ตอนที่ได้ยืนอยู่นอกเรือนหลักจริงๆ บนใบหน้าของเสิ่นเวยก็มีความประหลาดใจและดีใจแวบผ่าน หอเฟิงหวา เปลี่ยนจากเรือนที่นางอยู่ในจวนจงอู่โหวเพียงแค่ตัวอักษรเดียว ไม่ต้องเข้าไป เพียงแค่ดูจากประตูเรือนที่เปิดกว้างก็มองออกแล้วว่าเรือนหลังนี้เหมือนกันกับเรือนที่นางเคยอยู่มาก่อน
นี่ก็คือความประหลาดใจที่สวีโย่วมอบให้นางหรือ เช่นนั้นนางก็ทั้งประหลาดใจทั้งดีใจจริงๆ เสิ่นเวยรู้สึกว่าในใจมีบางอย่างเพ่นพ่านไปมา ประหนึ่งอยากจะวิ่งออกมา ทะเลสาบหัวใจที่สงบนิ่งก็มีคลื่นซัดเข้ามา
เสิ่นเวยพิงศีรษะลงบนบ่าของสวีโย่ว มุมปากอมยิ้ม ดวงหน้าที่งดงามประหนึ่งดอกท้อเดือนสาม “สวีโย่ว ข้าเคยบอกท่านหรือไม่ว่าหากท่านหมดรักข้าจะเลิก”
“เคย” สวีโย่วโอบเสิ่นเวยทอดมองไปข้างหน้า ตอนที่นางพูดประโยคนี้ยังอยู่ที่ซีเจียง นางถูกเขารบเร้าจนชี้จมูกเขากล่าว ‘อย่าคิดว่ามีพระราชทานสมรสแล้วข้าจะทำอะไรท่านไม่ได้ ท่านทำตัวดีกับข้าก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าไม่ดี หึ หากท่านหมดรักข้าจะเลิก’
“เช่นนั้นวันนี้ขอเพิ่มอีกหนึ่งประโยค หากท่านไม่เลิก ข้าก็ไม่ทิ้ง” เสียงของเสิ่นเวยดังขึ้น “สวีโย่ว หากท่านไม่ทรยศข้าก่อน เช่นนั้นชั่วชีวิตนี้ข้าก็จะเดินอยู่เคียงคู่ท่าน ดีหรือไม่”
“ดี!” สวีโย่วกระชับแขนรวบเสิ่นเวยเข้ามาในอ้อมอก คำตอบของเขาแน่วแน่และมีความสุข ในที่สุดเด็กน้อยคนนี้ก็ยอมก้าวมาหาเขาอีกหนึ่งก้าวแล้ว ไม่เสียแรงที่เขาทุ่มเทความคิดมากเพียงนั้น
แม้จะย้ายเข้าจวนจวิ้นอ๋องแล้ว แต่เรื่องจุกจิกร้อยแปดพันเก้าก็ยังรอเสิ่นเวยตัดสินใจอยู่ วิธีของเสิ่นเวยง่ายดายอย่างยิ่ง เลื่อนตำแหน่งให้คนที่จัดการหลายคน โยนงานให้พวกเขา งานในชีวิตประจำวันพวกเขาตัดสินใจเองก็ได้แล้ว ตัดสินใจไม่ได้ก็มารายงานที่นาง เช่นนี้นางก็สบายมากขึ้นแล้ว
พ่อบ้านใหญ่ของจวนจวิ้นอ๋องยังคงเป็นเจี่ยงปั๋ว เรือนในก็มีแม่นมมั่วจัดการโดยรวม องครักษ์ในจวนมีโอวหยางไน่นำ ในขณะเดียวกันเขายังดูแลการฝึกซ้อมของกองทหารเด็กให้เหมาะสมอีกด้วย ทหารลับก็มีเสิ่นเวยดูแลด้วยตนเอง เดิมทีก่อนออกเรือนนางก็อยากคืนทหารลับให้ปู่นาง บุตรสาวที่ยังไม่ออกเรือนยังพาทหารลับบ้านฝั่งมารดามาแสดงอำนาจ ทว่านายท่านผู้เฒ่าโหวปฏิเสธ บอกว่าให้นางแล้วก็เป็นของนาง คิดเสียว่าเป็นการเพิ่มสินเดิมให้นาง
เสิ่นเวยอดตกใจไม่ได้ ท่านปู่ใจกว้างเกินไปน่ารักเกินไปแล้วหรือไม่ ราคาของทหารลับกลุ่มนี้แพงกว่าทรัพย์สินส่วนตัวที่ท่านปู่ให้นางเสียอีก เดิมถือคติว่ามีผลประโยชน์แต่ไม่รับเป็นคนโง่ เสิ่นเวยจึงรับไว้ด้วยความถ่อมตนอย่างยิ่ง
สำหรับการจัดเตรียมที่ให้อาจารย์ซู ก็คือไม่มีการจัดเตรียม อาจารย์ซูนับได้ว่าเป็นกึ่งอาจารย์ของเสิ่นเวย ทั้งยังเป็นนายทหารผู้ช่วยที่มีมันสมองของนาง อ้อ ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในหมู่บ้านตระกูลเสิ่นเขายังรับหน้าที่เป็นพ่อบ้านชั่วขณะหนึ่ง เนื่องจากความสามารถที่หลากหลายของอาจารย์ซู เสิ่นเวยจึงให้เงินเดือนและตำแหน่งที่อยู่เหนือข้อยกเว้นแก่เขา ดูเหมือนไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น แต่ขอเพียงแค่เป็นเรื่องที่เจี่ยงปั๋วแม่นมมั่วโอวหยางไน่ตัดสินใจไม่ได้ก็สามารถไปปรึกษาอาจารย์ซูได้
จ้าวเฉิงซวี่ได้พยานแล้วก็ส่งหนังสือจับตัวทันที จะว่าไปแล้วฉินมู่หรานเด็กคนนั้นก็ซวยจริงๆ หากเขาอยู่ในจวนเสนาบดีเงียบๆ เจ้าหน้าที่ศาลต้าหลี่จะจับตัวเขาก็ไม่ง่ายจริงๆ แต่เขาดันวิ่งไปพนันไก่ชนบนถนน บังเอิญถูกเจ้าหน้าที่ที่ผ่านทางมาเห็นเข้าพอดี คราวนี้ก็ง่ายแล้ว แม้แต่จวนเสนาบดีก็ไม่ต้องไป เข้าไปหิ้วคนกลับมาได้ทันที
ฉินมู่หรานถูกส่งไปยังคุกแล้วจวนเสนาบดีเพิ่งจะได้ข่าว นายหญิงผู้เฒ่าตระกูลฉินร้องไห้ฟูมฟายปาดน้ำมูกน้ำตาดึงท่านเสนาบดีฉินให้เขารีบไปช่วยคน
“หลานรักข้า คราวนี้ต้องโทษใหญ่แล้ว ผู้แซ่จ้าวสมควรตายต้องไม่ตายดี เหตุใดฟ้าถึงไม่ผ่าเขาตายเล่า” นายหญิงผู้เฒ่าตระกูลฉินสาปแช่ง จากนั้นก็ชี้ท่านเสนาบดีฉินตำหนิ “เหล่าต้า มีพ่อเช่นเจ้าด้วยหรือ ลูกเข้าคุกไปแล้วเจ้ายังมีอารมณ์มาอ่านหนังสือ เจ้าใช่จะยั่วโมโหแม่ให้ตายหรือไม่”
ต่งซื่อเองก็ใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตา “นายท่าน ท่านรีบหาวิธีช่วยหรานเอ๋อร์ออกมาเถอะ ตั้งแต่เล็กเขาก็ไม่เคยทุกข์ยากเช่นนี้มาก่อน นี่จะดีได้อย่างไร! นายท่าน ท่านรีบคิดหาวิธีเถอะ”
“อย่าให้หลานรักข้านอนในคุกทั้งคืน ฟังว่าสถานที่นั้นสกปรกอย่างยิ่ง เหล่าต้า เจ้าไม่ใช่ท่านเสนาบดีหรือไร ขุนนางแซ่จ้าวผู้นั้นต่ำกว่าเจ้า ต้องฟังเจ้า ตอนนี้เจ้าไปพาหลานรักข้ากลับมาเถิด หากพากลับมาไม่ได้ เจ้าก็รอเก็บศพแม่เจ้าได้เลย หลานผู้น่าสงสารของข้า!” นายหญิงผู้เฒ่าตระกูลฉินใช้ไม้เท้าในมือกระทุ้งพื้นไม่ยอมเลิกรา
ท่านเสนาบดีฉินเองก็โมโหอย่างยิ่ง ต่อให้ลูกเขาจะชั่วช้า เจ้าจ้าวเฉิงซวี่ไม่พูดสักคำก็จับคนไปแล้ว นี่ไม่ใช่เป็นการดูถูกจวนเสนาบดีดูถูกท่านเสนาบดีเช่นเขาหรอกหรือ
“เสด็จแม่วางใจ หรานเอ๋อร์จะต้องไม่เป็นไร ข้าให้พ่อบ้านวิ่งไปศาลต้าหลี่เที่ยวหนึ่งแล้ว ดูว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น” ท่านเสนาบดีฉินพยุงนายหญิงผู้เฒ่าตระกูลฉิน พยายามโน้มน้าว หันหน้ากล่าวกับต่งซื่อต่อ “เจ้าก็ดูแลท่าแม่กลับเรือนไปพักผ่อน ท่านแม่อายุมากแล้ว เจ้าก็อย่าสร้างปัญหาเพิ่ม”
ทว่านายหญิงผู้เฒ่าตระกูลฉินกลับดื้อรั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมไป “ข้าไม่ไป ข้าจะอยู่ที่นี่รอหลานรักข้ากลับมา เจ้าจะว่าภรรยาเจ้าทำไม เจ้ารีบให้พ่อบ้านไปพาหลานรักข้ากลับมาเถอะ”
ท่านเสนาบดีฉินเสียแรงไปมากอย่างยิ่งกว่าจะสงบอารมณ์มารดาของเขาได้ รับปากนางว่าหรานเอ๋อร์กลับมาจะส่งไปตรงหน้านางทันที นายหญิงผู้เฒ่าตระกูลฉินจึงกลับเรือนในอย่างไม่ยินดี
เมื่อนายหญิงผู้เฒ่าตระกูลฉินไปแล้ว ท่านเสนาบดีฉินก็ปรึกษากับนายทหารผู้ช่วย “อาจารย์เริ่นคิดเห็นอย่างไร”
เริ่นหงซูใคร่ครวญครู่หนึ่งจึงกล่าว “ท่านเสนาบดี เรื่องนี้แปลกเล็กน้อย จ้าวเฉิงซวี่คนผู้นั้นเป็นคนรอบคอบที่สุด หากในมือไม่มีหลักฐานก็ไม่กล้าเสี่ยงอันตรายจับตัวคน ตอนนี้พวกเขาจับคุณชายเล็กเข้าคุก เกรงว่าในมือจะกุมหลักฐานอะไรอยู่”
ดวงตาท่านเสนาบดีฉินกะพริบวาบ กล่าว “เจ้าจะบอกว่าศาลต้าหลี่หาแม่นางผู้นั้นเจอแล้วหรือ”
เริ่นหงซูกล่าว “เป็นไปได้ แต่ก็เป็นไปได้ว่าจะเป็นหลักฐานอื่นเช่นกัน”
ท่านเสนาบดีฉินคิดแล้วจึงกล่าว “จะเป็นอะไรได้ ชาวบ้านไม่กี่คนนั้นก็ส่งคนไปดูแล้ว พวกเขาไม่กล้าออกมาพูดจาเหลวไหล” ยังจะมีจุดสะเพร่าอะไรอีกที่เขานึกไม่ถึง
เริ่นหงซูส่ายหน้า กล่าว “รอดูเถิด รอคุณชายเล็กกลับมาก็รู้แล้ว”
น่าเสียดายที่พวกเขาไม่สามารถรอฉินมู่หรานกลับมาได้ มีเพียงพ่อบ้านที่วิ่งเหงื่อท่วมหัวกลับมาคนเดียว ร้องห่มร้องไห้กล่าว “ท่านเสนาบดี อาจารย์เริ่น แย่แล้ว เด็กรับใช้ข้างกายคุณชายเล็กมีคนทรยศ เขาเป็นพยานว่าคุณชายเล็กฉุดแม่นางตระกูลจาง ศาลต้าหลี่ไม่ปล่อยคนขอรับ”
“อะไรนะ ทรยศงั้นหรือ คนไหนกัน” สีหน้าของท่านเสนาบดีฉินย่ำแย่อย่างถึงที่สุด
พ่อบ้านปาดเหงื่อบนหน้าผาก “เอ้อร์หนิวจื่อขอรับ” เขากล่าวอย่างหวาดกลัวเล็กน้อย เด็กรับใช้คนสนิทข้างกายคุณชายเล็กส่วนใหญ่ล้วนเป็นเขาที่จัดคนเข้าไป เขากลัวท่านเสนาบดีจะไต่ถามความรับผิดชอบ!
“เอ้อร์หนิวจื่อคือคนไหน เกิดในบ้านหรือไม่ ครอบครัวของเขาเล่า พ่อแม่เล่า” ท่านเสนาบดีฉินกล่าวถาม
สีหน้าของพ่อบ้านซีดหมดแล้ว กล่าวอย่างตะกุกตะกัก “เรียนท่านเสนาบดี เอ้อร์หนิวจื่อเกิดในบ้านขอรับ แต่ครอบครัวเขาไม่มีใครแล้ว”
“เหตุใดถึงไม่มีใครเล่า” ท่านเสนาบดีฉินขมวดคิ้วขึ้นเสียงสูง
พ่อบ้านรวบรวมความกล้าตอบ “เรียนท่านเสนาบดีฉิน บิดาของเอ้อร์หนิวจื่อเดิมทำงานที่โรงม้าในจวน มีฝีมือเลี้ยงม้า แต่ติดนิสัยชอบดื่มสุรา ฤดูหนาวปีหนึ่งเขาดื่มสุราเยอะไปตกลงไปในแม่น้ำจมน้ำตาย ปีนั้นเอ้อร์หนิวจื่อเพิ่งจะอายุได้สองขวบ แม่เขาทำงานอยู่ในฝ่ายเย็บผ้า สามปีก่อนเสียชีวิตแล้ว เดิมเขายังมีพี่สาวอยู่หนึ่งคน สองเดือนก่อนคลอดยาก ปกป้องไม่ได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ครอบครัวเขาเป็นครอบครัวเดี่ยว ลุงน้าไม่มีสักคน ตอนนี้ทั้งตระกูลเขาเหลือเขาเพียงคนเดียว”
เสียงของพ่อบ้านยิ่งพูดก็ยิ่งต่ำ ท้ายที่สุดก็กัดฟันถือโอกาสรายงานด้วยตัวเอง “ท่านเสนาบดี เอ้อร์หนิวจื่อผู้นั้นเป็นคนที่บ่าวส่งไปอยู่ข้างกายคุณชายเล็ก บ่าวเห็นเขาเป็นคนปราดเปรียว ใครจะรู้ว่าเขาจะเนรคุณ เป็นความผิดของบ่าวเอง บ่าวรู้จักคนไม่ดีพอ ท่านลงโทษบ่าวเถิด” เขาคุกเข่าลงบนพื้นเสียงดังโครม
เอ็อร์เหนียงจื่อกลับเป็นคนปราดเปรียวจริงๆ เพราะว่าพ่อเขาตายเร็ว แม่เขาเลี้ยงลูกสองคนเพียงคนเดียว ซ้ำยังต้องทำงาน ยากจะเลี่ยงไม่ให้มองข้ามการสั่งสอนเขา ตั้งแต่เล็กเขาก็บ่มเพาะนิสัยอันธพาลแล้ว กินดื่มเที่ยวเล่นกลับเชี่ยวชาญ ไม่รู้เหมือนกันว่าเส้นประสาทเส้นไหนของเขาผิดปกติ คาดไม่ถึงว่าถือกับข้าวหิ้วสุราเดินมาหาเขา ขอทำงานข้างกายคุณชายเล็ก
แม้ว่าพ่อบ้านจะไม่กลัวเอ้อร์หนิวจื่อ แต่กลับไม่อยากผิดใจเขา ตอนนั้นเขาคิด คุณชายเล็กเป็นคนชอบเที่ยว เอ้อร์หนิวจื่อก็ชอบเที่ยว ไม่แน่ว่าเอ้อร์หนิวจื่ออาจจะเข้าตาคุณชายเล็กก็ได้ คนเช่นเขาก็จะมีเกียรติมิใช่หรือ นี่เองก็เป็นน้ำใจอย่างหนึ่ง! ด้วยเหตุนี้เขาจึงลงมือช่วย
เป็นดังคาดไม่นานนักเอ้อร์หนิวจื่อก็เข้าตาคุณชายเล็ก กลายเป็นคนสนิทอันดับหนึ่งข้างกายคุณชายเล็กอย่างสมบูรณ์ พ่อบ้านก็ได้ผลประโยชน์ไปไม่น้อย แต่ใครจะรู้ว่าเอ้อร์หนิวจื่อผู้นี้จะทรยศนายเล่า
ท่านเสนาบดีฉินมองพ่อบ้านที่คุกเข่าอยู่บนพื้น ในดวงตามีบางอย่างแวบผ่านอย่างรวดเร็ว พูดเพียงหนึ่งประโยค “ลุกขึ้นเถิด คราวหน้าก็ระวังหน่อย” เรื่องก็เกิดขึ้นแล้ว ตำหนิพ่อบ้านอีกก็ไม่มีประโยชน์ ยิ่งไปกว่านั้นพ่อบ้านก็เพียงแค่ตรวจสอบบกพร่องเท่านั้น
“ขอบคุณท่านเสนาบดี ขอบคุณท่านเสนาบดีที่เมตตา บ่าวจะจำไว้” พ่อบ้านดีใจใหญ่ ลุกขึ้นจากพื้นช้าๆ มายืนข้างๆ มีความรู้สึกรอดตายชนิดหนึ่ง
“ท่านเสนาบดี เรื่องนี้ยุ่งยากเล็กน้อย” เริ่นหงซูขมวดคิ้วมุ่น หากเป็นพยานอื่นยังดี พยานคนนี้ดันเป็นคนข้างกายคุณชายเล็ก รู้เรื่องของคุณชายเล็กดีเป็นพิเศษ หากเขารับสารภาพอะไรออกมาจะไม่เป็นผลดีต่อคุณชายเล็กอย่างยิ่ง
“ก็แค่บ่าวคนหนึ่ง” ท่านเสนาบดีฉินแค่นเสียงหนึ่งครา เสือไม่แสดงอำนาจก็คิดว่าข้าเป็นแมวป่วยเสียแล้ว “สั่งคนนำข่าวไปให้เอ้อร์หนิวจื่อผู้นั้น ให้เขาแก้ปากคำ ยังมี เตรียมคุกเดี่ยวให้หรานเอ๋อร์ สั่งอาหารจากเหลาสุราส่งเข้าไป” เขาจะทำให้จ้าวเฉิงซวี่คนชั่วผู้นั้นรู้ว่าจับลูกเขาเข้าไปเช่นไร ก็ต้องส่งออกมาอย่างเคารพนบนอบเช่นนั้น ให้เกียรติไม่เอาเกียรติ คิดว่าจวนเสนาบดีฉินของเขารังแกง่ายหรือไร