สวีโย่วเข้าวังไปปูทางให้ภรรยาของนางแล้ว เสิ่นเวยเพิ่งจะมีเวลาว่างพูดคุยกับน้องชาย ทราบเรื่องเสิ่นเสวี่ยถูกแม่สามีตบหน้าโมโหกลับบ้านฝั่งมารดา นางก็ไม่ประหลาดใจเลยแม้แต่นิดเดียว
อวี้ซื่อหย่งหนิงโหวฮูหยินผู้นั้นเป็นคนบ้าอำนาจไร้เหตุผล ตอนแรกที่สลับตัวเจ้าสาวก็เป็นนางที่เสนอขึ้นมา เพียงแค่เห็นว่าเสิ่นเสวี่ยเป็นลูกสาวของหลิวซื่อ สามารถนำสินเดิมจำนวนมหาศาลเข้าไปได้ ผลสุดท้ายเกิดเรื่องเหนือความคาดหมาย สินเดิมของเสิ่นเสวี่ยธรรมดา ไม่ทำให้นางพอใจ นางจึงเผยโฉมหน้าแม่สามีใจร้ายมิใช่หรือ
เสิ่นเสวี่ยเองก็ไม่ใช่ไฟที่ไร้น้ำมัน มีหลิวซื่อปกป้องอยู่ มีนายหญิงผู้เฒ่าถือหาง ช่วงชีวิตสิบห้าปีแรกของเสิ่นเสวี่ยผ่านมาด้วยความสบายใจไร้กังวล นี่เองก็บ่มเพาะนิสัยใช้อำนาจบาตรใหญ่ของนาง วันสองวันนางอาจจะยังอดทนได้ แต่นานวันเข้า อวี้ซื่อแรงมานางก็จะต้องแรงกลับแน่นอน
เพียงแต่ไม่คิดว่าอวี้ซื่อผู้นั้นจะไร้สติปัญญาเพียงนี้ คาดไม่ถึงว่าตบหน้าลูกสะใภ้ แม้แต่เหนียงเหนียงทั้งหลายในวังลงโทษขันทีนางกำนัลยังไม่ตบหน้าเลย อวี้ซื่อผู้นี้กล้าหาญจริงๆ! พระชายาจิ้นอ๋องเทียบกับนางแล้วมีมารยาทกว่ามาก
“จะบอกว่าหย่งหนิงโหวซื่อจื่อไม่ได้มารับตัวเสิ่นเสวี่ย ในจวนพวกเขาก็ไม่มีใครมาขอโทษที่จวนเลยหรือ” เสิ่นเวยค่อนข้างประหลาดใจกับเรื่องนี้
พูดจาโอ้อวดสักหนึ่งประโยค จวนจงอู่โหวแข็งแกร่งกว่าจวนหย่งหนิงโหวไม่ใช่แค่นิดๆ หน่อยๆ ด้วยอำนาจของอวี้ซื่อ ไม่ควรทำเช่นนี้! อย่าว่าแต่เรื่องนี้เสิ่นเสวี่ยมีส่วนผิดไม่มาก ต่อให้ทั้งหมดจะเป็นความผิดของเสิ่นเสวี่ย เพื่ออนาคตของลูกชายอวี้ซื่อก็ควรจะมาขอโทษถึงหน้าประตูมิใช่หรือ
หรือว่าสมองของอวี้ซื่อฟั่นเฟือนแล้ว หวังลมๆ แล้งๆ ว่าทำเช่นนี้แล้วจะบีบบังคับเสิ่นเสวี่ยหรือจวนจงอู่โหวได้ อย่างไรเสียวิธีคิดของหญิงชั่วทั้งหลายก็ต่างจากคนทั่วไป ใครจะรู้ว่าในใจพวกนางมีความคิดสกปรกโสมมอะไรบ้าง
เสิ่นเจวี๋ยพยักหน้า “อืม สองวันแล้ว ท่านย่ากับท่านป้าสะใภ้ใหญ่โมโหสุดขีดแล้ว ฟังว่าพี่ห้าก็พังห้องอีกด้วย” บนใบหน้าของเขาเผยสีหน้าดีใจบนความทุกข์ของผู้อื่น
เสิ่นเวยเห็นท่าที มือที่ยกขึ้นก็หยุดชะงักอยู่กลางอากาศ กล่าว “เช่นนั้นเจ้าคิดเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร”
เสิ่นเจวี๋ยกล่าว “เรื่องนี้ชัดเจนว่าเป็นความผิดของฝั่งจวนหย่งหนิงโหว ตบหน้าพวกเราเช่นนี้ ย่อมไม่อาจจบเรื่องง่ายๆ ได้” เสิ่นเจวี๋ยแสดงท่าทีสมเหตุสมผล แม้เขาจะไม่ค่อยชอบพี่ห้า ซ้ำยังดีใจที่เห็นนางโชคร้าย แต่เรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับศักดิ์ศรีของจวนจงอู่โหวเช่นกัน แม้ว่าเขาไม่อยากหนุนหลังพี่ห้าแต่ก็ต้องตบกลับไปเช่นกัน เหอะ คิดว่าจวนจงอู่โหวรังแกง่ายเพียงนั้นเชียวหรือ
เสิ่นเวยชื่นใจอย่างยิ่ง พยักหน้าให้เสิ่นเจวี๋ยด้วยความชื่นชม “เจ้าคิดเช่นนี้ได้ก็ถูกแล้ว พวกเราไม่ถูกกับน้องเสวี่ย แต่เจ้าก็ต้องจำไว้ ไม่ว่าพวกเราจะทะเลาะกันเช่นไร ก่อเรื่องเช่นไร นั่นก็ล้วนอยู่ในจวน เป็นเรื่องของพวกเราเอง แต่หย่งหนิงโหวฮูหยินปฏิบัติต่อน้องเสวี่ยไม่เป็นธรรมกลับไม่เหมือนกัน เจ้าเป็นน้องชายนาง หากไม่หนุนหลังนางทำตัวไม่สะทกสะท้าน เช่นนี้จะให้คนนอกมองอย่างไร ข้างนอกยังคิดว่าจวนจงอู่โหวของพวกเราอ่อนแอน่ากลั่นแกล้ง จะทำศึกภายนอกยังต้องสงบศึกภายในก่อน ตระกูลใหญ่ตระกูลโตจำนวนมากต่างก็ตกอับจากภายใน หลังจากเจ้ากลับไปก็ถือโอกาสไปหาเว่ยซื่อจื่อผู้นั้น ถามเขาว่าไม่เห็นจวนโหวของเราอยู่ในสายตาใช่หรือไม่ พี่ห้าเจ้าแต่งไปเป็นนายที่จวนพวกเขา เป็นซื่อจื่อฮูหยิน ไม่ใช่บ่าวรับใช้ที่จะตีจะด่าได้ตามอำเภอใจ ถามเขาว่าใช่ต้องการจะหย่าหรือไม่”
เสิ่นเจวี๋ยพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ท่านพี่ ข้าทราบแล้ว”
เสิ่นเวยยิ้มเล็กน้อย ตบบ่าของเขา “เจ้าเองก็ไม่เด็กแล้ว อย่างไรเสียเรื่องนี้ก็ยังเป็นเรื่องของบ้านสามเรา พ่อเราพึ่งพาไม่ค่อยได้ ท่านปู่ก็อายุมากแล้ว เรื่องเล็กๆ เช่นนี้อย่าไปรบกวนเขาเลย เจ้าที่เป็นบุตรภรรยาเอกคนโตบ้านสามของเราจะออกหน้ามิได้หรือ เจ้าอย่าเลียนแบบคนคร่ำครึเหล่านั้น เรื่องเรือนหลังบางครั้งก็ก่อให้เกิดหายนะได้ แม่เราก็เป็นตัวอย่างให้เห็นอยู่มิใช่หรือ เจ้าต้องรู้ว่าอุบายทรมานคนฆ่าคนในเรือนหลังเยอะมากนัก เจ้าเข้าใจให้มากหน่อยในภายหน้าแต่งภรรยาก็ไม่ถูกคนหลอกง่ายๆ แล้ว” เสิ่นเวยกล่าวจากใจจริง
เสิ่นเจวี๋ยพยักหน้าอีกครั้ง “ท่านพี่ ข้าทราบแล้ว” เขาจะต้องกลายเป็นบุคคลเช่นปู่เขา ไม่ใช่คนทึ่มทื่ออย่างเช่นพ่อเขา
หลังจากที่เสิ่นเสวี่ยระบายอารมณ์เสร็จแล้วก็เหลือเพียงความเสียใจ ดวงตาทั้งคู่บวมราวกับลูกท้อ เป็นสามีภรรยาเพียงวันเดียวแต่ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นตลอดกาล นางไม่คิดว่าสามีจะไร้ความปรานีเช่นนี้ นางอยู่บ้านฝั่งมารดามาสองวันแล้ว คาดไม่ถึงว่าสามีจะไม่มารับนางเลย แม้แต่ส่งหญิงชรารับใช้มาก็ยังไม่มี นี่จะให้นางเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ทุกครั้งที่สบสายตาเห็นใจของพี่สาวน้องสาวในจวน นางก็อยากจะแทรกแผ่นดินหนี
ไม่ นางไม่เชื่อว่าสามีจะทำเช่นนี้ต่อนาง ต้องเป็นแม่สามีนางที่ห้ามสามีไว้ไม่ให้เขามา ใช่ ต้องเป็นเช่นนี้ เมื่อคิดแบบนี้ หัวใจเสิ่นเสวี่ยก็ดีขึ้นเล็กน้อย ทันใดนั้นหัวใจหนึ่งด้วงก็เป็นกังวลขึ้นมาอีกครั้ง นางไม่อยู่ในจวน หญิงสาวยั่วยวนหลายคนนั้นในจวนใช่จะยิ่งไม่เกรงกลัวสิ่งใดหรือไม่
โดยเฉพาะจ้าวเฟยเฟยผู้นั้น วางท่าทางใสซื่อไร้เดียงสากายใจบริสุทธิ์ หลอกใครกันเล่า ไม่ใช่อยากเป็นอนุภรรยาของสามีหรือ ตนกลับบ้านฝั่งมารดา ไม่ใช่เป็นการเสียเปรียบเด็กชั่วหน้าไม่อายผู้นั้นหรือ
เสิ่นเสวี่ยกำผ้าเช็ดหน้า กัดฟันกรอด ไม่ได้ นางต้องรีบกลับไปจวนหย่งหนิงโหวให้เร็วที่สุด! แต่สามีไม่มารับนางจะกลับไปอย่างซึมเซาได้อย่างไร แม่สามีหยาบช้าไร้เหตุผลผู้นั้นของนางใช่จะยิ่งดูถูกนางหรือไม่ ตอนนี้นางอับจนปัญญา จิตใจทรมานยิ่งนัก!
นายหญิงผู้เฒ่ากับสวี่ซื่อเองก็โมโหจนเดือดดาล เดิมพวกนางคิดว่า วันรุ่งขึ้นเขยห้าก็จะมารับคนที่บ้านแล้ว ถึงตอนนั้นผู้อาวุโสเหล่านี้เช่นพวกนางก็พูดจากับเขาดีๆ ให้เขาขอโทษเสวี่ยเอ๋อร์ เรื่องนี้ก็เรียบร้อยแล้ว
ใครจะรู้รอมาสองวัน เขยห้าก็ไม่มา จวนหย่งหนิงโหวหายไปไม่เห็นแม้แต่เงา เจ้าทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร ลูกสะใภ้ไม่ต้องการแล้วหรือ หรือว่าดูถูกจวนจงอู่โหวของพวกข้า ตั้งแต่สวี่ซื่อเข้าประตูจวนจงอู่โหวมาก็ไม่เคยถูกตบหน้าเช่นนี้มาก่อน
“ท่านแม่ พวกเรารอเช่นนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว พรุ่งนี้ลูกจะส่งคนไปไต่ถามที่จวนหย่งหนิงโหว ถามพวกเขาว่าเสวี่ยเอ๋อร์ของพวกเราทำผิดที่ไม่อาจได้รับการอภัยอะไร อวี้ฮูหยินถึงกับเอ่ยปากก็ด่ายกมือก็ตบ หากอธิบายออกมาไม่ได้ ก็อย่าหาว่าพวกเราใช้อำนาจรังแกคน” สวี่ซื่อขมวดคิ้วกล่าวกับนายหญิงผู้เฒ่า
อันที่จริงสวี่ซื่อเองก็ไม่อยากยุ่งเรื่องนี้นัก เสวี่ยเอ๋อร์เป็นเพียงหลานสาวของนาง ไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของนาง แต่นายหญิงบ้านสามไม่ใช่เข้าห้องพระเล็กไปแล้วหรือ นางที่เป็นโหวฮูหยินไม่จัดการแล้วใครจะจัดการ ไม่อาจปล่อยให้คนมองจวนจงอู่โหวเป็นตัวตลกได้กระมัง
“ดี พรุ่งนี้เจ้าให้แม่นมฉินไปเสีย” นายหญิงผู้เฒ่าเองก็โมโหอย่างยิ่ง ไม่เคยเห็นตระกูลที่หน้าไม่อายไร้มารยาทเช่นนี้มาก่อน เว่ยซื่อจื่อกลับเป็นเด็กดี เหตุใดถึงมีแม่เช่นนี้เล่า”
นายหญิงผู้เฒ่าคิดเหมือนกันกับเสิ่นเสวี่ย ต่างก็คิดว่าอวี้ซื่อห้ามเว่ยจวิ่นอวี้
ส่วนนายท่านผู้เฒ่าโหวก็กำลังตำหนิลูกชายอยู่ในเรือนนอก “ดูคู่หมั้นที่เจ้าหาให้ลูกสาวเจ้าสิ ไม่ใช่ตระกูลที่รู้จักหลักทำนองคลองธรรม ไม่ใช่ว่าจวนจงอู่โหวข้าดูถูกคน แต่จวนหย่งหนิงโหวนี้ด้อยกว่าตระกูลเหวินและตระกูลสวี่ไม่ใช่น้อยๆ”
เสิ่นหงเซวียนสีหน้าเหยเก “แม้ลูกจะผูกมิตรกับจวนหย่งหนิงโหว แต่คู่หมั้นนี้เป็นหยวนซื่อที่ตกลงหมั้นหมายตอนนั้นมิใช่หรือ”
นายท่านผู้เฒ่าโหวยิ่งโมโหแล้ว “เจ้ายังมีหน้ามาพูด นี่เดิมทีก็เป็นคู่หมั้นของเวยเอ๋อร์ ถูกหลิวซื่อใช้อุบายเปลี่ยนให้เสวี่ยเอ๋อร์แทน คาดไม่ถึงว่าเจ้ายังยอมรับโดยดุษดี มีพ่อที่ลำเอียงเช่นเจ้าด้วยหรือ หากคนที่แต่งเข้าไปเป็นเวยเอ๋อร์ เจ้าว่านางจะร้องไห้กลับบ้านฝั่งมารดาหรือไม่ มีศีรษะมากก็ต้องสวมหมวกมาก ไม่มีฝีมือความสามารถนั้นก็หาคนที่สบายใจแต่งสิ เสวี่ยเอ๋อร์วางแผนจะแย่งของของผู้อื่นแล้วยังดูแลไม่ได้ ขายหน้า”
นายท่านผู้เฒ่าโหวยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห ลูกชายโง่ยังไม่พอ หลานสาวก็เป็นเช่นนี้ ต้องการจะยั่วโมโหเขาให้ตายหรือไร
“ทั่วทั้งเมืองหลวงเจ้ายังจะหาคนที่น่าโมโหเพียงนี้ได้อีกหรือ คนเป็นแม่สามีตบหน้าลูกสะใภ้ แม่เจ้าผิดปกติเพียงนั้นยังไม่เคยทำเรื่องเช่นนี้เลย ตอนที่นางก่นด่าเสวี่ยเอ๋อร์นางเห็นจวนจงอู่โหวอยู่ในสายตาบ้างหรือไม่”
สีหน้าของเสิ่นหงเซวียนก็ยิ่งไม่ดี ลังเลครู่หนึ่งจึงกล่าว “ใช่เสวี่ยเอ๋อร์ทำเรื่องไม่เหมาะสมอะไรหรือไม่ ลูกเขยห้ายังถือว่าเป็นคนที่ไม่เลวอย่างยิ่ง” เขาพยายาแพก้ตัวแทนจวนหย่งหนิงโหว
คราวนี้ไปแหย่รังแตนเข้าแล้ว นายท่านผู้เฒ่าโหวอยากจะหยิกลูกคนนี้เสียให้ตาย “ไม่เลวกับผี ข้างนอกสุกใสข้างในเป็นโพรง วางมาดดูดี แม่เขาเป็นสตรีไม่มีความรู้ เขาที่เป็นผู้สืบทอดจวนหย่งหนิงโหวในภายหน้ายังไม่รู้จักมาขอโทษที่บ้านพ่อตาอีกหรือ อย่าว่าแต่เสวี่ยเอ๋อร์ไม่ได้ทำเรื่องไม่เหมาะสมอะไร ต่อให้ทำ คนเป็นแม่สามีก็ไม่มีสิทธิ์ไปตบหน้าลูกสะใภ้ นี่คือการตบหน้า ตบหน้าเสวี่ยเอ๋อร์ ตบหน้าจวนจงอู่โหว ตบหน้านายท่านสามตระกูลเสิ่นเช่นเจ้า แล้วยังตบหน้าข้าเสิ่นผิงยวนอีกด้วย!”
น้ำเสียงของนายท่านผู้เฒ่าโหวเด็ดขาดขึ้นเรื่อนๆ “เร็วๆ ให้จวนหย่งหนิงโหวรับเสวี่ยเอ๋อร์กลับไป ข้าเห็นแล้วหงุดหงิด หากพวกเขาไม่อยากรับเช่นนั้นก็หย่า หลานสาวของข้าเสิ่นผิงยวนไม่กลัวว่าจะออกเรือนไม่ได้”
“ขอรับ ขอรับ ลูกทราบแล้ว” แม้เสิ่นหงเซวียนจะรู้สึกว่าพ่อเขาทำเช่นนี้ไม่เหมาะสมนัก แต่เห็นพ่อเขาโกรธจนเป็นเช่นนี้ คำพูดทั้งหมดในใจก็ไม่กล้าพูดแม้แต่ประโยคเดียวแล้ว