มาถึงเรือนของพระชายาจิ้นอ๋อง หวาเยียนก็เปิดม่านข้างหน้าด้วยตัวเอง เสิ่นเวยเข้าไปแล้วก็มองดู หึ อู๋ซื่อกับหูซื่อก็อยู่ด้วยเช่นกัน
เสิ่นเวยคารวะ “เคารพพระชายา น้องสะใภ้รองน้องสะใภ้สามก็อยู่ด้วยหรือ”
ซื่อจื่อฮูหยินรีบลุกขึ้นคารวะกลับ “พี่สะใภ้ใหญ่มาแล้ว!”
ฮูหยินสามหูซื่อกลับเพียงแค่โค้งตัวทำท่าทาง ก้นนั้นไม่ยกขึ้นอย่างสิ้นเชิง ซ้ำยังกล่าวขอโทษอย่างเสแสร้ง “ข้าตัวหนัก พี่สะใภ้ใหญ่คงไม่ถือสาธรรมเนียมเหล่านี้หรอกกระมัง”
เสิ่นเวยแทบจะหัวเราะออกมา ตามที่นางทราบหูซื่อตั้งครรภ์ยังไม่ถึงสามเดือนด้วยซ้ำ ตัวก็หนักจนลุกไม่ขึ้นแล้วหรือ แค่นี้ก็กำเริบเสิบสานเช่นนี้แล้ว จุๆๆ เป็นคนโง่เหมือนกัน
แต่บนใบหน้าเสิ่นเวยกลับมีความเป็นห่วง “เจ้ามีครรภ์แล้ว สงบจิตใจนั่งเถิด ข้าจะเคืองเจ้าได้อย่างไร ฟังว่าสองวันก่อนเจ้าแพ้ท้องอีกแล้วหรือ เหตุใดถึงไม่พักอยู่ในเรือนเล่า วิ่งมาถึงเรือนพระชายาทำไมกัน ทางนี้ไกลยิ่งนัก หากชนนู่นชนนี่เข้า จะให้พระชายาสบายใจได้อย่างไร”
รอยยิ้มบนใบหน้าของหูซื่อชะงักทันที แท้จริงแล้วคนผู้นี้พูดจาเป็นหรือไม่ เจ้าสิถึงจะชนนู่นชนนี่ นี่ไม่ใช่เป็นการสาปแช่งนางหรอกหรือ
สีหน้าของพระชายาจิ้นอ๋องเองก็ไม่ค่อยดีนักเช่นกัน ชายตามองเสิ่นเวยปราดหนึ่งอย่างไม่พอใจ กล่าว “เสิ่นซื่อเจ้ารีบนั่งลงเถิด สตรีเรียบร้อยจึงจะงาม พูดมากเพียงนั้นไปไย”
“ข้าเป็นห่วงน้องสะใภ้สามไม่ใช่หรือไร หากพระชายาไม่พอใจ เช่นนั้นข้าก็จะไม่พูดแล้ว” เสิ่นเวยนั่งลงบนเก้าอี้ปักอย่างไม่ได้สนใจ
พระชายาจิ้นอ๋องกับหูซื่อก็ยิ่งอึดอัด มีเพียงอู๋ซื่อที่อารมณ์ดีอย่างยิ่ง บนใบหน้ามีรอยยิ้มสดสวย “เสด็จแม่ น้องสะใภ้สาม พี่สะใภ้ใหญ่มีเจตนาดี น้องสะใภ้สามเดินเล่นอยู่ในเรือนตัวเองไม่เท่าไรก็แพ้ท้องได้ มาถึงเรือนเสด็จแม่ระยะทางนี้ก็ไกลมิใช่หรือ ระวังไว้ก็ดีกว่า” นางอยากจะให้หูซื่อชนนู่นชนนี่อย่างยิ่ง ทางที่ดีที่สุดคือแท้งไปเสียเลย นางจะได้ไม่ต้องใช้เนื้อก้อนนั้นในท้องมาสร้างความรำคาญใจให้นางทั้งวันทั้งคืนอีก
นี่คือสะใภ้แท้ๆ ของพระชายาจิ้นอ๋อง ต่อให้ในใจนางไม่พอใจก็ต้องไว้หน้าหลายส่วน โดยเฉพาะอยู่ต่อหน้าเสิ่นเวยสะใภ้ลูกเลี้ยงผู้นี้ นางเองก็รู้ว่าเพราะเรื่องของเม่าเอ๋อร์ในใจอู๋ซื่อจึงคับแค้นไม่พอใจ จึงมองนางปราดหนึ่งไม่ได้พูดอะไร
อู๋ซื่อเองก็เก็บอาการ แม้นางจะไม่พอใจในความลำเอียงของแม่สามี แต่กลับไม่คิดจะยั่วโมโหแม่สามี นางไม่โง่ จะทำเรื่องได้ไม่คุ้มเสียไปเพื่ออะไร เช่นนั้นคนที่ได้ผลประโยชน์ก็ยังคงเป็นหูซื่อไม่ใช่หรือ
“เสิ่นซื่อ ข้าคล้ายได้ยินบ่าวชั้นล่างบอกว่าในเรือนพวกเจ้าหามสินเดิมออกไปข้างนอกอย่างโอ่อ่าอลังการงั้นหรือ” พระชายาจิ้นอ๋องเม้มปากถามเสิ่นเวย
เสิ่นเวยกล่าว “หามสินเดิมกลับเป็นเรื่องจริง แต่จะบอกว่าโอ่อ่าอลังการกลับไม่จริง น้องสะใภ้สามในจวนยังตั้งครรภ์อยู่ ข้ากำชับให้พวกเขาเคลื่อนไหวเบาๆ แล้ว อย่ารบกวนการพักผ่อนของนายคนอื่นๆ ในจวน”
กะพริบตาปริบๆ แล้วกล่าวต่อ “เดิมก็ไม่ควรฉุกละหุกเช่นนี้ สองวันก่อนก็วางแผนจะย้ายไปจวนจวิ้นอ๋องทีละน้อยๆ แล้ว นี่ไม่ใช่เพราะน้องชายข้ามาเยี่ยมข้าจึงล่าช้าหรือ หากทำลายความสงบของพระชายา ข้าก็ขออภัย พระชายาใจกว้างเมตตาเพียงนั้น ไม่น่าคิดเล็กคิดน้อยกับสะใภ้เช่นข้าหรอกกระมัง” เสิ่นเวยเองก็โน้มตัวเช่นนั้นเหมือนกับหูซื่อ เพียงแค่พูดพอเป็นพิธี
หนึ่งประโยคทำให้ความไม่พอใจของพระชายาจิ้นอ๋องจุกอก นางกำหมัดกล่าว “จวนอ๋องดีๆ ไม่อยู่ เหตุใดถึงคิดจะย้ายออกไปเล่า พวกเจ้าอายุยังน้อย ซ้ำเพิ่งจะแต่งงาน ดูแลจวนหนึ่งจวนไหนเลยจะเป็นเรื่องง่ายเพียงนั้น ข้าไม่วางใจจริงๆ หรือว่าพวกเจ้าอยู่ในจวนอ๋องอีกสักพักหนึ่ง เจ้าเองก็จะได้เรียนรู้ดูแลจัดการงานอยู่ข้างกายข้า เมื่อเรียนรู้ได้พอประมาณแล้วก็ค่อยไป” พระชายาจิ้นอ๋องแสดงท่าทีว่าข้าล้วนแต่หวังดีกับเจ้า คิดแล้วคิดอีกก็เสริมหนึ่งประโยค “งานแต่งงานน้องสี่ของพวกเจ้าก็กำหนดแล้ว ชั่วพริบตาก็ต้องมอบของหมั้นแล้ว เจ้าอยู่ในจวนก็สามารถช่วยข้าแบ่งเบาภาระได้หน่อย”
อ้อ ที่แท้แล้วก็ไม่อยากให้พวกเขาย้ายออกไปนี่เอง บอกว่าจะสอนนางดูแลจัดการงานอะไร จิ้นพระชายาหวังดีเพียงนั้นเลยหรือ ถึงตอนนั้นนางก็จะอ้างว่าตนยังเรียนรู้ที่จะจัดการได้ไม่ดีมายืดเวลา เช่นนั้นพวกเขาจะต้องเสียเวลาอยู่ในจวนจิ้นอ๋องอีกนานเพียงใด
เสิ่นเวยกำลังจะเอ่ยปากปฏิเสธ ก็ได้ยินหูซื่อแย่งพูด “ใช่แล้ว พี่สะใภ้ใหญ่ จวนอ๋องดียิ่งนัก สารพัดเรื่องก็มีเสด็จแม่คอยจัดการ พวกเราเพียงแค่ใช้ชีวิตอย่างสบายใจก็พอแล้ว อีกทั้งพ่อแม่ไม่แยกบ้าน นี่คือหลักกตัญญู”
อ้อ หูซื่อจะบอกเป็นนัยว่านางกับสวีโย่วไม่กตัญญูงั้นหรือ กตัญญูหรือไม่ต้องให้สะใภ้บุตรคนรองเช่นนางมาพูดด้วยหรือ ดูท่าทางภูมิอกภูมิใจนั่นของนางสิ ยังคิดว่าตนมีเหตุผลอย่างยิ่ง ก็แค่คนโง่คนหนึ่งเท่านั้นเอง
เสิ่นเวยคิดเช่นนี้ อู๋ซื่อก็ยิ่งมีความเหยียดหยาม กะพริบผ่านในแววตา ทว่าตอนที่มองเสิ่นเวยกลับจริงใจหลายส่วน “หากพี่สะใภ้ใหญ่ย้ายไปจวนจวิ้นอ๋องแล้ว พวกเราพี่สะใภ้น้องสะใภ้คงจะพบหน้ากันน้อยลง เมื่อคืนเม่าเอ๋อร์ยังพร่ำบ่นว่าอยากไปเล่นกับพี่สะใภ้ใหญ่อยู่เลย” คำพูดขัดขวางการย้ายออกจากจวนอ๋องไม่ได้พูดแม้แต่ประโยคเดียว สามารถย้ายออกไปดูแลบ้านของตัวเองได้ใครบ้างจะไม่ยินดี
อีกทั้งพี่ใหญ่พี่สะใภ้ใหญ่ยังอยู่ในจวนอ๋องก็ไม่เป็นผลดีต่อนาง แม้สามีนางจะเป็นซื่อจื่อ แต่อย่างไรเสียพี่ใหญ่ก็เป็นบุตรภรรยาเอกคนโต ฐานะยังมีบรรดาศักดิ์ของจวิ้นอ๋อง เช่นนั้นการดูแลกิจในจวนอ๋องแท้จริงแล้วควรจะเป็นใคร นางจึงซาบซึ้งในความกรุณาของพี่สะใภ้ใหญ่ ไม่คิดจะหาเรื่องนาง ตอนนี้พี่ใหญ่พี่สะใภ้ใหญ่ยอมย้ายออกไปเอง จะไม่ยินดีได้อย่างไร
มีเพียงน้องสะใภ้สามคนโง่ผู้นั้น กับแม่สามีคนลำเอียงผู้นั้นที่คิดจะรั้งพี่สะใภ้ใหญ่ให้อยู่ในจวนอ๋อง
เสิ่นเวยเดาความคิดคนหลายคนออกได้เกือบหมด เม้มปากยิ้มกล่าว “ย้ายไปจวนจวิ้นอ๋องเป็นการอนุญาตจากเสด็จพ่อ อันที่จริงตามเจตนาของข้ากับคุณชายใหญ่ก็อยากอยู่ในจวนอ๋องแสดงความกตัญญูต่อหน้าเสด็จพ่อพระชายา แต่จวนผิงจวิ้นอ๋องเป็นฝ่าบาทที่พระราชทานให้ พระราชทานจวนแล้วไหนเลยจะไม่เข้าไปอยู่ได้ นี่เป็นการไม่เคารพอย่างใหญ่หลวงต่อฝ่าบาท ภัคดีกตัญญู ภัคดีกตัญญู ความภัคดียังมาก่อน คุณชายใหญ่ของพวกเราเป็นคนให้ความสำคัญกับกฎระเบียบที่สุด ทำได้เพียงขอพระชายาโปรดให้อภัย แต่ว่าพระชายาวางใจ แม้ว่าย้ายออกไปจวนจวิ้นอ๋องแล้ว ขอเพียงแค่มีเวลาว่างข้ากับคุณชายใหญ่จะกลับมาเยี่ยมท่านและเสด็จพ่อแน่นอน” เสิ่นเวยกล่าวอย่างมีเหตุมีผล
หยุดครู่หนึ่งจึงกล่าวต่อ “ส่วนงานแต่งงานของน้องสี่ไม่ใช่มีพระชายาจัดการหรอกหรือ พระชายาจัดการเรื่องในบ้านมากว่าครึ่งชีวิตแล้วเรื่องเล็กแค่นี้ไม่ใช่ยิ่งง่ายหรอกหรือ อีกอย่าง ในจวนไม่ใช่ยังมีน้องสะใภ้รองหรือ นางมีฐานะเดิมในจวนอู๋กั๋วกง ความสามารถทุกคนต่างก็ทราบดี มีนางช่วยพระชายาก็เพียงพอแล้ว”
แม้แต่ฝ่าบาทยังถูกเสิ่นเวยใช้เป็นข้ออ้าง พระชายาจิ้นอ๋องจะยังพูดอะไรได้อีก
“ช่างเถอะๆ ในเมื่อพวกเจ้าอยากย้ายออกจากจวนอ๋องเช่นนั้นก็ย้ายเถอะ ขอเพียงแค่พวกเจ้ามีความสุข ผู้อาวุโสเช่นพวกข้าเหล่านี้จะเป็นเช่นไรก็ไม่ต้องสนใจ เสิ่นซื่ออย่างไรเสียเจ้าก็ไม่เคยดูแลบ้านมาก่อน ข้าจะส่งแม่นมที่มีความสามารถหลายคนจากจวนอ๋องไปช่วยเจ้า” พระชายาจิ้นอ๋องกล่าวต่อ
ขัดขวางไม่ได้จึงเปลี่ยนเป็นยัดคนไว้ข้างกายนางแทนงั้นหรือ คนของพระชายาจิ้นอ๋องนางไม่ต้องการ ไม่ใช่ไม่กล้า แต่กลัวเป็นปัญหา จัดการขึ้นมาแล้วก็วุ่นวายอย่างยิ่งไม่ใช่หรือ นางเอาเวลาจัดการคนนั้น ไปประลองกระบวนท่ากับกองทหารเด็กในสนามฝึกยุทธ์ให้มากขึ้นไม่ดีกว่าหรือ
เสิ่นเวยยิ้มกล่าว “นี่กลับไม่ต้องรบกวนพระชายา คุณชายใหญ่บอกแล้วว่า มีแม่นมมั่วคนเดียวก็พอแล้ว คนเยอะปัญหาก็เยอะ ยุ่งยาก จวนจวิ้นอ๋องก็มีข้ากับคุณชายใหญ่เป็นนายสองคน ไม่ต้องใช้บ่าวรับใช้มากมายเพียงนั้น แม่นมข้างกายพระชายาล้วนแต่ใช้คล่องมือ ให้พวกนางอยู่ข้างกายพระชายาดีกว่า”
แผนการตักตวงผลประโยชน์ของพระชายาจิ้นอ๋องไม่สำเร็จเลยสักอย่างเดียว ชั่วขณะในใจก็ไม่พอใจขึ้นมา หน้าดำคร่ำเครียด ไม่มีรอยยิ้มเลยแม้แต่นิดเดียว กล่าวราวกับว่าเสียใจ “ก็ได้ ตามใจพวกเจ้าแล้วกัน ลูกโตแล้วย่อมไม่ต้องการพ่อ! โบราณว่าไว้ไม่มีผิด”
เสิ่นเวยขยี้ตา แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน