ยอดหญิงสกุลเสิ่น – ตอนที่ 210-2 พลเงาหนึ่ง

ตกดึก เงาดำหนึ่งสายกระโดดเข้ามาในเรือนหลังเล็กที่สวีโย่วอาศัยอยู่ ถูกเจียงเฮยที่รอรับอยู่พาเข้ามาในห้องสวีโย่วทันที “เจ้าได้รับบาดเจ็บแล้ว” สวีโย่วได้กลิ่นคาวโลหิตหนึ่งกลุ่ม

 

 

เงาดำก็คือคนที่สวีโย่วพามาจากล่างเขา เป็นหนึ่งในสมาชิกทหารเงา พลเงาหนึ่ง

 

 

พลเงาหนึ่งก้มหน้ามองไหล่ซ้ายของตัวเอง พยักหน้า กล่าวอย่างรวดเร็ว “คุณชาย ผู้น้อยถูกพบแล้ว คาดว่าอีกไม่นานพวกเขาก็จะค้นลานวัด ผู้น้อยพบว่าใต้ดินในกุฎิหลวงจีนเต้ากวงคล้ายมีอุโมงค์ใต้ดิน ผู้น้อยอยากลงไปตรวจดู ไม่คิดว่าหลวงจีนเต้ากวงจะรู้ตัว ถูกเขาทำร้าย โชคดีที่ผู้น้อยหนีไว มิเช่นนั้นคงจะถูกตัดศีรษะอยู่ในนั้นเป็นแน่”

 

 

พูดยังไม่ทันขาดคำ ก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายข้างนอก อีกทั้งยังมีเสียงตบประตูดังขึ้นมา

 

 

“แย่แล้ว พวกเขาไล่มาแล้ว คุณชายท่านรักษาตัว ผู้น้อยจะหนีไปเดี๋ยวนี้ ไม่อาจเป็นภาระท่านได้” พลเงาหนึ่งพูดพลางกำลังจะออกไปทางหน้าต่างด้านหลัง

 

 

ทว่าสวีโย่วกลับห้ามเขาไว้ “ไม่ทันแล้ว เร็ว หลบไปในห้องลับล่างเตียง” ในเมื่อพวกเขาตามมาถึงที่นี่ได้ เช่นนั้นข้างนอกก็จะต้องวางกับดักไว้เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ขอเพียงแค่พลเงาหนึ่งออกไป เช่นนั้นก็จะติดกับดักเอง

 

 

หลังจากพลเงาหนึ่งซ่อนตัวเสร็จแล้ว เจียงเฮยก็โยนถ้วยยาลงบนพื้นอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตาภายในห้องก็เต็มไปด้วยกลิ่นยาจีน เจียงไป๋ก็ขานรับเสียงดังออกไปเปิดประตู “มาแล้วๆ”

 

 

เจียงไป๋เปิดประตูเรือนออก ชั่วขณะก็ตกใจกลัว ข้างนอกมีหลวงจีนชูคบไฟจำนวนมากยืนอยู่ คนที่อยู่ข้างหน้าสุดเจียงไป๋เองก็รู้จัก คือหลวงจีนเต้าเสวียนศิษย์พี่ของหลวงจีนเต้ากวง เจียงไป๋ไม่ชอบหลวงจีนเต้าเสวียนแม้แต่นิดเดียว เขามักจะมองคุณชายของพวกเขาด้วยสายตาที่มีลับลมคมนัย ทำให้เขาไม่สบายใจยิ่งนัก

 

 

“พระอาจารย์เต้าเสวียนนี่เอง เกิดอะไรขึ้นหรือ” เจียงไป๋ทำท่าทางอกสันขวัญแขวน

 

 

หลวงจีนเต้าเสวียนมองเจียงไป๋ปราหนึ่ง “ในวัดมีขโมย ทำร้ายศิษย์น้องเต้ากวง ขอโมยของล้ำค่าชิ้นหนึ่งในวัดไป อาตมาไล่ตามมาแถวนี้ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา โยมเห็นบ้างหรือไม่”

 

 

“ไม่มีนี่ ไม่ปิดบังพระอาจารย์ คืนนี้คุณชายพวกเราป่วยอีกแล้ว ไอไม่หยุด ยาก็กินไม่ลง ผู้น้อยกลุ้มใจใกล้จะตายอยู่แล้ว กำลังจะไปเชิญพระอาจารย์เต้ากวงมาดูเสียหน่อย ไม่ได้สังเกตสถานการณ์ข้างนอกจริงๆ” เจียงไป๋กล่าวอย่างหน้านิ่วคิ้วขมวด บนใบหน้ามีความเป็นห่วงหลายส่วนพอดิบพอดี “พระอาจารย์ พระอาจารย์เต้ากวงบาดเจ็บสาหัสหรือไม่ ท่านคิดว่ายังมาตรวจดูอาการคุณชายพวกเราได้หรือไม่”

 

 

หลวงจีนเต้าเสวียนจ้องมองเจียงไป๋ปราดหนึ่ง เห็นสีหน้าบนใบหน้าเขาไม่เหมือนโกหก ก็ส่ายหน้ากล่าว “ศิษย์น้องบาดเจ็บหนักเล็กน้อย เกรงว่าจะมาดูอาการคุณชายของเจ้าไม่ได้ ขออภัยจริงๆ!”

 

 

หน้าเจียงไป๋ก็เหยเกขึ้นมา กระทืบเท้าสาปแช่ง “หัวขโมยสมควรตายผู้นี้ หากข้าจับเขาได้จะสับเขาเป็นหมื่นชิ้นเลยคอยดู น่าสงสารคุณชายของเรายิ่งนัก!”

 

 

ดวงตาของหลวงจีนเต้าเสวียนกะพริบวาบ กล่าว “แม้ว่าศิษย์น้องจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่อาตมาก็พอจะชำนาญการแพทย์อยู่บ้าง กลับสามารถจับชีพจรคุณชายของเจ้าให้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นอาตมาเองก็เป็นห่วงว่าขโมยผู้นั้นจะกระโดดเข้ามาในเรือนของพวกเจ้า หากทำร้ายคุณชายพวกเจ้าก็คงจะไม่ดี หมิงเจวี๋ย เจ้าพาคนเข้าไปค้นให้ทั่ว”

 

 

เจียงไป๋ดีใจเหนือความคาดหมายทันที “พระอาจารย์พูดถูก เร็ว รีบเข้ามาหา ทุกซอกทุกมุมต้องหาให้ละเอียดสักหน่อย อย่าได้ซ่อนอยู่ในเรือนของพวกเราจริงๆ เลย กลับไปทำร้ายคุณชายของพวกเราอีกจะไม่ดี พระอาจารย์ เชิญ รีบไปดูคุณชายของเรา เขาไอจนปอดจะทะลุแล้ว” เขาเปิดประตูออกให้กว้างกว่าเดิมเล็กน้อย เชิญหลวงจีนเต้าเสวียนเข้ามาอย่างกระตือรือร้น

 

 

หลวงจีนเต้าเสวียนเหลือบมองเจียงไป๋ปราดหนึ่ง จากนั้นจึงนำเข้าไปข้างใน อยู่ห่างไกลแต่ยังได้ยินเสียงไอที่แหบแห้งหมดแรงดังออกมาจากข้างในห้อง ชั่วขณะเจียงไป๋ก็เร่งฝีเท้าหลายก้าว “คุณชาย คุณชาย ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่ ในวัดมีขโมย ขโมยของไปแล้ว ซ้ำยังทำร้ายพระอาจารย์เต้ากวงอีก พระอาจารย์เต้าเสวียนเองก็ชำนาญการแพทย์ ผู้น้อยเชิญเขามาดูอาการท่าน” พูดไปพลางเปิดประตูไปพลาง

 

 

หลวงจีนเต้ากวงเข้ามาในห้องแล้ว กลิ่นยาจีนที่เข้มข้นหนึ่งกลุ่มก็ปะทะเข้ามาทันที เขากวาดสายตามองถ้วยยาที่แตกละเอียดบนพื้นปราดหนึ่ง บนใบหน้ามีความเข้าใจแวบผ่าน ส่วนเจียเฮยก็กำลังโน้มน้าวให้ทานยาอีกหนึ่งถ้วย “คุณชาย ท่านดื่มหน่อยเถิด ดื่มยาแล้วอาการของท่านจะได้ดีขึ้น”

 

 

สวีโย่วยังคงไอ เสียงบีบเค้น “ไม่…ไม่ดื่มแล้ว ไร้…ไร้ประโยชน์” เขาเบือนหน้าหนีอย่างรังเกียจ มือปิดปาก ไอประหนึ่งจิ้งหรีดเฒ่าตัวหนึ่งในปลายฤดูใบไม้ร่วง “พระ…พระอาจารย์ นั่ง…นั่งก่อน”

 

 

“แค่ก!” เสียงไอของสวีโย่วดังลั่นพักหนึ่ง เจียงเฮยส่งผ้าเช็ดหน้าเข้ามาทันที สวีโย่วรับผ้าเช็ดหน้ามาปิดปากไว้ ไออยู่หลายคราจึงเอาผ้าเช็ดหน้าออก ร่างทั้งร่างราวกับใช้เรี่ยวแรงจนหมดพิงหัวเตียงหายใจหอบถี่กระชั้น

 

 

“เอ๋ คุณชาย ท่านไอเป็นเลือดอีกแล้วหรือ พระอาจารย์ ท่านช่วยดูคุณชายของพวกเราหน่อยเถิด” เจียงไป๋รับผ้าเช็ดหน้าสีขาวสะอาดที่เปื้อนเต็มไปด้วยรอยเลือดเข้ามาแล้วโยนทิ้งลงในถังทองแดงข้างเท้า ตรงนั้นคล้ายยังมีผ้าเช็ดหน้าที่เปื้อนรอยเลือดอีกสองก้อน

 

 

ในดวงตาหลวงจีนเต้าเสวียนมีความเข้าใจแวบผ่าน เขาก็ว่าเหตุใดในห้อถึงมีกลิ่นคาวเลือดจางๆ “อาตมาขอจับชีพจรโยมหน่อย” เขาก้าวเข้าไปข้างหน้าหนึ่งก้าว

 

 

“ลำบากพระอาจารย์แล้ว” สวีโย่วยื่นแขนออกไป ส่วนเจียงเฮยกับเจียงไป๋ก็จ้องมองด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

 

 

หลวงจีนเต้าเสวียนจับชีพจรแล้ว หยิบผ้าเช็ดหน้าที่เปื้อนโลหิตขึ้นมาดู หลังจากนั้นจึงกล่าว “โยมถูกลมบนเขาจึงทำให้เป็นไข้ ร่างกายของโยมอ่อนแอกว่าคนปกติ ลมบนเขาลูกนี้แรงเกินไป โยมออกไปเดินเล่นให้น้อยหน่อยจะดีกว่า แม้จะออกไปก็ต้องใส่เสื้อเพิ่มหลายๆ ชั้น”

 

 

“ขอบคุณพระอาจารย์ที่เตือน ผู้น้อยจะจำไว้” สวีโย่วรีบกล่าวขอบคุณ

 

 

“พระอาจารย์ คุณชายของเรายังไอเป็นเลือดเยอะเพียงนั้น” เจียงเฮยเอ่ยปากถาม

 

 

หลวงจีนเต้าเสวียนลูบหนวดกล่าว “นี่กลับไม่เป็นไร ลมบนเขาทำให้เลือดลมไหลย้อนกลับ ตอนนี้ไอปนเลือดออกมาก็ไม่เป็นไร”

 

 

“เช่นนั้นก็ดี เช่นนั้นก็ดี ขอบคุณฟ้าขอบคุณดินขอบคุณพระพุทธเจ้าที่คุ้มครองจริงๆ” เจียงไป๋พนมมือ ถอนหายใจเฮือกใหญ่หนึ่งครา “คุณชาย ผู้น้อยบอกแล้วว่าให้ท่านสวมเสื้อคลุมออกไป ท่านก็ไม่ฟัง ดูสิว่าทรมานยิ่งนัก เฮ้อ! พระอาจารย์เต้าเสวียน ขอบคุณท่านจริงๆ!”

 

 

ในตอนนี้เอง หมิงเจวี๋ยก็เดินเข้ามา “อาจารย์อา ดูทั่วแล้ว ไม่พบเงาขโมย น่าจะวิ่งหนีไปที่อื่นแล้ว”

 

 

ดวงตาหลวงจีนเต้าเสวียนกะพริบวาบ กล่าว “เช่นนั้นพวกเราก็รีบไปหาที่อื่นต่อ ไม่รบกวนโยมแล้ว” เหตุใดเขาถึงหนีไปได้ง่ายเพียงนั้น อันที่จริงภายในห้องสวีโย่วกวาดตามองปราดเดียวก็เห็นทุกอย่าง ไม่มีที่ซ่อนคนได้อย่างสิ้นเชิง แต่เขากลับไม่รู้ ตั้งแต่วันนั้นที่สวีโย่วเข้ามาพัก เตียงหลังนั้นก็ถูกสร้างใหม่ ใต้ไม้กระดานเตียงก็คือชั้นลับที่สามารถซ่อนคนได้หนึ่งคนพอดี

 

 

หลวงจีนเต้าเสวียนพาคนไปแล้ว เจียงไป๋ยืนอยู่บริเวณประตูเรือนมองพวกเขาถือคบไฟออกไปไกลช้าๆ จึงจะปิดประตูเรือนกลับมาที่ห้อง

 

 

“คุณชาย พวกเขาไปแล้ว” เจียงไป๋พูดพลางกำลังจะไปเปิดแผ่นไม้กระดานเตียงออก ถูกเจียงเฮยจับไว้ “เจ้ารีบไปไย รออีกหน่อย ไปต้มยาให้คุณชาย”

 

 

ฝีเท้าเจียงไป๋หยุดชะงัก สบสายตากับพี่ชายเขาเล็กน้อย หันหลังกลับไปหยิบยาในตู้ เพิ่งจะเดินไปถึงระเบียงทางเดินก็ได้ยินเสียงตบประตู “มาแล้วๆ” เขาไม่แม้แต่จะวางถุงยาก็วิ่งออกไปเปิดประตูแล้ว

 

 

“พระอาจาร์ ท่านยังมีเรื่องอันใด” คนที่จู่ๆ ก็ยืนอยู่นอกประตูก็คือหลวงจีนเต้าเสวียนที่กลับมาอีกครั้ง “ในใจเจียงไป๋กล่าวในใจว่าเกือบไปแล้ว

 

 

จากนั้นก็ได้ยินหลวงจีนเต้าเสวียนกล่าว “อาตมานึกได้ว่าใช้เข็มเงินจะบรรเทาความเจ็บปวดของคุณชายพวกเจ้าได้ จึงกลับไปเอาเข็มเงินมา”

 

 

เจียงไป๋ดีใจใหญ่ รีบเชิญหลวงจีนเต้าเสวียนเข้ามา “พระอาจารย์ ขอบคุณท่านอย่างยิ่งจริงๆ ท่านก็คือพระพุทธเจ้าที่ช่วยให้พ้นทุกข์ผู้นั้น!”

 

 

หลวงจีนเข้ามาในห้องแล้ว สายตาเฉียบแหลมกวาดมองปราดหนึ่ง จากนั้นก็พบว่าเศษถ้วยยาบนพื้นถูกเก็บกวาดแล้ว ภายในห้องยังคงเป็นเช่นเมื่อครู่ ไม่เปลี่ยนไปแม้แต้นิดเดียว คราวนี้จึงวางใจลงในที่สุด

 

 

สวีโย่วถูกเจียงเฮยพยุงนอนบนเตียง หลวงจีนเต้าเสวียนใช้เข็มเงินแทงจุดบนศีรษะและหลังของเขา ยังคงหยุดการไอของเขาได้จริงๆ นายบ่าวสามคนย่อมกล่าวขอบคุณไม่ขาดสาย

 

 

คราวนี้หลังจากหลวงจีนเต้าเสวียนจากไปแล้วเจียงเฮยเจียงไป๋จึงพยุงพลเงาหนึ่งที่อยู่ในช่องลับออกมา เขาหมดสติไปเล็กน้อยแล้ว เจียงไป๋ถือไฟ เจียงเฮยดูบาดแผลให้เขา

 

 

บาดแผลอยู่บนไหล่ซ้าย คล้ายถูกอาวุธประเภทกริชทำร้าย ที่ร้ายแรงก็คือบริเวณบาดแผลเป็นสีดำ มองดูก็รู้ว่าถูกพิษ แต่ในมือพวกเขากลับมียา เพราะว่าอาการป่วยของสวีโย่ว ปกติแล้วเจียงเฮยเจียงไป๋สองคนจึงสับเปลี่ยนกันลงเขาไปหายา ถือโอกาสทำยารักษาบาดแผลภายนอกและยาลูกกลอนถอนพิษไว้จำนวนหนึ่ง เพียงแต่ไม่รู้ว่าที่พลเงาหนึ่งถูกคือพิษอะไร นี่กลับเป็นปัญหาเล็กน้อย

 

 

“คุณชาย ทำอย่างไรดี” เจียงเฮยเจียงไป๋เห็นพลเงาหนึ่งกึ่งสลบไสลก็ร้อนใจอย่างยิ่ง

 

 

หากหมอเทวดาหลี่อยู่ก็คงจะดี แต่สวี่โย่วเป็นคนที่ป่วยมานานแล้ว ด้านการแพทย์ก็พอจะเข้าใจอยู่หลายส่วน จึงกล่าว “ใช้ยาลูกกลอนถอนพิษก่อน ถอนได้เท่าไรก็เท่านั้น เจียงไป๋เจ้าไปต้มยามาอีก ใช้ยาชนิดนั้นที่ข้าดื่มเป็นประจำ” อย่างไรเสียข้างในก็มีส่วนขับความร้อนถอนพิษระงับอาการอยู่ น่าจะช่วยได้บ้าง

 

 

อันที่จริงสิ่งที่ควรทำในทันทีคือส่งพลเงาหนึ่งลงเขาไปรักษา แต่ตอนนี้ในวัดจะต้องป้องกันเข้มงวดแน่นอน ส่งออกไปไม่ได้อย่างสิ้นเชิง! จะทำอย่างไรดี

 

 

ป้อนยาให้พลเงาหนึ่งแล้ว ทำแผลแล้ว ก็ส่งเขากลับไปในช่องลับอีกครั้ง

 

 

นายบ่าวทั้งสามภายในห้องต่างก็นิ่งเงียบไม่พูดจา นอกจากเป็นห่วงอาการบาดเจ็บของพลเงาหนึ่งแล้ว สวีโย่วก็กำลังไตร่ตรองถึงข่าวที่ได้มา ในกุฏิของหลวงจีนเต้ากวงมีอุโมงค์ใต้ดิน จะไปโผล่ที่ไหน มีแค่กุฏิเต้ากวงที่มีอุโมงค์ใต้ดินหรือ ที่อื่นยังมีอีกหรือไม่ มีเยอะเพียงใด ใช่เชื่อมกับเขาด้านหลังหรือไม่

 

 

หากจะทำลายกองกำลังหลายพันนายนั้นที่เขาด้านหลัง ยังต้องตั้งเป้าหมายจากวัดจยาหลาน! ล่อศัตรู ใช่ ล่อศัตรู! เขาด้านหลังใหญ่เกินไป ป่าเขาลึกเกินไป ในเมื่อหาไม่เจอเช่นนั้นก็ไม่ต้องหาเสียเลย ต้องคิดหาวิธีล่อพวกเขาเข้ามา

 

 

จะล่ออย่างไรเล่า นิ้วมือของสวีโย่ววาดไปมาบนเสื้อเบาๆ หากควบคุมหลวงจีนในวัดจยาหลานได้ พวกเขาจะมาช่วยหรือไม่ แต่จะควบคุมวัดจยาหลานอย่างเงียบๆ ได้อย่างไร

 

 

ตอนนี้สวีโย่วคิดถึงเสิ่นเวยอย่างถึงที่สุด เด็กคนนั้นมีความคิดชั่วร้ายเยอะที่สุดแล้ว แต่เขากลับไม่รู้ว่าเสิ่นเวยได้ไปกระโดดโลดเต้นที่บ้านเขารอบหนึ่งแล้ว

ยอดหญิงสกุลเสิ่น

ยอดหญิงสกุลเสิ่น

เนื่องด้วยถูกมารดาเลี้ยงกลั่นแกล้ง ทำให้ เสิ่นเวย ผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอต้องตายลงด้วยความน่าเวทนา ทว่าด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ทหารสาวในยุคปัจจุบันทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของหญิงสาวผู้ที่มีชื่อแซ่เดียวกันกับตนเอง เมื่อถูกมารดาเลี้ยงวางแผนกลั่นแกล้ง เนรเทศตนเองมาอยู่ในสถานที่รกร้างห่างไกล โดยให้เหตุผลว่าต้องการให้นาง ‘รักษาตัว’ คิดหรือว่านางจะยอมแพ้ต่อความร้ายกาจของมารดาเลี้ยงผู้นี้? ไม่เป็นไร ในเมื่อไล่นางออกมา นางก็จะใช้หนึ่งสมองและสองมือของตนนี้พลิกฟื้นพัฒนาครอบครัวของนางให้กลับมาเชิดหน้าชูตาได้อีกครั้ง!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset