ยอดหญิงสกุลเสิ่น – ตอนที่ 228-1 ความซื่อตรงของท่านเล่า

 

 

ฮองเฮาเหนียงเหนียงในวังยังดีใจไม่ถึงสองวันก็มีข่าวจวนจิ้นอ๋องกับจวนเสนาบดีฉินดูดวงสมพงษ์คู่หมั้นออกมา คราวนี้นางเพียงแค่เลิกคิ้ว กลับไม่ได้โมโหมากนัก

 

 

เห็นบันทึกวันเดือนปีเกิดของคุณหนูเจ็ดแซ่ฉินในมือ ในที่สุดหัวใจของพระชายาจิ้นอ๋องก็สงบลงแล้ว กล่าวกับแม่นมซือ “ไม่เสียชื่อที่เป็นบ้านฝั่งมารดาของซูเฟยเหนียงเหนียง มีความรู้มากกว่าตระกูลอื่น มิน่าเล่าท่านเสนาบดีฉินถึงได้รับความเชื่อใจเช่นนี้จากฝ่าบาท เพียงแค่จิตใจส่วนนี้ก็พอจะเห็นได้แล้ว คุณหนูเจ็ดแซ่ฉินมีฐานะอยู่ในวงศ์ตระกูลเช่นนี้จะต้องไม่ด้อยไปกว่าแน่นอน”

 

 

แม่นมซือเองก็กล่าวอย่างหยอกล้อ “คราวนี้พระชายาก็วางใจได้แล้วใช่หรือไม่ ท่านรอดื่มชาสะใภ้เถิด! บ่าวเห็นหน้าตามารยาทของคุณหนูเจ็ดผู้นั้นแล้วเทียบฮูหยินใหญ่ไม่ได้เลย จะต้องปรองดองและรักใคร่กับคุณชายสี่อย่างถึงที่สุดแน่นอน”

 

 

“เทียบกับนางทำไม” แม่นมซือเอาว่าที่สะใภ้สี่มาเทียบกับเสิ่นซื่อ นี่ทำให้ในใจของพระชายาจิ้นอ๋องไม่พอใจเล็กน้อย เสิ่นซื่อเป็นคนโง่เขลาที่เติบโตในชนบท หากไม่ใช่ว่ามีวาสนาหลายส่วน สามารถแต่งกับครอบครัวขุนนางขั้นสี่ได้ก็ไม่เลวแล้ว จะเทียบสตรีสูงศักดิ์ที่มีฐานะในจวนเสนาบดีได้อย่างไร

 

 

แม่นมซือเห็นสีหน้าของพระชายาจิ้นอ๋องก็รู้แล้วว่าตนพูดผิด รีบกล่าวเสริม “ดูสิบ่าวเลอะเลือนจริงๆ เสิ่นซื่อผู้นั้นจะเทียบฮูหยินสี่ของพวกเราได้อย่างไร คนหนึ่งอยู่บนฟ้า คนหนึ่งอยู่บนดิน ไม่ใช่คนบนชั้นเดียวกันเลย!”

 

 

กำลังจะพูดต่อ ถูกพระชายาจิ้นอ๋องโบกมือตัดบท ในใจนางมีความสุข ทว่าปากกลับตำหนิ “พอแล้ว พอแล้ว เสิ่นซื่อก็มีดีของเสิ่นซื่อ คุณหนูเจ็ดก็มีดีของคุณหนูเจ็ด ใช้ชีวิตอยู่ในครอบครัวเดียวกัน มีอะไรให้เทียบ”

 

 

“เพคะ เพคะ พระชายาพูดถูก” แม่นมซือโค้งตัวคล้อยตาม

 

 

พระชายาจิ้นอ๋องกำลังดีใจอยู่ ก็เห็นจิ้นอ๋องเดินมือไพล่หลังเข้ามา พระชายาจิ้นอ๋องก็ตกใจในใจ เหตุใดถึงไม่มีคนรายงานเล่า หลังจากนั้นก็ยิ้มแย้มเข้าไปต้อนรับ “ท่านอ๋องมาได้อย่างไร ข้ากำลังมีเรื่องมงคลใหญ่กำลังจะบอกท่านอ๋อง ฉั่งเอ๋อร์ของพวกเราหมั้นหมายกับคุณหนูเจ็ดแซ่ฉินแล้ว! บุคลิกหน้าตาคุณหนูเจ็ดผู้นั้นล้วนดี จะต้องมัดใจฉั่งเอ๋อร์ เร่งให้เขาพัฒนาได้แน่นอน”

 

 

จิ้นอ๋องมองพระชายาที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ความรู้สึกในใจก็ซับซ้อน จู่ๆ ก็นึกถึงเหตุการณ์สมรสพระราชทานของลูกชายคนโตขึ้นมา แม้ว่าพระชายาจะยิ้มเหมือนกัน แต่ก็คล้ายไม่ได้ดีใจเหมือนอย่างตอนนี้ ตามหาสาเหตุ จิ้นอ๋องไม่ได้โง่จริงๆ ย่อมเข้าใจได้หลายส่วน

 

 

ตอนนี้เขาจำใจต้องยอมรับ พระชายาของเขา คนเคียงคู่ที่เขาเชื่อใจทั้งยังโปรดปรานมาตลอดยี่สิบกว่าปีคล้ายกับว่าไม่ได้ปฏิบัติต่อโย่วเอ๋อร์ด้วยความใส่ใจเหมือนอย่างที่นางแสดงออกมา เมื่อได้ค้นพบ ก็ทำให้เขาโมโห ละอายใจ แต่กลับอับจนหนทาง

 

 

“ท่านอ๋อง ท่านไม่ดีใจหรือ ใช่ฝ่าบาทพูดอะไรอีกหรือไม่” พระชายาจิ้นอ๋องพูดอยู่นานเห็นท่านอ๋องไม่พูดแม้แต่ประโยคเดียว ก็หยุดชะงักอย่างอดประหลาดใจไม่ได้ ยังคิดว่าฝ่าบาทตำหนิอะไรเขาอีก “ท่านอ๋อง ในทางการ ฝ่าบาทเป็นกษัตริย์ ท่านเป็นขุนนาง ในส่วนตัว ฝ่าบาทเป็นพี่ ท่านเป็นน้อง ฝ่าบาทพูดอะไรก็หวังดีต่อท่านทั้งสิ้น” นางโน้มน้าวเสียงอ่อนโยน

 

 

สายตาที่จิ้นอ๋องมองพระชายาก็ยิ่งซับซ้อน พระชายาจิ้นอ๋องย่อมสังเกตได้แล้ว กล่าวอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูกเล็กน้อย “ท่านอ๋อง ท่านมองข้าเช่นนี้ทำไม ทำคนตกใจยิ่งนัก”

 

 

“ใช่เจ้าสั่งลดเงินเดือนค่าใช้จ่ายเรือนโย่วเอ๋อร์หรือไม่” จิ้นอ๋องถามเข้าประเด็น

 

 

พระชายาจิ้นอ๋องตกใจ ทันใดนั้นก็เข้าใจ ดีจริงๆ นางก็ว่าเหตุใดวันนี้ท่านอ๋องถึงได้ผิดปกติอย่างยิ่ง ที่แท้แล้วเด็กชั่วก็ไปฟ้อง ในดวงตาของนางมีความเดือดดาลแวบผ่าน ทว่าใบหน้ากลับมีสีหน้าน้อยใจ “ท่านอ๋อง มีคนพูดพล่ามต่อหน้าท่านหรือ เฮ้อ นี่เองก็เป็นความคิดของข้าที่ไม่ได้อธิบายให้ภรรยาโย่วเอ๋อร์ฟัง จวนอ๋องของพวกเราเพิ่งจะจัดงานสมรส บวกกับผลเก็บเกี่ยวปีนี้ก็ไม่ค่อยดีนัก ค่าใช้จ่ายในจวนก็ตึงเล็กน้อย ข้าตัดสินใจลดค่าใช้จ่ายแต่ละเรือน โย่วเอ๋อร์ไม่พอใจหรือ ข้าผิดเองที่คิดไม่รอบคอบ ลืมไปว่าเขาร่างกายอ่อนแอ กลับไปข้าจะเอาเงินส่วนตัวสมทบค่าใช้จ่ายเรือนเขา”

 

 

หากเป็นเมื่อก่อน ซ่งซื่อพูดเช่นนี้เขาจะต้องเชื่อแน่นอน แต่ตอนนี้เขานึกถึงคำให้การที่เขาไต่สวนได้จากยายหม่าในครัวใหญ่ด้วยตัวเอง เขาก็ไม่กล้าเชื่อเลยแม้แต่นิดเดียว “เหตุใดตามที่ข้ารู้มาทั่วทั้งจวนมีเพียงค่ายใช้จ่ายของเรือนโย่วเอ๋อร์ที่ถูกลดเล่า เรือนอื่นๆ ยังคงเป็นปกติ” จิ้นอ๋องกล่าวเสียงเรียบ

 

 

“เอ๋ นึกไม่ถึงว่ามีเรื่องนี้ด้วย” พระชายาจิ้นอ๋องท่าทางตกใจอย่างถึงที่สุด “เป็นไปไม่ได้ ข้าสั่งทั้งจวนเองว่าให้ลดค่าใช้จ่าย นอกจากเรือนท่านอ๋องแล้ว แม้แต่เรือนข้าเองก็ยังลด”

 

 

“จริงหรือ” ทว่าจิ้นอ๋องกลับไม่ได้มองนาง แต่ก้มหน้ากล่าวกับบ่าวรับใช้ “เสี่ยวเฉวียน รายงานใบรายการอาหารเที่ยงของเรือนพระชายา ซื่อจื่อและฮูหยินสามในสามวันนี้ให้พระชายาฟัง”

 

 

บ่าวรับใช้รีบกลั้นใจก้าวขึ้นมาข้างหน้า รายงานรายการอาการของเรือนทั้งสามนี้อย่างชัดเจนและถูกต้องรอบหนึ่ง

 

 

“รายงานรายการของเรือนคุณชายใหญ่ให้พระชายาฟังต่อ” จิ้นอ๋องสั่งเสียงเรียบ

 

 

บ่าวรับใช้ผู้นั้นเองก็รายงานตามจริง

 

 

ตอนนี้หากพระชายาจิ้นอ๋องไม่เข้าใจอีกว่าท่านอ๋องเกณฑ์คนมาประณามเช่นนั้นนางก็คงเป็นคนโง่แล้ว นางไม่คิดว่าท่านอ๋องที่แต่ไหนแต่ไรไม่สนใจเรื่องจุกจิกเรือนหลังจะสืบสาวเรื่องราวได้อย่างชัดเจนเช่นนี้ ในใจอดก่นด่ายายหม่าไม่ได้ ไม่เป็นงาน ไม่เป็นงานเกินไปแล้ว

 

 

“พระชายาเจ้าบอกข้ามา ลดค่าใช้จ่ายเหมือนกัน เหตุใดเรือนของเยี่ยเอ๋อร์กับเหยียนเอ๋อร์ถึงได้กินอย่างโอชะ แต่โย่วเอ๋อร์กับภรรยาของเขากลับกินอย่างเทียบไม่ได้แม่แต่คนรับใช้ที่มีเกียรติ หรือว่าโย่วเอ๋อร์บุตรคนโตผู้นี้สูงศักดิ์ไม่เท่าน้องสองคนของเขา เจ้าใช่ลืมไปแล้วหรือไม่ว่าเขาสองคนคนหนึ่งฝ่าบาทพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นจวิ้นอ๋อง อีกคนหนึ่งเป็นจวิ้นจู่” ใบหน้าของจิ้นอ๋องเย็นเยียบขึ้นเรื่อยๆ

 

 

หากเพียงแค่ไม่เป็นธรรมต่อบุตรภรรยาเอกก็ไม่เป็นไร แต่เรื่องนี้ดังออกไปนอกจวนแล้ว ตอนนี้เนื้อหาข่าวลือข้างนอกเปลี่ยนแล้ว ไม่พูดถึงภาพตกปลาใต้จันทราภาพนั้นแล้ว แต่พูดว่าพระชายาจวนจิ้น

 

 

อ๋องไร้คุณธรรม บีบบังคับให้ลูกสะใภ้ควักเงินสินเดิมออกไปซื้อวัตถุดิบ จวิ้นอ๋องจวิ้นจู่ผู้ยิ่งใหญ่แม้แต่ข้าวยังไม่มีกิน นี่จะต้องถูกทรมานมากเพียงใด

 

 

มิหนำซ้ำข่าวลือนี้ยังดังไปถึงหูของเสด็จพี่เขา เสด็จพี่เขาไม่เรียกเขาเข้าวังมาหลายปีแล้ว คราวนี้เรียกเขาเข้าไปด่าใส่หน้าโครมๆ ขว้างของใส่เขาต่อหน้าขันทีขุนนางทั่วทั้งห้อง หากไม่ใช่ว่าเขากลับเร็ว จะต้องถูกปาใส่จนหัวแตกเลือดไหลแน่นอน สุดท้ายก็ชี้จมูกเขาแล้วกล่าว ‘ลูกคนนี้หากเจ้าไม่อยากได้แล้วก็ส่งมาให้เรา เราไม่รังเกียจที่บุตรเยอะ อ๋องผู้ยิ่งใหญ่ ถูกสตรีหลอกลวง เราอับอายแทนเจ้าเสียจริง’

 

 

จิ้นอ๋องอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี โดยเฉพาะสายตาที่แปลกประหลาดของพี่น้องเหล่านั้นในหมู่ราชนิกุล มองจนเขาหายใจไม่ออก

 

 

กาลเวลาหมุนผ่านไป เห็นพี่น้อง ลูกพี่ลูกน้องที่ตอนแรกเทียบเขาไม่ได้แต่ละคนๆ ต่างก็สร้างคุณูปการในราชสำนัก มีเพียงเขาที่เป็นท่านอ๋องว่างงาน ทุกวันว่างไม่มีอะไรทำ กลางดึกไร้ฝัน เบื้องลึกในใจเขาก็ไม่ใช่ว่าไม่เสียใจ

 

 

แต่นี่ก็เป็นสิ่งที่ตนเลือก ทำได้เพียงกัดฟันข่มไว้ในใจ ความชื่นใจเพียงหนึ่งเดียวก็คือเขามีพระชายาที่เข้าใจผู้อื่นอ่อนโยนใจดี รู้จักเขา เข้าใจเขา เคารพเขา รักเขา ซ้ำยังให้บุตรชายสามคนแก่เขา เขาเองก็รู้สึกว่าไม่เสียใจเพียงนั้นแล้ว

 

 

แต่ตอนนี้ความดีงามส่วนนี้เผยใบหน้าแท้จริงอันอัปยศอดสูออกมา เขาก็โกรธจนอยากจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างจริงๆ ไม่มีใครรู้ว่าเขาใช้แรงมากมายเพียงใดจึงจะควบคุมตัวเองไว้ได้

 

 

พระชายาจิ้นอ๋องกระวนกระวายแล้ว นางรู้จักจิ้นอ๋องดีอย่างยิ่ง หากเขาบันดาลโทสะกับตน นางกลับไม่กลัว เพราะว่าท่านอ๋องบันดาลโทสะก็หมายความว่าเรื่องนี้ผ่านไปแล้ว แต่ตอนนี้ท่านอ๋องนิ่งเงียบเพียงนั้น กระทั่งไม่ว่านางสักคำ นางก็รู้แล้วว่าครั้งนี้ท่านอ๋องโกรธแล้วจริงๆ

 

 

“ท่านอ๋อง ข้าไม่รู้จริงๆ เห็นชัดๆ ว่าข้าสั่งให้ลดค่าใช้จ่ายทั้งจวน หรือว่าบ่าวในครัวใหญ่จะหลอกลวงเบื้องบน ยายหม่า เรียกยายหม่ามาถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น” พระชายาจิ้นอ๋องกล่าวอย่างแยกแยะ นางตัดสินใจว่าเรื่องนี้ไม่อาจยอมรับได้ เช่นนั้นก็ทำได้เพียงโยนออกไปให้คนในครัวใหญ่ดับความโกรธของท่านอ๋อง

 

 

“ยายหม่า เหอะๆ ไม่ต้องเรียกนางหรอก นางถูกข้าลงโทษแล้วโยนไปที่สุสานแล้ว นางรับสารภาพว่าพระชายาสั่งให้นางทำเช่นนี้” ดวงตาจิ้นอ๋องเต็มไปด้วยน้ำเย็นที่เย็นยะเยือก “พระชายาบอกว่าค่าใช้จ่ายในจวนตึงงั้นหรือ ข้าจำได้ว่าเดือนก่อนข้าให้เจ้าไปหนึ่งหมื่นตำลึง นี่เพิ่งจะผ่านไปไม่กี่วันก็ใช้หมดแล้วหรือ หากเจ้าดูแลจวนอ๋องไม่ดี ข้าก็ไม่ถือสาจะหาคนมารับหน้าที่แทนเจ้า”

 

 

ยายหม่าถูกโบยตายแล้วหรือ เหตุใดนางถึงไม่ได้ข่าวแม้แต่นิดเดียวเล่า พระชายาจิ้นอ๋องใจเต้นตึกๆ ทันใดนั้นก็ตะโกนร้องขอความเป็นธรรม “ท่านอ๋อง ข้าจะทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร ท่านต้องเชื่อข้า! ยี่สิบกว่าปีแล้ว ท่านยังไม่รู้อีกหรือว่าข้าปฏิบัติต่อโย่วเอ๋อร์อย่างไร ตั้งแต่เล็กเขาก็สุขภาพไม่ดี ข้าตั้งท้องแก่ดูแลเขาทั้งคืน! มีของดีๆ ข้าก็ให้เขาก่อน ต่อให้จะเป็นเยี่ยเอ๋อร์ลูกชายสามคนของข้าก็ยังเป็นรอง ข้าใกล้ชิดกับคุณชายใหญ่ยิ่งกว่าลูกแท้ๆ เสียอีก จะทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร ท่านอ๋อง ข้าได้รับความไม่เป็นธรรม” พระชายาร้องทุกข์

 

 

ยังมีประโยคนั้นของท่านอ๋องหมายความว่าอย่างไร หาคนมารับหน้าที่แทนนาง คนที่สามารถรับหน้าที่แทนนางได้ก็มีเพียงชายารอง หรือว่าท่านอ๋องจะแต่งชายารอง หรือคิดจะยกฐานะเรือนหลังคนไหน

 

 

อันที่จริงนางก็ได้รับความไม่เป็นธรรมจริงๆ นางเพียงแค่ทนเห็นเสิ่นเวยได้รับความสำคัญจากฮองเฮาเหนียงเหนียงไม่ได้ คิดจะกลั่นแกล้งนาง ที่นางบอกว่าลดเงินเดือนก็ลดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทำมากเกินไปกลับไม่กล้า ใครจะรู้ยายหม่าผู้นั้นในครัวใหญ่คิดว่าตัวเองฉลาด คิดว่าพระชายาเกลียดคุณชายใหญ่ฮูหยินใหญ่ เพื่อที่จะเอาใจพระชายา จึงย่ำยีพวกเขาสุดแรงมิใช่หรือ

 

 

พระชายาจิ้นอ๋องเสียใจยิ่งนัก เสียใจที่ไม่ได้สั่งยายหม่าให้ชัดเจน กระทั่งยายหม่าคิดว่าตัวเองฉลาดเอาภาระมาให้นาง สมควรตาย สมควรตายจริงๆ ต่อให้จิ้นอ๋องไม่ลงโทษนาง ตนก็ยอมให้นางมีชีวิตอยู่ไม่ได้เช่นกัน

ยอดหญิงสกุลเสิ่น

ยอดหญิงสกุลเสิ่น

เนื่องด้วยถูกมารดาเลี้ยงกลั่นแกล้ง ทำให้ เสิ่นเวย ผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอต้องตายลงด้วยความน่าเวทนา ทว่าด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ทหารสาวในยุคปัจจุบันทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของหญิงสาวผู้ที่มีชื่อแซ่เดียวกันกับตนเอง เมื่อถูกมารดาเลี้ยงวางแผนกลั่นแกล้ง เนรเทศตนเองมาอยู่ในสถานที่รกร้างห่างไกล โดยให้เหตุผลว่าต้องการให้นาง ‘รักษาตัว’ คิดหรือว่านางจะยอมแพ้ต่อความร้ายกาจของมารดาเลี้ยงผู้นี้? ไม่เป็นไร ในเมื่อไล่นางออกมา นางก็จะใช้หนึ่งสมองและสองมือของตนนี้พลิกฟื้นพัฒนาครอบครัวของนางให้กลับมาเชิดหน้าชูตาได้อีกครั้ง!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset