ยอดหญิงสกุลเสิ่น – ตอนที่ 221-1 กลับบ้าน

จิ้นอ๋องปวดใจจริงๆ ตั้งแต่ที่บุตรคนโตผู้นี้กลับมาในจวนจากเขาเมื่อปีที่แล้วก็ไม่เคยมีชีวิตที่สงบสุขเลย วันนี้ก็ยิ่งเกินคาด ลูกชั่วผู้นี้กระทั่งให้คนเอารถมาปิดทางเข้าห้องหนังสือของเขา กล่าวด้วยเสียงน่าสะพรึงกลัว “ดูสิว่าพระชายาคนดีของท่านทำอะไรไว้” สายตาที่ดุร้ายนั้นราวกับสามารถกลืนกินเขาได้

 

 

จิ้นอ๋องโมโหอย่างถึงที่สุด ก่นด่าด้วยความโกรธ “เจ้าลูกชั่วมีเรื่องอะไรอีกแล้ว เพื่อพระชายาคนใหม่ของเจ้าก็ยุ่งทั้งข้างนอกข้างใน ข้างหน้าข้างหลังก็ลำบากอยู่หลายเดือน เจ้ายังมีอะไรไม่พอใจอีก”

 

 

สีหน้าสวีโย่วเหยียดหยามทั้งใบ “ลูกไม่มีอะไรไม่พอใจ ท่านลองดูของขวัญกลับบ้านที่พระชายาเตรียมให้ลูก แล้วค่อยมาถามว่าลูกมีอะไรไม่พอใจ”

 

 

จิ้นอ๋องลังเลไม่แน่ใจ ก้าวขึ้นไปรื้อดูของขวัญบนรถ ยิ่งดูก็ยิ่งโกรธ ชี้จมูกสวีโย่วแล้วก่นด่า “นี่ล้วนแต่เป็นของดีทั้งนั้นมิใช่หรือ พระชายาไม่ได้ไร้ความเป็นธรรมต่อเจ้าแม้แต่นิดเดียว ยังจะเอาอะไรอีก”

 

 

“ของกลับเป็นของดี แต่ของขวัญกลับบ้านเตรียมไว้เช่นนี้หรือ เสด็จพ่อไม่ทราบ จะลองถามคนรับใช้ข้างกายดูก็ได้ พวกเขาจะต้องทราบแน่นอน” สายตาที่อึมครึมของสวีโย่วมองบ่าวรับใช้ที่ยืนอยู่ข้างหลังพ่อเขา

 

 

ภายใต้การจ้องมองของสองพ่อลูกคู่นี้ บ่าวรับใช้จำใจต้องก้าวออกมา “ทูลท่านอ๋อง ของขวัญกลับบ้านล้วนแต่เป็นจำนวนคู่ แฝงความหมายถึงคู่ครอง…” ประโยคที่เหลือเขาก็พูดไม่ออกแล้ว แอบพูดในใจ ไม่แปลกที่คุณชายใหญ่จะโกรธเพียงนี้ ของขวัญกลับบ้านจำนวนคี่ส่งไปถึงจวนจงอู่โหวจะเป็นการผูกพยาบาทมิใช่หรือ

 

 

“คราวนี้เสด็จพ่อเข้าใจแล้วใช่หรือไม่ พระชายาคนดีของท่านหวังให้ลูกผูกพยาบาทกับตระกูลพ่อตาแม่ยาย นางบีบบังคับให้นายท่านผู้เฒ่าเสิ่นโหวไปร้องทุกข์ต่อฝ่าบาทว่าจวนจิ้นอ๋องรังแกคน ถึงตอนนั้นเกียรติของท่านก็คงไม่เหลือ” น้ำเสียงสวีโย่วมีความเสียดสี

 

 

สีหน้าจิ้นอ๋องแข็งทื่อ คิ้วขมวดมุ่น “พระชายาเป็นคนรอบคอบเพียงนั้นจะผิดพลาดเช่นนี้ได้อย่างไร จะต้องเป็นบ่าวชั้นล่างที่แอบเล่นลูกไม้ประมาทสะเพร่าเป็นแน่”

 

 

ฮ่าๆ สวีโย่วอยากจะหันหลังเดินออกไปจริงๆ พระชายาไม่ผิด ที่ผิดล้วนเป็นบ่าวชั้นล่าง แม้แต่ของขวัญกลับบ้านเรื่องใหญ่เช่นนี้ยังเกิดข้อผิดพลาดได้ ตระกูลไหนจะกล้าใช้บ่าวที่ไม่มีความรอบคอบเช่นนี้

 

 

“พระชายาดูแลจวนอ๋องมายี่สิบปีแล้ว น้อยนักที่จะเกิดข้อผิดพลาดได้ นางเองก็ผิดพลาดเพียงแต่เรื่องของลูก เสด็จพ่อที่ท่านพูดน่าสนใจยิ่งนัก!” สายตาของสวีโย่วเย็นเยียบยิ่งขึ้น “หากเสด็จพ่อไม่ชอบหน้าลูก เช่นนั้นพรุ่งนี้ลูกก็จะย้ายไปจวนจวิ้นอ๋อง เลี่ยงไม่ให้ต้องเป็นหนามยอกอกของท่านอีก”

 

 

“เจ้า เจ้าลูกอกตัญญู!” จิ้นอ๋องด่าลูกชายขึ้นมาต่อหน้าคนรับใช้ทั้งเรือน “ไป ไปที่เรือนพระชายา” ในเมื่อลูกชั่วคนนี้เอาแต่พูดว่าเป็นความผิดของพระชายา เช่นนั้นเขาก็จะไปถามสักหน่อย เหอะ อีกประเดี๋ยวตบหน้าจะได้เห็นดีกัน!

 

 

เพิ่งจะเข้าไปในเรือนของพระชายา ก็ได้ยินเสียงร้องไห้ที่สูงเปรียวนั่นของเสิ่นซื่อแล้ว ใบหน้าของเขากดลงมาในชั่วพริบตา เหตุใดภรรยาผู้นี้ของโย่วเอ๋อร์ถึงได้เหมือนกับสตรีปากคอเราะร้าย หันหน้ากลับมองบุตรคนโตปราดหนึ่งอย่างอดไม่ได้

 

 

สวีโย่วมองกลับไปด้วยแววตาที่เย็นเยียบ “ได้รับความไม่เป็นธรรมแล้วยังไม่ให้พูดอีกหรือ เสด็จพ่อจิตใจท่านลำเอียงเกินไปแล้วหรือไม่” เอียงไปจนถึงใต้รักแร้แล้ว

 

 

จิ้นอ๋องถูกเขาทำให้โมโหอีกครั้ง แค่นเสียงหึหนึ่งคราเดินเข้าไปข้างใน

 

 

พระชายาจิ้นอ๋องกับเสิ่นเวยได้ยินเสียงเคารพของบ่าวข้างนอก ต่างก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก พระชายาจิ้นอ๋องเพราะว่ามีที่พึ่งแล้ว ส่วนเสิ่นเวยก็เพราะว่านางเหนื่อยจนอยากพักแล้ว

 

 

“ท่านอ๋อง!” ดวงตาคู่งามของพระชายาจิ้นอ๋องละออกไป ในดวงตามีความน้อยใจหลายส่วน จิ้นอ๋องเห็นแล้วหัวใจก็บีบแน่นเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปสองก้าวอย่างอดไม่ได้

 

 

“เสด็จพ่อ ท่านต้องช่วยลูกนะเพคะ!” เสิ่นเวยไหนเลยจะยอมให้พระชายาจิ้นอ๋องทำแผนชั่วสำเร็จ แผดเสียงโวยวายเข้าไป ขวางอยู่ข้างหน้าจิ้นอ๋อง กล่าวอย่างเศร้าโศก “เสด็จพ่อ ท่านช่วยลูกขอความเมตตาจากเสด็จแม่ได้หรือไม่ ไว้หน้าลูกสักนิดเถอะ หากเสด็จแม่ไม่พอใจลูกจริงๆ ลูกก็จะขอให้สามีขับลูกเอง อย่างไรเสียจวนโหวก็เลี้ยงลูกมา ลูกไม่อาจตบหน้าบ้านฝั่งมารดาได้”

 

 

“นี่ นี่ ภรรยาโย่วเอ่อร์เจ้าลุกขึ้นก่อน” จิ้นอ๋องอึดอัดแล้ว เขาเป็นพ่อสามี ด่าทอทุบตีลูกชายได้ แต่กับลูกสะใภ้เขากลับไม่มีหนทางเลยแม้แต่นิดเดียว

 

 

เสิ่นเวยไม่ยอมลุกขึ้น เอาแต่พูดว่า ‘เสด็จพ่อช่วยด้วย’ ทำให้จิ้นอ๋องว้าวุ่นจนร้อนขึ้นปอด สายตาที่มองพระชายาก็หงุดหงิดขึ้นมา เป็นพระชายาที่ดูแลคนใช้ไม่ดี จึงนำภาระมาให้ตนต้องเหนื่อยสอดมือเข้ามายุ่งเรื่องจุกจิกเช่นนี้ในเรือนหลัง

 

 

เมื่อพระชายาจิ้นอ๋องเห็นสีหน้าของจิ้นอ๋องก็รู้แล้วว่าต้องแย่ ไม่สนใจกิริยาอะไรทั้งสิ้นแล้ว เข้าไปพยุงเสิ่นเวยขึ้นด้วยตัวเอง “ภรรยาโย่วเอ๋อร์รีบลุกขึ้นเถิด เรื่องนี้แม่จะต้องมีคำอธิบายให้เจ้า” เดิมนางคิดว่าของขวัญกลับบ้านต่างก็ขนขึ้นรถแล้ว เสิ่นซื่อน่าจะไม่ดูอย่างละเอียด ต่อให้ดูออกแล้วอย่างไร ด้วยนิสัยขี้ขลาดนั่นของเสิ่นซื่ออย่างมากก็ไปเตรียมเองต่างหาก ใครจะรู้เสิ่นซื่อคนโง่ผู้นี้คาดไม่ถึงว่าจะโวยวายทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ซ้ำคนชั่วผู้นั้นยังเรียกท่านอ๋องมาอีก

 

 

“จริงหรือ เช่นนั้นลูกขอขอบคุณเสด็จแม่ก่อนเลย” เสิ่นเวยเห็นว่าได้ทีแล้วก็หยุด นางยังต้องกลับบ้าน จะให้โวยวายไปทั้งวันก็ไม่ได้ สร้างความรำคาญก็ต้องทำให้พวกเขารำคาญจนตาย

 

 

เสิ่นเวยสะอึกสะอื้นนั่งลงข้างๆ ดวงตาแดงก่ำราวกับกระต่าย น่าสงสารยิ่งนัก จิ้นอ๋องเห็นแล้ว ความไม่พอใจในตอนแรกก็หายไปสามส่วน อย่างไรเสียอายุยังน้อย ได้รับความไม่เป็นธรรมที่มากเช่นนี้ก็ทำได้เพียงร้องไห้ ช่างเถอะ เขาเป็นถึงท่านอ๋องยิ่งใหญ่จะคิดเล็กคิดน้อยกับชนรุ่นหลังไปทำไม

 

 

“พระชายา ของขวัญกลับบ้านของโย่วเอ๋อร์ใครเป็นคนเตรียม” จิ้นอ๋องถามด้วยสีหน้าจริงจัง

 

 

สีหน้าของพระชายาจิ้นอ๋องดูไม่ดีอย่างยิ่ง แต่ก็ยังคงใช้สายตาที่อ่อนโยนและไร้กังวลมองจิ้นอ๋องกลับไป “ท่านอ๋อง เรื่องนี้ข้าเป็นคนจัดการเอง ข้าคิดว่าโย่วเอ๋อร์เป็นบุตรชายคนโตในจวนอ๋องของเรา ยังตั้งใจสั่งให้เตรียมของขวัญกลับบ้านเยอะๆ ไหนเลยจะรู้ว่า…” พระชายาจิ้นอ๋องพูดไปพลางเสียงก็กดต่ำลง ซับผ้าเช็ดหน้าที่หางตา ถอนหายใจครู่หนึ่งจึงกล่าวต่อ “ท่านอ๋อง เรื่องนี้อย่าโทษภรรยาโย่วเอ๋อร์ เป็นข้าที่ดูแลไม่ดีเอง”

 

 

ยอมรับว่าตนดูแลไม่ดี สำหรับพระชายาจิ้นอ๋องที่แข็งแกร่งแล้วถือเป็นเรื่องที่ลำบากใจมากเพียงใด สีหน้าของนางก็ดูไม่ดีเล็กน้อย

 

 

จิ้นอ๋องมองนางปราดหนึ่ง แม้ในใจจะไม่พอใจ แต่สีหน้ากลับไม่แสดงออกมา ถามต่อ “เรื่องนี้บ่าวคนไหนจัดการ”

 

 

“ทูลท่านอ๋อง เป็นจางอี้จัดการเพคะ” แม่นมซือรีบตอบ

 

 

คิ้วของจิ้นอ๋องก็ยิ่งขมวดมุ่น “เขาสะเพร่าเช่นนี้ได้อย่างไร” จางอี้เป็นคนเก่าคนแก่ของจวนอ๋อง ความสามารถในการจัดการเชื่อถือได้อย่างยิ่งมาโดยตลอด คราวนี้เกิดอะไรขึ้น

 

 

ใบหน้าของพระชายาจิ้นอ๋องก็ยิ่งดูไม่ดี แม้ว่าจางอี้จะจัดการเรื่องข้างนอกในจวน แต่ความจริงแล้วก็เป็นคนของนาง!

 

 

ดวงตาที่หลุบลงของเสิ่นเวยกะพริบวาบ นี่จะผลักโทษไปให้แพะรับบาปตัวไหน เสิ่นเวยไม่ได้ส่งเสียง นางเคยเห็นข้อมูลคนรับใช้ในจวนอ๋องที่สวีโย่วให้นางแล้ว รู้ว่าจางอี้ผู้นี้ถือได้ว่าเป็นปลาตัวใหญ่ข้างกายพระชายาจิ้นอ๋อง

 

 

“จางอี้เล่า เรียกเขาเข้ามา” จิ้นอ๋องย่อมไม่สนใจบ่าวรับใช้คนหนึ่งแน่นอน

 

 

“บ่าวเคารพท่านอ๋องพระชายา คุณชายใหญ่ ฮูหยินใหญ่ขอรับ เรียนถามนายทั้งหลายเรียกบ่าวมามีเรื่องอันใดหรือขอรับ” จางอี้เป็นชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าซื่อตรง แต่ในแววตาที่กะพริบวาบเป็นครั้งคราวของเขายังคงมองเห็นความเฉลียวฉลาดของคนผู้นี้ได้

 

 

เรื่องของขวัญกลับบ้านต่างก็วุ่นวายจนทราบกันทั่วทั้งจวนแล้ว คนจัดการเช่นเขายังแสร้งไร้เดียงสาอยู่ตรงนี้ เหอๆ เป็นผู้มีความสามารถคนหนึ่งเหมือนกัน

 

 

“ของขวัญกลับบ้านของคุณชายใหญ่กับฮูหยินใหญ่เจ้าจัดการใช่หรือไม่ เหตุใดถึงมีแต่จำนวนคี่ เจ้าเองก็ทำงานมานานแล้ว เหตุใดถึงเกิดความสะเพร่าเช่นนี้ได้ นี่ไม่ใช่เป็นการสร้างความไม่เป็นธรรมให้พระชายาหรอกหรือ” จิ้นอ๋องตำหนิ

 

 

จางอี้ใจเต้น มองพระชายาด้วยความรวดเร็วปราดหนึ่ง เห็นนางมีสีหน้านิ่งเฉยไร้การแสดงออก ก็รู้แล้วว่าจำใจต้องโยนความผิดให้เขา “นึกไม่ถึงว่ามีเรื่องเช่นนี้ด้วย” จางอี้มีท่าทีตกใจอย่างยิ่ง ตบศีรษะกล่าวอย่างเสียใจ “บ่าวสมควรตาย หลายวันมานี้ลูกคนเล็กในครอบครัวบ่าวป่วยหนัก บ่าวจึงทำงานประมาทไปเล็กน้อย ท่านอ๋องพระชายาโปรดเมตตา คุณชายใหญ่ฮูหยินใหญ่โปรดเมตตา บ่าวไม่ได้ตั้งใจจริงๆ” เขาคุกเข่าลงบนพื้นโขกศีรษะไม่หยุด

 

 

“เจ้า เหอะ! จะให้ข้าพูดอะไรดี” จิ้นอ๋องโมโหจนสะบัดแขนเสื้อ นึกถึงเรื่องเรื่องวุ่นวายกระเจิดกระเจิงแต่เช้านี้ก็ปวดศีรษะทันที โบกมือกล่าว “ในเมื่อทำผิดก็ต้องได้รับโทษ พระชายาคิดว่าจะลงโทษอย่างไร” เหตุผลที่ให้พระชายาลงโทษ เพียงเพราะคิดจะคลี่คลายความสัมพันธ์ระหว่างพระชายากับลูกชายคนโตและภรรยาก็เท่านั้น

 

 

พระชายาจิ้นอ๋องเห็นท่านอ๋องยังคงยอมนาง ในใจก็โล่งอก เม้มปากกล่าว “บ่าวเช่นเจ้าก็แย่จริงๆ ทำงานล้มเหลว ทำให้ข้าถูกฮูหยินใหญ่เข้าใจผิด หากไม่ลงโทษเจ้าให้เด็ดขาด ข้าก็ยากจะระบายความโกรธแค้น แต่เห็นแก่ที่เจ้ามีลูกที่ป่วยอยู่ในบ้าน น่าเห็นอกเห็นใจ ปลดหน้าที่ดูแลของเจ้าออก ไปทำงานที่หน้าประตูใหญ่แทนแล้วกัน”

 

 

จางอี้ถอนหายใจใหญ่ด้วยความโล่งอก โขกศีรษะขอบคุณไม่หยุด “ขอบคุณท่านอ๋องพระชายาที่เมตตา หลังจากวันนี้บ่าวจะทำงานอย่างดี ไม่ทรยศต่อบุญคุณของท่านอ๋องพระชายา”

 

 

จิ้นอ๋องพยักหน้า รู้สึกเหมือนกันว่าจัดการเช่นนี้สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง

 

 

ทว่าเสิ่นเวยกลับไม่ยินดี ผ้าเช็ดหน้าปิดหน้าร้องไห้ฮือๆ ขึ้นมา “เสด็จแม่ดีต่อบ่าวยิ่งกว่าลูกเสียอีก เกิดข้อผิดพลาดที่ชัดเจนเช่นนี้เพียงแค่ปลดหน้าที่ไปยังประตูใหญ่แทน ใครไม่รู้บ้างว่างานที่หน้าประตูใหญ่ได้ผลประโยชน์มากมาย เสด็จแม่ ท่านไม่เห็นแก่ลูกเพียงนี้เลยหรือ”

 

 

สวีโย่วเองก็ใบหน้าเคร่งขรึมลุกขึ้นยืน “ร้องไห้อะไร ในเมื่อเขาไม่เห็นก็อยู่ขวางหูขวางตาที่นี่ให้น้อยหน่อย กลับเรือนไปเก็บของ วันนี้กลับบ้านไปแล้วก็ย้ายไปจวนจวิ้นอ๋องเลย” ยกเท้าเดินออกไปข้างนอกทันที เสิ่นเวยกุมหน้ารีบตามออกไป

 

 

จิ้นอ๋องลนลานแล้ว “หยุด! เจ้าลูกอกตัญญูหยุดเดี๋ยวนี้!” เขากลับอยากไล่ลูกชายคนโตที่สร้างความรำคาญผู้นี้ออกจากจวนยิ่งนัก แต่เสด็จพี่ในวังยังจับตามองอยู่ ลูกชั่วผู้นี้ย้ายออกไปเมื่อไร เสด็จพี่ก็จะตำหนิเขาทันที

 

 

พระชายาจิ้นอ๋องเองก็กระวนกระวายใจ นางอยากสร้างความลำบากใจให้คนชั่วผู้นี้อีกสักหน่อย กลับยังไม่คิดจะให้พวกเขาออกจากจวนตอนนี้ หากออกจากจวนก็ต้องรอวันที่พวกเขาไม่เหลืออะไรทั้งสิ้นชื่อเสียงย่อยยับถูกขับไล่ออกไปเสมือนหมาขี้เรื้อน

ยอดหญิงสกุลเสิ่น

ยอดหญิงสกุลเสิ่น

เนื่องด้วยถูกมารดาเลี้ยงกลั่นแกล้ง ทำให้ เสิ่นเวย ผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอต้องตายลงด้วยความน่าเวทนา ทว่าด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ทหารสาวในยุคปัจจุบันทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของหญิงสาวผู้ที่มีชื่อแซ่เดียวกันกับตนเอง เมื่อถูกมารดาเลี้ยงวางแผนกลั่นแกล้ง เนรเทศตนเองมาอยู่ในสถานที่รกร้างห่างไกล โดยให้เหตุผลว่าต้องการให้นาง ‘รักษาตัว’ คิดหรือว่านางจะยอมแพ้ต่อความร้ายกาจของมารดาเลี้ยงผู้นี้? ไม่เป็นไร ในเมื่อไล่นางออกมา นางก็จะใช้หนึ่งสมองและสองมือของตนนี้พลิกฟื้นพัฒนาครอบครัวของนางให้กลับมาเชิดหน้าชูตาได้อีกครั้ง!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset