ยอดหญิงอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 143-2 ยอมจำนน

เหมือนดั่งปีศาจตนนั้นในฝันวันวาน ไม่ เหมือนจริงกว่าคนในฝันอีก ดวงตาชุ่มฉ่ำของนางมองดูเขา ขณะที่ริมฝีปากสีแดงอ้าออกและหุบปิดลงนั้น ก็พ่นลมหอมหวนดั่งดอกไม้ออกมาด้วย แก้มอมชมพูนั้นก็แดงจนเลือดแทบหยด เขายอมจำนนเป็นเบี้ยล่างใต้บัญชาของนางอย่างสิ้นเชิง ทนรับการเย้าหยอกและการควบคุมของนาง ในที่สุดหลังจากส่งเสียงเหนื่อยหอบอันหนักหน่วงออกมา ความทุกข์ทรมานของหลายวันก่อนหน้านั้น สุดท้ายก็ได้ปลดปล่อยออกมาในฝ่ามือของนาง…

 

 

นี่เป็นของขวัญที่ดีที่สุดที่นางมอบให้ตน

 

 

เวลาพระกระยาหารเย็น ทั้งสองก็เดินออกห้องไปทีละคน

 

 

ก่อนหน้านั้น บ่าวรับใช้ในจวนอ๋องเห็นองค์ชายสามของตนเดินออกมาพร้อมกันกับพระชายาของเขาทุกครั้ง วันนี้ประหลาดนัก พระชายามาห้องโถงก่อน ส่วนองค์ชายสามร่ำไรอยู่นานกว่าจะตามมา ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้อาบน้ำ แต่กลับเปลี่ยนเป็นชุดยาวสีเงินตัวใหม่

 

 

ขณะที่เสวยพระกระยาหารอยู่นั้น พระชายาก็ดูท่าทีสงบนิ่งเหมือนปกติทุกที องค์ชายสามกลับไม่พูดไม่จา สันจมูกแดงก่ำ แต่ดูท่าทางอิ่มเอมกว่าหลายวันที่ผ่านมามาก เพียงแค่แอบดูพระหัตถ์อันงดงามของพระชายาที่จับตะเกียบหยกคีบอาหารอยู่ในบางครั้ง ความแดงบนจมูกก็เพิ่มขึ้นไม่น้อย

 

 

ผลก็คือ องค์ชายสามที่ปกติแล้วเสวยไม่มากนักอีกยังเคี้ยวละเอียดเสวยช้าจนเป็นนิสัย พระกระยาหารเย็นกลับเสวยข้าวสองชามใหญ่และน้ำแกงอีกถ้วยใหญ่

 

 

วันรุ่งขึ้นตะวันค่อยๆ ฉายแสง คนทั้งเรือนต่างก็ตื่นกันแต่เช้า พ่อบ้านเกานำบ่าวรับใช้ในจวนอ๋องสวมชุดทางการ เปิดประตูจวนอ๋องเอาไว้ แล้วยืนเรียงตามขั้นบันได เพื่อเป็นการส่งนาย

 

 

ตะวันลอยสูงขึ้น แสงแดดยามเช้าค่อยๆ สว่างขึ้น ทุกคนเห็นฉินอ๋องสวมใส่ชุดขุนนางที่ฮ่องเต้พระราชทานให้เดินออกประตูมา ยืนอยู่บนขั้นบันได ท่าทีสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ท่าทางผึ่งผายสง่างาม เรียกโดยรวมว่าตำแหน่งขุนนางฝ่ายบู๊ ชุดขุนนางสีน้ำเงินเทา แขนเสื้อรัดแคบ ขอบถักด้ายทองเป็นลายคลื่น หน้าอกปักลายงูห้ากรงเล็บเก้าตัว เข็มขัดรัดเอวอันผอมโปร่ง ด้านข้างแขวนถุงมัจฉาสีม่วงทองบอกตำแหน่งฐานะ รองเท้าขี่ม้ายาวถึงเข่า รับกับขาเรียวยาวสะโอดสะอง

 

 

เหล่าทหารในค่ายทหารเมื่อถึงเวลารุ่งอรุณก็ทยอยกันออกจากค่าย ทหารห้าร้อยนายถึงนอกประตูเมืองก่อนแล้ว อีกสามร้อยนายที่เหลือถึงเมืองทางตอนเหนือแล้ว เข้าแถวเรียงทัพมาอยู่หน้าจวน รับเสด็จฉินอ๋อง

 

 

พลทหารด้านหน้าถือธงนำทัพ นั่งอยู่บนอานม้า รอฉินอ๋องออกประตูมาท่ามกลางหมอกยามเช้า เมื่อเห็นว่าเสด็จมาแล้ว ทหารที่นำทัพกระโดดลงจากอานม้าอย่างรวดเร็ว คารวะทักทาย “ฉินอ๋อง!”

 

 

ซือเหยาอันให้อาหารม้าในคอกแต่เช้า ขณะนี้จูงม้าสีแดงเข้มจากเมืองทางตะวันตกเดินมา สองมือยื่นบังเ**ยนให้

 

 

ฉินอ๋องลูบขนอันดกปุยของม้าตัวโปรด เหยียบแล้วดึงเชือก พลิกตัวขึ้นไปบนม้า น้ำเสียงหนักแน่นแต่ก็ให้กำลังใจ “ลำบากทุกท่านแล้ว”

 

 

ชายหนุ่มบนขั้นบันไดนั้นนัยน์ตาดำลึก เฉิดฉายด้วยอำนาจที่ทำให้คนเกรงกลัว เมื่อนายทหารชั้นสูงยื่นสัตว์มงคลที่เตรียมไว้ก่อนออกเดินทางให้ เขาชักดาบออกจากปลอกอยู่บนหลังม้า แล้วฟันลงไปหั่นหัวสัตว์มงคลนั้นในครั้งเดียว!

 

 

เลือดกระเซ็นไหลดั่งนางฟ้าโปรยดอกไม้ต่อหน้าผู้คน!

 

 

ขลุกขลัก…หัวสัตว์มงคลหล่นกลิ้งไปใต้กีบเท้าม้า

 

 

บ่าวรับใช้ในจวนอ๋องก้มตัวลงเก็บขึ้น จัดวางไว้บนถาดที่ปูด้วยผ้าไหมสีแดง แล้วชูขึ้นสูงเหนือหัว อวดสายตาผู้คนในขบวนทัพ

 

 

เหล่าทหารต่างก็เป็นชายฉกรรจ์บ้าเลือดในค่ายทหาร เห็นเลือดและการสังหาร ก็ฮึกเหิมยิ่งนัก มือถืออาวุธโห่ร้องกันออกมา ท่ามกลางความเงียบเหงาของเมืองทางเหนือนั้นเสียงโห่ร้องนี้ดังกึกก้องเป็นพิเศษ ทหารนายหนึ่งที่ยืนอยู่ใกล้ฉินอ๋องที่สุดนั้นเสียงดังดั่งฟ้าผ่า ผนวกกับความเงาสว่างตาของอาวุธที่ชูขึ้นมา เหมือนว่าจะทำเอาม้าของฉินอ๋องตกใจเข้าเสียแล้ว

 

 

ม้าตัวนั้นส่งเสียงร้อง กำลังจะก้าวเท้า ซย่าโหวซื่อถิงก็ดึงบังเ**ยน รัดคอม้าตัวนั้นเอาไว้ ม้าร้องโอดครวญ พยายามจะยกเท้าหน้าขึ้น เขากดลำตัวลง หมุนตัว หนีบท้องม้าแน่นทำให้เชื่องดังเดิม กริยาท่าทางไหลลื่นดั่งสายน้ำไหล ติดต่อกันดั่งรุ้งยาว ไม่มีความตื่นตระหนกใด สีหน้าก็ไม่เปลี่ยนแปลงไป

 

 

เสียงโห่ร้องของเหล่าทหารหยุดลงกระทันหัน ไม่รู้ว่าเพราะตึงเครียดที่ก่อนออกเดินทางทำม้าตกใจไม่เป็นมงคลนัก เกรงว่าท่านอ๋องจะต่อว่า หรือว่ายอมสยบที่ท่านอ๋องพบเรื่องให้ตกใจแต่ยังไม่เสียขวัญ

 

 

“เจ้านี่ ทำตัวบุ่มบ่าม!” นายทหารชั้นสูงอายุมากนายหนึ่งเดินไปไกล่เกลี่ย ยกมือขึ้นตบทหารผู้นั้น

 

 

ทหารผู้นั้นยี่ฟันลูบหัว แต่ก็ถือว่าฉลาดนัก รีบคุกเข่าก้มตัวบนพื้นหิน พูดเสียงเจื้อยแจ้ว “ฉินอ๋องทรงพระปรีชา! ฉินอ๋องทรงพระปรีชา!”

 

 

เหล่าทหารได้สติ ก็แหกปากตะโกนขึ้นมาเช่นกัน ทำให้อุบัติเหตุเล็กน้อยเมื่อครู่สลายหายไป!

 

 

ทหารเหล่านี้แม้จะให้ขึ้นกับฉินอ๋อง แต่กลับถูกเลี้ยงไว้ในค่ายทหารมาตลอด ไปมาหาสู่กับนายผู้นี้น้อยมาก ก่อนที่จะติดตามเดินทางในครั้งนี้ จริงๆ แล้วพวกเขายังคงมีข้อกังขาอยู่บ้าง เกี่ยวกับพระพลานามัยของฉินอ๋อง และประสบการณ์ที่ไม่ค่อยคบหากับข้าราชสำนัก และมักจะอยู่ว่างในเรือนเป็นเวลานาน พวกเขาก็คิดไปว่า ไม่รู้ว่านายผู้นี้เป็นคนอ่อนแอหรือเอาใจยากหรือไม่

 

 

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า เป็นชายชาตรี ใจกว้างกระดูกเหล็ก ไม่แพ้พวกทหารที่เคยต่อสู้บนสนามรบ

 

 

ท่ามกลางเสียงดังดั่งคลื่นทะเลถาโถม ชายหนุ่มบนอานม้านั้นสีหน้าไม่เปลี่ยนเลยสักนิด เพียงแต่ขยับตาและหน้าเล็กน้อย หนีบท้องม้าแน่น เดินฝ่าขบวนตรวจตราดูความเรียบร้อย ดื่มด่ำกับเสียงชื่นชมของผู้คนอย่างสบายใจ

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นนำหญิงในจวนอ๋องมายืนหลังรั้วแดง จ้องมองคนบนอานม้านั้น เขาในวันนี้เป็นคนของแผ่นดิน เยือกเย็นหลักแหลม ไม่มีใครคิดว่า เมื่อคืนหลังม่านเตียงนั้นยังโอบกอดตนเสพสุขลุ่มหลงมิเลิกรา ตอนเสวยกระยาหารยังเขินอายหน้าแดงไม่กล้ามองตน

 

 

นี่คือก้าวสำคัญที่เขาได้ก้าวออกไป หากเขตฉางชวนเป็นที่แห่งความสุขของเขา…อวิ๋นหว่านชิ่นอดไม่ได้ที่จะหันไปมองจวนอ๋องหลังใหญ่ด้านหลัง ที่นี่ ก็คือที่อยู่อาศัยของเขา

 

 

ถึงแม้ในชาตินี้ประวัติศาสตร์จะไม่เหมือนชาติที่แล้ว เขาสูญเสียอำนาจการปกครองแผ่นดินไป แต่มาดท่าทางของเขาในวันนี้ ก็เป็นกษัตริย์ในใจนางได้เช่นกัน

 

 

ไม่ว่าอย่างไร แม้เขาจะมีใบหน้าพันหน้า เมื่อกลับมาข้างกายนาง ก็ยังคงเป็นพระสวามีของนางอยู่เสมอ

 

 

ในขณะเดียวกัน ตรวจนับขบวนทัพเสร็จสิ้น ตามติดมาด้วยเสียง “ฉินอ๋องออกเดินทาง” บ่าวรับใช้จวนอ๋องก็ก้มคำนับอวยพรให้เดินทางไร้อุปสรรคอย่างพร้อมเพรียงอีกครั้งหนึ่งภายใต้การนำของพ่อบ้านเกา ขบวนทัพทยอยกันเดินทางไปข้างหน้า

 

 

ซย่าโหวซื่อถิงถูกห้อมล้อมไว้ตรงกลาง มีซือเหยาอันและราชองครักษ์ติดตาม เขาหันหน้าไปเล็กน้อย มองเข้าไปในประตู แล้วจึงออกเดินทาง

 

 

ในชั่วขณะที่เขาหันกลับมามองนั้น อวิ๋นหว่านชิ่นนึกว่าเขาจะยิ้มให้นาง เพราะตนก็เตรียมรอยยิ้มที่บ่งบอกว่า ‘เดินทางโดยไม่ต้องห่วงกังวล ราบรื่นตลอดทาง’ ให้กับเขาเช่นกัน แต่เขากลับสีหน้าไร้อารมณ์ ยิ่งไปกว่านั้น คิ้วยังกดต่ำเล็กน้อยอีกด้วย

 

 

ที่จริง นางก็ยิ้มไม่ออกเช่นกัน

 

 

หลังจากที่ฉินอ๋องจากเรือนที่อยู่อาศัยแล้ว จวนอ๋องก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง อีกเก้าวันก็จะถึงวันกลับเรือนฝ่ายหญิงหลังแต่งงานแล้ว อีกยังชนกับวันที่ฉินอ๋องรับตำแหน่ง ธุระสองเรื่องชนกัน แน่นอนว่าจะต้องตระเตรียมธุระเรื่องฉินอ๋องรับตำแหน่งเป็นหลักเสียก่อน เมื่อฉินอ๋องไปแล้ว อวิ๋นหว่านชิ่นก็ต้องเริ่มจัดการธุระเรื่องกลับเรือนฝ่ายหญิงในวันนั้น เตรียมของกำนัลกลับเรือน เตรียมรถเกี้ยวและบ่าวรับใช้ ตามรายการของสำนักพระราชวัง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset