คืนที่สอง
ลู่เซิ่งเข้าไปในห้องดอกบัวอีกครั้ง
ครั้งนี้เขาเข้าไปตั้งแต่กลางวัน
ถือดาบตรวจสอบห้องทั้งห้องรอบหนึ่งโดยไม่ส่งเสียงสักคำ
หลังจากจดจำภูมิประเทศ ตำแหน่ง จุดที่สิ่งของแต่ละอย่างอยู่จนหมดแล้ว เขาก็นั่งลงในห้องอีกครั้ง
รอคอยราตรีกาลมาถึงอย่างสงบ
คฤหาสน์ลู่ถูกเขาสะกดไว้แล้ว ผู้ใดก็ไม่กล้ามีความคิดจากไปอีก
อย่างไรเมืองเก้าประสานก็ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ นอกเสียจากหนีไปถึงเมืองม่วงโชติ แต่เพราะถูกคนควบคุมเคร่งครัด ผู้ใดก็ไม่กล้ามีความคิดจากไปทันที
ทุกคนต่างกลัวว่าคนอื่นจะแอบมารายงานคุณชายใหญ่
ภายหลังลู่เซิ่งยิ่งประกาศว่า ผู้ใดรายงานความผิดผู้หลบหนี รายงานหนึ่งคน ตบรางวัลหนึ่งร้อยตำลึง!
หนึ่งร้อยตำลึงเชียว! ถ้าหากรายงานสิบคน นั่นก็คือพันตำลึง!
คนจำนวนมากชั่วชีวิตยังไม่ได้เงินมากถึงขนาดนี้
คฤหาสน์ลู่สงบเรียบร้อยชั่วขณะ
ลุงใหญ่เรียกทหารจำนวนมากมาเฝ้าประตูเข้าออกหลายแห่งในคฤหาสน์ลู่ ไม่อนุญาตให้ออกไปตามใจ
คนที่หนีไปก่อนหน้านี้ เขาก็ออกคำสั่งให้จับกุม ทั้งหมดล้วนถูกจับกลับมา
วุ่นวายเช่นนี้รอบหนึ่ง สีท้องฟ้าค่อยๆ มืดสลัวลง
วิ้ว…
กระแสอากาศไหลไปมาในห้องไม่หยุด
ลู่เซิ่งนั่งอยู่ในห้องอวี๋เจี่ย มือถือดาบยาวที่ดึงออกจากฝักแล้ว กำลังหลับตาคล้ายงีบหลับ
ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้หลับมาคืนหนึ่ง ตอนรออยู่ที่นี่ทั้งวันก็นั่งพักผ่อนเช่นนี้
วิชากระเรียนหยกร้ายกาจจริงๆ ต่อให้ไม่หลับหนึ่งคืน ตอนนี้เขายังกระปรี้กระเปร่า
แสงสว่างค่อยๆ มืดลงแล้ว
ลู่เซิ่งไม่จุดตะเกียง เขานั่งอยู่ในความมืดเช่นนี้ คิดเลียนแบบสภาพเดิมของห้องนี้ในยามปกติ
เส้นแสงยิ่งมายิ่งดำ ยิ่งมายิ่งมืด
ลู่เซิ่งเปลี่ยนไปใช้โสตประสาทและการรับรู้ต่อกระแสอากาศแทน ตรวจสอบรอบๆ อย่างแช่มช้า
เวลาไหลผ่านไปวินาทีต่อวินาที
ไม่ทันไร หลังจากอาทิตย์ลับยอดเขา ในห้องก็มืดสนิทเป็นแผ่นผืน ยื่นมือไม่เห็นห้านิ้ว
ลู่เซิ่งยังคงนั่งสงบนิ่งมั่นคง
พั่บ…
ทันใดนั้นปากประตูแว่วเสียงเสื้อผ้าเสียดสีดังมา
เป็นเสียงเบาๆ ที่เสื้อผ้าเสียดสีกับกำแพงและผิวไม้
ลู่เซิ่งลืมตาขึ้น เห็นเงาคนสีขาวรางเลือนสายหนึ่งในความมืด กำลังมุดเข้ามาจากประตูอย่างช้าๆ
เป็นเพราะมืดเกินไป เขาเห็นไม่ชัดว่าอีกฝ่ายมีรูปร่างอย่างไร ได้แต่มองเห็นว่าเป็นคน คนที่สวมอาภรณ์ขาว
คนผู้นี้เดินช้า ช้าอย่างยิ่ง
ในความมืด ลู่เซิ่งรู้สึกว่าอีกฝ่ายคล้ายกำลังยิ้ม ทั้งๆ ที่เห็นหน้าไม่ชัด เขากลับสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายกำลังยิ้มประหลาด
“ในที่สุดเจ้าก็กล้าออกมา”
ลู่เซิ่งลุกขึ้น สองตาบังเกิดความดุร้าย
วิชาทมิฬพิฆาตพลันไหลเวียนรอบตัว
อุณหภูมิเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วบนร่างเขา
ฟู่ว!
ทันใดนั้น เงาสีขาวนั้นพลันพุ่งเข้ามา
“ไปตายซะ!”
เงาดาบวูบไหวในมือลู่เซิ่ง
สะบัดดาบในท่าบารมีพยัคฆ์ของวิชาดาบพยัคฆ์ดำออกไปอย่างรุนแรง รับมือเงาสีขาวที่ถลันเข้ามาชั่วขณะ
พริบตาที่คมดาบปะทะกับเงาสีขาว ตรงหน้าเขาพลันพร่ามัว ข้างหูเงียบสงัดอย่างฉับพลัน ไม่ได้ยินเสียงใดอีก
ตอนนี้ด้านหน้าเขาว่างเปล่า ไม่มีอะไรสักอย่าง ดาบนี้ถึงกับฟันพลาดเป้า
‘เร็วมาก!’
ลู่เซิ่งคิดยังไม่คิด หมุนดาบยาวอีกครั้งหนึ่ง สะบัดไปรอบๆ ตัวอย่างบ้าคลั่ง
ฉัวะ!
ราวไม้ที่ขวางอยู่ถูกดาบฟันหัก ตกลงมาบนพื้น ยังมีพนักเก้าอี้ของเก้าอี้ตัวหนึ่งถูกดาบผ่าเป็นสองท่อนเช่นกัน
เขาแค่นเสียงหึ ออกมาคำหนึ่ง
กำลังจะเก็บดาบ สำรวจห้องอีกครั้ง
ทันใดนั้นหนังศีรษะด้านหลังเขาเย็นวาบ
ลู่เซิ่งหันไป เห็นคนสวมอาภรณ์ขาวผู้นั้นอยู่ด้านหลัง ใกล้เขาแค่คืบ โถมทั่วร่างเข้ามาทางเขา
“หาที่ตาย!”
เขากระตุ้นวิชาทมิฬพิฆาตด้วยพลังทั้งหมด เลือดลมพลุ่งพล่าน ดาบยาวพลันใช้ท่าพยัคฆ์คำรามกระบวนท่าที่สามของดาบพยัคฆ์ดำ
โฮก!
ภายใต้การกระตุ้นปราณทมิฬพิฆาตสุดกำลัง คมดาบถึงกับส่งเสียงเสือคำรามอันกระจ่างเสียงหนึ่ง สั่นสะเทือนจนแก้วหูแทบแตก
เสียงเสือคำรามสั่นสะเทือนจนสิ่งของในห้องกระเด้งกระดอน
เงาสีขาวนั้นพลันร้องโหยหวน ส่งเสียงกรีดร้องเหมือนเด็กผู้หนึ่ง พุ่งตัวอย่างรวดเร็วไปทางหน้าต่าง
ลู่เซิ่งไม่พูดพร่ำทำเพลง ปรับเลือดลมที่พลุ่งพล่านให้เบาลง รีบติดตามไป
เปรี้ยง!
เขาฟันหน้าต่างไม้ที่ขวางทางจนแหลก
คนเหมือนเสือออกจากถ้ำ พุ่งเข้าไปยังตรอกน้อยที่อยู่นอกหน้าต่าง
เงาสีขาวความเร็วสูงยิ่ง ครู่เดียวก็อ้อมไปอ้อมมา ทะลุผ่านสิ่งของส่วนหนึ่งที่วางกองอยู่ในตรอก
ลู่เซิ่งไล่ตามไม่ลดละ
เปรี้ยง! เปรี้ยง!
สิ่งของสองกองที่ขวางทางอยู่ ถูกเขาฟันสองดาบระเบิดออก
“ด้านในมีการเคลื่อนไหวแล้ว! เป็นคุณชายใหญ่หรือ”
มีผู้คุ้มกันตะโกนอยู่ด้านนอก
ลู่เซิ่งจิตใจตึงเครียด
เห็นที่ประตูข้างเฝ้าไว้ด้วยผู้คุ้มกันที่เฝ้ายามสองสามคน
กำลังเพ่งตามองมา กำดาบด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสับสน
ลู่เซิ่งไม่ทันพูดอะไร เห็นเงาสีขาวนั้นเร็วจนผิดปกติ แวบเดียวก็พุ่งเข้าไปหาผู้คุ้มกันรายหนึ่ง
“ถอยออกมาให้หมด!”
เขาตวาด ภายใต้เลือดลมพลุ่งพล่าน คมดาบในมือส่งเสียงคำรามเหมือนเสือใหญ่อีกครั้ง
โฮก!
ลู่เซิ่งถลันเข้าไป
ฟันกระบวนท่าพยัคฆ์สังหารออกไปหนึ่งดาบ!
เคร้ง!
ผู้คุ้มกันที่ถูกเงาสีขาวพุ่งเข้าใส่นั้น ผิวทั่วร่างปรากฏเส้นเลือดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เขายกมือขึ้น
ถึงกับป้องกันดาบนี้ของลู่เซิ่งได้อย่างถนัดถนี่
ดาบสองเล่มปะทะกันอย่างรุนแรง ลู่เซิ่งพลันรู้สึกถึงพลังที่ไม่ด้อยกว่าตัวเขาเองขวางอยู่ตรงหน้า
มองดูคนคุ้มกันผู้นั้นอีกครั้ง บนใบหน้าสองตาเหลือกขาว ดวงตาไร้สีดำ เป็นสีขาว
‘สิงร่างหรือ’
ลู่เซิ่งฟันออกไปอีกหนึ่งดาบ มุ่งใส่ลำคอของผู้คุ้มกัน
เคร้ง!
ถูกกันไว้ได้อีก
ผู้คุ้มกันที่ถูกสิงร่างคนนั้นพลังเพิ่มขึ้นไม่น้อย ลู่เซิ่งถือดาบเข้าปะทะกับเขา
สองคนสองดาบส่งเสียงสับสน สู้กันเป็นพัลวัน เสียงโลหะปะทะกันสั่นสะเทือนแก้วหูแทบฉีก ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ผู้คุ้มกันอีกสองคนที่ประตูข้างตกใจแทบตาย ปัสสาวะแทบราดเร่ง รีบหนีไปให้ห่าง
เสียงและความเคลื่อนไหวเรียกผู้คุ้มกันและข้ารับใช้จำนวนไม่น้อยมาถึง
ลู่เซิ่งภายใต้การกระตุ้นปราณทมิฬพิฆาต แรงและความเร็วเพิ่มขึ้นระดับหนึ่ง ประมือกับผู้คุ้มกันที่ถูกสิงได้หลายสิบครั้ง
อย่างค่อยเป็นค่อยไป พิษของวิชาทมิฬพิฆาตค่อยๆ ซึมถึงฝ่ามือของผู้คุ้มกัน
พลังของเขาค่อยๆ เริ่มอ่อนลงแล้ว
วิชาทมิฬพิฆาตระดับสอง อานุภาพเป็นพิษร้ายถึงขีดสุดเหมือนที่ลู่เซิ่งคาดไว้จริงๆ
“พูด ใครส่งเจ้ามา!” ลู่เซิ่งโจมตีอย่างรวดเร็วหนึ่งดาบ ฟันคมดาบใส่ผู้คุ้มกัน
แรงอันมหาศาลสั่นสะเทือนจนร่างผู้คุ้มกันที่ถูกสิงสั่นระริก ร่างกายชาด้านไปชั่วพริบตาหนึ่ง การเคลื่อนไหวช้าลงครึ่งจังหวะ
เปรี้ยง!
อีกมือหนึ่งของลู่เซิ่งกระแทกฝ่ามือทำลายใจออกไป ฉวยโอกาสประทับลงบนทรวงอกของผู้คุ้มกัน
ฝ่ามือทำลายใจนี้เป็นกระบวนท่าตามหลังที่เขาวางแผนไว้แต่แรกแล้ว
อ๊าก!
ผู้คุ้มกันผู้นี้ร้องโหยหวน ถูกฝ่ามือทำลายใจกระแทกใส่ทรวงอก พ่นเลือดออกมาคำหนึ่ง ร่างปลิวไปด้านหลัง แล้วหล่นลงบนพื้น
เงาสีขาวสายหนึ่งลอยออกจากางผู้คุ้มกันอีกครั้ง พุ่งไปหาคนคนหนึ่งที่อยู่ใกล้สุด เพราะได้ยินข่าวจึงรีบวิ่งมา
ครั้งนี้คนผู้นี้ถึงกับเป็นคนรับใช้หญิง
บางทีเป็นเพราะนางอยู่ใกล้ลู่เซิ่งมาก มันไม่มีทางเลือก ได้แต่เลือกสิงเข้าไปสักคนหนึ่ง
หญิงรับใช้นางนี้เพิ่งถูกสิงร่าง ผิวปรากฏสีแดงขึ้น ถูกลู่เซิ่งพุ่งเฉียดร่าง
พลิกฝ่ามือเป็นหนึ่งดาบ!
ฉัวะ!
หญิงรับใช้ถูกคมดาบฟันด้วยแรงมหาศาล ลอยออกไป เลือดกระจายเต็มพื้น
“ทุกคนวิ่งไปไกลๆ! อย่าเข้ามา!”
ลู่เซิ่งตะโกน
แต่ว่ายังช้าไปก้าวหนึ่ง มีผู้คุ้มกันอีกหลายคนถือดาบเร่งรุดมา
เงาสีขาวบินออกไป หายเข้าไปในร่างคนคนหนึ่งในคนพวกนี้
“ว้าก!” ลู่เซิ่งคำรามอย่างคลุ้มคลั่ง โคจรวิชาดาบพยัคฆ์ดำถึงขีดสุดภายใต้การกระตุ้นของวิชาทมิฬพิฆาต
รอบๆ ตัวเขาปรากฏเสียงเสียงคำรามขึ้นอีกครั้ง
ดาบยาวสะบัดออกสุดแรง เหมือนกับหินยักษ์กดทับพื้น แทรกด้วยเสียงลมแรง
คนคุ้มกันที่ถูกสิงเลี้ยวไปถึงด้านนอกกำแพงประตูข้าง คล้ายกับคิดจะหนี
ตูม!
กำแพงประตูข้างถึงกับถูกลู่เซิ่งฟันถล่มในดาบเดียว
เขากำดาบพุ่งออกจากกำแพงที่ถล่ม หนึ่งดาบฟันถูกศีรษะคนคุ้มกันที่ถูกสิงเพราะป้องกันไม่ทัน
กรี๊ดๆๆ!
เสียงกรีดร้อมแหลมของสตรีดังขึ้น
ศีรษะคนคุ้มกันผู้นั้นถูกฟันเป็นสองท่อน สีขาวสีแดงกระจัดกระจาย เขาถึงกับยังยื่นมือออกมาปะทะฝ่ามือใส่ท้องน้อยของลู่เซิ่งได้
เปรี้ยง!
ลู่เซิ่งถอยหลังไปสามก้าว หายใจหอบราวกับกระทิง ทั่วร่างแผ่ความดุร้ายเข้มข้น สีแดงที่ผิดปกติแวบขึ้นบนหน้าเขา
รอยเลือดสายหนึ่งไหลออกมาจากมุมปาก
ลู่เซิ่งยกดาบขึ้นอีกครั้ง กลับได้ยินใบดาบส่งเสียงแกร่กๆ หักร่วงลงบนพื้น
เขาจึงทิ้งดาบ ถลันเข้าไปฟาดสองฝ่ามือออกไปติดต่อกัน
พริบตานั้น ฝ่ามือทะลวงใจที่เขาใช้ออกมา ภายใต้การกระตุ้นของวิชาทมิฬพิฆาต กลางฝ่ามือถึงกับปรากฏสีดำเลือนราง
ผัวะๆ!
หลังเสียงทึบๆ สองเสียง เงาสีขาวนั้นปลิวออกมาจากร่างผู้คุ้มกันใหม่
นางยังคิดหนี
แต่ถูกฝ่ามือที่ลู่เซิ่งโคจรวิชาทมิฬพิฆาตจับเสื้อผ้าไว้
ลู่เซิ่งเพียงรู้สึกว่าในมือตนเหมือนจับน้ำแข็งก้อนหนึ่ง
แต่ว่าเลือดลมที่พลุ่งพล่านทั่วร่างกับปราณทมิฬพิฆาตทำให้เขาไม่เกรงกลัวความหนาวแค่นี้โดยสิ้นเชิง
ปราณทมิฬพิฆาตระดับสองในร่างไหลผ่านเสื้อในมือไปหาเงาสีขาวด้วยความบ้าคลั่ง
“ตายซะ!”
ลู่เซิ่งใช้พลังทั้งหมดพุ่งฝ่ามือออกไปอย่างคลุ้มคลั่ง
ปราณทมิฬพิฆาตทั่วร่างคล้ายกำลังทะลักออกไปในฝ่ามือหนึ่ง
ตูม!
กรี๊ด!
เงาสีขาวสุดท้ายส่งเสียงร้องแหลมออกมาเพราะถูกกระแทกที่หน้าอก เงาร่างนางพลันบิดเบี้ยว จากนั้นก็มีเสียงแคว่กเหมือนอาภรณ์ฉีกขาว พริบตาเดียวก็ระเบิดสลายไป
ลู่เซิ่งใบหน้าเหี้ยมเกรียม ทรุดนั่งตุบลงกับพื้น
พลันกระอักเลือดสีดำออกมา
เขาสะบัดมือ เก็บดาบหักขึ้น ปักฉึกลงกับพื้น ประคองร่างตัวเองไว้
ปราณกระเรียนหยกกับปราณทมิฬพิฆาตต่างโคจรในร่างอย่างบ้าคลั่ง ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บที่ร่างกายได้รับ
แต่เป็นเพราะเมื่อครู่โดนไปหนึ่งฝ่ามือ บวกกับตนออกแรงมากเกินไป เส้นลมปราณทนไม่ได้ เกิดการฉีกขาด
อาการบาดเจ็บสองชั้นรวมกัน ลู่เซิ่งผ่อนเลือดลม ทนไม่ไหวบ้างแล้ว
รออีกสักพัก
พวกผู้คุ้มกันและข้ารับใช้ที่หนีออกไปห่างๆ เหล่านั้นจึงกล้าเข้ามาใกล้
ตอนนี้ลู่เฉวียนอันกับคนอื่นๆ มากันแล้ว
เห็นพื้นที่รอบๆ เละทะ ทุกคนก็ตกใจ
ลู่เซิ่งคุกเข่าอยู่บนพื้น มุมปากเปื้อนเลือด บนพื้นมีเลือดนอง เห็นได้ชัดว่าเพิ่งกระอักออกมา
ลู่เฉวียนอันรีบพุ่งเข้าไป
“เสี่ยวเซิ่ง! ไม่เป็นไรกระมัง รีบไปเรียกหมอมา!” เขามีสีหน้าแตกตื่นขึ้นมา ประคองลู่เซิ่งไว้ หันไปตะโกน
“มัวอึ้งทำอะไร! มาช่วยกันสิ!”
คนที่เหลือเหมือนตื่นจากฝัน รีบมาช่วยประคองลู่เซิ่ง
ลุงใหญ่ลู่อันผิงมองไปที่ดาบหักและศพบนพื้น ยังมีกำแพงที่ถูกชนจนทะลุ
ค่อยมองลู่เซิ่งที่ตอนนี้ร่างเต็มไปด้วยความดุร้าย หายใจเหมือนกระทิงคำราม จิตใจก็เย็นเยียบเล็กน้อย
สภาพนี้ไหนเลยเป็นสิ่งที่หลานชายอายุสิบกว่าปีจะกระทำออกมาได้ เทียบกับสัตว์ร้ายในป่าเขาเหล่านั้นไม่ด้อยไปกว่ากัน
เขาเคยเห็นหมีดำภูเขาตัวหนึ่งกลางป่า ตอนหมีดำตัวนั้นบุกเข้ามาในคฤหาสน์ สภาพที่ก่อขึ้นไม่ต่างอะไรจากตรงหน้า
“เรื่องราวในคืนนี้ ห้ามไม่ให้ใครแพร่งพรายออกไป! ไม่อย่างนั้น…” ลุงใหญ่ลู่อันผิงมองคนรอบๆ อย่างเย็นชารอบหนึ่ง
“ทหาร จัดการที่นี่ พยายามอย่าให้เหลือร่องรอยใดๆ ไว้”
ผู้คุ้มกันกับข้ารับใช้ที่อยู่รอบๆ ถูกเขามองจนตัวสั่น ตอนนี้ยังมีศพบนพื้นข่มขวัญอีก ชั่วขณะหนึ่งผู้ใดก็ไม่กล้าเอ่ยคำ
………………………………………….