง “ชิ้นส่วนอาวุธเทพชิ้นหนึ่งหรือ คล้ายเป็นชิ้นส่วนของตราพยับ…”
สิ่งที่ลู่เซิ่งหยิบออกมาก็คือแผ่นโลหะสีเหลืองเข้มที่ได้มาจากผีดิบขาวซึ่งเป็นผู้ประกอบพิธี ตอนนั้นเขาได้ปราณหยินจากมันไปหลายสิบหน่วย
ทว่าภายหลังศึกษาอยู่นาน ยังใช้ไม่ได้ ตอนนี้นึกขึ้นได้ จึงเอาออกมาทดลองดู
“ตราพยับหรือ” ลู่เซิ่งแอบจำไว้ สีหน้าของเขายังราบเรียบ
“ข้าใช้สิ่งนี้ สามารถซื้อพลังได้เท่าไหร่”
ราชันหมาป่าขาวพินิจมองแผ่นโลหะแผ่นนั้น
“ชิ้นส่วนชิ้นนี้นับว่าใหญ่ ข้าให้ตัวเลือกเจ้าสามอย่าง”
“อ้อ?” ลู่เซิ่งงุนงง “โปรดอธิบาย”
ราชันหมาป่าขาวเงยหน้าขึ้นพ่นลมหายใจเฮือกหนึ่ง หมอกขาวกลุ่มใหญ่ห้อมล้อมทั้งสองเหมือนเมฆขาว บังสายตาทั้งหมดจากโลกภายนอกเหมือนฉากกั้น
“ข้อแรก ให้พลังโดยตรง แต่นั่นยืมจากในตัวข้า ข้อดีคือเร็ว”
“ข้อสอง ถ่ายพลังปีศาจให้เจ้า ให้เจ้ากลายเป็นกึ่งปีศาจ แต่จะส่งผลต่ออายุขัย”
“ข้อสาม ให้วัตถุฟ้าสมบัติดินแก่เจ้า แต่สิ้นเปลืองค่อนข้างมาก เพราะต้องดูดซับ ย่อยสลายเพื่อแปรเปลี่ยนเป็นพลัง”
ราชันมหาป่าขาวเสนอตัวเลือกสามข้อให้เขาอย่างรู้ใจยิ่ง แต่ละข้อมีข้อดีและข้อเสีย
ลู่เซิ่งครุ่นคิด ถึงอย่างไรเขาก็ใช้ของชิ้นนี้ไม่ได้ ระดับชั้นอย่างตระกูลซั่งหยางไม่มีทางขาดชิ้นส่วนอาวุธเทพอยู่แล้ว นี่เป็นของของผู้ประกอบพิธีคนหนึ่งจากจวนอู๋โยว เดิมน่าจะเอาไว้มอบเป็นรางวัลให้คนระดับล่าง ระดับชั้นไม่สูงเกินไป
“ข้าต้องการวัตถุฟ้าสมบัติดิน” เขาคิดครู่หนึ่ง ค่อยกล่าว
“ยาล้ำค่าสำหรับเพิ่มพลัง ที่ข้ามียาทำให้กายเนื้อแข็งแกร่งและยาที่ทำให้ปราณภายในแข็งแกร่ง เจ้าอยากได้ชนิดใด” ราชันหมาป่าขาวถาม
ลู่เซิ่งนึกถึงวัตถุดิบยาแต่ละชนิดที่ทำสัญลักษณ์บนแผนที่ยาล้ำค่า ใช้มันเป็นตัวเปรียบเทียบ “ข้าต้องการดอกจตุวิญญาณที่มีอายุ”
“ได้” ราชันหมาป่าขาวเอียงศีรษะ สลัดกล่องสีขาวขนาดเท่าฝ่ามือใบหนึ่งออกมาจากในแผงคอ
กล่องใบนั้นเหมือนถูกมือใหญ่ไร้รูปร่างกำไว้แน่น ลอยลงมาอย่างมั่นคง แล้วหยุดอยู่ตรงหน้าลู่เซิ่ง
“ดอกจตุวิญญาณอายุสามหมื่นปี มีค่าเท่ากับชิ้นส่วนอาวุธเทพในมือเจ้า” ราชันหมาป่าขาวทำมาค้าขายซื่อสัตย์สุจริต นี่เป็นหลักการที่สมาคมหทัยร่อนเร่ยึดถือมาหลายปี
พวกเขาในฐานะพ่อค้าลึกลับในหมู่มารปีศาจ แม้บางอย่างราคาจะสูง แต่ไม่เคยขายของปลอม
ลู่เซิ่งรับกล่องมาเปิดดู ดอกไม้ดอกเล็กๆ สีเขียวมีกลีบดอกสี่กลีบที่กิ่งใบกลายเป็นกึ่งโปร่งแสงวางอย่างสงบอยู่ด้านใน
กลิ่นหอมเหมือนสะระแหน่อ่อนๆ มุดเข้าไปในจมูกเขาเงียบๆ เหมือนซึมซ่านสู่จิตใจ
“สามหมื่นปี…” ลู่เซิ่งเปลือกนอกไม่แสดงสีหน้า แต่ในใจกลับแตกตื่นยินดี
พึงทราบว่า ต่อให้เป็นแผนที่ยาล้ำค่าที่หลี่ซุ่นซีมอบให้ ยาล้ำค่าที่มีฤทธิ์ดีที่สุดในแดนเหนือซึ่งทำสัญลักษณ์ไว้ ก็สู้ฤทธิ์ดอกจตุวิญญาณตรงหน้าไม่ได้แม้แต่ครึ่ง
ถ้ามันมีอายุสามหมื่นปีจริงๆ
หากจัดการได้อย่างเหมาะสม ดอกจตุวิญญาณดอกนี้จะลดการสิ้นเปลืองปราณหยินของเขาได้หลายสิบหน่วย ทั้งอาจจะเพิ่มพลังฝึกปรือโดยรวมของวิชากำลังภายในได้อีกครั้ง
ครั้งนี้เขายกระดับวิชาแสงมายาซึ่งเป็นวิชาตัวเบา ลืมไปเลยว่าใช้ปราณภายในธาตุหยินลดการสิ้นเปลืองปราณหยินได้ แต่ว่าภายหลังได้ใช้ปราณขวดสมบัติที่เป็นธาตุหยินไปพอประมาณ ทั้งหมดถูกใช้ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บซ่อนเร้นในร่างกายที่ได้รับการยกระดับเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน
กระนั้นเขาก็ใช้ปราณภายในธาตุหยินยกระดับวรยุทธ์ระดับต่ำๆ ได้โดยสิ้นเชิง เพียงแค่เปลืองเวลากว่าเดิมเท่านั้น
“เป็นอย่างไร” หมาป่าสีขาวมองลู่เซิ่ง รอคำตอบจากเขา
“ตกลง” ลู่เซิ่งผงกศีรษะ โยนแผ่นโลหะในมือไปด้านหน้า
พลังไร้รูปร่างสายหนึ่งยกแผ่นโลหะลอยไปทางหมาป่าสีขาว
“อย่างนั้นก็สิ้นสุดการแลกเปลี่ยน ครั้งหน้ามีความต้องการอะไร ให้มาหาข้าที่หมู่เกาะน้ำแข็ง” ราชันหมาป่าขาวพูดจบ ก็เก็บโลหะไว้ในขน กระโจนตัวออกไป พริบตาเดียวก็หายไปท่ามกลางพายุหิมะบนท้องฟ้าเหมือนเมฆก้อนใหญ่
ลู่เซิ่งไม่ได้ไล่ตาม ครั้งนี้มองอีกฝ่ายผละไปอย่างเงียบๆ ของที่ได้มาในครั้งนี้ เขาเอากลับไปย่อยสลายได้แล้ว
…
ก้อนเมฆทั่วฟ้ากดลงล่างในทันใด
บนที่ราบน้ำแข็งอันกว้างใหญ่ไพศาล เงาคนสูงชะลูดที่พร่ามัวสายหนึ่งยืนเงียบเชียบอยู่ตรงนั้น แหงนมองก้อนเมฆที่กดตัวลงมา
ฟู่ว…
ราชันหมาป่าขาวปรากฏร่างจากในก้อนเมฆ
“ตระกูลซั่งหยางข่มเหงเราเกินไป ราชันจิ้งจอกน้ำแข็ง เก้าตระกูลจงหยวนแข็งแกร่งจริงๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าข้าได้แต่กล้ำกลืนฝืนทน” ราชันหมาป่าขาวเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ
เงาคนสูงชะลูดนั้นเงียบงัน
ราชันหมาป่าขาวไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงรอการตัดสินใจของอีกฝ่ายเงียบๆ
ราชันจิ้งจอกน้ำแข็งเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดตัวจริงท่ามกลางมารปีศาจของแดนเหนือ ไม่มีใครเทียบเคียงได้
ถ้าหากบอกว่ามันราชันหมาป่าขาวเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่เกาะทะเลน้ำแข็ง อย่างนั้นบุคคลตรงหน้าก็แข็งแกร่งที่สุดในแดนเหนือ ถึงขั้นราชันปีศาจหลายตนที่อยู่รอบๆ รวมถึงมันต่างก็ให้การยอมรับ
เพราะการดำรงอยู่ของราชันจิ้งจอกน้ำแข็ง จึงสะกดการช่วงชิงทรัพยากรอันไร้สิ้นสุดของเก้าตระกูลจงหยวนในแดนเหนือและทะเลน้ำแข็งได้
รออยู่นาน
“ท่านไป…มีประโยชน์หรือ” คนผู้นั้นในที่สุดก็ส่งเสียง
“ไม่มีประโยชน์” หมาป่าขาวยิ้มอย่างโหดเหี้ยมน่าสยอง “แต่ ยังฆ่าอัจฉริยะของตระกูลซั่งหยางได้สองสามคน”
“ในศึกชิงภัยพิบัติมังกรสีชาด แม้แต่องค์หญิงหลายคนของข้าก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้ท่านลงมือไม่มีความหมายแม้แต่น้อย” เงาคนกล่าวอย่างราบเรียบ
ราชันหมาป่าขาวหุบยิ้มทันที ไม่มีใครรู้จักความอำมหิตไร้น้ำใจของราชันจิ้งจอกขาวไปมากกว่ามัน ต่อให้เป็นมันเองก็ไม่อาจทิ้งบุตรของตน ปล่อยให้พวกเขาเข่นฆ่ากันเอง จากนั้นช่วงชิงวาสนาที่พวกเขาเดิมสมควรได้รับอย่างง่ายๆ กับมดตุ่นเหล่านั้นคล้ายขยะวัชพืชไม่ได้
“ดังนั้น?” มันใจเย็นลง
“กลับไปเถอะ” เงาคนเอ่ยอย่างราบเรียบ
เงียบงัน
ราชันหมาป่าขาวพลันรู้สึกจิตใจเย็นเยียบ ถึงแม้ว่ารองประมุขสมาคมจะเป็นแค่คนที่ค่อนข้างแข็งแกร่งทั้งสองคนในหมู่บริวารจำนวนมากสำหรับเขา ภายหลังเขาเลือกใหม่ได้
แต่จากเรื่องนี้มันหยั่งเชิงท่าทีของราชันจิ้งจอกน้ำแข็งได้แล้ว
อีกฝ่ายอยู่สูงส่ง ขอแค่ไม่ใช่ราชันปีศาจเช่นพวกมันเกิดเรื่อง หรือสถานการณ์ในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ก็จะไม่ลงมือ ถึงขั้นห้ามไม่ให้มันลงมือ
“ข้าเข้าใจแล้ว…” ราชันหมาป่าขาวเงียบขรึมอยู่นาน ในที่สุดก็ยังคงยอมถอย “ท่านจะเสียใจทีหลัง”
“ไม่มีใครทำให้ข้าเสียใจทีหลังได้” ราชันจิ้งจอกขาวพูดอย่างเฉื่อยชา “ท่านไม่เข้าใจ”
ราชันหมาป่าขาวแค่นเสียงหึ แล้วหมุนกายผละไป
ท่ามกลางลมหิมะ เงาคนสายนั้นยังคงยื่นนิ่งอยู่ที่เดิม เพียงทอดสายตามองหมาป่าขาวยักษ์ที่อยู่ไกลออกไป ไม่พูดอะไรอีก
……………………………………….