เรื่องการเจรจาสงบศึกเสิ่นเวยไม่ได้สนใจ เพราะยังมีปู่นางกับคนอื่นๆ อยู่ ตอนที่ยังตกลงกันไม่ได้ ประมุขซีเหลียงกับองค์ชายและขุนนางทั้งหลายย่อมไม่อาจส่งคืนพวกเขา ทั้งหมดถูกกักบริเวณไว้ในจวนโหว ส่งกองกำลังหารไปเฝ้า แม้ว่าจะไม่มีอิสระ แต่ก็ไม่ได้ถูกปฏิบัติอย่างโหดร้ายใดๆ
เรื่องใหญ่เช่นนี้ท่านเสิ่นโหวก็ไม่กล้าตัดสินใจเอง เขียนสาส์นกราบทูลแบบเปิดเผยและแบบลับสองฉบับแล้วใช้ม้าเร็วส่งเข้าเมืองหลวงถวายให้จักรพรรดิยงเซวียนอ่านด้วยตัวพระองค์เอง
จักรพรรดิยงเซวียนตบโต๊ะด้วยความดีใจ “ไม่เสียชื่อที่เป็นจงอู่โหว” ท่าทางดีใจเบิกบานเช่นนั้นทำให้ขันทีใหญ่จางเฉวียนตกใจอยู่เงียบๆ ตั้งแต่ที่จักรพรรดิขึ้นครองราชย์มาก็ไม่เคยเห็นเขาดีใจเช่นนี้มาก่อน
“จางเฉวียน เจ้ารู้หรือไม่ ซีเจียงไม่เพียงแต่ชนะ แต่ยังจับประมุขซีเหลียงและองค์ชายขุนนางชั้นผู้ใหญ่ทั้งหมดมาเป็นเชลยอีกด้วย เสิ่นผิงยวนเพิ่มเกียรติให้เราดีจริงๆ ช่างเป็นวีรบุรุษ!” รอยยิ้มบนพระพักตร์ของจักรพรรดิยงเซวียนไม่ว่าอย่างไรก็หยุดไม่อยู่แล้ว พระองค์ดีพระทัยจริงๆ! ตั้งแต่ที่ทรงขึ้นครองราชย์มา ที่นี่ไม่เกิดภัยพิบัติ ที่นั่นก็เกิดหายนะ ทำให้ทรงตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ท้องพระคลังก็ว่างเปล่าตลอดทั้งปี
ตอนนี้ในที่สุดซีเจียงก็ส่งข่าวดีมาแล้ว พระองค์จะไม่ดีใจได้อย่างไร หลังจากสงครามครั้งนี้ไป อย่างน้อยซีเจียงก็จะสงบสุขไปได้อีกสิบปี เสิ่นผิงยวนทำได้ดีจริงๆ มิน่าเล่าก่อนเสด็จพ่อเสด็จสวรรคตจึงกำชับให้เขาใช้เสิ่นผิงยวนปฏิบัติหน้าที่สำคัญ
ในใจจางเฉวียนประหลาดใจเล็กน้อย เหตุใดถึงเป็นวีรบุรุษแล้วเล่า ตามที่เขารู้ ลูกชายสามคนของจงอู่โหวไม่ได้โดดเด่นอย่างสิ้นเชิง ในกลุ่มหลานชายก็ไม่มีใครที่น่าสะดุดตา แต่จักรพรรดิกลับดีพระทัยเพียงนั้น เขาจะไม่ดีใจได้ด้วยหรือ
“ยินดีกับฝ่าบาท ยินดีกับฝ่าบาท ดูท่าแล้วครั้งนี้ฝ่าบาทต้องทุ่มเงินปูนบำเหน็จให้จงอู่โหวให้ดีๆ เสียแล้ว” ขันทีใหญ่จางเฉวียนผสมโรงอย่างยิ้มแย้ม
จักรพรรดิยงเซวียนทรงสรวลเสียงดัง “แน่นอนอยู่แล้ว” เสิ่นผิงยวนสร้างคุณปการทหารเช่นนี้จะไม่ปูนบำเหน็จได้อย่างไร นี่ไม่ใช่คนที่สร้างความหวาดกลัวให้นายทหารหรือไร นึกถึงเนื้อหาในสาส์นลับ แววตาของจักรพรรดิยงเซวียนก็กะพริบวาบ
คุณหนูเสิ่น คุณหนูสี่แซ่เสิ่น เรียกว่าเสิ่นเวยแล้วกัน ไม่คิดว่านางกับอาโย่วจะนำทหารแค่พันนายไปถล่มพระราชวังซีเหลียงได้ แม้แต่ประมุขซีเหลียงยังจับกลับมาได้ จึงทำได้ได้รับชัยชนะในสงครามครั้งนี้ สตรีวิเศษ วีรสตรี! สตรีแบบนี้สิถึงควรจะเข้าเป็นราชวงศ์ อาโย่วมีวาสนาจริงๆ
ก่อนหน้านี้ยังคิดว่าฐานะของคุณหนูสี่แซ่เสิ่นผู้นี้ต่ำต้อยเล็กน้อย แต่ตอนนี้กลับยกระดับฐานะให้นางได้แล้ว พระราชทานบรรดาศักดิ์ให้นางเป็นเสี้ยนจู่ดีหรือไม่ ต่ำไปหรือไม่ แต่นี่เป็นคุณูปการยิ่งใหญ่เกรียงไกร ให้เป็นจวิ้นจู่ดีกว่า! มีฐานะนี้แล้วแต่งงานกับอาโย่วจึงจะดูดี
คุณหนูสี่แซ่เสิ่นได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์แล้ว ย่อมไม่อาจเมินเฉยอาโย่ว อาโย่วเด็กคนนี้กลับไม่มีทำให้ตนผิดหวัง ช่วยงานไม่น้อยทั้งต่อหน้าและลับหลัง ก่อนเสด็จพ่อเสด็จสวรรคตก็ยังคงเป็นห่วงเขา สั่งให้ตนดูแลเขาให้ดี ในเมื่อเขาไม่ต้องการจวนจิ้นอ๋อง เช่นนั้นก็พระราชทานบรรดาศักดิ์ให้เขาเสีย สร้างจวนอีกแห่ง เลี่ยงไม่ให้อาศัยอยู่ด้วยกันไร้อิสระ
อันที่จริงจักรพรรดิยงเซวียนอยากพระราชทานบรรดาศักดิ์ชินอ๋องให้เขา อย่างไรเสียจักรพรรดิ
ยงเซวียนก็ปฏิบัติต่อเขาแทบไม่ต่างจากลูกแท้ๆ แต่เขาคิดแล้วก็ยังคงถอดใจ สิ่งสำคัญก็คือน้องชายที่เลอะเลือนผู้นั้นของเขาชอบทำให้คนรำคาญใจ คาดว่าถึงตอนนั้นถูกจิ้นหวังเฟยยุยงไม่กี่ประโยคจะกลายเป็นการเพิ่มปัญหาให้อาโย่วอีก พระราชทานบรรดาศักดิ์ให้เป็นจวิ้นอ๋องก่อนแล้วกัน อาโย่วมีความสามารถ จะต้องชิงบรรดาศักดิ์ชินอ๋องมาไว้ในมือได้แน่นอน
ในท้องพระโรง ทุกๆ คนต่างก็ทราบแล้วว่าซีเจียงได้รับชัยชนะยิ่งใหญ่ ท่านเสิ่นโหวจวนจงอู่โหวสร้างคุณูปการอันเป็นอมตะอีกครั้ง สายตาที่มองซื่อจื่อเสิ่นหงเหวินและเสิ่นหงเซวียนกรมพิธีการก็เต็มไปด้วยความอิจฉา สองคนนี้ก็ไม่ได้เก่งอะไรนัก แต่ช่วยไม่ได้ที่มีพ่อดี ไม่ต้องดิ้นรนด้วยตัวเองก็สามารถมีเกียรติไปได้อีกหลายสิบปี
คนทุกระดับชั้นในจวนจงอู่โหวต่างก็จมดิ่งอยู่ในความดีใจ เสียงที่คนรับใช้พูดสูงขึ้นสามส่วนอย่างไม่รู้ตัว ตอนที่ท่านเสิ่นโหวส่งสาส์นกราบทูลเข้าเมืองหลวงก็ถือโอกาสส่งจดหมายกลับบ้าน ในจดหมายสั่งไว้ว่า จวนโหวจะต้องคงความสงบเงียบ ไม่อาจจัดงานเลี้ยงเอิกเกริก ทั้งหมดต้องรอเขากลับเมืองหลวงก่อนแล้วค่อยว่ากัน
อันที่จริงคำพูดนี้ไม่ต้องสั่งเสิ่นหงเหวินสองสามีภรรยาก็รู้ว่าควรทำเช่นไร ท่านเสิ่นโหวแสดงเจตจำนงว่าไม่วางใจภรรยาอาวุโสที่เชื่อใจไม่ได้ผู้นั้นของเขา กลัวว่านางจะถูกคนประจบไม่กี่ประโยคก็ไม่รู้ฟ้าสูงดินต่ำ ยิ่งเป็นช่วงเวลานี้ยิ่งต้องระมัดระวัง หากถูกคนอื่นจับจุดอ่อนได้ก็จะแย่เอา
มีจดหมายของท่านเสิ่นโหว ฮูหยินสวี่ก็กำชับบ่าวรับใช้ในจวน ปิดประตูปฏิเสธแขก นอกจากญาติของบุตรสาวที่จะแต่งงานออกเรือนแล้ว คนอื่นก็ไม่ต้อนรับอย่างไม่มีข้อยกเว้น กฎระเบียบเข้มงวดยิ่งกว่าเมื่อก่อน
แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่ของขวัญประจำปีที่ส่งมายังจวนจงอู่โหวก็ทยอยมาไม่ขาดสาย อีกทั้งยังเยอะขึ้นกว่าปีก่อนๆ ไม่น้อย ของขวัญเหล่านี้ฮูหยินสวี่กลับไม่ได้ปฏิเสธ ปีใหม่ก็ส่งของขวัญอวยพรตามปกติก็เท่านั้นเอง ด้วยเหตุนี้จึงต้องส่งของขวัญกลับไปให้มากตามความเหมาะสม ไม่อาจทำให้คนติฉินนินทา
ฮูหยินสวี่มีความสุข เดินไปไหนก็อารมณ์ดี ซีเหลียงคว้าชัยชนะยิ่งใหญ่ พ่อสามีและลูกชายล้วนปลอดภัยไร้กังวล ส่วนอนาคตของลูกชายก็มีแล้ว ด้วยเหตุนี้นางจึงใจป้ำ เพิ่มเงินเดือนสองเดือนให้คนใช้ทั้งหมดในจวน ตัดเสื้อผ้าให้เจ้านายทุกคนคนละสี่ชุด เพราะว่าในใจคาดเดาได้รางๆ ส่วนของเสิ่นเวยกับเรือนเฟิงหวาจึงได้เยอะมากเป็นพิเศษ
เรื่องนี้คนอื่นก็ไม่ได้ว่าอะไร อย่างไรเสียในจวนบุตรสาวภรรยาหลวงที่ยังไม่ได้ออกเรือนก็เหลือเสิ่นเวยเพียงคนเดียว
คนทุกระดับชั้นในเรือนเฟิงหวาก็ดีใจเป็นอย่างมาก ซีเหลียงคว้าชัยชนะยิ่งใหญ่ เช่นนั้นก็หมายความว่าคุณหนูใกล้จะกลับมาแล้ว วัดต้าเจวี๋ยเงียบเหงาเช่นนั้น ทั้งยังกินได้เพียงอาหารมังสวิรัติ ไม่รู้เหมือนกันว่าคุณหนูจะผอมขนาดไหนแล้ว
คนทั้งหมดเฝ้ารอคอยอยู่เต็มอก ทำความสะอาดเรือนข้างนอกข้างในภายใต้คำสั่งของเหอฮวาเถาจือ แปะภาพสิริมงคลและกระดาษที่ตัดเป็นรูปต่างๆ
เสิ่นเจวี๋ยที่เป็นเหมือนใต้เท้าน้อยก็หุบยิ้มบนใบหน้าไม่ได้ เหมือนเด็กๆ ดีจริงๆ ท่านพี่จะกลับมาแล้ว ท่านพี่จะกลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว
หลีฮวากับพี่สะใภ้เซียงเหมยและคนอื่นๆ ที่วัดต้าเจวี๋ยแสนไกลได้รับข่าวแล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ บนใบหน้าเผยรอยยิ้มที่ผ่อนคลาย หลายเดือนมานี้ทั้งสองกังวลหวาดกลัว ทั้งเป็นห่วงความปลอดภัยของคุณหนู ทั้งกลัวว่าจะมีพิรุธถูกคนอื่นพบเห็นว่าคุณหนูไม่อยู่ ความกดดันในใจมากอย่างยิ่ง ฤดูหนาวที่เดิมควรจะอ้วนขึ้น แต่ทั้งสองคนกลับผอมลงไปมาก
จักรพรรดิยงเซวียนปรึกษาเหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ถึงปัญหาที่ว่าจะส่งใครไปเจรจาสงบศึก ปรึกษาไปปรึกษามาก็ตัดสินใจเลือกคนไม่ได้ ท้ายที่สุดจักรพรรดิยงเซวียนก็โบกพระหัตถ์บัญชา ไม่ส่งทูตเจรจา และไม่ต้องคุมตัวประมุขซีเหลียงเข้าเมืองหลวง เรื่องของซีเจียงก็จัดการที่ซีเจียง เรื่องเจรจาสงบศึกก็ให้เสิ่นผิงยวนและสวีโย่วเป็นคนตัดสินใจ อย่างไรเสียสองคนนี้ก็เข้าใจสถานการณ์ของซีเจียงดีที่สุดแล้ว
สำหรับข้อตกลงของจักรพรรดิยงเซวียน ก็ได้ส่งหย่งติ้งโหวไปประกาศพระราชโองการที่ซีเจียง
เนื่องจากเป็นฤดูหนาว อากาศหนาวพื้นเย็น เดินทางค่อนข้างลำบาก หย่งติ้งโหวเดินทางครึ่งเดือนเต็มไป กว่าจะไปถึงเมืองชายแดนซีเจียง