วันที่เจ็ด กองทัพใหญ่ซีเหลียงโจมตีเมืองอีกครั้ง
ทหารชายแดนต้ายงยิงธนูไฟออกไป กองทัพใหญ่ซีเหลียงมีแผนการรับมือแล้ว พวกเขาใช้โล่กำบัง หลังจากนั้นทหารซีเหลียงก็ยกตะกร้าดินดับไฟ
กองทัพใหญ่ต้ายงเห็นว่าธนูไฟหมดประโยชน์แล้ว ก็เปลี่ยนมาใช้ลูกธนูธรรมดาทันที แต่กำลังคนในกองทัพใหญ่ซีเหลียงก็มีโล่คนละอัน นอกจากจะเป็นเทพนักธนูแล้ว ก็ยากอย่างยิ่งที่จะทำให้ทหาร
ซีเหลียงได้รับบาดเจ็บได้
ทหารซีเหลียงวิ่งเข้ามาล่างกำแพงเมือง ปีนขึ้นบันไดสูงอย่างไม่รีบร้อน จุดไฟเผากำแพงเมืองก่อน เมื่อน้ำแข็งบนกำแพงเมืองละลายแล้วจึงค่อยปีนบันได
ทหารซีเหลียงบนบันไดสูงติดอาวุธพร้อม ร่างสวมเกราะ ศีรษะสวมหมวกเกราะ แม้แต่มือยังติดอาวุธ ด้วยเหตุนี้น้ำมันร้อนก็ใช้ไม่ได้ผลเช่นกัน
ทหารชายแดนต้ายงบนกำแพงเมืองเห็นท่าไม่ดี ทั้งหมดเข้าสู่สถานะเตรียมรบขั้นสูงสุด ปิดจมูกปิดมือธนูหยิบถุงยาที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ยิงออกไปทีละอันๆ
ถุงยากระจายออกกลางอากาศ ผงข้างในลอยตามสายลมไปทั่วสารทิศ ทหารซีเหลียงที่สูดดมยังไม่ทันเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นขาก็ล้มพับลงบนพื้นแล้ว
หนึ่งคน สองคน แปดคน สิบคน ร้อยคน…ทหารซีเหลียงทยอยล้มลงไปเป็นวงกว้าง
ทหารซีเหลียงที่ยังยืนอยู่ก็หวาดกลัว ชูดาบแต่ไม่กล้าพุ่งไปข้างหน้า ตะโกนด้วยความตื่นตระหนกไม่ขาดสาย “มนต์ดำ มนต์ดำ กองทัพต้ามีมนต์ดำ”
องค์ชายใหญ่ซีเหลียงในรถศึกเห็นท่าไม่ดี ขวัญกำลังทหารแตกสลายจะยังสู้รบต่อไปได้อย่างไร รีบส่งสัญญาณถอยทัพเถอะ
ซีเหลียงถอยทัพเช่นนี้ ทว่าฝั่งต้ายงกลับเปิดประตูเมือง ทหารสวมหน้ากากหนึ่งกลุ่มก็ไม่ไล่ตาม ตั้งใจแทงซ้ำทหารซีเหลียงบนพื้น ก่อนหน้านี้ทหารซีเหลียงที่ล้มลงเพียงแค่หมดสติ ยังไม่ตาย ฉวยโอกาสตอนที่ฤทธิ์ยายังอยู่ รีบฆ่าให้หมดเสีย มิเช่นนั้นจะเสียยาสลบไปเปล่ามิใช่หรือ
สู้กันไปมาเช่นนี้ ทหารชายแดนต้ายงไม่เสียเปรียบ กองทัพใหญ่ซีเหลียงเองก็เอาเปรียบไม่ได้ องค์ชายใหญ่ซีเหลียงเห็นว่าแผนถ่วงเวลาก่อนหน้านี้ไม่มีประโยชน์แล้ว ก็เปลี่ยนยุทธศาสตร์ทันที
การโจมตีเมืองครั้งที่หกต่อเนื่องมาเป็นเวลาสองวันหนึ่งคืนแล้ว ทหารซีเหลียงล่างกำแพงเมืองตายไปไม่รู้เท่าไหร่แล้ว บนยอดกำแพงเมืองก็ถูกโลหิตสดแปดเปื้อนเป็นสีแดงฉาน ดาบฟันจนงอ ทหารชายแดนที่บาดเจ็บล้มตายถูกหามลงไปอย่างรวดเร็ว
คนทั้งหมดต่างก็เข่นฆ่าจนตาแดงก่ำ ในใจมีเพียงความคิดเดียว ต่อให้ตาย ก็ต้องลากศัตรูไปด้วยหลายๆ คน
ประชาชนเมืองชายแดนต่างก็ลงมือด้วยตัวเอง ช่วยดูแลทหารบาดเจ็บ ทำกับข้าวให้ทหารชายแดน…แต่ละคนต่างก็ทำเรื่องที่ตนพอจะทำได้
เที่ยงคืน ท้องฟ้าไม่มีดวงดาวสักดวงเดียว ยื่นมือไปแทบจะมองไม่เห็นนิ้วทั้งห้า
เสิ่นเวยกับสวีโย่วนำคนหนึ่งพันคนออกเดินทางเงียบๆ ไม่มีม้าศึก ทั้งหมดอาศัยขาสองข้าง พวกเขาข้ามป่าเขา ข้ามผาสูง อ้อมผ่านกองทัพใหญ่ซีเหลียง แอบเข้าไปในเขตซีเหลียงเงียบๆ มุ่งตรงไปยังเมืองหลวงซีเหลียง
กระทั่งวันที่ห้า ทหารชายแดนที่คุ้มกันประตูเมืองต่างก็เป็นเหน็บชาหมดแล้ว ฉวยโอกาสตอนที่เปลี่ยนเวรเพื่อกินข้าวลวกๆ ไม่กี่คำ พิงกำแพงงีบหลับ ทุกคนล้วนมีหนวดครึ้ม สภาพจนตรอกอย่างถึงที่สุด
“ท่านปู่ ท่านให้หลานนำคนออกจากเมืองเถิด เป็นเช่นนี้ต่อไปก็มีแต่จะบาดเจ็บล้มตายมากขึ้น” เสิ่นเชียนขอเข้าร่วมศึกด้วยดวงตาแดงก่ำ มองทหารที่ถูกหามลงจากกำแพงเมืองทีละคนๆ หัวใจของเขาก็เจ็บปวด
“ใช่แล้ว ท่านปู่ ท่านให้พวกข้าไปเถอะ” หร่วนเหิงเองก็กำหมัดแน่น
หวังต้าชวนก็ตะโกนต่อ “ท่านโหว ให้เหล่าหวังไป ข้าไม่อยากฆ่าลูกสุนัขเหล่านี้แล้ว” เขาบ้วนน้ำลายอย่างแรงหนึ่งครา
ท่านเสิ่นโหวเองก็นอนไม่พอมาหลายวันแล้ว อย่างไรเสียเขาก็อายุมาก แก้มทั้งสองตอบลึก ร่างทั้งร่างดูแก่ลงอย่างถึงที่สุด สายตาของเขาปรายผ่านใบหน้าเสิ่นเชียนหร่วนเหิงหวังต้าชวน กล่าวเสียงต่ำ “พวกเจ้าสามคนนำทหารคนละห้าร้อยนายไปบุกค่าย ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ก็ห้ามรบยืดเยื้อ พาพวกเขากลับมาทั้งหมด นี่คือคำสั่ง”
เสาหลักถูกทำลาย สิ่งใดเล่าจะรอดชีวิต! หากเมืองชายแดนแตก พวกเขาทั้งหมดก็อย่าได้คิดจะมีชีวิตรอด ยังไม่สู้ปล่อยพวกเขาไปบุกฆ่าตอนนี้ อย่างไรเสียก็คลายความกดดันได้เล็กน้อย
“ช้าก่อน!” จู่ๆ มีคนตะโกน
เป็นจางสงกับเฉียนเป้า เสิ่นเวยไม่ได้พาสองคนนี้ไปด้วย “ช้าก่อนท่านโหว ให้พวกข้าสองพี่น้องนำทัพครั้งนี้ด้วยเถิด!” เห็นคุณชายใหญ่คล้ายกำลังจะคัดค้าน จางสงก็รีบกล่าว “ท่านโหว นี่คือคำสั่งของคุณชายสี่ ให้พวกข้าสองพี่น้องนำค่ายทหารเดนตายนำทัพเถิดขอรับ”
ท่านเสิ่นโหวมองทหารเดนตายที่โหดเ**้ยมดุร้ายแต่ละคนๆ ข้างหลังคนทั้งสอง จึงพลันนึกได้ว่ายังมีคนพวกนี้อยู่ หลานสาวของเขาจับโจรลักม้ากลับมาไม่น้อย โจรเ**้ยมเหล่านี้เก่งกาจกว่าทหารชายแดนเสียอีก
“ดี เช่นนั้นก็ลำบากพวกเจ้าทั้งสองแล้ว” ท่านเสิ่นโหวกล่าวอย่างดีใจ
“มิบังอาจ!” จางสงกับเฉียนเป้ากล่าวพร้อมกัน นี่คือปู่ของนายท่าน ทั้งสองไหนเลยจะกล้าทะนงตน
“หัวหน้าทั้งหลาย ถึงเวลาที่พวกเจ้าจะแสดงตัวแล้ว! คุณชายสี่ของพวกเราบอกว่า ขอเพียงแค่สู้รบอย่างห้าวหาญ ฆ่าทหารซีเหลียงได้มาก มีชีวิตรอด คุณชายสี่ก็จะปล่อยพวกเจ้าเป็นอิสระ สร้างคุณงามความดียิ่งใหญ่ ทั้งยังมีโอกาสเข้ากองทัพชายแดนรับราชการ หากมีใครกล้าถอยหลัง เหอะ ไม่ต้องรอให้คุณชายสี่ลงมือ เหล่าเฉียนจะจัดการเจ้าเอง ไป ออกเดินทาง!” เฉียนเป้าตะโกนใส่ค่ายทหารเดนตาย
ชื่อเสียงของเสิ่นเวยใช้ได้ผลจริงๆ คนในค่ายทหารเดนตายทั้งหมดนึกถึงฝีมือของคุณชายอายุน้อยผู้นั้นแล้ว ต่างก็หวาดกลัวขึ้นมาในใจ ซ้ำเมื่อได้ฟังว่าขอเพียงแค่ฆ่าทหารซีเหลียงให้มากก็สามารถได้รับอิสระ อีกทั้งยังรับราชการได้ เบื้องหน้าก็ปรากฏความหวังอย่างไม่รู้ตัว
พวกเขาต่างก็เป็นคนใจเ**้ยอำมหิต ไหนเลยจะกลัวทหารซีเหลียง ชั่วขณะแต่ละคนก็กระปรี้กระเปร่า ความกระหายสงครามพุ่งสูง
ประตูเมืองเปิดออกช้าๆ ทหารซีเหลียงเพิ่งจะโผเข้ามา ก็ถูกจางสงและคนอื่นๆ ที่ออกมาจากข้างในฆ่าฟันจนเกือบหมด พวกเขาฆ่าไปพลางวิ่งออกข้างนอกไปพลาง
โจรเ**้ยมอย่างไรเสียก็เป็นโจรเ**้ยม ที่ทำก็เป็นการค้าขายสังหารคน ใจอำมหิต ฝีมือก็ยิ่งอำมหิต ทั้งยังรวดเร็ว พวกเขาพลางวิ่งพลางฆ่าอยู่ท่ามกลางกองทัพใหญ่ซีเหลียง แต่ละคนคิดถึงอิสระ คิดถึงการรับราชการ แต่ละคนราวกับสัตว์ป่าที่คลุ้มคลั่ง ชูอาวุธแสยะยิ้มโผเข้าหาทหารซีเหลียง
ประโยชน์ของทหารเดนตายเกือบพันคนยังคงมากอย่างยิ่ง เพียงครึ่งชั่วยาม บนพื้นก็เกลื่อนไปด้วยทหารซีเหลียงจำนวนมาก
จางสงกับเฉียนเป้าเห็นกำลังยิงบนยอดกำแพงเมืองเบาลงไม่น้อย จึงหยุดตามสมควร พาค่ายทหารเดนตายรบไปพลางถอยไปพลาง คุณหนูบอกแล้วว่า ทหารเดนตายก็เป็นทรัพย์อันมีค่าเช่นกัน ต้องใช้อย่างทะนุถนอม ทางที่ดีควรใช้ให้ได้หลายครั้ง
ทั้งสู้ทั้งถอย เมื่อคนทั้งหมดถอยกลับไปในเมืองแล้ว นับจำนวน ค่ายทหารเดนตายมีคนได้รับบาดเจ็บ แต่กลับไม่ขาดหายแม้แต่คนเดียว กำลังสู้รบครั้งนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ มิน่าเล่านายท่านถึงยอมทุ่มเทกำลังขัดเกลาพวกเขาราวกับฝึกเหยี่ยว มิน่าเล่านายท่านถึงไปนำนักโทษประหารในคุกประหารที่เมืองใกล้เคียงมาด้วยตัวเอง
เสิ่นเวยนำคนเร่งเดินทัพตลอดทั้งวันทั้งคืน ในที่สุดก็มาถึงเมืองหลวงซีเหลียงแล้ว มีทหารลับรายงานข่าวกลับประหยัดเวลาเสิ่นเวยไปได้มากอย่างยิ่ง
นางคิดไปคิดมายังคงรู้สึกว่าฟังความคิดเห็นของสวีโย่วดีกว่า ‘ลงมือกับจวนองค์ชายรองก่อน จับองค์ชายรองไว้ในกำมือแล้วค่อยวางแผนต่อราชวัง ราชวังยังมีกองกำลังทหารอยู่หนึ่งหมื่นนาย ด้วยทหารพันคนที่นางนำมาทำได้เพียงใช้สติปัญญาคว้าชัยชนะ’
อ้อจริงสิ เสิ่นเวยพาหญิงงามในดวงใจขององค์ชายรองที่จับเชลยเมื่อครั้งก่อนมาด้วยเช่นกัน หญิงงามคนนี้อาจจะได้รับความโปรดปรานอย่างยิ่งจริงๆ เสิ่นเวยปลอมตัวเป็นสาวใช้ประคองนางเดินซวนเซเข้ามาในจวนองค์ชายรอง หน้าประตูมีคนคิดจะขวางทาง แต่ถูกหญิงงามผู้นั้นตบหน้าออกไป “ข้าไม่อยู่แค่ไม่กี่วัน พวกเจ้าเศษสวะเหล่านี้กล้าก่อกบฏหรือ คิดว่าข้าไม่กล้าบอกองค์ชายรอง โยนพวกเจ้าทั้งหมดออกไปเป็นอาหารหมาหรือ”
เหล่าคนใช้นึกได้ว่านี่คือผู้ที่ได้รับความโปรดปรานที่สุดข้างกายองค์ชายรอง ไหนเลยจะกล้าขัดขวางนาง เป็นโชคดีของเสิ่นเวย องค์ชายรองแพ้พ่ายซ้ำยังเสียสตรี ไหนเลยจะโผล่หน้าออกมา ด้วยเหตุนี้คนทุกระดับชั้นในจวนต่างก็ไม่รู้ว่าหญิงงามผู้นี้ถูกต้ายงจับเป็นเชลยแล้ว
มีหญิงงามนำทาง เสิ่นเวยย่อมจับตัวองค์ชายรองได้ง่ายอย่างยิ่ง เห็นท่าทางตกตะลึงพรึงเพริดขององค์ชายรอง เสิ่นเวยก็กระตุกมุมปาก “เอ๋ ขาเจ็บยังไม่หายดีอีกหรือ จุ๊ๆ องค์ชายรองที่เคารพ ท่านไม่เก่งเท่าพี่ชายท่านนี่นา!” เสิ่นเวยกล่าวเสียดสี
องค์ชายรองได้ยินเสิ่นเวยเอ่ยถึงองค์ชายใหญ่ ชั่วขณะสีหน้าก็แย่อย่างยิ่ง “เจ้าเป็นใคร ไม่นึกว่าจะกล้าบุกเข้ามาในจวนข้า ไม่กลัวข้า…”
คำข่มขู่ยังไม่ทันได้พูดก็ถูกเสิ่นเวยใช้มือบีบคางไว้แล้ว “ตอนนี้ท่านอยู่ในกำมือข้า ข้ามีอะไรให้ต้องกลัว องค์ชายรอง ท่านคงจะไม่ชอบพี่ชายท่านมากใช่หรือไม่ บังเอิญว่าข้าเองก็ไม่ชอบอย่างยิ่ง ไม่สู้พวกเรามาเจรจากันสักหน่อยดีหรือไม่”
องค์ชายรองเป็นคนโง่ แต่ก็ไม่ได้โง่จนไม่มีทางรักษา ดวงตาเขากะพริบวาบ แต่กลับไม่ปริปาก
ในใจเสิ่นเวยเข้าใจดี ยิ้มกล่าว “องค์ชายรอง ท่านว่าหากครั้งนี้พี่ใหญ่ท่านคว้าชัยชนะกลับมาได้ ซีเหลียงจะยังมีที่ให้ท่านยืนอีกหรือไม่ ตอนนี้ประมุขซีเหลียงคงไม่ได้ชอบท่านเหมือนเมื่อก่อนแล้วกระมัง”
สีหน้าขององค์ชายรองแย่ยิ่งกว่าเดิม เขานึกถึงคำตำหนิของเสด็จพ่อ แววตาเหยียดหยามของพี่ใหญ่และเหล่าน้องชายก็กัดฟันกรอดอย่างอดไม่ได้ ส่งสายตาที่ไม่เข้าใจไปหาเสิ่นเวย “เจ้าต้องการอะไร”
เสิ่นเวยยิ้มอีกครั้ง นางรู้ว่าองค์ชายรองจะต้องตอบตกลง “ไม่มีอะไรมาก ก็แค่ต้องการให้องค์ชายรองไปพระราชวังกับข้า ข้อตกลงแลกเปลี่ยนก็คือ องค์ชายใหญ่พี่ชายของท่านจะไม่มีทางคว้าชัยกลับมาได้อย่างราบรื่น”
ไม่ต้องสงสัย ข้อตกลงนี้ดึงดูดใจอย่างถึงที่สุด อย่างน้อยองค์ชายรองก็ติดกับ “ได้ ข้ารับปากเจ้า!” เขากัดฟันกล่าว