“ท่านอ๋อง จิ้นอ๋องมาอีกแล้วเจ้าคะ” หลีฮวาเข้ามารายงาน นางแต่งกายอย่างหญิงแต่งงานแล้ว เมื่อสี่ปีก่อนนางแต่งงานกับเจียงเฮย ส่วนเจียงไป๋แต่งงานกับเถาจือ แต่พวกนางยังไม่ย้ายออกไป ยังคงอยู่คอยรับใช้ข้างกายเสิ่นเวย
สวีโย่วได้ยินดังนั้นก็ตีหน้าเคร่ง “ใครกล้าปล่อยให้เขาเข้ามา” น้ำเสียงแสดงออกอย่างเห็นได้ชัดว่าไม่อยากเห็นหน้า นับตั้งแต่ตอนที่เสด็จแม่ของเขาเสียชีวิต เขาก็ไม่อยากจะพบหน้าพ่อคนนั้น แม้ฝ่าบาทจะเกลี้ยกล่อมอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ เฮอะ แค่คำว่าเสียใจแค่คำเดียวจะสามารถกำจัดความเจ็บปวดทั้งหมดออกไปได้หรืออย่างไร ขอโทษเถอะ ตอนนี้เขาเลยวัยที่จะต้องการพ่อแล้ว
“มาแล้วก็นำไปที่เรือนนอก ยกชามาให้ดื่มด้วย” สวีโย่วเอ่ยอย่างรำคาญใจที่สุด
หลีฮวากลับแสดงสีหน้าลำบากใจ “ท่านอ๋อง จิ้นอ๋องต้องการพบนายหญิงน้อยเจ้าค่ะ”
“อย่าหวังเลย” สวีโย่วกล่าวอย่างเย็นชา อยากพบหน้าลูกสาวของเขา มีสิทธิ์อะไร ที่ให้เขาเข้ามาดื่มชาถึงในจวนก็ถือว่าไว้หน้าพอแล้ว ยังอยากที่จะพบลูกสาวเขาอีกหรือ เฮอะ พูดจาน่าขันอะไรเช่นนี้
เสิ่นเวยเห็นสวีโย่วไม่ชอบใจ รีบกุมมือเขาเพื่อปลอบใจ “เอาเถิด ท่านบอกว่าให้แล้วกันไปมิใช่หรือ จะโกรธอยู่อีกทำไม” ในเวลาเดียวกันก็ส่งสายตาให้หลีฮวา เพื่อให้นางถอยออกไป
เยว่เป่าและนั่วเป่าที่กำลังนั่งเล่นอยู่กับพื้นส่งสายตาหากัน
“เจ้าไม่ใช่คิดจะทรยศใช่ไหม อย่าได้คิดว่าตาเฒ่านั่นน่าสงสาร หรือเพราะเป็นท่านปู่เชียว ข้าจะบอกให้ เมื่อก่อนเขาไม่ได้ทำดีต่อท่านพ่อของพวกเรา หากเจ้าลอบไปพบเขา ท่านพ่อจะต้องตีเจ้าจนก้นลายแน่” พี่สาวเย่วเป่าจ้องน้องชาย
น้องชายนั่วเป่าขมวดคิ้ว ทว่ากลับกังวลใจที่พี่สาวพูดจาหยาบคาย เป็นสาวเป็นนาง เหตุใดถึงพูดคำว่าก้นได้ พี่สาวของเขาจะแต่งงานออกอีกหรือ
“เงิน!” นั่วเป่ามองเหยียดพี่สาว “ท่านแม่สอนไว้ ‘เสียอะไรอย่าได้เสียเงิน’” ครั้งที่แล้วชายชราคนนั้นมอบป้ายหยกให้หนึ่งชิ้นที่นอกจวน มีค่าน่าจะหลายพันตำลึง
เย่วเป่าตีน้องชายไปหนึ่งที “เจ้าเด็กบ้องตื้น ยังเป็นผู้ชายอยู่ไหม หุบปากไปเลยนะเจ้า อยากให้ท่านพ่อได้ยินหรืออย่างไร ห่ะ!” นางพูดไปพลางเหลือบตามองไปทางพ่อของนาง
“ท่านพ่อเชื่อฟังท่านแม่” นั่วเป่าไม่สนใจคำขู่ของพี่สาวแม้แต่น้อย ท่านแม่บอกว่าจะต้องเรียนรู้ทุกอย่างในชีวิต ยุงตัวเล็กแต่ก็มีเนื้อ รวมหลายตัวก็ได้หลายตัว หากเป็นพี่สาวที่ใช้เงินไม่รู้หน้ารู้หลัง คงจะใช้เงินของตระกูลเสียจนหมดแน่
ใช้หมดก็คือใช้หมดไป แต่ท่านพ่อของเขาบอกว่าเขาเป็นบุตรชายเอกของจวนอ๋อง พี่สาวของเขารวมไปถึงพี่น้องที่ตามมาทีหลังนั้นเขาต้องรับผิดชอบ
ถ้าอย่างนั้นจะใช้ชีวิตอยู่อย่างไร ในเมื่อพี่สาวของเขาเป็นเช่นนี้ เงินที่ได้แต่ละเดือนนั้นพี่สาวเขาใช้หมดภายในสามวันเท่านั้น พี่สาวของเขาสามารถล้มตระกูลได้เช่นนี้ เขาจะไม่คิดวิธีเก็บเงินเอาไว้ได้หรือ
หรี่ตามองไปทางท้องที่นูนป่องของท่านแม่ นั่วเป่าก็รู้สึกกลัดกลุ้ม เพียงพี่สาวของเขาคนเดียวเขาก็หนักใจแล้ว หากท่านแม่คลอดออกมาเพิ่มอีกจะทำอย่างไร เขาไม่เหนื่อยตายหรือ แต่อย่างไรเสียก็ไม่อาจห้ามไม่ให้ท่านแม่คลอดลูก เพราะเขาเคยบอกกับท่านพ่อเขาเช่นนี้ ท่านพ่อของเขากลับขังเขาให้คัดตัวอักษรในห้องตั้งครึ่งเดือน คัดจนมือน้อยๆ ของเขาเกือบจะเสีย สุดท้ายเพราะท่านแม่ขอร้องเขาจึงได้ออกมาจากห้อง
นั่วเป่าแสดงสีหน้าเย็นชาเหมือนพ่อของเขาไม่มีผิด น่าสนุกนักหรืออย่างไร!
ไม่ได้ เงินที่อุตส่าห์มาถึงหน้าประตูนั้นจะละเลยไม่ได้ ไม่อาจพลาดจากโอกาสนี้ได้เลย ตาเฒ่าคนนั้นเหมือนจะชอบเขามาก ไปรับเงินแล้วกลับมาได้หรือไม่
ดวงตาเล็กของนั่วเป่าฉายแววตั้งใจ พูดเสี้ยมพี่สาวของเขาว่า “ได้ยินมาว่าขนมโก๋ใสใส่ดอกไม้ที่ถนนตงต้าเจียออกสินค้าใหม่แล้ว”
ทำไมต้องยุยงพี่สาวของเขาน่ะหรือ ก็เป็นเพราะท่านพ่อของเขารักพี่สาวมากที่สุดมิใช่หรือ บ้านอื่นเขารักลูกชาย แต่บ้านเขากลับตรงกันข้าม ท่านพ่อของเขารักท่านแม่มากที่สุด จากนั้นก็พี่สาวของเขา แม้พี่สาวทำผิดใหญ่โตแค่ไหนท่านพ่อของเขาก็ไม่แตะนางแม้แต่ปลายเล็บ
ส่วนเขาเล่า เกิดมาก็เหนื่อยแล้ว ทำให้เขาสงสัยว่าเขาเป็นลูกของท่านพ่อท่านแม่จริงๆ หรือเปล่า เหตุใดถึงแตกต่างกันมากขนาดนี้
เฮ้อ ไม่อยากคิดแล้ว อยากจะร้องไห้เป็นสายเลือด!
เยว่เป่าสนใจขึ้นมา “พวกเราไปหยิบเงินแล้วกลับกันไหม ค่อยๆ แอบไป อย่าให้ท่านพ่อท่านแม่รู้” เหลือบมองไปทางน้องชาย สายตาฉายแววกระจ่างทันที
เฮอะ เจ้าเด็กน้อย อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ พี่สาวอย่างข้านั้นฉลาด ท่านแม่พูดไว้ ลูกสาวต้องคมในฝัก อย่างนั้นจะทำตัวฉลาดไปทำไม ใต้ร่มไม้ซีถึงจะร่มเย็น ให้ผู้ชายออกหน้าไปเถิด
“เจ้าตัวเล็กทั้งสอง!” สวีโย่วว่าเสียงดัง เขาเป็นคนอย่างไรจะไม่ได้ยินเสียงเจ้าหมาน้อยทั้งสองกระซิบกระซาบได้อย่างไร
เสิ่นเวยลูบท้องด้วยท่าทีรื่นเริง ในใจรู้สึกสมใจยิ่งนัก! เมื่อเห็นลูกสาวลูกชายของนางวางแผนการ ยังเล็กแค่นี้แต่รู้จักที่จะหาเงินเข้าบ้านเช่นนี้ การสั่งสอนประสบความสำเร็จนัก!
“เจ้าก็เบาๆ หน่อยได้ไหม แปดเดือนแล้วนะ” ดวงตาของสวีโย่วฉายแววกังวลใจ “ลมมาแล้ว เข้าห้องกันเถิด” เขาค่อยๆ ประคองเสิ่นเวย จากนั้นก็ออกคำสั่งกับเจียงไป๋ “เจ้าคอยดูพวกเขาไว้”
เสิ่นเวยกรอกตาอย่างเบื่อหน่าย “เจ้ายังกลัวพวกเขาถูกลักพาตัวอีกหรือ” ลูกชายของนางมีความคิดรับผิดชอบตั้งแต่ยังเล็ก ส่วนลูกสาวของนางนั้นเป็นคนฉลาดเฉลียว ทว่ากลับทำตัวเหมือนแม่เสือห่มหนังแกะ ทำให้ลูกชายของนางเอาแต่คิดว่าพี่สาวของเขาโง่เขลาเหลือเกิน ทำให้ต้องวิตกกังวล แต่ไม่รู้เอาเสียเลยว่าเขานั่นเองที่เป็นตัวช่วยเหลือให้เก็บเงินได้
ฮี่ฮี่ ยิ่งคิดก็ยิ่งสนุก!
สีหน้าของจิ้นอ๋องที่นั่งอยู่ในห้องยิ่งดูแย่ลงเรื่อยๆ นึกอยากจะโมโหแต่ก็ต้องกลั้นเอาไว้ ไม่ง่ายเลยที่เขาจะเข้ามาในจวนผิงอ๋องได้ หากไปยั่วโมโหลูกชายคนโตของเขาเข้า เขาก็คงจะโดนไล่ออกไปแน่
ไม่ผิด เจ้าลูกอกตัญญูนั่นต้องทำแน่ เมื่อคิดว่าลูกตัวเองนั้นอกตัญญู จิ้นอ๋องก็รู้สึกไม่พอใจอยู่ลึกๆ แต่เมื่อคิดถึงหลานสาวหลานชายทั้งคู่ที่แสนฉลาดเฉลียว เขาก็พยายามอดทนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เจ้าลูกอกตัญญูคนนั้น ทั้งๆ ที่เป็นหลานสาวหลานชายของเขาแท้ๆ แต่กลับกีดกันไม่ให้เขาพบ! น่าโมโหนัก!
จิ้นอ๋องถอนหายใจยาว ดวงตาเต็มไปด้วยความสำนึกผิด!
ใช่แล้ว เขาสำนึกตั้งนานแล้ว สำนึกเสียใจซึมลึกเข้าไปถึงกระดูก เมื่อย้อนกลับไป เขาเองก็แปลกใจว่าทำไมต้องหลงใหลในตัวหญิงสาวที่มีจิตใจเต็มไปด้วยแผนร้ายจนทำลายอนาคตตัวเองและครอบครัวตัวเอง โดยเฉพาะเมื่อเห็นซ่งซื่อที่โดนขังอยู่ในเรือนพักที่มีโฉมหน้าร้ายกาจเหมือนนางมารร้าย เขาเคยชอบสตรีเช่นนั้นจริงๆ หรือ เพื่อนางแล้ว เขาโกรธเกรี้ยวใส่ภรรยาจนตาย ทอดทิ้งลูกชายคนโต เมื่อคิดดูแล้ว ช่างเหมือนกับตกลงสู่ฝันร้ายตื่นหนึ่ง!
ตอนนี้เขารู้สึกผิดจริงๆ บรรยากาศในจวนจิ้นอ๋องที่กว้างใหญ่แสนเหน็บหนาว ลูกชายกล่าวโทษเขา ลูกชายคนรองและลูกชายคนที่สามก็ไม่ยกโทษให้เขา ลูกชายคนที่สี่ก็เอาแต่เที่ยวเล่นไปวันๆ ลูกอนุเพียงคนเดียวก็วางแผนที่จะรับราชการข้างนอกแล้ว
จวนจิ้นอ๋องที่กว้างใหญ่สงบนิ่ง แม้แต่เสียงหัวเราะของเด็กๆ ก็ไม่มี เขารู้สึกว่าทุกวันนี้เขาอาศัยอยู่ในหลุมศพที่กดทับเสียจนหายใจแทบไม่ออก
ลูกชายรอง ลูกชายสามและลูกชายสี่ล้วนไม่มีทายาท เขาไม่อาจอุ้มหลานได้ ในจวนของเขาเหลือเพียงหลานสาวหลานชายคู่นี้ แต่ตอนนี้พวกเขาก็โตแล้ว ไม่รู้ว่าจะถูกเลี้ยงดูอย่างไรและไม่ได้สนิทชิดเชื้ออะไรกับเขาเลยแม้แต่น้อย
ตอนที่เขารู้ว่าสะใภ้ใหญ่คลอดลูกชายออกมา แต่ก็ตื่นเต้นเสียจนนอนไม่หลับทั้งคืน เตรียมของขวัญล้ำค่าเอาไว้เต็มคันรถ แต่เจ้าลูกอกตัญญูผู้นั้นกลับไม่ยอมให้เขาเข้าไปดูหลานในจวน
เขานอนคิดอยู่ทั้งคืน นอนไม่หลับทั้งคืน เอาแต่เดินเต่เข้ามาใกล้กับจวนผิงอ๋องทั้งๆ ที่ไม่มีธุระ สุดท้ายก็ได้พบกับหลานชายหญิงทั้งคู่เมื่อปีก่อน เด็กทั้งสองหน้าตาดีนัก ทั้งฉลาดทั้งคล่องแคล่ว เขาตื่นเต้นเสียจนมือสั่น
ทว่าหลานชายหลานสาวของเขากลับจ้องมองเขาตาใส “ท่านผู้เฒ่า ท่านเป็นใครกัน”
ในวินาทีนั้น ดวงใจของเขาก็เจ็บปวดเหมือนถูกเข็มทิ่มแทงไม่มีผิด ความเศร้าเสียใจวนเวียนอยู่ในหัวใจของเขาราวกับงูพิษ นี่คือหลานสาวหลานชายแท้ๆ ของเขาแต่กลับถามว่าเขาเป็นใครอย่างคนแปลกหน้า!
นับแต่นั้นมาเขาก็มาถึงจวนผิงอ๋องทุกวัน แม้ว่าจะมีโอกาสได้พบหน้าหลานสาวหลานชายเพียงหนึ่งในสิบ แม้ว่าเจ้าลูกอกตัญญูจะไม่ยอมพบหน้า เขาก็ยังมาอยู่ทุกๆ วัน!
ชีวิตที่เหลืออยู่ของเขาก็คงจะต้องทำเช่นนี้!