ยอดหญิงสกุลเสิ่น – ตอนที่ 230-1 ฉีกหน้าจนถึงที่สุด!

เช้าตรู่วันที่สอง เสิ่นเวยลงมาจากตั่งนุ่มอย่างมีชีวิตชีวา นางแสร้งทำเป็นยืดเส้นยืดสาย กล่าวอย่างขัดเคือง “ปรนนิบัติเสด็จแม่ทั้งคืนเหนื่อยแทบตายเลยจริงๆ”

 

 

พระชายาจิ้นอ๋องที่ใต้ตาดำคล้ำเป็นดวงใหญ่ ท่าทางหมดอาลัยตายอยากได้ยินประโยคนี้แล้วก็แทบจะหายใจไม่ออก หวาเยียนกับหวาอวิ๋นที่ซีดเซียวทั้งใบหน้าก็มีท่าทางประหนึ่งเห็นผี

 

 

ฮูหยินใหญ่ ท่านพูดประโยคนี้ได้รู้มโนธรรมของตนเองหรือไม่ ท่านได้ปรนนิบัติพระชายาด้วยหรือ ท่านเพียงแค่พิงอยู่บนตั่งนุ่มขยับปาก งานล้วนแต่เป็นพวกข้าที่ทำ พวกข้าจึงจะเป็นคนที่ไม่ได้หลับตาเลยทั้งคืน

 

 

ส่วนแม่นมซือ นางอายุมากแล้ว อยู่ไม่ไหว กลางดึกก็หาข้ออ้างออกไปงีบแล้ว งานที่รับใช้พระชายาล้วนแต่ทิ้งไว้ให้หวาเยียนหวาอวิ๋นสองคน ทรมานมาตลอดทั้งคืน แม่นางที่งดงามสดใสสองคนประหนึ่งบุปผาที่ขาดน้ำ ไร้ชีวิตชีวา

 

 

หากเสิ่นเวยรู้คำพูดในใจของหวาเยียนหวาอวิ๋นจะต้องแสยะปากเป็นแน่ ใครบอกว่านางไม่ลำบาก เจ้าขยับปากไม่เหนื่อยหรือ ยิ่งไปกว่านั้นทุกครั้งที่นางกำลังจะหลับก็ถูกปลุกตื่น ไม่มีใครรู้ว่านางที่มีอาการหงุดหงิดตอนตื่นทรมานมากเพียงใด นางอยากจะฆ่าคนแล้วรู้หรือไม่

 

 

ตอนที่พระชายาจิ้นอ๋องง่วงจนหนังตาลืมไม่ขึ้นแล้ว ไม่มีแรงทรมานเสิ่นเวยต่อแล้วเช่นกัน นี่ทำให้หวาเยียนหวาอวิ๋นที่ยืนอยู่ข้างๆ ต่างก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกหนึ่งครา ตลอดทั้งคืนนี้พวกนางนับว่าได้เห็นแจ่มแจ้งแล้ว พระชายาคิดจะทรมานจัดการฮูหยินใหญ่ แต่ฮูหยินใหญ่เองก็ไม่รู้ว่ามีความสามารถเหนือชั้นหรือว่าเป็นคนโง่ที่มีวาสนาของคนโง่ อย่างไรเสียสุดท้ายแล้วฮูหยินใหญ่ก็ไม่เหนื่อยเลยแม้แต่นิดเดียว กลับทรมานพวกนางสองสาวใช้ไม่เบา ตอนนี้พระชายาหยุดแล้ว พวกนางเองก็สามารถพักผ่อนได้สักงีบแล้ว!

 

 

เสิ่นเวยไม่สนใจว่าพวกนางจะคิดอย่างไร สายตาของนางกวาดมองบนร่างของสาวใช้ทั้งสองรอบหนึ่ง ในใจสงสารสุดขีด จุ๊ๆๆ น่าสงสารยิ่งนัก เพียงแค่คืนเดียวก็แห้งเ**่ยวจนเป็นเช่นนี้ ดูท่าแล้วข้างกายพระชายาจิ้นอ๋องจะไม่ได้อยู่ง่ายเพียงนั้น!

 

 

มองสาวใช้เสร็จก็มองพระชายาจิ้นอ๋อง อย่างไรเสียนางก็มีอายุแล้ว ไม่ใช่สตรีอายุน้อยเช่นหวาเยียนหวาอวิ๋น เอ๋ รอยย่นบนใบหน้าของจวิ้นพระชายาปรากฏออกมาแล้ว ใต้ตาดำคล้ำ ชั่วพริบตาก็แก่ลงสิบปีเป็นอย่างต่ำ อารมณ์ของเสิ่นเวยดีอย่างยิ่ง มุมปากยกขึ้นสูง กล่าวด้วยความเคารพและสนิทสนม “เสด็จแม่ ให้ลูกพาท่านไปล้างหน้าบ้วนปากเถอะ ท่านอยากดื่มชาก่อนหรือว่าอยากไปเปลี่ยนชุดก่อน”

 

 

พระชายาจิ้นอ๋องพยายามรวบรวมกำลัง อยากจะฉีกใบหน้ายิ้มแย้มขัดหูขัดตาใบนี้ตรงหน้ายิ่งนัก กล่าวในใจ ข้าไม่อยากทำอะไรทั้งสิ้น แค่อยากนอน ทรมานตลอดทั้งคืนนี้ นางเองก็เหนื่อยล้าอย่างถึงที่สุด ผ่านคืนนี้ไป นางนับได้ว่าเห็นแจ่มแจ้งแล้ว เสิ่นซื่อผู้นี้ไหนเลยจะอ่อนแอควบคุมง่ายเล่า เห็นชัดๆ ว่าเป็นคนเจ้าเล่ห์กลับกลอก! คาดไม่ถึงว่าแม้แต่นางก็ยังเคยถูกหลอก มิน่าเล่าถึงสามารถเข้าตาเด็กชั่วผู้นั้นได้ ท่านอ๋องยังคิดว่านางเป็นคนดีอยู่เลย หึ คิดว่านางไม่กล้าถลกหน้ากากของนางหรือ

 

 

พระชายาจิ้นอ๋องโมโหจนพูดไม่ออก เสิ่นเวยก็ยิ่งสบายใจ ยังคิดจะยั่วยุนางอีกหลายประโยค หวาเยียที่เป็นกังวลก็รีบกล่าว “ไหนเลยจะต้องให้ฮูหยินใหญ่ลงมือด้วยตัวเอง มีพวกบ่าวอยู่ทั้งคน” ฮูหยินใหญ่ ท่านรีบไปเถิด ท่านไปแล้ว พระชายาก็จะหยุด บ่าวทั้งหลายจึงจะสงบจิตใจได้เสียที!

 

 

หากให้ฮูหยินใหญ่ลงมือจริงๆ ไม่แน่ว่าอาจจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก ท้ายที่สุดคนที่ต้องโทษลำบากก็ยังคงเป็นพวกนางบ่าวรับใช้เหล่านี้ หวาเยียนฉลาดกว่าหวาอวิ๋นมาก ไหนเลยจะดูไม่ออกว่าฮูหยินใหญ่ตั้งใจ เพื่อเลี่ยงไม่ให้เกิดหายนะซ้ำซ้อนนางไหนเลยจะกล้าให้ฮูหยินใหญ่ลงมืออีก!

 

 

พระชายาจิ้นอ๋องเองก็พยายามเอ่ยปาก เสียงแหบพร่าคลุมเครือ ราวกับฉินห้าสายที่ไม่เคยบรรเลง “เจ้าไปพักเถิด มีหวาเยียนหวาอวิ๋นอยู่” นางไม่กล้าให้เสิ่นซื่อปรนนิบัติอีกแล้ว เมื่อคืนหกล้มไปคราวนั้นกระดูกสันหลังของนางยังเจ็บจนถึงตอนนี้

 

 

เสิ่นเวยยกมุมปากเบาๆ อธิบายอย่างดีว่าอะไรที่เรียกว่า ‘ได้รับผลประโยชน์แล้วไม่รู้จักขอบคุณ’ “ในเมื่อเสด็จแม่เห็นใจลูกเช่นนี้ เช่นนั้นลูกก็ซาบซึ้งในพระคุณของเสด็จแม่”

 

 

ในดวงตาที่มองกันและกันของสองแม่ยายลูกสะใภ้มองเห็นความแหลมคมทั้งสองฝ่าย

 

 

ในตอนนี้เองอู๋ซื่อก็เข้ามาเคารพพอดี ดวงตาเสิ่นเวยกะพริบวาบ ถือโอกาสกล่าว “น้องสะใภ้รองมาแล้ว กลางวันก็ให้เจ้าดูแลเสด็จแม่แล้วกัน ข้าอยู่ไม่ไหวจริงๆ กลับไปพักพ่อสักครู่ ตอนค่ำข้าจะมาแทนเจ้าใหม่”

 

 

อู๋ซื่อเห็นพี่สะใภ้ใหญ่ขยี้ตาหาว ถูกสาวใช้ประคองท่าทางกำลังจะหกล้ม ก็รีบกล่าว “พี่สะใภ้ใหญ่วางใจกลับไปนอนพักเถิด เสด็จแม่มีข้าดูแล”

 

 

อันที่จริงแล้วนางจึงจะเป็นสะใภ้ลูกชายคนโตของแม่สามี หากยังกตัญญูไม่เท่าภรรยาลูกเลี้ยง อาจถูกคนติฉินนินทาเอาได้ อู๋ซื่อผู้ที่ห่วงทุกด้านเช่นนี้จะปล่อยให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ไม่เห็นหรือว่า เช้าตรู่นางไม่กินแม้แต่ข้าวเช้าก็รีบเข้ามาดูแลแล้ว

 

 

ส่งพี่สะใภ้ใหญ่ออกจากระเบียงทางเดิน อู๋ซื่อก็กลับไปในห้องด้านในเห็นความซีดเซียวบนใบหน้าของแม่สามี ชั่วขณะก็ตกใจจนสะดุ้งโหยง “เสด็จแม่เป็นอะไรไป เมื่อคืนอาการป่วยกำเริบหนักหรือ เร็ว รีบไปส่งข่าวให้ท่านซื่อจื่อ ให้เขาเชิญหมอหลวงจากในวังมา”

 

 

พระชายาจิ้นอ๋องรีบโบกมือ เคลื่อนไหวแรงเกินไปเล็กน้อย นางรู้สึกเพียงมึนหัวตาลาย เบื้องหน้าดำมืด ร่างอ่อนแรงล้มลงไปบนหมอน

 

 

อู๋ซื่อยิ่งร้อนใจแล้ว ถลึงตามองหวาเยียนหวาอวิ๋นที่ยืนนิ่งไม่ขยับ “ยังยืนบื้อทำอะไรอยู่ ไม่ได้ยินที่นายพูดหรือ” พลางเข้าไปพยุงแม่สามี หากแม่สามีเป็นอะไรไปจะทำอย่างไร คิดๆ แล้วนางก็กล่าวต่อ “ไป ไปส่งข่าวให้ท่านอ๋องด้วย”

 

 

“ไม่ ไม่ต้องไป” พระชายาจิ้นอ๋องปวดหัวแทบจะระเบิด ดึงแขนเสื้อของอู๋ซื่อแน่น พยายามพูดคำไม่กี่คำนี้ออกมา

 

 

อู๋ซื่อรีบหมุนตัวโน้มน้าวนาง “เสด็จแม่ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาโกรธเสด็จพ่อ ท่านป่วยจนเป็นเช่นนี้แล้ว เลิกดื้อดึงเพียงนั้นได้แล้ว อีกอย่าง หากเสด็จพ่อทราบว่าลูกๆ ดูแลท่านไม่ดี จะไม่บันดาลโทสะหรือไร”

 

 

“อย่าไป” พระชายาจิ้นอ๋องยังคงดึงแขนเสื้อของอู๋ซื่อ ท่าทียืนกรานสุดขีด ทั้งยังบอกเป็นนัยแก่หวาเยียนหวาอวิ๋น

 

 

ทั้งสองหมดหนทาง ทำได้เพียงรวบรวมความกล้าก้าวขึ้นมากล่าว “ฮูหยินซื่อจื่อ พระชายาไม่ได้เป็นอะไรมาก เพียงแค่เมื่อคืนนอนหลับไม่ดี ตอนนี้จึงอ่อนแรง ท่านออกไปก่อน ให้บ่าวปรนนิบัติพระชายานอนหลับสักตื่นก็คงจะดีขึ้นแล้ว”

 

 

อู๋ซื่อลังเล “จริงหรือ” บ่าวหนึ่งกลุ่มปรนนิบัติจะหลับไม่ดีได้อย่างไร เพียงแต่เห็นใต้ตาแม่สามีเป็นสีเขียวคล้ำยังมีท่าทางเหมือนนอนหลับไม่ดีจริงๆ

 

 

เมื่อนางมองเห็นสีหน้าของหวาเยียนหวาอวิ๋น ก็ตกใจอีกครั้ง

 

 

ต้องรู้ไว้ว่าสาวใช้ที่ถูกเลือกมาทำงานข้างกายพระชายาจิ้นอ๋องได้ อย่าว่าแต่มีใบหน้าเช่นไร อย่างน้อยๆ ก็ต้องหน้าตาสวยสดงดงามมิใช่หรือ หวาเยียนกับหวาอวิ๋นล้วนแต่เป็นหญิงงาม แม้จะเทียบหวาลู่กับหวาฉังไม่ได้ แต่ในหมู่สาวใช้ทั้งหมดก็นับว่าเป็นบุคคลชั้นดีแล้ว

 

 

แต่ตอนนี้หวาเยียนหวาอวิ๋นที่มีโฉมหน้างดงามกลับสีหน้าโรยรา ซีดเซียวอย่างกับอะไรดี นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น

 

 

หวาเยียนหวาอวิ๋นไหนเลยจะมองไม่เห็นความสงสัยในแววตาของฮูหยิน แต่พวกนางพูดอะไรได้หรือ นายท่านทั้งสองประมือกัน แม่สามีประมือกับลูกสะใภ้ ซ้ำแม่สามียังพ่ายแพ้ คำพูดเช่นนี้จะพูดออกไปต่อหน้าพระชายาจิ้นอ๋องได้อย่างไร นี่ไม่ใช่เป็นการตบหน้าพระชายาหรอกหรือ

 

 

ตอนที่เสิ่นเวยกลับไปถึงเรือนสวีโย่วก็นั่งรอนางอยู่ข้างโต๊ะอาหารแล้ว เห็นสีหน้าของนางยังดีอยู่จึงวางใจลง เมื่อคืนเขาได้ยินว่าพระชายาจิ้นอ๋องให้นางอยู่ดูแลกลางคืนก็เดือดดาลทันที น้องสะใภ้รองน้องสะใภ้สามไม่ดูแล ให้ภรรยาของเขาอยู่ดูแลเพียงคนเดียว ต้องการจะกลั่นแกล้งคนอ่อนแอหรือไร เขาอายุยี่สิบกว่าปีแล้วกว่าจะแต่งภรรยาที่ถูกใจได้ มิใช่ให้คนมาทำลาย

 

 

ยังคงเป็นหลีฮวาที่ถ่ายทอดเจตนาของเสิ่นเวยได้ทันเวลา บอกว่าฮูหยินให้เขาสงบจิตใจรออยู่ในเรือน นางมีแผนการของนาง

ยอดหญิงสกุลเสิ่น

ยอดหญิงสกุลเสิ่น

เนื่องด้วยถูกมารดาเลี้ยงกลั่นแกล้ง ทำให้ เสิ่นเวย ผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอต้องตายลงด้วยความน่าเวทนา ทว่าด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ทหารสาวในยุคปัจจุบันทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของหญิงสาวผู้ที่มีชื่อแซ่เดียวกันกับตนเอง เมื่อถูกมารดาเลี้ยงวางแผนกลั่นแกล้ง เนรเทศตนเองมาอยู่ในสถานที่รกร้างห่างไกล โดยให้เหตุผลว่าต้องการให้นาง ‘รักษาตัว’ คิดหรือว่านางจะยอมแพ้ต่อความร้ายกาจของมารดาเลี้ยงผู้นี้? ไม่เป็นไร ในเมื่อไล่นางออกมา นางก็จะใช้หนึ่งสมองและสองมือของตนนี้พลิกฟื้นพัฒนาครอบครัวของนางให้กลับมาเชิดหน้าชูตาได้อีกครั้ง!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset