ไม่รู้เหมือนกันว่าเสิ่นเสวี่ยพูดอะไรกับเหล่าไท่จวิน หู่พั่วสาวใช้ใหญ่ข้างกายเหล่าไท่จวินก็มาที่เรืองเฟิงหวา บอกว่าเหล่าไท่จวินขอพบฉาฮวา
เถาจือกับเหอฮวาที่อยู่เฝ้าเรือนก็ตกใจ เหล่าไท่จวินรู้จักฉาฮวาเด็กคนนี้ได้อย่างไร นางอยากพบฉาฮวาทำไม ในใจทั้งสองไม่สบายใจอย่างถึงที่สุด
“พี่หู่พั่ว ฉาฮวาเป็นเพียงแค่เด็กแปดขวบคนหนึ่ง เหล่าไท่จวินมีอะไรหรือ” เถาจือจับมือของหู่พั่วไต่ถาม
ทว่าหู่พั่วกลับไม่หลุดปากแม้แต่คำเดียว เพียงแค่ยิ้มน้อยๆ “ความคิดของนายท่าน บ่าวเช่นพวกเราไหนเลยจะรู้ได้ ไปแล้วก็รู้เองมิใช่หรือ ฉาฮวาเล่า เหล่าไท่จวินยังรออยู่เลย”
เถาจือกับเหอฮวาหมดหนทาง ทำได้เพียงเรียกฉาฮวามา ฉาฮวาเองก็ตกใจทั้งใบหน้า ตั้งแต่ที่เข้ามาในจวนโหว นางก็ออกจากเรือนน้อยอย่างยิ่งมาโดยตลอด เหล่าไท่จวินรู้จักนางได้อย่างไร อย่างไรเสียนางก็ยังอายุน้อย คุณหนูกับเถาฮวาก็ไม่อยู่ทั้งคู่ นางหวาดกลัวขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“ฉาฮวา ไม่เป็นไร เหล่าไท่จวินเพียงแค่อยากพบเจ้า เหล่าไท่จวินเมตตา เจ้าอย่าได้กลัวไป” เหอฮวาจับมือของฉาฮวาเพื่อปลอบ จากนั้นจึงหันหน้ายิ้มกล่าวกับหู่พั่ว “พี่หู่พั่ว ฉาฮวาขี้กลัว ให้ข้าไปเป็นเพื่อนนางด้วยเถอะ หากเหล่าไท่จวินถาม ฉาฮวาตอบไม่หมดข้าจะได้ช่วยเพิ่มเติมเล็กๆ น้อยๆ”
หู่พั่วลูบกระเป๋าเงินใบเล็กที่ส่งเข้ามาใต้แขนเสื้อ คิดครู่หนึ่งก็รู้สึกว่าไม่น่าเป็นอะไรจึงตอบรับ “เช่นนั้นก็ไปด้วยกันเถอะ”
“ขอบคุณพี่หู่พั่วยิ่งนัก พี่หู่พั่วจิตใจดีจริงๆ” เหอฮวาถอนหายใจอย่างผ่อนคลาย พูดจาดีไม่สู้เงินที่โยนออกไป
หลังเหอฮวากับฉาฮวาไปแล้ว เถาจือก็ไปหาคุณชายห้านอกเรือนทันที แม้ว่านางจะไม่รู้ว่าเหล่าไท่จวินจะมีเจตนาใด แต่เมื่อครู่เหอฮวาก็บอกเป็นนัยกับนางแล้ว นางรู้สึกว่าเรื่องนี้จะต้องมีเรื่องที่นางไม่รู้แน่นอน ตั้งแต่เข้าเรือนเฟิงหวามานางก็สังเกตเห็นบางอย่างได้เล็กน้อย ฉาฮวาเด็กคนนั้นแม้ว่าจะเป็นเด็ก แต่คนทุกระดับชั้นในเรือนเฟิงหงวาก็ไม่มีใครเรียกใช้งานนางเลย ซ้ำคุณหนูยังสอนหนังสือนางด้วยตัวเองอีกด้วย
ตลอดทางเด็กสาวทั้งสองต่างก็ไม่สบายใจอย่างยิ่ง เหอฮวายังดีหน่อย แต่ฉาฮวากลับตกใจจนเดินไม่เป็นแล้ว ยังคงเป็นเหอฮวาที่ปลอบไม่หยุดนางจึงดีขึ้นเล็กน้อย
“บ่าวถวายความเคารพเหล่าไท่จวินเจ้าค่ะ” เหอฮวากับฉาฮวาทำความเคารพอย่างนบนอบ
เหล่าไท่จวินส่งแก้วชาให้สาวใช้ข้างกายช้าๆ กล่าว “ลุกขึ้นเถอะ” นางมองประเมินสาวใช้สองคนนี้ข้างล่าง คนหนึ่งโตกว่าหน่อย ท่าทางอายุสิบสี่สิบห้าปี หน้าตาสะสวย อีกคนหนึ่งอายุเพียงแปดเก้าปี ใบหน้าเล็กๆ นั้นราวกับภาพวาด เมื่อมองดูก็รู้ว่าภายหน้าจะต้องเป็นหญิงงาม มิน่าเล่าเสิ่นเสวี่ยถึงถูกใจ
“คนไหนคือฉาฮวา” เหล่าไท่จวินกล่าวถาม
ฉาฮวารีบก้าวไปข้างหน้าเล็กๆ หนึ่งก้าว “บ่าว…เจ้าค่ะเหล่าไท่จวิน บ่าว…บ่าวคือฉาฮวา” ในเสียงของนางมีความสั่นเครือ เห็นได้ชัดว่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง
เหล่าไท่จวินพยักหน้า “เป็นเด็กซื่อสัตย์ดี” ขี้กลัวก็ดีแล้ว จะได้จัดการง่ายมิใช่หรือ ครั้งนี้เสวี่ยเจี่ยเอ๋อร์กลับตาดีนัก
ศีรษะของฉาฮวาก้มต่ำยิ่งกว่าเดิม ใกล้จะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว
“เจ้าเป็นเด็กดี พรุ่งนี้ก็ไปรับใช้ที่เรือนเพียวเสวี่ยของคุณหนูห้าเสีย คุณหนูห้าใกล้จะออกเรือนแล้ว คนไม่พอ นางถูกใจอยากให้เจ้าเป็นสาวใช้ตามนายออกเรือน นี่เป็นวาสนาของเจ้า เจ้าคงจะยินดีใช่หรือไม่” เหล่าไท่จวินกล่าวอย่างเฉื่อยชา
ปากก็ถาม แต่เจตนานั้นกลับไม่ยอมให้ปฏิเสธ
ไปรับใช้คุณหนูห้าหรือ นางไม่เอาหรอก สีหน้าฉาฮวาหวาดกลัวจนขาวซีดแล้ว “เหล่าไท่จวิน ข้า เอ่อไม่ บ่าว…บ่าว…คุณหนูของพวกเรา” นางรีบร้อนจนพูดไม่ออกแล้ว
นางไม่อยากไปเรือนของคุณหนูห้า ยิ่งไม่อยากไปเป็นสาวใช้ตามนายออกเรือนอะไรนั่น ทุกระดับชั้นทั่วทั้งจวนมีใครที่ยังไม่รู้บ้างว่าคุณหนูห้ากับคุณหนูของพวกนางไม่ลงรอยกัน ตอนที่ท่านพี่ไปก็บอกให้นางรักษาตัวอยู่ข้างกายคุณหนู เขาจะกลับมารับนาง นางไม่อยากจากคุณหนู นางยังต้องรอพี่ชายนาง
เหอฮวาเองก็ตกใจ เพิ่งจะเข้าใจว่าเหตุใดคุณหนูห้าถึงอยู่ด้วย คุณหนูห้าหมายความว่าอย่างไร ฉวยโอกาสตอนที่คุณหนูไม่อยู่แย่งชิงคนของคุณหนูงั้นหรือ แต่จะเป็นฉาฮวาไม่ได้ ฉาฮวาไม่เหมือนพวกนาง ฉาฮวาไม่ใช่บ่าวไพร่อย่างสิ้นเชิง คุณหนูเลี้ยงนางเหมือนกับน้องสาว
“คงไม่ใช่ว่าเจ้าไม่ยินดีหรอกนะ” เหล่าไท่จวินก้มหน้าลง
คราวนี้ฉาฮวาตกใจจนจะร้องแล้วจริงๆ ทำอย่างไรดี คุณหนูไม่อยู่ ใครก็ได้มาช่วยนางที
เหอฮวารีบกล่าว “เหล่าไท่จวิน ใช่เข้าใจผิดหรือไม่เจ้าคะ ฉาฮวาอายุยังน้อย กฎระเบียบก็ยังศึกษาไม่ครบ ทำอะไรก็ไม่ค่อยเป็น ไหนเลยจะแบ่งเบาภาระคุณหนูห้าได้”
“บังอาจ! เจตจำนงของนาย บ่าวเช่นเจ้าคิดแทนได้หรือ นี่เป็นกฎของเรือนเฟิงหวาหรือ” เสิ่นเสวี่ยกล่าว “ท่านย่า ข้าถูกใจเด็กคนนี้” นางออดอ้อนเหล่าไท่จวินต่อ
ตั้งแต่ที่เห็นฉาฮวาเด็กคนนี้ในใจนางก็ตัดสินใจแล้ว นางไม่อยากแต่งอนุภรรยาให้พี่จิ่นอวี้ ดังนั้นฉาฮวาเป็นบ่าวตามนายออกเรือนดีที่สุด นางสวย ที่สำคัญก็คือนางอายุยังน้อย แม้จะยกนางให้พี่จิ่นอวี้ นางเองก็ต้องรออีกหลายปีกว่าจะรับใช้ได้ ถึงตอนนั้นตนก็มั่นคงนานแล้ว จัดการเด็กสาวก็ยังเป็นเรื่องง่ายดายมิใช่หรือ
อีกทั้งสาวใช้คนนี้ยังเป็นคนของเรือนเฟิงหวา นางก็ยิ่งอยากได้นาง นางอยากเห็นสีหน้าเดือดดาลนั้นของเสิ่นเวย
เหอฮวาหวาดกลัวอย่างยิ่ง แต่กลับพยายามสงบไว้ “เหล่าไท่จวิน คุณหนูห้า เรื่องนี้คุณหนูของข้าทราบหรือไม่ ตอนที่คุณหนูไปขอพรให้ท่านเสิ่นโหวที่วัดต้าเจวี๋ยก็ยกเรือนเฟิงหวาให้บ่าวดูแล หากคุณหนูกลับมาแล้วเห็นว่าฉาฮวาไม่อยู่ จะตีบ่าวตายได้ เหล่าไท่จวินได้โปรดเห็นใจ มอบทางรอดให้บ่าวด้วยเถิดเจ้าค่ะ” เหอฮวาคุกเข่าลงโขกศีรษะอย่างน่าสงสาร
ฉาฮวาเองก็คุกเข่าร้องขอ “บ่าวเป็นคนของคุณหนู บ่าวไม่แยกจากคุณหนู” นางทำได้เพียงพูดสองประโยคนี้ซ้ำไปซ้ำมา
เหล่าไท่จวินได้ยินสาวใช้สองคนนี้เอ่ยถึงหลานสาวหาญกล้าผู้นั้นแล้ว คิ้วก็ขมวดมุ่น ด้วยนิสัยชอบก่อกรรมเช่นนั้นก็คงจะกล้าทำเรื่องแบบนั้นจริงๆ แต่เป็นแค่สาวใช้คนหนึ่ง คงไม่จำเป็นต้องสร้างบาปถึงเพียงนั้นหรอกกระมัง
นางมองเสิ่นเสวี่ย เจตนานั้นชัดเจนอย่างยิ่ง ในเมื่อไม่ยินดีก็ช่างเถอะ คนที่สามารถเลือกได้ในจวน ไม่ได้มีแค่นางเพียงคนเดียวเสียหน่อย
ทว่าเสิ่นเสวี่ยกลับไม่ยอม นางลุกพรวดขึ้นมา ยิ้มเยาะกล่าว “ทำไมเล่า มีแต่คุณหนูพวกเจ้าเป็นนาย แล้วข้าไม่ใช่หรือไร แม้แต่เหล่าไท่จวินยังเรียกใช้บ่าวเพียงคนเดียวไม่ได้งั้นหรือ หากเรื่องแพร่ออกไปคงขายหน้าคนตายชัก”
ดูสิ นี่มันใส่สีตีไข่ชัดๆ เหล่าไท่จวินฟังแล้ว ในใจก็ไม่สบายใจ นางเป็นผู้อาวุโสที่ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ของจวนโหว เรื่องใดในจวนบ้างที่นางไม่ได้เป็นใหญ่ เพียงแค่หลานสาวต้องการสาวใช้คนหนึ่ง ก็ทำไม่ได้งั้นหรือ
“เสวี่ยเจี่ยเอ๋อร์พูดถูก เพียงแค่เปลี่ยนสาวใช้ เวยเจี่ยเอ๋อร์จะอกตัญญูต่อข้าเชียวหรือ” เหล่าไท่จวินกล่าว “ไม่ต้องรอถึงพรุ่งนี้แล้ว ตอนนี้เจ้าตามคุณหนูห้าไปเถอะ”
หัวใจของเหอฮวาดิ่งลง แม้ว่านางจะเป็นบ่าว คัดค้านเหล่าไท่จวินไม่ได้ แต่นางก็ไม่อาจปล่อยให้ฉาฮวาตามคุณหนูไปได้จริงๆ “เหล่าไท่จวิน ไม่ใช่พวกบ่าวเสียมารยาท คุณหนูห้าอยากได้ฉาฮวาเองก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ แต่ก็ต้องให้คุณหนูของพวกเรายินยอมด้วยนะเจ้าคะ”
“หุบปาก ไหนเลยจะมีที่ให้บ่าวเช่นเจ้าพูด ยังไม่ลากออกไปตบหน้าอีก” เสิ่นเสวี่ยตะโกนดัง
ทันใดนั้นก็มีหญิงรับใช้ชราเข้ามาจะลากตัวเหอฮวาไป ในตอนนี้เองเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “ช้าก่อน” แม่นมเฉินพูดแล้ว “คุณหนูห้าอย่าเพิ่งใจร้อน ที่เด็กคนนี้พูดก็ไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านต้องการเด็กรับใช้ของคุณหนู ก็ต้องให้เจ้านายอนุญาตก่อนมิใช่หรือ” เจ้านายไม่อนุญาต เช่นนั้นก็ถือเป็นการแย่งชิง
เสิ่นเสวี่ยถูกฉีกหน้าก็อับอายจนพาลโมโห “เรื่องของนายบ่าวเช่นเจ้าสอดปากเข้ามาทำไม” จากนั้นก็ตะโกนเรียกซ้ายขวา “ยังไม่รีบตบปากอีก ไม่ได้ยินเจ้านายสั่งหรือไร”
แม่นมเร่งรีบเข้ามาลากเหอฮวากำลังจะง้างมือขึ้น จู่ๆ ก็รู้สึกว่าแขนเจ็บแปลบ มือร่วงลงไปทันที
“ใครมันกล้าบังอาจ ขอข้าดูหน่อยสิว่าใครบังอาจตบสาวใช้ท่านพี่ข้า” คุณชายห้าเสิ่นเจวี๋ยวิ่งเข้ามา ของที่ฟาดใส่แม่นมผู้นั้นคือจี้หยกหนึ่งชิ้นบนเอวเขา ตอนนี้หยกชิ้นนั้นกำลังร่วงลงบนพื้น